AE. Racing Club

 :emohอยากทราบ 20vเดิมๆไดโนเทสได้กี่แรงม้าครับ :emotn

20v 150 แรงม้าทำได้ไหมครับ na   เกียร์ auto  (ไม่เปลี่ยนเกีย ไม่ทำใส่ในหรือข้างในเครื่องอะครับ)
ถ้าได้
ทำอะไรบ้างครับเป็นแนวทางครับหรือไม่ถึง 150  ม้า  ทำอะไรดีครับคุ้มค่าและแรงขึ้นกว่าเดิมๆครับ  :emotn :emotn :emotn
 

ขอบคุณครับอยากอัพเกรดทำอะไรดีครับ แบบใช้งานได้ด้วยอะครับ  :emotn

อยู่ที่ว่าเครื่องที่เทส ค่ามันเป็นยังไงอ่าครับน้า

-คำนวณออกมาเป็นแรงม้าเครื่อง (จาก Flywheel)
-คำนวณจากแรงม้าที่ลงล้อ
-ค่าของแต่ละที่ อาจจะเหมือนกัน บางที่ค่าแข็ง(ม้าดูน้อย) บางที่ค่าอ่อน(ม้าดูน้อย)

http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=115100.0

กระทู้เก่าลองหาข้อมูลดูครับ จ๊ะ :emots :emotp :emotq

ขอบคุณครับ

130-140ตัวครับ

เดิมๆถึงใช้ไหมพี่ใส่กล่องทำเพิ่มอีกนิด150ก้ได้อยุ่

มีพี่ในระยองโซนเปลี่ยนแคมแล้วยัง 141 เลยนะครับ

ไม่เคยลองอยากรู้เหมือนกันคับ

ประมาณ 100-120 ม้า ไม่เกินนี้

ครับ สัพสนครับ ผมว่าน่า อัตราการเฉลี่ย  น่าประมาณนี้ 120-130 ใช้ไหมครับ
ทำเพิ่มสัก 10  ม้า ทำได้ไหมครับ  อยากตกประมาณ140 +   ทำอยาก ป่ะครับ แปบไม่ทำข้างในเครื่อง ^^
แลัว b16a Vtec  กี่แรงม้าครับเดิมๆไม่เอาไครชนะอยากเปลี่ยบเทียบดู 1600cc  รุ่นไหน มีแรงม้าห่างกันมากไหมครับขอบคุณครับ

จะไปฟัดกะBหรอคับน้า

อ่าน wikipedia เลยดีกว่าครับ น่าจะเร็วกว่า

http://en.wikipedia.org/wiki/Honda_B_engine

สู้เขาไม่ได้หรอกครับ เอาไว้เป็นข้อมูลแบบพวกแอบแรงแต่ไม่แรงมีเยอะครับสมัยนี้ท่อดังอย่างเดียวโดนไล่กวดตูดประจำตัวผม เราจะได้มีข้อมูลว่าจะหลบกดนี้
ให้เขารู้โตต้าไม่แพ้รุ่นไดใน3โลกครับ

ขอบคุณครับ

 :emo2

เดิมๆ 115-120 มีกล่อง + ประมาณ 10-15 , มีแคม + อีกประมาณ 10-15 ตัวครับ

ตอนทำครั้งแรก มีกล่อง + แคม toda 288 in/ex ได้ 153 ตัวครับ ไล่ b16a ลำบากครับ นั่นเดิมๆมีกล่องก็ 150-160 ตัวครับ

 แคม มันทำให้เครื่องพังไหมครับใส่แคมแล้วใช้งานได้ปกติไหมครับความทนทานหายไปไหมครับน้าถามดูเห็นราคาแล้วไม่ใส่ดีกว่า
กล่องรุ่นไหนอะครับของน้า
  แรงจัง b16a  ต่างกันเยอะอยู่ครับ เคยเจอคนขับขับไม่เป็นก็โดนได้ครับ  
  รถน้าโหรตจัง น้ำหนักรถคงเบาหน้าดู

แคมมันไม่ทำให้เครื่องพังครับ อยู่ที่คนขับ ของน้าธิแกเป็นกล่อง EMS มั้ง เรื่องกับ Honda เนี่ย เรียนตามตรงว่าถ้า CC เท่ากัน ถ้าซัดกันจริง ๆ ผมว่าเราด้อยกว่าเค้าทุกอย่างนะครับ ยกเว้นเรื่องความทนทาน

ใช้ครับน้า ^^  รถน้าแกแรงเอาเรื่องเลยครับ 150 +
แล้วเดิมๆขัดพอต ไอดี ไอเสียละ ครับ ความทนทานหายไปไหมครับ น้่า
อยากได้เป็นแนวทางจะอัพพลังให้มันหน่อยแต่ มีเงื่อนไข ใช้งานได้ปกติและความทนทานยังเหมือนเดิม ทำอะไรดีครับที่คุ้มกับการทำครับ เช่น เฮดเดอร์ ของผม auto เฮด 4-2-1  หรือ 4-1 ดีครับ

10ม้าไม่ได้มาง่ายๆ นะครับ ถ้าไม่ได้ ไปเล่น Hardware
เล่นแต่ software มันก็ ได้แค่ การตอบสนองของเครื่องล่ะครับ แต่ม้าไม่ได้เพิ่มเยอะครับ
อยาก เพิ่ม20 ม้า ใส่ แคม ขยายความจุครับ ได้ทั้งม้า ได้ทั้งแรงบิด

ผมเคยคิดจะโมอยู่ เเต่สุดท้าย ลงเทอร์โบเลยดีฟ่า มาเยอะก่า เม็ดเงินพอกาน 5555

ทำเต็มๆก็ ลูก toda หัวนูน แคม กล่อง ที่เหลือพวกสปริงวาลว วาลวซิ่ง ฝา พวกนี้ ทำไม่ทำผมเฉยๆนะ

ตอนนี้ ลูก toda 81.0 ไม่รู้ยังมีเหลือขายป่าว ถ้าได้มาต่าจะอัพม้าได้อีกเยอะเลย CR ratio ไปเกือบ 13 นู่นนนน

เดี๋ยวอาทิตย์หน้าลองไปถาม ฝูงฝาดำขับหลังให้ครับ ว่าเขาทำไรกันมั่ง เห็นเสียงตื้ดๆหลายคันอยู่

ขอบคุณน้าๆทุกท่านผมอยาก
น้าๆมาปล่อย วิชาการโมให้บ้างครับ เพื่อใครอยากลองโมครับแบบว่า ใจรักna  ฝาดำ มีหลายท่านครับซุ่มๆ 
เพื่อจะไปดังในคลับอื่นบ้างครับ คิคิ

อยากทราบเรื่องการขัดพอตไอดีไอเสีย ทำให้ความทนท่านหายไปไหมครับ  ข้อเสียมีไหมครับ

ไม่เกี่ยวครับ
โดยมาก ถ้าพอรทโรงงานมาเล็ก อาจจะเกิดการอั้นที่ฝา การขยายพอรท อากาศเข้าได้มากขึ้นก็น่าจะดีขึ้น แต่ก็มีลิมิตในการขยาย มากไปก็อาจจะวิ่งไม่ดี

แต่ไม่เกี่ยวกับความทนทานแน่นอนครับ NA นี่ทนมากนะครับ โดยมากจะหลับจากการโหม่งวาลวกันซะมากกว่าเนื่องจากการปาดฝาสูบ หรือ ใช้รอบมากกเกินสปริงวาลวดีดไม่ทัน

ที่เหลือก็สึกกรอตามการใช้งานเหมือนเครื่องทั่วๆไป

คันนี้รถรุ่นพี่ทำกับน้องที่บ้าน เครื่อง 20v ขับหลังชนเกียร์ เครื่อง 2T เฟืองท้าย ae 86  4.555  ครับ...

   - ท่อนล่างฝาขาว ฝาสูบฝาดำทำพอร์ตกับน้องบอล Kingport ช่วยสนับสนุน บ่าวาร์วเดิม ขยาย 1.5 มิล วาร์วเดิม สปริงเดิม ปาดฝา 1 มิล. ประเก็น 7A บิดเเคมเดิม ไอดีไอเสีย เปลี่ยน Overlap ใหม่  
   - ลูก 83 มิล. ของ nissan CA18  โบ เเละโมลูกใหม่กลึงร่องเเหวนเพื่อสร้างเเรงอัดใหม่เพื่อป้องกันร่องเเหวนเเตก ทนกว่าเพราะตัวลูกสูบวัสดุ Nissan ทนบูสร์ได้ดีกว่า ทำให้ทนความร้อน เเละลูกลีม (หัวระลาย) ได้ดีกว่าเมื่อทำกำลังอัดสูงๆ
   - ท่อนล่างฝาขาว โมปั้มน้ำมันเครื่องใหม่เชคหน้าปั้มเเละเพิ่มเเรงดัน ที่สำคัญเป็นลูกลอกดันสายพานหน้าเครื่องเราสามารถตั้งให้ตึงได้ จะมีผลเมื่อรอบสูงๆทำให้สายพานไม่ยืด Overlap ไม่เปลี่ยน (ทำไมถึงมีสายพานซิ่ง) ท่อนล่างฝาขาวก้านจะทนกว่าฝาดำเมื่อรอบสูงๆ โมใหม่เจียร์เเละปัดเงาให้น้ำหนักเท่ากันทุกก้าน เเละกลึงสลักลูกสูบลดน้ำหนัก เเละเปลี่ยนชาร์ปเป็นเครื่อง 4a  ซุป เท่ากัน ขยายอ่างน้ำมันเครื่องเดิมเป็น 5 ลิตร
   - ลิ้นฝาขาว ไม่ใช้ชุดประเก็นที่ต่อ อเด็ปเตอร์ต่อตรงกับฝาสูบโดยตรงเเล้วตัดประเก็นใหม่เอา เเต่งพอร์ตใหม่ให้เข้ากันทางเดินอากาศดีกว่าเดิมเยอะพอสมควร
   - หัวฉีด 1เจโบ ปั้มติ๊ก Nismo เรกูเรต RB20 ใส่เเทนของเดิมได้เลยเพราะมาเดิมๆเดินเบาก็ 3 บาร์เเล้ว กล่อง KKT จูน E20 ผสม E85 อัตรา 3/4 ดีที่สุดที่ลองกันได้ทั้งต้นเเละปลาย กับเชื้อเพลิงสองชนิดนี้ เพราะไม่เหนียวเเละไม่เเขก

