หัวข้อ: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: EmMeT ที่ 23 มิถุนายน 2013 08:26:36 เรื่องรถกระบะบรรทุก ทำไมตำรวจถึงจับ เพราะใส่หลังคา
คำถามและข้องใจ เรื่องรถกระบะบรรทุก ทำไมตำรวจถึงจับ เพราะใส่หลังคา ในเมื่อคำว่า บรรทุก หลังคาที่ใส่ก็คือ การบรรรทุก นั่นเอง อีกอย่างใส่ การใส่หลังคาก็เพื่อกันแดด กันฝน ให้กับคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง นอกจากนี้ ถ้ารถไม่มีหลังคา แล้วมีคนนั่งหรือบรรทุกของ ก็ขึ้นทางด่วนไม่ได้ เรื่องรถกระบะใส่หลังคา ต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็น คือ ใส่หลังคาขึ้นทางด่วน กับใส่หลังคาวิ่งตามท้องถนนทั่วไป ในกรณีที่รถกระบะใส่หลังคาขึ้นทางด่วน เป็นเรื่องที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยทำข้อตกลงไว้กับกรมการขนส่งทางบกว่า รถกระบะที่ขึ้นทางด่วนต้องใส่หลังคา เพื่อป้องกันคนหรือสิ่งของที่บรรทุกไว้ในกระบะตกหล่นบนถนน หรือตกหล่นลงจากทางด่วน เป็นอันตรายต่อรถยนต์และประชาชนทั่วไป เหมือนที่เคยปรากฏเป็นข่าวมาแล้ว ตำรวจสามารถจับกุมและปรับได้ตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่รถกระบะใส่หลังคาวิ่งทางราบบนท้องถนนทั่วไป ต้องดูสมุดประจำรถว่าจดทะเบียนรถประเภทอะไร และดูเจตนารมณ์ของตำรวจที่จับปรับ กรมการขนส่ง ชี้แจงว่า รถกระบะที่ใส่หลังคาแล้วถูกตำรวจจับ ต้องดูสมุดคู่มือประจำรถว่า เจ้าของรถจดทะเบียนรถประเภทไหน ถ้ามาจดทะเบียนเป็นประเภทรถกระบะ แล้วนำไปใส่หลังคา ก็ถือว่า ผิดระเบียบ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 เรื่องการจดทะเบียน ถือเป็นการต่อเติมหรือเปลี่ยนแปลงสภาพรถนอกเหนือจากที่จดทะเบียนไว้ ถูกปรับไม่เกิน 2,000 บาท ถือว่าตำรวจทำถูกต้องแล้ว อีกประเด็นคือ การเสียภาษีรถยนต์ ปกติรถกระบะทั่วไป จะมีน้ำหนักประมาณ 1,400 กิโลกรัม แต่ถ้าใส่หลังเข้าไปน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,600 กิโลกรัม ต้องเสียภาษีเป็นประเภทรถกระบะบรรทุก ทางด้าน พล.ต.ต.ภานุ เกิดลาภผล ผู้บังคับการตำรวจจราจร แนะนำว่า ผู้ที่ใช้รถกระบะและต้องการจะใส่หลังคา หรือต่อเติมโครงเหล็กที่กระบะ ให้ไปตรวจสภาพรถที่กรมการขนส่งทางบก และลงบันทึกในสมุดคู่มือประจำรถ ว่ามีการต่อเติมหรือเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ถ้าถูกตำรวจเรียกตรวจ ก็ให้แสดงสมุดคู่มือรถกับตำรวจเพื่อเป็นการยืนยันว่าทำถูกต้องแล้ว แต่ถ้าต่อเติมหรือเปลี่ยนแปลงโดยไม่ผ่านกรมการขนส่งทางบก ก็ต้องถูกจับปรับแน่นอน ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มีอัตราค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท หากเจ้าของรถทำตามกฎหมายถูกต้องก็แล้ว สมุดคู่มือให้ตำรวจดูก็แล้ว แต่ตำรวจยังยืนยันที่จะเขียนใบสั่ง หรือยืนยันที่จะปรับ เป็นอันรู้กันว่า ตำรวจเจตนา...