หัวข้อ: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: gundam ที่ 07 ธันวาคม 2012 15:54:43 คือว่า ผมไม่มีความรู้เรื่องรถเลยครับ แบบว่าขับเป็นอย่างเดียว
ก็เลยอยากได้ความรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบของรถอ่ะครับ ไ่ม่ทราบว่า มีท่านผู้ใดจะให้ความรู้ได้บ้าง หรือผมจะหาข้อมูลได้จากทีไหน ( ขอแบบละเอียดนะครับ) ความรู้ขอแบบตั้งแต่พื้นฐานเลยนะครับ ที่เอาไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน 1.ส่วนประกอบต่างๆ ของรถ 2.ส่วนประกอบต่างๆ มีหน้าที่ทำอะไรบ้าง 3.วิธีตรวจเช็ค สภาพของส่วนประกอบ อุปกรณ์ต่างๆ ของรถ ด้วยตนเอง ขอบคุณล่วงหน้าครับ หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: Aj.Moo ที่ 07 ธันวาคม 2012 16:05:36 ข้อมูลตัวอย่าง
การตรวจเช็ครถเบื้องต้น ด้วยตัวเอง « เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2011, 09:42:03 AM » -------------------------------------------------------------------------------- การบำรุงรักษารถด้วยตนเองที่นำเสนอนี้ เป็นแนวทางทั่วๆไป อย่างไรก็ตามถ้าสิ่งที่นำเสนอนี้ต่างไปจากหนังสือคู่มือรถ ก็ขอให้ยึดถือข้อมูลในหนังสือคู่มือเป็นหลัก รายการที่ควรตรวจเช็ค 1. น้ำหล่อเย็น ควรตรวจเช็คระดับน้ำหล่อเย็นให้อยู่ในระดับ Full อยู่เสมอ โดยตรวจเช็คในขณะที่ดับเครื่อง และเครื่องเย็น ถ้าระดับน้ำลดลงเป็นปริมาณมากก็อาจจะมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นได้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาหาสาเหตุ หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คสาเหตุ (อย่าลืมเติมน้ำก่อนนำรถไป) 2. ระดับน้ำมันเครื่อง การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง อุ่นเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงานแล้วดับเครื่องเช็คระดับน้ำมันเครื่องโดยใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องเพื่อให้การตรวจเช็คถูกต้อง รถควรอยู่ในแนวระดับเครื่องยังร้อน และทำการวัดหลังจากดับเครื่อง 2-3นาทีเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงด้านล่างก่อน ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออก เช็คน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัดด้วยผ้า เสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องคืนกลับจุดเดิม ดึงก้านวัดออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับน้ำมัน เครื่องอยู่ระหว่าง " F " กับ " L " แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ ข้อควรระวัง - หลีกเลี่ยงการเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ - ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องที่ก้านวัดอีกครั้งหลังเติมน้ำมันเครื่องลงไป 3. ระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ควรตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ให้อยู่ในตำแหน่ง UPPER/LEVELและไม่ควรเติมเกินกว่าระดับ UPPER/LEVEL เพราะถ้าเติมมากเกินไป น้ำยาอิเลคโทรไลท์ซึ่งเป็นสารละลายกรดซัลฟูริค จะเจือจางทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงนอกจากนี้ น้ำยาอิเลคโทรไลท์อาจจะกระเด็นออกทางรูระบายไอ และไปกัดกร่อนชิ้นส่วนต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ได้ ข้อควรระวัง - ปิดฝาเติมน้ำกลั่นให้แน่น - ขั้วแบตเตอรี่ที่ขั้วบวกและลบขันแน่น - แบตเตอรี่ยึดแน่นกับฐานที่ตั้ง 4. ระดับน้ำมันเบรค ควรตรวจเช็คด้วยสายตา สังเกตดูที่กระปุกน้ำมันเบรคมีคำว่าMAX และ MINระดับน้ำมันเบรคควรอยู่ที่ระดับ MAX อยู่เสมอ สาเหตุที่เป็นไปได ้ที่มีผลทำให้ปริมาณน้ำมันเบรคในกระปุกน้ำมันเบรคลดลงต่ำลงมี 2 ข้อ คือ - มีการรั่วของน้ำมันเบรคออกจากระบบเบรค - การสึกหรอของผ้าเบรค ซึ่งระดับน้ำมันเบรคจะลดลงน้อยและช้ามาก ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันเบรค ถ้าพบว่าระดับน้ำมันเบรคในกระปุกน้ำมันเบรคลดลงต่ำลงรวดเร็ว ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คสาเหตุ 5. ระดับน้ำมันคลัทช์ ควรตรวจเช็คด้วยสายตา สังเกตดูที่กระปุกน้ำมันคลัทช์ จะมีคำว่า MAX กับ MIN ระดับน้ำมันคลัชท์ควรอยู่ที่ระดับ MAX เสมอ ถ้าพบว่าระดับน้ำมันคลัทช์ในกระปุกลดลงต่ำลง ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจเช็คหาสาเหตุ 6. ระดับน้ำมันเกียร์ AUTO ควรตรวจเช็คขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยการดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ AUTO ออกเช็คน้ำมันเกียร์ที่ติดก้านวัดด้วยผ้า แล้วเสียบก้านวัดน้ำมันเกียร์คืนกลับจุดเดิม ดึงก้านวัดออกมา อีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจระดับน้ำมันเกียร์ที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับน้ำมันเกียร์อยู่ที่ขีด F พอดี แสดงว่า ระดับน้ำมันเกียร์ปกติ 7. ตรวจเช็คระดับน้ำมัน POWER ควรตรวจเช็คขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยการหมุนฝาปิดกระปุก น้ำมันPOWER จะติดอยู่กับฝากระปุกน้ำมัน POWER ที่ก้านวัดจะมีคำว่า HOT และ COLD อยู่คนละด้านถ้าวัดตอนที่เครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ให้ดูด้าน COLD ถ้าวัดตอนเครื่องร้อนให้ดูด้าน HOT ถ้าเป็นรุ่นใหม่ให้ดูที่กระปุกน้ำมันPOWERจะเป็นพลาสติกใส ที่กระปุกจะมีคำว่า HOT และ COLD อยู่คนละด้าน และมีขีดระดับ MAX กับ MIN อยู่ด้วยระดับน้ำมัน POWER ควรอยู่ระดับ MAX เสมอ ถ้าดูตอนเครื่องยนต์ เย็นให้ดูด้าน COLD และถ้าดูตอนเครื่องยนต์ร้อนให้ดูด้าน HOT 8. ตรวจเช็คสภาพของสายพาน โดยวิธีการมองดูที่สายพาน ถ้าพบรอยแตกเกิดขึ้นควรทำการเปลี่ยน แต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะใช้รถได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ก็ควรตรวจดูความตึงของสายพานด้วย โดยการใช้นิ้ว กดลงบนสายพานตรงกลางระหว่างมู่เล่สองข้างถ้าสามารถกดลงได้เล็กน้อย ประมาณ 10 มม.ก็น่าจะพอใช้ ได้ (ถ้าไม่แน่ใจควรให้ช่างตรวจสอบเพราะการตรวจด้วยวิธีดังกล่าว ผู้ตรวจต้องมีความชำนาญพอสมควร) 9. ตรวจเช็คสภาพภายในห้องเครื่อง โดยวิธีการมองดูรอบๆภายในห้องเครื่อง ให้สังเกตดูว่า มีอะไร ผิดปกติหรือไม่ เช่น ท่อยางหม้อน้ำมีคราบน้ำซึมหรือไม่ สายไฟภายในห้องเครื่องเรียบร้อยดีหรือไม่ มีหนูขึ้นมากัดหรือไม่ มีคราบน้ำมันเครื่องรั่วซึมหรือไม่ เป็นต้น 10. ตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่าง และไฟสัญญาณต่างๆ เปิดไฟทั้งหมดดูว่าทำงานตามปกติหรือไม่ มีหลอดไหนไม่ติดหรือไม่ ถ้าพบว่ามีไฟหลอดไหนไม่ติดควรเปลี่ยนให้อยู่สภาพพร้อมใช้งาน หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็ค 11. ตรวจเช็คที่ปัดน้ำฝน ยางปัดน้ำฝนเมื่อใช้ไประยะหนึ่ง ก็อาจมีการเสื่อมสภาพซึ่งเนื่องมาจากสาเหตุเหล่านี้ - ผิวสัมผัสส่วนปลายมีการสึกหรอ จากการทำงานปกติของใบปัด - มีสิ่งสกปรก และหินทรายละเอียดอยู่ระหว่างยางใบปัดกับกระจกทำให้ยางปัดน้ำฝนสึกหรอ - เมื่อใบปัดน้ำฝนผ่านการใช้งานนานๆ ยางใบปัดน้ำฝนจะแข็งตัว การยืดหยุ่นจะลดลงและความ บกพร่องในการปัดจะเกิดขึ้น เนื่องจากหน้าสัมผัสระหว่างยางใบปัดกับกระจกไม่ดี