      สำหรับความคิดผมวิ่งได้ดีพอสมควรกับงบเเละของที่ทำใส่ ถึงอาจจะดูลูกทุ่งไทยประดิษฐ์ ก็วิ่งได้ดีพอสมควร สำหรับเเรงม้าไม่ทราบเพราะไม่เคยวัด เพราะจูนเน้นการขับจริง เเละเอาความรู้สึกจากพี่ที่ขับเขาบอกผ่านก็ OK ...^^..

  Modify BY Engine Part...

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=463269183756529&set=a.463269160423198.1073741831.100002203540868&type=1&theater
https://www.facebook.com/photo.php?v=513169162099864&set=vb.100002203540868&type=2&theater

4A-GE20V ฝาดำ  
   - ทำ Direct coil ครับ ใช้ Coil ของ Honda K20  
   - ทำระบบ E85 หัวฉีด 1jz-GTE
   - กล่องจูน 1 ใบครับ
   - ทำระบบน้ำมันปั้มติ๊ก 1JZ-GTE สีดำตัวเล็ก + Regulator ของ NISMO ตัวเล็กหน้าตาโง่ ๆ

ลองขึ้น Dyno แบบถอดล้อที่ DynoTech รามคำแหง 164
** ได้แรงม้าประมาณ 135-140 ครับ (จูนโดยจูนเนอร์หน้าใหม่)

คันนี้เคยไปขึ้นที่ TestCar จูนดีแล้วได้ 167 แรงม้าครับ

ปัจจุบันเท่าที่สังเกต Dyno ลูกกลิ้งหลาย ๆ ที่ได้ค่าแรงม้าที่ไม่ค่อยมาตราฐานกัน ส่วนใหญ่จะให้ความรู้สึกไปทาง "อ่อน" ครับ

** ส่วนตัว ผมชอบที่ DynoTech ที่สุดครับ เพราะได้ค่าที่ "แข็ง" และวัดค่าได้ไวมากครับ ปรับเปลี่ยนค่าในตารางจูนนิดหน่อย ก็เห็นกราฟมาการเปลี่ยนแปลงให้เห็นเลย

ผมยึดถือเครื่อง Dyno ถอดล้อที่ DynoTech เป็น Standard ครับ (เครื่อง Dyno ยี่ห้อ DynaPack) แต่ถ้าจะเทียบกับลูกกลิ้งผมจะเอา 1.07 ไปคูณค่าที่ได้จาก DynoTech ครับ

กรณีคันใน Clip ข้างล่าง DynoTch วัดได้เมื่อจูนดีแล้วคือ 139.5 HP = 135*1.07 = 149.2 แรงม้า ลูกกลิ้งแบบที่เราคุ้นเคย

ดังนั้น จขกท. ขอ 150 แรงม้ากับเครื่อง 20V ฝาดำ ขอตอบว่า ทำได้แน่นอน แต่ต้อง E85 หัวฉีด 1JZ-GTE จูนกล่อง 1 ใบ


http://www.youtube.com/watch?v=PLkc0IOqptw

ลองไปวัดแบบลูกกลิ้ง ให้เขาปรับค่าวัดไดโนเป็นมาตรฐาน SAE ดูครับ

การคูณ 1.07 หรือบวกเพิ่ม 7% ในสมมติฐานมันเยอะมากนะครับ

ถ้าวัดที่ testcar นั้น ลบไปเลย 25-30% ครับ น่าจะเป็นม้าฟลายวีล อยากวัดแข็ง ต้อง dynoking หรือ stryder ครับ ม้าหงอยสมใจ :emoty

วางมาใหม่ๆ สายไฟเดิม กล่องเดิม รถผม 137 ตัวครับ ที่ 7900 รอบ ไดรโน AUTO CAR พอใส่กล่อง F-CON ก็เป็น 140 ม้าที่ 8200 รอบ อันนี้เดิมๆนะ ไม่ได้เปิดมาทำไรเลย แต่พอทำฝาใส่ระบบจุดระเบิดใหม่มันก็ขึ้นเป็น 152 ม้าที่ 8500 รอบ วัด DYNO เดียวกันครับ ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกับเครื่องครับ

ทำฝา ถ้าไม่มีการวัดโฟลก่อนและหลังทำก็ไม่รู้หลอกครับว่าฝาดีหรือไม่ดี ส่วนมากทำได้เต็มติ่ง โฟลจะดีขึ้น 15-20% แต่แรงม้าได้กี่ตัวนั้นไม่สามารถตอบได้เลย ส่วนมากที่รู้สึกแรงขึ้นเพราะกำลังอัดนะครับ ปาดฝากันประเก็นบางๆมันก็ดึงขึ้นอีกพอสมควรนะ แต่ก็ต้องมีกล่องคอยจูนเก็บละเอียดถึงจะดี