ปรับ ป้ายทะเบียนยาวป้ายปลอมผิดแค่ไหน ป้ายทะเบียนที่นำมาตัดต่ออัดกรอบใหม่เป็นป้ายยาว ผิดข้อหาดัดแปลง เปลี่ยนแปลงเอกสารของทางราชการเจ้าหน้าที่มีสิทธิเรียกปรับ ระบุโทษไม่เกิน 2,000 บาท รวมถึงการติดป้ายเอียง แบบแหงนขึ้น แหงนลง มีวัสดุมาปิดทับ เจ้าหน้าที่อาจฟันธงว่า มองเห็นไม่ชัดเจนก็มีโทษปรับเช่นเดียวกัน การไม่ติดป้าย หรือวางไว้ที่กระจกหน้ารถ ผิดเช่นกันต้องโทษปรับ 500 บาท ส่วนการติดป้าย ที่ทำขึ้นเอง เช่นทำด้วยกระดาษ หรือใช้การเขียน แต่หมายเลขตรงกับทะเบียนรถ ผิดข้อหา ไม่ใช้เอกสารที่ทางราชการกำหนด แต่ถ้าเป็นป้ายปลอม (ไม่มี ข.ส. ) ขอดูสำเนาแล้วไม่ตรงกับป้าย ผิดต้องคดีข้อหาปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ เจ้าหน้าที่อาจจะเรียกปรับ หรือส่งฟ้องเพื่อทำการเรียกปรับที่ชั้นศาล โดยระบุโทษไว้ที่100,000 บาท (อ่านไม่ผิดหรอกครับ 1แสนบาท) และถ้าหมายเลขป้ายไม่ตรงกับ ป้ายวงกลม ไม่ตรงกับสำเนารถเจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิยึดรถ เพื่อส่งเข้ากองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อหาที่มาของตัวรถและผู้ขับขี่ต้องไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ รวบรวมสำนวน ส่งให้ศาลตัดสินค่าปรับก็มีตั่งแต่หลักแสน จนถึงหลักล้านก็เคยมีมาแล้วครับ โหลดเตี้ยๆหรือสุดๆ แบบ lowRider เตี้ยแค่ไหนถึงจะเรียกว่า ผิด ในพระราชบัญญัติรถยนตร์พ.ศ.2522 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า รถที่โหลดเตี้ยจะต่ำแค่ไหนก็ได้ ยึดหลักเพียงการวัดระยะกึ่งกลางไฟหน้า กับระดับพื้นถนนต้องไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตร ถ้าต่ำกว่าถือว่าผิด แต่ถ้าไฟหน้าสูงกว่าแต่รถใส่สปอยเลอร์จนเตี้ยต่ำแทบจะลากพื้น จะใช้กฎการพินิจ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจนายช่างตรวจสภาพกรมขนส่ง และผู้วินิจฉัยผล ต.ร.อ. ว่าเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง และผู้อื่นหรือไม่ ถ้าฟันธงว่าเสี่ยงก็ถือว่าผิดได้เช่นกัน ยกสูงมากๆแบบ Big Foot ผิดหรือปล่าว ในพระราชบัญญัติรถยนตร์ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนเช่นกันว่า จะยกสูงแค่ไหน แต่ต้องวัดระดับกึ่งกลางไฟหน้ากับพื้นถนนต้องไม่สูงกว่า 135 เซนติเมตร แต่ถ้าไฟหน้าสูงไม่เกิน แต่รถสูงมาก มีการดัดแปลงสภาพมากตัวนี้ต้องมีวิศวกรรองรับการดัดแปลงสภาพ และต้องแจ้งกับกรมขนส่งทางบกให้เป็นที่เรียบร้อยแต่ถ้าไม่สูงมาก แต่ใส่ยางใหญ่เกินแบบ ล้นออกมาข้างตัวรถมากๆ เกินบังโคลนล้อ ก็ต้องใช้หลักดุลพินิจอีกเช่นกันว่าเสี่ยงต่อผู้ร่วมใช้ถนนหรือไม่ ถ้าเสี่ยงผิดทันที ใส่ล้อยางใหญ่มากๆ 19 - 20 หรือ 22 ผิดหรือไม่ ในกฎหมายไม่มีการระบุขนาดของล้อและขนาดก็ไม่ได้มีผลการเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น จะใส่ล้อใหญ่ขอบ 18 -19-20 หรือจะ 22 ไม่ผิดครับ แต่ถ้าใส่แล้วยางเกินออกมานอกบังโคลนล้อมากๆข้างละหลายๆนิ้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อาจสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น(เช่นทำให้ผู้อื่นกะระยะรถผิดในขณะสวนหรือเลี้ยว) ก็ถือว่าผิดได้ หรือใส่ล้อใหญ่จนต้องแบะล้อเพื่อหลบซุ้มแล้ววิ่งจนยางสึกเห็นผ้าใบ ต้องเรียกว่าเสี่ยงต่ออุบัติเหตุต่อตนเอง ก็ถือว่าผิดเช่นกัน ตีโป่งขยายซุ้มล้อ ใส่สปอยเลอร์ แล้วจะผิดไหม โชคดีครับที่การตีโป่งซุ้มล้อหรือที่เรียกกันว่า Wide Body ข้อนี้ในกฎหมายไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนแต่อย่างไร แต่ระบุไว้ว่า ส่วนที่ตียื่นต้องมีลักษณะเป็นชิ้นเดียวกับตัวรถ หรือถ้าเป็นวัสดุคนละชนิดกัน ต้องมีการยึดติดอย่างแน่นหนา ถ้าไม่แน่นหนาหรือตีโป่งมาก (ยื่นจนหน้าเกลียด) เจ้าหน้าที่มีสิทธิขอตรวจดูสำเนาการจดทะเบียน ว่ามีการดัดแปลงเกินกว่าที่จดทะเบียนไว้หรือไม่ โดยอ้างอิงจากบริษัทผู้ผลิตถึงขนาดตัวรถ และฐานล้อ ซึ่งต้องใช้วิศวกรรับรองการดัดแปลงสภาพ และต้องแจ้งกับกรมขนส่งทางบก ถ้าขนส่งตรวจแล้วลงความเห็นว่าผ่านก็ดีไป แต่ถ้าลงความเห็นว่าไม่ผ่านต้องเลาะออกกลับสภาพเดิม ฝากระโปรงหน้าหลังดำ ฝากระโปรงไฟเบอร์ ที่เขาว่าผิด ผิดข้อไหน เปลี่ยนฝากระโปรงไฟเบอร์ถ้าทำเป็นสีเดียวกับสีรถ ที่จดทะเบียนไว้ถือว่าไม่ผิด แต่ถ้าเปลี่ยนสีฝากระโปรงเป็นสีดำ หรือสีอื่น ที่ไม่ตรงกับสีตัวรถเจ้าหน้าที่จะพิจารณาตามกฎที่ว่า รถยนต์ที่จดทะเบียนจะมีการระบุสีตัวรถไว้อย่างชัดเจนไม่รวมสีของกันชนรถ โดยสีอื่นต้องมีไม่เกินครึ่งหนึ่งของสีหลักที่จดทะเบียนไว้ เช่นในกรณีรถระบุไว้ในทะเบียนว่าเป็นสีขาวแต่ฝากระโปรงหน้าเป็นสีดำ เจ้าหน้าพินิจแล้วไม่เกินครึ่งหนึ่งก็ถือว่าไม่ผิด แต่พินิจว่าผิดก็ถือว่าผิดได้เช่นกัน (การพินิจหมายถึง การใช้หลักพิจรณาในแต่ละบุคล) แต่ถ้าดำทั้งฝากระโปรงหน้าและหลัง ส่วนมากจะพินิจว่าผิด เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของสีหลัก ซึ่งเจ้าของรถต้องนำรถเข้าไปแจ้งเปลี่ยนสี ว่าเป็นรถสองสี (ทูโทน) กับกรมขนส่งทางบกเสียก่อน ถ้าไม่แจ้งก็อาจต้องโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท เสียตังค์อีกเช่นกัน เปลี่ยนท่อไอเสียใหญ่เสียงดังแค่ไหนถึงเรียกว่าผิด จะเปลี่ยนท่อใหญ่ 3 นิ้ว 4 นิ้ว จะมีหม้อพักกี่ใบ หรือจะไม่หม้อพักเลยก็ได้แต่หม้อพักต้องปล่อยออกทางท้ายรถเท่านั้น (ยกเว้นเสียแต่พวกรถพ่วง รถโดยสารขนาดใหญ่)ถ้าออกข้างตัวถังรถก็ถือว่าผิดทันที ตามกฎหมายจะระบุไว้แค่การวัดเสียงดังที่ปล่อยออกจากปลายท่อตามพระราชบัญญัติรถยนต์ระบุว่า รถยนต์ที่เกิน 7 ปี ต้องนำรถเข้าตรวจสภาพ ณ.