รวมทั้งอาจเกิดจากใบปัดน้ำฝนเกิดอาการสั่นเต้น หรืออาการอื่นๆถ้าพบอาการเหล่านี้ควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนใหม่ 12. ตรวจเช็คยาง ควรเช็คแรงดันลมยางอยู่เสมอๆ โดยใช้ความดันลมยางตามที่ผู้ผลิตกำหนด และควรเช็คขณะที่รถยังไม่ได้ใช้งาน( ยางยังไม่ร้อน ) ถ้าลมยางอ่อนผิดปกติควรนำไปตรวจสอบว่า มีตะปูตำหรือไม่ ดูสภาพยางด้วยตาดูที่ผิวยางมีรอยแตกเล็กๆ หรือไม่ ดูการสึกหรอของดอกยาง กล่าวคือ ดอกยางสึกมากไปหรือยัง หรือมีการสึกหรอผิดปกติ เช่น ลึกเฉพาะตรงกลางหน้ายาง (เติมลมมากเกินไป)สึกเฉพาะขอบยางทั้ง 2 ข้าง(ลมยางอ่อนเกินไป) หรือสึกด้านใดด้านหนึ่ง ฯลฯ ซึ่งกรณีเหล่านี้ควรปรึกษา ช่าง เพราะควรจะมีการตรวจเช็คช่วงล่าง และศูนย์ล้อ เอาเล็บมือกดดูที่เนื้อยางว่า นิ่ม หรือ แข็ง ถ้ายาง หมดสภาพ เนื้อยางจะกดไม่ลงจะแข็งมาก การบำรุงรักษารถด้วยตนเองที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ควรทำบ่อยแค่ไหน ? คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับรถของท่านว่า ใหม่หรือเก่า มีสภาพเป็นอย่างไร ถ้าเป็นรถใหม่ๆทำอาทิตย์ละครั้งก็มากพอแล้วแต่ถ้าเป็นรถเก่าสภาพไม่ดีนักก็อาจต้องทำทุกวันคำแนะนำ ข้อควรระวังในการบำรุงรักษารถด้วยตัวของท่านเอง ถ้าท่านทำการบำรุงรักษารถด้วยตัวท่านเอง, ก่อนอื่นต้องแน่ใจว่า ได้ปฏิบัติตามข้อควรระวังที่ให้ไว้ในส่วนนี้อย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ คำแนะนำในส่วนนี้ใช้เฉพาะในการบำรุงรักษารถ เฉพาะส่วนที่บำรุงรักษาง่าย ๆ การทำงานใด ๆเกี่ยวกับรถยนต์ของท่านควรจะใช้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นตามคำแนะนำ หรือคำเตือนดังต่อไปนี้ คำเตือน : - ขณะเครื่องยนต์กำลังทำงาน ระวังอย่าให้มือ , เสื้อผ้า และเครื่องมือต่างๆเข้าใกล้ใบพัด และสายพานขับเครื่องยนต์ ( ควรถอดแหวน , นาฬิกา และเนคไท ออกก่อนทำการตรวจซ่อม ) - หลังจากใช้รถให้ระวังอย่าสัมผัสกับเครื่องยนต์ , หม้อน้ำ และท่อไอเสีย เนื่องจากความร้อนของสิ่งเหล่านี้ - อย่าสูบบุหรี่ ใกล้น้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากไอน้ำมันเชื้อเพลิงจะไวไฟมาก - ให้ระมัดระวังอันตรายจากน้ำกรด และไอน้ำกรดจากแบตเตอรี่ เมื่อทำงานอยู่กับแบตเตอรี่ - อย่าเข้าใต้ท้องรถโดยมีเพียงแม่แรงรองรับเท่านั้น ควรใช้ขาตั้งรองรับเสียก่อน - ใช้อุปกรณ์ป้องกันตาขณะทำงานในที่ที่อาจมีของตก มีการพ่นหรือละอองของเหลวกระเด็นออกมาไม่ว่าจะอยู่บนหรือใต้รถก็ตาม - ควรระมัดระวังเมื่อมีการเติมน้ำมันเบรค เนื่องจากน้ำมันเบรคเป็นอันตรายต่อตาของท่านและทำลายสีรถได้ ถ้าน้ำมันเบรคกระเด็นเข้าตาหรือโดนสีรถให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดโดยทันที ข้อควรระวัง - จำไว้ว่าสายจากแบตเตอรี่และสายไฟจุดระเบิด มีกระแสหรือแรงดันไฟสูงมากจะต้องระมัดระวังอย่าให้เกิดการลัดวงจร - ก่อนปิดกระโปรงหน้า ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไม่ลืมเครื่อมืออุปกรณ์ต่างๆ ไว ้ - ถ้าท่านทำน้ำมันต่างๆ หกรดโดนชิ้นส่วนต่างๆ ให้รีบล้างออกโดยน้ำสะอาดเพื่อป้องกันชิ้นส่วน หรือสีเสียหาย - อย่าเติมน้ำมันเกียร์อัตโนมัติมากเกิน มิฉะนั้นระบบเกียร์อาจเสียหายได้ - อย่าเติมน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์มากเกิน มิฉะนั้นระบบพวงมาลัยเพาเวอร์อาจจะเสียหายได้ ที่นี่สามารถช่วยตอบคำถามทุกอย่างได้ครับ www.google.co.th ครับผม หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: Mart AE100 ™ ที่ 07 ธันวาคม 2012 16:08:58 น้าหมูละเอียดมาก สมกับที่เค้าเรียกอาจารย์ ...
หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: Jub@92GTI ที่ 07 ธันวาคม 2012 16:18:37 หาคู่มือประจำรถ ที่ต้องการถ่ายเก็บไว้ครับ ช่วยได้มากเลย
มีเกือบทุกอย่าง ที่ผู้ใช้รถควรรู้ ครับ ลองขอดูในนี้ก็ได้ เผื่อไกล้ ใครก็ไปยืมถ่ายเก็บไว้ ครับ หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: eagle44z ที่ 07 ธันวาคม 2012 16:42:59 :emo5
หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: keng110 >SZ< ที่ 07 ธันวาคม 2012 19:47:17 คู่มือประจำรถไปโหลดได้ที่หน้าบทความเลยครับ
น้านิวจัดให้ :emo2 หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: THanasak ที่ 07 ธันวาคม 2012 20:08:47 ผมไม่ได้ว่า จขกท.นะ เรื่องพวกนี้ถ้ามีทักษะบ้างคงไม่ยากครับ แต่ถ้าไม่มีเลยผมว่าสิ่งที่เราควรรู้
น่าจะเป็นเรื่องการใช้งานอย่างถูกต้อง การบำรุงรักษาพื้นฐาน การเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะที่เหมาะสม มีความเข้าใจและช่างสังเกตุกรณ๊ที่รถเรามีอาการแปลกจากปกติ บางเรื่องหาความรู้จากในเวป(เรา)ก็พอแก้ไข เบื้องต้นได้ แต่บางอย่างอาจจะต้องยอมเสียเงินให้ช่างบ้างครับ ดูตัวอย่างที่อาจารย์หมูยกมานี่แค่ดูแลเบื้องต้นแค่นั้นนะครับ เรื่องบางเรื่องก็มาจากประสบการณ์ไม่มีในคู่มือหรอกครับ ยกตัวอย่าง คุณที่ไว้ผมยาว ไม่ควรก้มหน้าดูเครื่องยนต์ขณะติดเครื่องหากจะเป็นควรหาหมวกหรือผ้าโพกศีรษะไว้ เพราะหากสายพานดึงผมเราเข้าไป...ไม่รอดครับ หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: EmMeT ที่ 08 ธันวาคม 2012 17:46:36 เห็นมัยครับมีน้าๆๆ มาตอบแล้วต้องถามห้องนี้ครับ ให้ถูกห้องคราบบ ส่วนการดูแล และความรู้ ตามน้าด้านบนเลยจร้า
หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: ATEE90 <® Zone> ที่ 08 ธันวาคม 2012 19:46:22 ซื้อตำราพวกเด็กเรียนช่างยนต์ เลยมั้ยครับ ละเอียดยิบเลย
หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: jeabb_26 ที่ 08 ธันวาคม 2012 20:01:34 ข้อมูลตัวอย่าง :emo2 :emomการตรวจเช็ครถเบื้องต้น ด้วยตัวเอง « เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2011, 09:42:03 AM » -------------------------------------------------------------------------------- การบำรุงรักษารถด้วยตนเองที่นำเสนอนี้ เป็นแนวทางทั่วๆไป อย่างไรก็ตามถ้าสิ่งที่นำเสนอนี้ต่างไปจากหนังสือคู่มือรถ ก็ขอให้ยึดถือข้อมูลในหนังสือคู่มือเป็นหลัก รายการที่ควรตรวจเช็ค 1. น้ำหล่อเย็น ควรตรวจเช็คระดับน้ำหล่อเย็นให้อยู่ในระดับ Full อยู่เสมอ โดยตรวจเช็คในขณะที่ดับเครื่อง และเครื่องเย็น ถ้าระดับน้ำลดลงเป็นปริมาณมากก็อาจจะมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นได้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาหาสาเหตุ หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คสาเหตุ (อย่าลืมเติมน้ำก่อนนำรถไป) 2. ระดับน้ำมันเครื่อง การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง อุ่นเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงานแล้วดับเครื่องเช็คระดับน้ำมันเครื่องโดยใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องเพื่อให้การตรวจเช็คถูกต้อง รถควรอยู่ในแนวระดับเครื่องยังร้อน และทำการวัดหลังจากดับเครื่อง 2-3นาทีเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงด้านล่างก่อน ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออก เช็คน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัดด้วยผ้า เสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องคืนกลับจุดเดิม ดึงก้านวัดออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับน้ำมัน เครื่องอยู่ระหว่าง " F " กับ " L " แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ ข้อควรระวัง - หลีกเลี่ยงการเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ - ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องที่ก้านวัดอีกครั้งหลังเติมน้ำมันเครื่องลงไป 3. ระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ควรตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ให้อยู่ในตำแหน่ง UPPER/LEVELและไม่ควรเติมเกินกว่าระดับ UPPER/LEVEL เพราะถ้าเติมมากเกินไป น้ำยาอิเลคโทรไลท์ซึ่งเป็นสารละลายกรดซัลฟูริค จะเจือจางทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงนอกจากนี้ น้ำยาอิเลคโทรไลท์อาจจะกระเด็นออกทางรูระบายไอ และไปกัดกร่อนชิ้นส่วนต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ได้ ข้อควรระวัง - ปิดฝาเติมน้ำกลั่นให้แน่น - ขั้วแบตเตอรี่ที่ขั้วบวกและลบขันแน่น - แบตเตอรี่ยึดแน่นกับฐานที่ตั้ง 4. ระดับน้ำมันเบรค ควรตรวจเช็คด้วยสายตา สังเกตดูที่กระปุกน้ำมันเบรคมีคำว่าMAX และ MINระดับน้ำมันเบรคควรอยู่ที่ระดับ MAX อยู่เสมอ สาเหตุที่เป็นไปได ้ที่มีผลทำให้ปริมาณน้ำมันเบรคในกระปุกน้ำมันเบรคลดลงต่ำลงมี 2 ข้อ คือ - มีการรั่วของน้ำมันเบรคออกจากระบบเบรค - การสึกหรอของผ้าเบรค ซึ่งระดับน้ำมันเบรคจะลดลงน้อยและช้ามาก ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันเบรค ถ้าพบว่าระดับน้ำมันเบรคในกระปุกน้ำมันเบรคลดลงต่ำลงรวดเร็ว ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คสาเหตุ 5. ระดับน้ำมันคลัทช์ ควรตรวจเช็คด้วยสายตา สังเกตดูที่กระปุกน้ำมันคลัทช์ จะมีคำว่า MAX กับ MIN ระดับน้ำมันคลัชท์ควรอยู่ที่ระดับ MAX เสมอ ถ้าพบว่าระดับน้ำมันคลัทช์ในกระปุกลดลงต่ำลง ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจเช็คหาสาเหตุ 6. ระดับน้ำมันเกียร์ AUTO ควรตรวจเช็คขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยการดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ AUTO ออกเช็คน้ำมันเกียร์ที่ติดก้านวัดด้วยผ้า แล้วเสียบก้านวัดน้ำมันเกียร์คืนกลับจุดเดิม ดึงก้านวัดออกมา อีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจระดับน้ำมันเกียร์ที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับน้ำมันเกียร์อยู่ที่ขีด