 :emo2 :emo2 :emo2

จริงครับฝาสูป เเรงไม่เเรงอยู่ที่ตรงนี้จริงๆนอกนั้นที่เปลี่ยนสิ่งที่ได้ก็ทน......พอร์ตไม่ได้ขยายเลยเก็บอย่างเดียวเเน้นเเค่วาร์ว บ่าวาร์วเเละห้องเผาไหม้ครับ...ชัดเจนจริงๆ..
เห็นด้วยอย่างเเรงกับคุณเบสเลยครับ เครื่องทำไม่หมุนจูนให้ตายก็นะ....เเต่ทำเครื่องหมุนจูนนิดหน่อยก็เเรงเเล้ว....ผมก็อยากรู้บ้างเเล้ว เดียวอาทิตย์หน้าเเข่งเสร็จต้องชวนพี่เขาไปวัดมั่งดีกว่า... :emotq :emotq

ขอยคุณครับ ความรู้เพียบ

1.07 หรือ 7% เป็นค่าเฉลี่ยที่ผมใช้เป็นตัวคูณ Keng Service Dyno VS DynoTech ที่ได้จากการเก็บสถิติครับ ไม่ได้เยอะเลยครับ เพราะถ้าไม่กำหนด factor ระหว่าง Dyno อาจจะทำให้หลงทาง หลงประเด็นเวลาเทียบกันครับ เพราะ Factor คราว ๆ นี้่เราจะแจ้งลูกค้าตลอด เพื่อไม่ให้เข้าใจผิด (รถไม่แรงเข้าใจว่าแรง - จูนดีแล้วแรงแล้วแต่คิดว่าม้าน้อย)

บาง Dyno อาจจะไม่ใช่ 1.07 แต่เป็น 1.2 เลยก็มีครับ


ผมไม่ใช้วิศวกรระบบ Dyno ที่จะมาหาคำตอบเรื่อง Dyno อ่อน-แก่ วัดล้อ-วัด Flywheels ใช้ตัวเลขทางสถิติ ok แล้วกับการทำงานครับ


 เพราะในกรณีกล่อง KKT จะจูนบ่อย ๆ  2 ที่ครับ คือที่เก่ง Service ลูกกลิ้ง Dyno Jet กับที่ DynoTech เป็นของ DynoTech ครับ ที่อื่นอ่อนหรือแข็งยังไงผมก็ไม่รู้ครับ เรื่อง Dyno อ่อนแข็งมีประเด็มมากครับ

** เรื่องเครื่องมือวัดในเมื่อมันหามาตราฐานกันยาก ผมก็เลยไม่สนใจแล้วครับ ถ้าเราใช้บ่อย ๆ จะรู้ว่าที่ไหนเป็นยังไงครับ
โดยปกติการจูนจะวัดแรงม้า ก่อนจูน เทียบหลังจูนครับ รถรุ่นนั้น ทำหลาย ๆ คันวัดบ่อย ๆ เก็บข้อมูลไว้ มันก็พอจะบอกได้แล้วว่า ok หรือไม่ ok ครับ




  

เทียบกัน 2 Dyno ครับกับเครื่อง 1NZ-FE VIOS Step ใกล้เคียงกัน จูน E85 ตามกระแสนิยม กล่องใบเดียวกัน แค่ต่างคนจูน

1. Keng Service เกษตร-นวมินทร์ ใกล้ ๆ Big Apple

(http://imageshack.us/a/img59/153/l6zj.jpg)

2. DynoTech

(http://imageshack.us/a/img546/5985/81dz.jpg)

** 2 คันนี้ลองขับ ๆ ดูแล้วใกล้เคียงกันครับ แต่จะเห็นว่า ที่ DynoTech ม้าแข็งมาก จูนได้แถว ๆ 98-103 ม้าเองสำหรับ 1nz-fe E85 ไม่เปิดเครื่อง
แต่ที่ Keng Service ได้ 118 - 122 แรงม้าครับ

ที่เห็นว่าจูนม้าเพิ่มเกือบ 20 แรงม้าสำหรับ VIOS กล่องใบเดียวนั้น จริง ๆ มันไม่ใช่แบบที่เข้าใจครับ รถ N/A เปลี่ยนน้ำมันเป็น E85 จูนได้เพิ่มไม่เกิน 8-10% ตามหลักการครับ
แค่ที่มันได้แรงม้าเยอะ เพราะไปเต็ม E85 มาแล้วส่วนผสมมันบางครับ แรงม้าเลยร่วง พอเอามาจูนให้ A/F ได้แรงม้าก็มาแล้ว พอเพิ่มไฟจุดระเบิด ก็เพิ่มมาอีก เลยเพิ่ม 2 ต่อได้เกือบ 20 แรงม้าครับ

*** แรงม้าที่เพิ่มต้องทำความเข้าใจแบบวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ กล่องเทพ จูนเนอร์เทพครับ แต่เพราะขึ้น Dyno แล้วทำแล้วทำให้ทราบว่ามาถูกทางครับ

เรื่องไดโน ใครก็รู้ว่าแต่ละที่มันแข็งอ่อนไม่เท่ากัน

ที่นี่ สมการท่ีว่า dynotech*1.07 = dyno ลูกกลิ้งเนี่ย ปัญหาที่ผมบอกคือ ไดโนลูกกลิ้งแต่ละที่ก็ยังไม่เท่ากัน บางทีถ้าเทียบ dynotech กับไดโนลูกกลิ้งบางที่ สมการมันอาจจะกลายเป็น dynotech*0.95 = dyno ลูกกลิ้งก็เป็นได้(ผมก็ไม่เคยไปลองเทียบขนาดนั้น)

ผมคิดว่า ถ้าวัดที่ไหนบ่อยๆ 2 ที รถคันเดียวกันเป็น benchmark สภาพเดียวกัน วัดหลายๆครั้งเข้า ก็สร้างสมมติฐานขึ้นมาได้ อาจจะเป็น dynotech*1.07 = dyno keng service แบบนี้ เป็นไปได้แน่ครับ คือเป็นเฉพาะที่ๆไป

ออ เวลาไปวัดไดโนแต่ละที่ ต้องบอกให้เขาเลือกใช้หน่วยวัดมาตรฐานเดียวกันอึกด้วย เครื่องม้นปรับตั้งได้หลายหน่วยสากลและหน่วยตามใจจูนเนอร์ก็มี มัาไหล 555

Dyno ลูกกลิ้งหลาย ๆ ที่วัดได้ค่าใกล้เคียงกันครับ พยายามจะคิดว่าหลาย ๆ ที่อ่อน แต่พอวัดเข้าจริง ๆ ใกล้เคียงกันครับ (ผมไม่ได้ไปเจาะจงวัดจริง ๆ ครับ)
การตั้งค่าจริง ๆ จะมีแค่ 2 หน่วยครับ คือหน่วย PS กับ HP ครับ ผู้ผลิต Dyno ก็พยายามรักษามาตราฐานเครื่องไม่ให้เสียยี่ห้อครับ  
                        1 HP = 1.014 PS  

ยังมีอีก HP ทางไฟฟ้า กับทางกลมันไม่เหมือนกัน แต่เครื่อง Dyno ทั้งหลายเขาจะตั้งเป็นแบบทางกล ที่มีวิธีคำนวณกลับแบบที่วัดจากล้อแล้วหาเป็นแบบที่ Fly weels ออกมา และหาออกมาแม่นยำมาก

** Dyno ลูกกลิ้งที่ว่าอ่อนจริง ๆ นั้นมีอยู่แค่ 1-2 ที่ครับ นอกนั้นใกล้เคียงกันครับ (ไม่ขอเอ่ยชื่อครับ) พอสอบถามบางเจ้าทำไมอ่อน เขาบอกว่า เครื่องไม่ได้ดูแล
    กลัวว่าค่าที่ตั้งไว้มันเคลื่อนไปแล้ว ไม่อยากไปยุ่งกลัวมันจะไปกันใหญ่ ให้รู้ ๆ เอาไว้เทียบ Before - After เอง

  - ใครวัดแล้วได้น้อย เครื่องเรามันก็อาจจะน้อยจริง ๆ อย่าไปปลอบใจตัวเองว่า Dyno แข็งเลยครับ

ผมใช้ Sense แบบวิศวกรที่เคยอยู่กับพวกเครื่องวัดมาหลายปี .. เครื่อง Dyno ที่ราคาแพงไม่ใช่แพงเพราะอุปกรณ์แพง แต่แพงเรื่องการสอบเทียบให้ได้มาตราฐานที่ทั่วโลกยอมรับ
และจะต้องออกแบบระบบ ให้สามารถรักษาความเป็นมาตราฐานให้ได้ตลอด ทุกเงื่อนไขและอายุใช้งาน ... และต้องยากที่จะไปปรับแก้ไขให้ค่าอ่อน-แก่ ได้ง่าย ๆ ความไม่แม่นยำของเครื่อง Dyno ส่งผลโดยตรงกับยี้ห้อเครื่องครับ จะอ่อน หรือ แก่มากไม่ได้

ส่วนของ DynoTech ผมยืนยันนอนยังว่าแข็งเกินไป แข็งผิดปกติ แต่เคยถามคราว ๆ ว่ามันเป็นการวัดที่เขามีหลักการไม่เหมือนแบบลูกกลิ้ง และไม่แนะนำให้เปลี่ยนตัวคูณ
เพราะถ้าวัดที่ความเร็วล้อไม่เร็วมากได้แรงม้าสวยดี แต่พอวิ่งเร็ว ๆ ซัก 160 - 180 km/h มันเริ่มแข็งแปลก ๆ (หรือเขามีการจำลองเรื่องแรงต้านลม --> ต้องศึกษา)