สถานตรวจสภาพ เพื่อตรวจวัดระดับเสียง ที่ปลายท่อไอเสียด้วยเครื่อง Sound level Meter ผลที่ได้ต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล (การตรวจวัดแบบ O.5 เมตร) สำหรับเครื่องยนต์เบนซิลวัดที่ ¾รอบที่ให้แรงม้าสูงสุด และรอบสูงสุดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ถ้าท่านใดถูกจับในข้อหาเสียงท่อดัง คุณต้องถามเจ้าหน้าที่ว่าเสียงดังเกินที่กำหนดไว้เท่าไหร่ (ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่มีเครื่องวัดใช้หูฟัง ก็พอจะเถียงค่ำๆคูๆเอาตัวรอดได้) แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ส่งรถเข้าเครื่องตรวจวัดแล้วเกินจริง (เถียงไม่ออก) ก็ต้องโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ไฟหน้าหลายสี ไฟซีนอน ไฟท้ายขาว โคมขาว โคมดำ พ่นสีดำ จะผิดแค่ไหน ปัจจุบันไฟหน้าแบบซีนอน ยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับ จึงอนุญาตให้ติดได้ เพียงแต่ติดตั้งแล้วเมื่อเข้าเครื่องมือทดสอบโคมไฟ ลำแสงต้องมีองศาตกลงจากแนวระนาบ ไม่น้อยกว่า 2 องศาและต้องไม่เบนไปทางขวา ถึงเรียกว่าผ่าน สวนเรื่องสีของ แต่โคมไฟหน้าทางกรมกำหนดไว้เพียง2 สี เท่านั้นคือ สีเหลืองอ่อน และสีขาว ถ้าเป็นสีอื่น เช่นสีฟ้า สีม่วง สีเหลืองเข้มหรือสีเขียว มีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์พ.ศ. 2522 มาตรา12 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนไฟหยุด (ไฟเบรก) ต้องเป็นสีแดง ไฟเลี้ยวต้องเป็นสีเหลืองอำพัน ไฟส่องป้ายต้อเป็นสีขาวมองเห็นป้ายทะเบียนได้ไกลไม่น้อยกว่า 20 เมตร การเปลี่ยนโคมไฟเป็นสีขาวหรือพ่นโคมเป็นสีดำ ต้องพิจารณาขณะเปิดไฟเลี้ยว ไฟเบรก ถ้าไฟที่แสดงออกมาชัดเจนและเป็นสีที่กำหนดก็ถือว่าผ่าน ถ้าผิดสีก็เตรียมเงินไว้อีก 2,000 บาท เป็นค่าปรับครับ ไฟสปอร์ทไลท์และโคมไฟตัดหมอก ผิดกฎหมายหรือไม่ ติดอย่างไรถึงจะว่าไม่ผิด โคมไฟสปอร์ทไลท์หมายถึงโคมไฟแสงพุ่งไกล แบบกระจายวงกว้าง แบบนี้ห้ามติดโดยเด็จขาดแม้จะมีฝาครอบปิด ผิดพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนไฟตัดหมอกมีลักษณะเป็นไฟแสงพุ่งต่ำล่าสุดปี พ.ร.