F พอดี แสดงว่า ระดับน้ำมันเกียร์ปกติ 7. ตรวจเช็คระดับน้ำมัน POWER ควรตรวจเช็คขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยการหมุนฝาปิดกระปุก น้ำมันPOWER จะติดอยู่กับฝากระปุกน้ำมัน POWER ที่ก้านวัดจะมีคำว่า HOT และ COLD อยู่คนละด้านถ้าวัดตอนที่เครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ให้ดูด้าน COLD ถ้าวัดตอนเครื่องร้อนให้ดูด้าน HOT ถ้าเป็นรุ่นใหม่ให้ดูที่กระปุกน้ำมันPOWERจะเป็นพลาสติกใส ที่กระปุกจะมีคำว่า HOT และ COLD อยู่คนละด้าน และมีขีดระดับ MAX กับ MIN อยู่ด้วยระดับน้ำมัน POWER ควรอยู่ระดับ MAX เสมอ ถ้าดูตอนเครื่องยนต์ เย็นให้ดูด้าน COLD และถ้าดูตอนเครื่องยนต์ร้อนให้ดูด้าน HOT 8. ตรวจเช็คสภาพของสายพาน โดยวิธีการมองดูที่สายพาน ถ้าพบรอยแตกเกิดขึ้นควรทำการเปลี่ยน แต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะใช้รถได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ก็ควรตรวจดูความตึงของสายพานด้วย โดยการใช้นิ้ว กดลงบนสายพานตรงกลางระหว่างมู่เล่สองข้างถ้าสามารถกดลงได้เล็กน้อย ประมาณ 10 มม.ก็น่าจะพอใช้ ได้ (ถ้าไม่แน่ใจควรให้ช่างตรวจสอบเพราะการตรวจด้วยวิธีดังกล่าว ผู้ตรวจต้องมีความชำนาญพอสมควร) 9. ตรวจเช็คสภาพภายในห้องเครื่อง โดยวิธีการมองดูรอบๆภายในห้องเครื่อง ให้สังเกตดูว่า มีอะไร ผิดปกติหรือไม่ เช่น ท่อยางหม้อน้ำมีคราบน้ำซึมหรือไม่ สายไฟภายในห้องเครื่องเรียบร้อยดีหรือไม่ มีหนูขึ้นมากัดหรือไม่ มีคราบน้ำมันเครื่องรั่วซึมหรือไม่ เป็นต้น 10. ตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่าง และไฟสัญญาณต่างๆ เปิดไฟทั้งหมดดูว่าทำงานตามปกติหรือไม่ มีหลอดไหนไม่ติดหรือไม่ ถ้าพบว่ามีไฟหลอดไหนไม่ติดควรเปลี่ยนให้อยู่สภาพพร้อมใช้งาน หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็ค 11. ตรวจเช็คที่ปัดน้ำฝน ยางปัดน้ำฝนเมื่อใช้ไประยะหนึ่ง ก็อาจมีการเสื่อมสภาพซึ่งเนื่องมาจากสาเหตุเหล่านี้ - ผิวสัมผัสส่วนปลายมีการสึกหรอ จากการทำงานปกติของใบปัด - มีสิ่งสกปรก และหินทรายละเอียดอยู่ระหว่างยางใบปัดกับกระจกทำให้ยางปัดน้ำฝนสึกหรอ - เมื่อใบปัดน้ำฝนผ่านการใช้งานนานๆ ยางใบปัดน้ำฝนจะแข็งตัว การยืดหยุ่นจะลดลงและความ บกพร่องในการปัดจะเกิดขึ้น เนื่องจากหน้าสัมผัสระหว่างยางใบปัดกับกระจกไม่ดี รวมทั้งอาจเกิดจากใบปัดน้ำฝนเกิดอาการสั่นเต้น หรืออาการอื่นๆถ้าพบอาการเหล่านี้ควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนใหม่ 12. ตรวจเช็คยาง ควรเช็คแรงดันลมยางอยู่เสมอๆ โดยใช้ความดันลมยางตามที่ผู้ผลิตกำหนด และควรเช็คขณะที่รถยังไม่ได้ใช้งาน( ยางยังไม่ร้อน ) ถ้าลมยางอ่อนผิดปกติควรนำไปตรวจสอบว่า มีตะปูตำหรือไม่ ดูสภาพยางด้วยตาดูที่ผิวยางมีรอยแตกเล็กๆ หรือไม่ ดูการสึกหรอของดอกยาง กล่าวคือ ดอกยางสึกมากไปหรือยัง หรือมีการสึกหรอผิดปกติ เช่น ลึกเฉพาะตรงกลางหน้ายาง (เติมลมมากเกินไป)สึกเฉพาะขอบยางทั้ง 2 ข้าง(ลมยางอ่อนเกินไป) หรือสึกด้านใดด้านหนึ่ง