 :emotk

พี่โต้งลองไปพูดคุยปรึกษากับพี่ติ๊บดูก่อนครับเรื่องการตั้งค่า Dyno ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนได้มั้ย
แต่เรื่องของ HP PS มันเป็นส่วนของการกำหนดลักษณะของ result

ผมเข้าใจอย่างที่น้าอธิบอกนั่นแหล่ะครับ SAE ให้เหมือนๆกัน เพราะมันน่าจะมีเรื่องของ correction factor ที่ต่างกันอยู่ครับ

SAE มันคือ Society of Automotive Engineers หรือเปล่าครับ มันจะมีนิยามในการกำหนดหน่วยวัดของเขาอยู่ เห็นด้วยที่ต้องตั้งให้เหมือนกัน
แต่ในคู่มือของ Dyno ที่ผมพยายามหาเกี่ยวกับการตั้งหน่วยวัด มันไม่ได้อ้างอิงชื่อ SAE อันเดียวกันเลย หรือไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับ SAE เลย ยากมากที่จะเทียบกัน ดังนั้นในระดับเรา ๆ ต้องถามผู้ผลิตเลย ว่าแนะนำหน่วยไหน

correction factor ที่มามันซับซ้อนนัก ถาม ๆ เจ้าของไดโน่ ได้ความว่า ให้วิศวกรของเครื่องมาตั้งให้ แล้วจะไม่พยายามไปยุ่งกับมัน แค่ถามฝรั่งที่มาตั้งเครื่องว่า OK ไหม ถ้าเขา OK ก็คือจบ
เหมือนส่งเครื่องมือไปสอบเทียบล่ะ เราไม่ต้องไปรู้อะไรหรอก แค่สถาบันเขาบอกว่า ok เซ็นชื่อแล้ว เราก็ OK ใช้งานเลย

** ระดับความรู้ผมก็แค่ Software Engineer ไม่ใช่ Automotive Engineer ยอมรับครับว่า ยังงง ๆ ในเรื่องการวัดแรงม้า แรงบิดมาตลอด ทำไมมันไม่เหมือน กฎของโอห์มในทางไฟฟ้าเลย

ผมไปนั่งเล่นไดโนที่ dynoking และ autocar ที่ตัวคอม มันมีtab ให้เลือกค่าการวัดของเครื่องครับ ผมก็ไม่รู้เรียกว่าอะไร แต่พอเลือกอีกแบบ ม้าเพิ่มมาอีกหน่อยครับ run เดียวกันเลย แต่เลือกแสดงผลได้ต่างกันครับ ลองดู

ข้อมูลทั้งนั้น


ขอสอบถามครับทำไมไม่มีใครเคยจูนกล่องแก๊ส เล่นบ้างป่ะครับแก๊สออคเทน 100 แต่ไม่เห็นมีไครลองจูนลอง บ้างเลยอะคับ แทมไฟก็บิดได้เยอะไม่เขก
เคยลอง บ้างป่าวครับ  ขอบคุณครับ

 :emotk

รถผมเกาฝามานิด...เดิมทั้งตัว141
(http://image.ohozaa.com/i/gc5/Y1kKOO.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/x3KcJa00QOEHe8N0)(http://image.ohozaa.com/i/ebb/gLM3Op.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/x3KcFCdc13JUMhZb)

แต่รอบนี้ไปไกลแล้วครับ..

(ขอบคุณ น้าๆ นักวิชาการ ที่มาให้ความรู็ทุกท่านครับ :emotn )
ขอรายละเอียดด้วยครับน้า  ขอบคุณครับ ไม่ได้ไม่เป็นอะไรครับ

เดิมๆเถิด ..

นะเรานะ...เดิมๆ จริงงะ....

แค่ทำให้ระเครื่องทำงานได้เต็มที่แบบสแตนดาร์ดโรงงาน ที่เครื่องควรจะเป็น
ครัชกึ่งทองแดง ยางดีๆ ก็วิ่งไม่อายใครนะ (ผมเน้นทนนนนน อิอิ)

เหมือนกันครับน้ารอ โอโวฮอน สักครั้งหนึ่งก็ ok  ครับ  อาจจะมีทำบ้างเล็กน้อยที่ไม่ทำให้เสียความทนทานไปครับ ^^

ว่างๆจะให้น้าโมทจูนแก๊สให้ ^^

แรกๆก็ไม่ งง นะ อ่านเจอ SAE ABC EFG   งง เลยฮ้าฟฟฟฟ

ฝาดำออโต้กดกันได้เท่าไรครับ ของผมตามตรงอ่ะ180นี่อืดละครับ

บอดี้101 พักลางใบ ปลายเยื้อง2.2 ล้อ15 195/50 น้ำมันe20 เดิมหมดกล่องอากาศเดิม

กล่องตัดหรอครับ ผมว่าน่าจะได้ 200 นะ ถ้ากล่องไม่ตัด  อยู่ที่เข้าเกียร์ด้วยครับ แนะนำ ลอง ไล่เกียร์ เข้า 2  เยียบ สุด ให้ได้  6500  รอบขึ้นทุกเกีย
ผมว่ายังไงก็ถึง มันจะไล่ 1 2 ล็อก กดโอเวอไดรด้วยนะตครับ  ดัน เข้า d  ลาก ไป สุดๆ 7000  รอบ ปลดไดร ออก ลอยๆ 7000 รอบ  น่าจะ ถึงนะครับ
ผมก็ไม่เคยลองถึง 180  เพราะไม่กล้าลอง ส่วยใหญ่ กดๆยังเหลือ อีกเยอะผมว่านาจะถึงผมวิ่งแก็ส  เรื่องท่อผมเดินแบบหน้าเลยครับ :emotn

กดPWR หนึ่งตัด7800 สองก็ตัดที่7800เหมือนกันที่140 ต่อสามจน180ของผมอืดละครับช่วง160-180ช้าด้วยครับ ไม่ได้ตัดที่กล่องครับแต่ของผมมันได้แค่นี้ก็สุดทางละครับ

จัดเกียร์ธรรมดาเลยคับ ลากจนสุดทุกเกียร์

Dyno เอาไว้โชร์ วิ่งจริง..หม่ำ..ได้จบ.......

สุดทางก่อนเด๋วผมทำช่วงล่างดีๆแล้วจะลองมาบอกครับ  ผมว่านน่าจะได้นะครับ  200 กด PWR ไล่เกียร์  ถ้ากล่องไม่ตัดแต่ของผมแก๊สออคเทน 100  บิดไฟจานจ่ายได้อีกนะครับไม่เขก ผมเคยสัดไป160
ยังเหลือ อีก  สุดทางก่อน  :emotn  ไม่งั้นก็ลองเป่ากรองอากาศ ทำให้สมบูณ  เปลี่ยนหัวเทียน  ระบบไฟ เดินดีๆ ครับ :emotn

ขอบคุณครับ จริงๆครับ เคย เล่นกับเครื่องแรงกว่าแต่สัพเกียไม่เป็นโดนได้ครับเพราะเวลา เจอกัน  เส้นทางกำหนดมาแล้วไม่มีไครได้สุดๆ หรอกครับ

ช่วงก่อนถึง160มันก็มาไวเหมือนไหลได้เเรื่อยๆแต่พอมันเกิน160ไปมันช้าแล้วครับ ส่วนระบบไฟค่อนข้างครบครับ กรองอากาศใหม่ๆเลยครับพึ่งซื้อมาเปลี่ยนหรือว่าผมได้เครื่องไม่สดมาก็อาจเป็นได้ครับ

 :emotia

เด๋วยังไงจะลองมาให้ครับแต่ผมมีสายหัวเทียนแต่ง 1  เส้นกรองอากาศเดิมเปลี่ยนใหม่ หัวเทียนเปลี่ยนใหม้ บิดไฟแก่ขึ้น  ตอนนี้ช่วงล่างเน่ามากครับเลยไม่กล้า

Oop!!!!

ผมก้อเดิมนะฮาฟฟฟ 288 ตัว

หลายหน่วยปวดหัวครับ ผมไม่ค่อยสนเท่าไหล่นะ จะมากจะน้อย

Dyno ปกติเค้าไปหาองศาไฟกันตอนจูนอะครับ ว่าดันได้แค่ไหน มันทำให้จูนเนอร์ทำงานง้ายและปลอดภัยกว่ามาเดาบนถนน (ผมกะพี่ที่จูนให้ผมชอบเดาเป็นการส่วนตัวเพราะไม่อยากเสียค่า Dyno เลยจูนถนน อิอิ) ส่วนมากก็เอาไว้ประมาณนี้อะครับ เพราะวัดแต่ละ Dyno ค่าที่ได้ไม่เคยจะเท่ากันเลย เลยไม่ค่อยสนใจว่าไครมากไครน้อยเพราะเวลาจะลองกันจริงๆคือวิ่งจริงรู้เรื่องกว่าครับ กราฟส่วนบางที่ก็วิ่งไม่ดี กราฟกากๆบางทีมันก็วิ่งอร่อยนะ เรื่องพวกนี้ตอบยากครับ

(ปกติที่อาจารย์ผมสอนมานะคือให้ดูที่กราฟแรงบิดครับแล้วค่อยๆดันไฟพร้อมกับแต่งส่วนผสมตามองศาไฟไปเลื่อยๆจนถึงจุดนึงถ้ากราฟแรงบิดมันไม่ขยับขึ้นแล้วให้ลดไฟลงนิดนึงแล้วไปแต่งส่วนผสมในจุดที่ยังไม่ดีให้พอดีครับนี้คือขอดีขอ Dyno)

อ่อ.....คือจะบอกว่าการจูนบน Dyno บางครั้งที่ผมเจอพอมาวิ่งจริงต้องมาลดไฟกันอีกทำให้ไปวัดม้าอีกรอบได้น้อยกว่าจูนรอบแรกอะครับ เลยไม่รู้ว่าอะไรตรงไหนดี  