บ. 2536 อนุญาตให้รถยนต์ติดไฟสปอร์ตไลท์หรือ ไฟตัดหมอกเพิ่มได้ ข้างละ 1 ดวง (เท่ากับ 2 ดวง)ในระดับแนวเดียวกัน ความสูงจากพื้นถนนไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตรและไม่สูงกว่า 135 เซนติเมตร ต้องเป็นแสงสีเหลือง หรือสีขาว กำลังไฟไม่เกิน55 วัตต์ ไม่เกินกว่าระดับโคมไฟแสงพุ่งไกลและโคมไฟแสงพุ่งต่ำศูนย์รวมแสงต้องต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นราบไม่น้อยกว่า 2 องศา หรือ 0.20 เมตร ในระยะ 7.50 เมตร และไม่เฉไปทางขวา ส่วนการเปิดไฟตัดหมอกนั้นทำได้เมื่อมีอุปสรรค์ในการขับขี่ เช่นมีหมอกควัน หรือฝนตกหนัก มองเห็นสิ่งกีดขวางหรือรถที่สวนทางมาในระยะไม่เกิน 150 เมตร ถ้าติดไม่ถูกต้อง หรือเปิดไฟพร่ำเพื่อมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท รวมถึงการติดไฟนีออนใต้ท้อง หรือกรอบป้ายทะเบียน ก็เป็นสิ่งต้องห้าม ผิดอีกเช่นเดียวกันโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ดัดแปลงเป็นขับเคลื่อน4 ล้อ ผิดแน่นอน แก้ไขอย่างไร ตามสมุดคู่มือการจดทะเบียนจะระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นรถยนต์ประเภทไหน (รย.1 รย. 2 หรือ รย.3)ซึ่งจะมีการระบุจำนวนเพลาไว้ด้วย รถยนต์ที่ขับเคลื่อน 2 ล้อ (2เพลา) ถ้ามีการดัดแปลงเป็นระบบขับสี่ล้อต้องแจ้งกับกรมการขนส่งเสียก่อน ซึ่งต้องใช้หลักฐาน ใบเสร็จอะไหล่ ใบรับรองวิศวกร นำรถเข้าตรวจหาความถูกต้องปลอดภัยแข็งแรง ก่อนที่อาจจะมีการส่งรถเข้าช่างน้ำหนัก ส่งต่อให้กรมสรรพสามิตคำนวณอัตราภาษีที่ต้องเสียเพิ่ม มีตั้งแต่หลักหลายพันจนถึงหลักหมื่นบาทเสียก่อน มิฉะนั้นจะถือว่า เป็นการดัดแปลงรถยนต์ให้ผิดจากการจดทะเบียนโดยมิได้ขออนุญาต ก็ผิดเต็มๆอยู่ดี เปลี่ยนดิสเบรกหลังใส่หลังคาซันรูป ผิดจริงหรือ การเปลี่ยนหลังคาซันรูปส่วนมากต้องมีการดัดแปลงเช่น การเจาะหลังคา หรือเปลี่ยนหลังคาใหม่แบบนี้ทางกรมขนส่งจะมองว่า เป็นการแก้ไขดัดแปลง ซึ่งมีผลต่อความแข็งแรงของตัวรถ แบบนี้ต้องมีใบเสร็จหลังคา รูปถ่ายขั้นตอนการติดตั้ง และใบรับรองวิศวกร และต้องแจ้งกรมขนส่งทางบกก่อนถึงจะไม่ผิด ส่วนการเปลี่ยนดรัมเบรก เป็นดิสเบรกหลัง เรื่องนี้ไม่มีกฎออกมาชัดเจนจึงอาศัยการพินิจจากเจ้าหน้าที่กรมขนส่ง ซึ่งแต่ละเขตขนส่งต่างก็มีดุลพินิจไม่เหมือนกัน ถ้าเจ้าหน้าที่พินิจว่าไม่น่าผ่านก็ต้องหาใบเสร็จติดตั้ง และใบวิศวกรมาแจ้งเช่นเดียวกัน ตีโรลบาร์แบบรถแข่ง ผิดด้วยหรือปล่าว กฎหมายว่าด้วยห้องโดยสารมีเพียงข้อกำหนด เรื่องของจำนวนที่นั่ง มาตราวัดความเร็ว และไฟห้องโดยสารเท่านั้น ส่วนการตีโรลบาร์ยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับจึงไม่ผิด แต่การถอดเบาะหลังออกแล้วตีโรลบาร์ จะผิดกฎหมายเรื่องการระบุลักษณะรถ และจำนวนตอน ถือว่าผิดครับ รวมถึงการความแน่หนา(เช่นเอามือจับแล้วโยกได้)ความเสี่ยงต่ำการเกิดอุบัติเหตุ (เช่นมีส่วนแหลมคมพุ่งเข้าหาผู้ขับขี่และผู้โดยสาร) ก็ถือว่าผิดได้อีกเช่นกัน ยิ่งถอดเบาะออกเหลือตัวเดียวหรือตัดตัวถังรถออกบางส่วน แล้วตีโรล์บาร์ยึดแบบ Spec Frame แบบนี้ถือว่าผิด ขอหาดัดแปลงสภาพที่มีผลต่อความมั่นคงแข็งแรงของตัวรถ ใส่กระจกมองข้างแบบเล็กๆ หรือกระจกซิ่ง ผิดไหม ตามกฎหมายอีกเช่นกันระบุไว้ว่า รถยนต์ต้องมีเครื่องส่องหลัง (กระจกมองหลัง) และเครื่องส่องหลังภายนอก (กระจกมองข้าง) อย่างน้อย 1 อัน ซึ่งไม่ได้ระบุถึงขนาดและรูปแบบ ถ้าเปลี่ยนเป็นกระจกมองข้างแบบไฟเบอร์ หรือแบบกระจกซิ่งทรงแข่ง ถ้ามี 2 ด้าน หรือด้านเดียวก็ถือว่าถูกกฎหมาย แต่ถ้าไม่มี กระจกมองข้าง หรือกระจกมองหลัง หรือเจ้าหน้าที่ตรวจสภาพ ฟันธงว่า มีเครื่องส่องหลังจริง แต่ชำรุดหรือมองเห็นไม่ชัดเจน (กระจกแตก เล็กมาก) ก็จะถือว่าผิด ต้องกลับมาแก้ไขอีกเช่นกัน เปลี่ยนเบาะซิ่งใส่เซฟตี้เบล 4 จุด จะผิดอีกหรือปล่าว เบาะหรือที่นั่งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ทาง พ.ร.บ. จริงๆแล้วได้ระบุขนาดความกว้างยาวของเบาะเอาไว้ด้วย ซึ่งจะเกี่ยวข้องในการระบบุจำนวนผู้โดยสาร เบาะแต่ง หรือเบาะไฟเบอร์ ส่วนมากมีความถูกต้องในเรื่องขนาด แต่ถ้าถอดเบาะออกไม่ว่าเบาะหลัง ถอดเหลือตัวเดียว หรือสั่งทำเบาะขนาดใหญ่พิเศษแบบนี้จะถือว่าผิด ส่วนเซพตี้เบลทางกรมก็ได้ทำหนด มาตรฐานเอาไว้อีกเช่นกัน เบล 4 จุดแม้ว่าจะไม่ถูกต้องในเรื่องของมาตรฐาน แต่ถ้ามีการยึดแน่นหนา ก็อนุโลมว่าผ่าน แต่ถ้าใส่เบล 4 จุด 8 จุด แล้วไม่คาด แบบนี้ถือว่าไม่ผิดพระราชบัญญัติหรอกครับ แต่ผิดกฎหมายจราจรถูกจับ เสียทรัพย์ อีกแ้ล้วครับ ดัดแปลงเครื่องยนต์ขยายซีซี เปลี่ยนเทอร์โบ โมกล่อง ซัก 1000 ม้า จะผิดหรือไม่ การขยายซีซีเพิ่มความจุถ้าเป็นในสนามแข่งแบบ OneMake Race ถือว่าผิด สั่งถอนการแข่งขันลูกเดียว (จบเกมส์) แต่ถ้าเป็นรถใช้งานบนท้องถนน การจะมาวัดกำลังอัด หาขนาดความจุนั้นทำได้ยาก จึงอาศัยการตรวจดูหมายเลขเครื่องยนต์ว่าถูกต้องตามทะเบียนที่แจ้งไว้หรือไม่เท่านั้น ถ้าเลขเครื่องถูกถือว่าไม่ผิด จะขยายความจุ เปลี่ยนลูก ยืดข้อ เสริมเสื้อสูบก็ไม่ผิด หรือไม่ว่าจะเปลี่ยนเทอร์โบใหญ่ ใส่กรองเปลือย ตีเฮดเดอร์ เปลี่ยนหัวฉีด โมกล่องจนได้ 500 ม้า 1000 ม้าก็ไม่ผิด เพียงแต่อุปกรณ์ภายในห้องเครื่องต้องดูแล้วแน่หนาและมีความปรอดภัย แต่ถ้าจูนน้ำมันจนหนามาก เจ้าหน้าที่จะใช้ผลการตรวจวัดควันดำ ค่า CO (คาร์บอนมอนออกไซต์) และค่า HC (ไฮโดรคาร์บอน) ที่ปล่อยออกมาจากท่อไอเสียเป็นข้อกำหนดถึงสภาพเครื่องยนต์ โดยตามพระราชบัญญัติรถยนต์ กล่าวว่า รถยนต์ที่จดทะเบียนก่อน 1 พค 2536 ต้องวัดค่า Co ไม่เกิน 4.5 เปอร์เซนต์ และค่า Hc ไม่เกิน 600 