ฯลฯ ซึ่งกรณีเหล่านี้ควรปรึกษา ช่าง เพราะควรจะมีการตรวจเช็คช่วงล่าง และศูนย์ล้อ เอาเล็บมือกดดูที่เนื้อยางว่า นิ่ม หรือ แข็ง ถ้ายาง หมดสภาพ เนื้อยางจะกดไม่ลงจะแข็งมาก การบำรุงรักษารถด้วยตนเองที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ควรทำบ่อยแค่ไหน ? คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับรถของท่านว่า ใหม่หรือเก่า มีสภาพเป็นอย่างไร ถ้าเป็นรถใหม่ๆทำอาทิตย์ละครั้งก็มากพอแล้วแต่ถ้าเป็นรถเก่าสภาพไม่ดีนักก็อาจต้องทำทุกวันคำแนะนำ ข้อควรระวังในการบำรุงรักษารถด้วยตัวของท่านเอง ถ้าท่านทำการบำรุงรักษารถด้วยตัวท่านเอง, ก่อนอื่นต้องแน่ใจว่า ได้ปฏิบัติตามข้อควรระวังที่ให้ไว้ในส่วนนี้อย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ คำแนะนำในส่วนนี้ใช้เฉพาะในการบำรุงรักษารถ เฉพาะส่วนที่บำรุงรักษาง่าย ๆ การทำงานใด ๆเกี่ยวกับรถยนต์ของท่านควรจะใช้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นตามคำแนะนำ หรือคำเตือนดังต่อไปนี้ คำเตือน : - ขณะเครื่องยนต์กำลังทำงาน ระวังอย่าให้มือ , เสื้อผ้า และเครื่องมือต่างๆเข้าใกล้ใบพัด และสายพานขับเครื่องยนต์ ( ควรถอดแหวน , นาฬิกา และเนคไท ออกก่อนทำการตรวจซ่อม ) - หลังจากใช้รถให้ระวังอย่าสัมผัสกับเครื่องยนต์ , หม้อน้ำ และท่อไอเสีย เนื่องจากความร้อนของสิ่งเหล่านี้ - อย่าสูบบุหรี่ ใกล้น้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากไอน้ำมันเชื้อเพลิงจะไวไฟมาก - ให้ระมัดระวังอันตรายจากน้ำกรด และไอน้ำกรดจากแบตเตอรี่ เมื่อทำงานอยู่กับแบตเตอรี่ - อย่าเข้าใต้ท้องรถโดยมีเพียงแม่แรงรองรับเท่านั้น ควรใช้ขาตั้งรองรับเสียก่อน - ใช้อุปกรณ์ป้องกันตาขณะทำงานในที่ที่อาจมีของตก มีการพ่นหรือละอองของเหลวกระเด็นออกมาไม่ว่าจะอยู่บนหรือใต้รถก็ตาม - ควรระมัดระวังเมื่อมีการเติมน้ำมันเบรค เนื่องจากน้ำมันเบรคเป็นอันตรายต่อตาของท่านและทำลายสีรถได้ ถ้าน้ำมันเบรคกระเด็นเข้าตาหรือโดนสีรถให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดโดยทันที ข้อควรระวัง - จำไว้ว่าสายจากแบตเตอรี่และสายไฟจุดระเบิด มีกระแสหรือแรงดันไฟสูงมากจะต้องระมัดระวังอย่าให้เกิดการลัดวงจร - ก่อนปิดกระโปรงหน้า ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไม่ลืมเครื่อมืออุปกรณ์ต่างๆ ไว ้ - ถ้าท่านทำน้ำมันต่างๆ หกรดโดนชิ้นส่วนต่างๆ ให้รีบล้างออกโดยน้ำสะอาดเพื่อป้องกันชิ้นส่วน หรือสีเสียหาย - อย่าเติมน้ำมันเกียร์อัตโนมัติมากเกิน มิฉะนั้นระบบเกียร์อาจเสียหายได้ - อย่าเติมน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์มากเกิน มิฉะนั้นระบบพวงมาลัยเพาเวอร์อาจจะเสียหายได้ ที่นี่สามารถช่วยตอบคำถามทุกอย่างได้ครับ www.google.co.th ครับผม หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: THanasak ที่ 08 ธันวาคม 2012 22:23:29 เอาใจช่วย จบกท.นะอย่าเพิ่งท้อครับ พวกพี่ๆในนี้บางคนก็ตอบแรงครับแต่ผมว่าได้ข้อมูลที่ดีครับ
หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: gundam ที่ 15 ธันวาคม 2012 13:04:08 ขอบคุณทุกๆ ความเห็นครับ
หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: smilegames ที่ 15 ธันวาคม 2012 13:08:58 ผมก็เข้ามาแบบไม่เป็นเลย ตอนนี้ก็ยังไม่เป็นหมดครับ แต่พอเอาตัวรอดได้แล้ว เช่่น พวก แบต ไฟสัญญาณ ของจุกจิกๆ รอบคันชุดนี้ก็ใส่เองนะ ติดสติกเกอร์เองด้วย
หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: Bangyai01 ที่ 15 ธันวาคม 2012 14:26:00 ถ้าเบื้องต้นก็แบบน้าๆท่านบนบอกครับ ทำรถก็เหมือนผู้หญิงแต่งตัวกว่าจะออกบ้านได้แม่มล่อไปชั่วโมงครึ่งแต่ก็นะความสุขใครความสุขมัน งั้นวันนี้ขอนำเสนอ ภาพLaout ของเครื่อง 4AFE จุดของเซนเซอร์ต่างๆ และเวลาเครื่องยนต์มีปัญหาก็สามารถตรวจเช็คจาก error code ecu ได้ไม่ต้องเปลี่ยนมั่วๆแบบช่างข้างทาง
หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: Bangyai01 ที่ 15 ธันวาคม 2012 14:31:48 ค่อยๆเรียนรู้กันไปครับ ถ้าใจรักซะอย่างอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น เพราะมนุษย์เกิดมาไม่ได้เก่งจากท้องพ่อท้องแม่ต้องเรียนรู้และฝึกหัด สู้เว้ย Laout ระบบเบรค เอาไว้รื้อเปลี่ยนผ้าเบรคด้วยตัวเอง ประแจเบอร์สิบสอง แม่แรง ประแจถอดล้อ ก็ทำเองได้แล้วครับ
หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: Bangyai01 ที่ 15 ธันวาคม 2012 14:33:55 ถ้าอยากได้แบบละเอียดยิบ ทิ้งอีแมวไว้ครับเดี๋ยวจัดให้จ้า หลักๆก็ไม่มีอะไรมาก น้ำมัน ไฟ อากาศ สิ่งที่สำคัญก็คือ ตาดูหูฟังจมูกดมกลิ่นเอ๊ะเกี่ยวกันไหมเนี่ย อิอิ ดูคดีเด็ดต่อดีก่า กิกิ
หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: taidin ที่ 15 ธันวาคม 2012 22:44:06 เข้าอู่บ่อยๆครับ....อ้าว ม่ายใช่ เข้ามาในเว็ปนี้ แล้วหาอ่านไปทุกวัน บวกกับ สังเกตุที่รถตัวเองทุกวัน รู้จักส่วนประกอบ ต่างๆ หน้าที่ของอะไหล่แต่ละตัว ชื่ออะไหล่แต่ละตัว การบำรุงรักษา ถามใถ่เพื่อน พ้อง น้อง พี่ในเว็ป การ D.i Y ต่างๆ เดี๋ยวเก่งครับ เว็ปนี้มีเซียนหลายคนครับ
หัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: N@MIN ที่ 15 ธันวาคม 2012 22:51:53 เข้าอู่บ่อยๆครับ....อ้าว ม่ายใช่ เข้ามาในเว็ปนี้ แล้วหาอ่านไปทุกวัน บวกกับ สังเกตุที่รถตัวเองทุกวัน รู้จักส่วนประกอบ ต่างๆ หน้าที่ของอะไหล่แต่ละตัว ชื่ออะไหล่แต่ละตัว การบำรุงรักษา ถามใถ่เพื่อน พ้อง น้อง พี่ในเว็ป การ D.i Y ต่างๆ เดี๋ยวเก่งครับ เว็ปนี้มีเซียนหลายคนครับ จริงๆเข้าอู่บ่อยๆเป็นไวสุด ฮ่าๆหัวข้อ: Re: ขอสอบถามความรู้เกี่ยวกับรถครับ . . . เริ่มหัวข้อโดย: Autorun.inf ที่ 17 ธันวาคม 2012 19:37:46 เข้าอู่บ่อยๆครับ....อ้าว ม่ายใช่ เข้ามาในเว็ปนี้ แล้วหาอ่านไปทุกวัน บวกกับ สังเกตุที่รถตัวเองทุกวัน รู้จักส่วนประกอบ ต่างๆ หน้าที่ของอะไหล่แต่ละตัว ชื่ออะไหล่แต่ละตัว การบำรุงรักษา ถามใถ่เพื่อน พ้อง น้อง พี่ในเว็ป การ D.i Y ต่างๆ เดี๋ยวเก่งครับ เว็ปนี้มีเซียนหลายคนครับ :emo2 ตามนี้เลยคับ ขยันอ่านบ่อยๆ |