ที่เบสว่ามา ผมเห็นด้วยทั้งหมดเลยนะ ทุก ๆ เรื่องเลย

แต่ Dyno มันทำให้จูนเนอร์ขายงานได้ง่ายนะ เพราะมันเป็นเครื่องมือวัด วิทยาศาสตร์ที่ทุกคนเชื่อถือ การไปพูดด้วย Feeling มันใช้กับลูกค้าระดับที่เล่นรถมาเยอะ ๆ แล้วเท่านั้น แต่ใครจะตีความกราฟบนไดโน่ที่เห็นมันก็เป็นอีกเรื่องนึง

เล่นรถแบบไทย ๆ เวลาไปขึ้น Dyno ต้องดูที่ แรงม้าสูงสุดครับ แรงบิด หรือ ดูว่ากราฟสวยไม่สวยไม่ได้สนใจกันหรอก คือแรงม้าสูงสุดเอาไว้โม้ หรือขายงานได้

ส่วนเวลาดันองศาไฟจุดระเบิดเยอะ ๆ แล้วแรงม้าแรงบิด ได้เยอะเวลาลงถนนต้องจูนลดลงเพราะว่า
โหลดถนนจริงมันหนักกว่าโหลด Dyno ครับพอโหลดเยอะ องศาไฟจุดระเบิดจะเยอะไม่ได้ แรงต้านจากโหลดเยอะ ลูกสูบจะเคลื่อนตัวช้าลง
ไปจูนองศาไฟเยอะ ๆ มันได้แรงดันไม่ดี เลยต้องยอมลดองศาไฟจุดระเบิดลง

บางคนสงสัย เรื่องจูนไฟจุดระเบิดทำไมไม่ใช้ Knock monitor ฟังเสียง Knock เอาล่ะ จะได้รู้ว่าเพิ่มไฟ ok หรือเปล่า
ผมขอตอบแทนเลยครับ กรณีน้ำมัน octance สูง ๆ เช่น E85 เราไม่สามารถจับเสียง knock ได้เลยครับ ในช่วงที่ไฟเริ่มแก่ ไฟต้องแก่มาก ๆ จริง ๆ จึงจะมีเสียง knock คือ E85 ไฟแก่มาก ๆ ยังไงก็ไม่ knock แต่ว่าแรงบิดร่วงลงไปแล้ว

จูนเนอร์ใหม่ ๆ มักจะหลงประเด็นเรื่ององศาไฟกับ E85 เพิ่ม ๆ ๆ ๆ เข้าไปเพราะยังไม่ knock สุดท้ายรถวิ่งไม่ได้เรื่องเพราะองศาไฟจุดเยอะไปนี่ล่ะ

ขอบคุณครับ ต้องใจรักจริงๆเรื่องพวกนี้

ขอบคุณครับน้า ^^ ผมคิดว่า ประสมการการฝึกฝน นั้นตัดสินได้ครับ

ฟังเสียง Knock จริงๆแล้วถ้าเราเข้าใจว่าองศาที่ดีที่สุดของเครื่องคืออะไร เราจะไม่ได้ยินเสียงนี้นะครับนอกจากเครื่องมีการเปลี่ยนแปลง Load แบบกระทันหันเท่านั้นอาจมีเสียงได้บ้าง

องศาจุดระเบิดที่ดีที่สุด คือ องศาที่ให้แรงบิดมากที่สุดในกราฟ แต่ต้องเป็นองศาที่อ่อนที่สุดในขณะแรงบิดสูงที่สุดนะครับ สมมุติดังอีก 4-5 องศาแล้วแรงบิดไม่ขยับขึ้นสักเท่าไหล่อย่าฝืนดันต่อครับ ยังไงก็เขกครับ ผมชอบองศาพอดีแล้วน้ำมัน A/F สัก 13.0-13.5 ครับ จะวิ่งลื่นดี เสียงดี แต่ช่วงสับเกียร์จะเทให้มันหน่อย 12.8-13.00 อะไรอย่างนี้อะ แต่ถ้าไปวิ่งพีระก็เทเข้าไปอีกหน่อย 12.5 น่าจะสวยครับ เอาเซฟๆ

อันนี้คือสิ่งที่ผมเรียนรู้จากอาจารย์หลายท่านและก็มั่วเองบ้างบางจุดนะครับ

เป็นจูนเนอร์ได้เลยนะเนี๊ย ไม่ต้องหลักการอะไรมากเลย แค่จับจุดได้ตรง ๆ จูนยังไงก็แรง

เรื่องไฟแก่มากๆแล้ววิ่งไม่ออก (แต่ไม่เขก) กับ E85 ผมโดนมากับตัวเลยครับน้าโต้ง เป็นจริงเลย

ดันไฟไปเย๊อะ แล้วยังไม่เขก เราก็ดันขึ้นไปอีก (เพราะพี่ชายเคยให้ฟังเสียงเบนซิน 95 มันเขกได้ชัดเจนเลย)

แต่ E85 ดันไฟขึ้นไปแก่มากๆประมาณนึงแล้ว พบว่ารถมันไม่วิ่ง แต่พอลดไฟลง อย่างตอนนั้นพี่เค้าก็ลดให้ดูประมาณ 3-5 องศา

ปรากฏว่ามันถีบตัวออกไปได้ดีขึ้น ^__^ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