PPM รถยนต์ที่จดทะเบียนหลัง 1 พค 2536 ต้อง วัดค่า Co ไม่เกิน 1.5 เปอร์เซนต์ และค่า Hc ไม่เกิน 200 PPM ส่วนถ้าเป็นรถเครื่องยนต์ดีเซลไม่ว่าจะเปลี่ยนโบใหญ่ แต่งปั้มเพียงใด มาตรฐานการวัดควันดำ ต้องไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเครื่องวัดแบบกระดาษกรอง และ 45 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเครื่องวัดแบบหาความทึบแสง ซึ่งรถยนต์ที่มีอายุเกิน7 ปี ต้องได้รับการตรวจวัดค่า Co และ Hc จาก ต.ร.อ ดังนั้นจะโมเครื่องแค่ไหนแต่งเครื่องอย่างไร ถ้าการเผาไหม้หมดจด Co และ Hc ผ่านก็ถือว่าถูกกฎหมาย ถึงจะแต่งรถถูกกฎหมาย แต่ถ้าเอารถ 500 ม้า 1000 ม้า มาวิ่งหวาดเสียวบนท้องถนน หรือไล่แซงผู้อื่นแบบแข่งขัน แบบนี้ของเพียงอย่าให้ถูกจับได้ ซึ่งอาจมีความผิดตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43( , 160 วรรคสาม ฐานขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ถูกจับฟ้องศาล ยึดรถ คุมความประพฤติ แบบนี้อาจเรียกว่า จบเกมส์จริงๆ ใช่ไหมล่ะครับ ต่อเติมรถปิกอัพ ต้องแจ้งขนส่ง รถกระบะบรรทุก (ปิกอัพ) บางคันได้ไปติดตั้งโครงหลังคา เสริมรั้วกระบะข้าง ดัดแปลงกระบะเป็นรถตู้บรรทุก หรือต่อเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ โดยไม่ทราบว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมาย และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาดัดแปลงสภาพรถ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง กรมการขนส่งทางบก ขอแจ้งให้เจ้าของรถทราบว่า การแก้ไข หรือดัดแปลงสภาพรถโดยมิได้แจ้งต่อนายทะเบียน เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ฐานดัดแปลงสภาพรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท การต่อเติม หรือแก้ไขดัดแปลงสภาพรถนั้น นอกจากจะต้องแจ้งแก้ไขลักษณะรถต่อนายทะเบียนแล้ว เจ้าของรถจะต้องปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานบนท้องถนนด้วย จึงขอให้เจ้าของรถกระบะบรรทุก (ปิกอัพ) ที่นำรถไปต่อเติม หรือดัดแปลงสภาพ รีบมาติดต่อดำเนินการยังสำนักงานขนส่งที่รถจดทะเบียนไว้โดยเร็ว หากรถที่นำไปต่อเติม หรือแก้ไขดัดแปลงมีสภาพไม่ถูกต้องตามระเบียบ จะได้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป โดยให้นำหลักฐาน ได้แก่ ใบคู่มือจดทะเบียนรถ หลักฐานการได้มาของอุปกรณ์ที่นำมาดัดแปลง สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หากมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทน ให้นำหนังสือมอบอำนาจพร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจมาแสดงด้วย สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งรถ หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกบางอย่าง เช่น โรลบาร์ แร็คหลังคา สปอยเลอร์ แม็กไลเนอร์ หรือบันไดเสริมด้านล่างข้างห้องโดยสาร เจ้าของรถสามารถติดตั้งได้โดยไม่ถือเป็นการดัดแปลงสภาพรถ และไม่ต้องแจ้งต่อนายทะเบียน แต่จะต้องติดตั้งให้มีความมั่นคงแข็งแรงและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนอื่นด้วย ทั้งนี้ จึงขอความร่วมมือเจ้าของรถปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยและไม่เกิดปัญหาในการใช้งานบนท้องถนนอีกต่อไป ที่มาครับเครดิตเว็ปนี้ครับ http://tips4motor.blogspot.com/2013/03/blog-post_13.html หัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: ด.ญ.วาดฝัน ที่ 23 มิถุนายน 2013 09:09:13 ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆที่มีประโยชน์ครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: TIGER5090 ที่ 23 มิถุนายน 2013 09:12:27 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: คนแก่ แต่มีไฟ ที่ 23 มิถุนายน 2013 09:12:48 ยาวจังแต่ก็อ่านจนจบ ครับ :emotm
หัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: EmMeT ที่ 23 มิถุนายน 2013 10:03:59 จัดไปครับ น้าๆๆ มัน ยาวแต่ครอบคุลมเนื้อหาหมดเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: BASman ที่ 23 มิถุนายน 2013 10:46:10 :emo2
หัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: EmMeT ที่ 23 มิถุนายน 2013 10:50:56 หากเจ้าของรถทำตามกฎหมายถูกต้องก็แล้ว สมุดคู่มือให้ตำรวจดูก็แล้ว แต่ตำรวจยังยืนยันที่จะเขียนใบสั่ง หรือยืนยันที่จะปรับ เป็นอันรู้กันว่า ตำรวจเจตนา...ปรับ
น้าๆๆโดนกันบ่อยมัยครับ หัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: MR_C_ รักในหลวง ที่ 23 มิถุนายน 2013 11:43:27 :emo2 :emotn
หัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: Fuse1412 ที่ 23 มิถุนายน 2013 13:21:58 :emom :emom
ประโยชน์ล้วนๆๆๆ หัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: MR..LIM ที่ 23 มิถุนายน 2013 14:01:12 ขออนุญาติเชร์ไปเวปอื่นหน่อยนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: EmMeT ที่ 24 มิถุนายน 2013 07:22:05 :emo2 :emotn น้าซีผมย้ายกลับ ดอนเมือง พรุ่งนี้แล้วเด้อหัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: Tanakit_AE 92 ที่ 24 มิถุนายน 2013 07:38:09 :emotk.... :emotn
หัวข้อ: Re: เรื่องแต่งรถควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: naja37 ที่ 24 มิถุนายน 2013 14:03:13 :emotn :emotn :emotn :emo2
|