AE. Racing Club

AE Racing Club - Knowledge Sharing => รวมบทความ ความรู้ต่างๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: CHOK@RAYONG ที่ 15 มีนาคม 2008 17:07:48



หัวข้อ: อาการ "น็อค" ของเครื่องยนต์ มันเป็นยังไง???
เริ่มหัวข้อโดย: CHOK@RAYONG ที่ 15 มีนาคม 2008 17:07:48
ก่อนอื่นมารู้จักกับคำว่า"น็อค"กันก่อน ซึ่งมันคือการที่ส่วนผสมของน้ำมันกับอากาศที่เอาไปเผาไหม้เครื่องยนต์เกิดการจุดระเบิดเองโดยที่หัวเทียนยังไม่ได้จุดประกายไฟก่อนถึงจังหวะจุดระเบิดจริง ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดแรงต้านการเคลื่อนที่ขึ้นของลูกสูบในจังหวะอัด เมื่อถึงเวลาที่หัวเทียนเริ่มจุดระเบิดก็ไม่สามารถสร้างพลังงานที่สมบูรณ์ได้ ส่งผลให้เครื่องกำลังตก วิ่งไม่ออก หรือเรียกอีกอย่างว่าอาการ "ชิงจุด" ซึ่งอันนี้แหละเป็นที่มาของอาการน็อคของเครื่องจนทำให้เกิดความเสียหายได้
     เป็นอย่างไรเมื่อเกิดการ "น็อค" เกิดขึ้น
การลุกไหม้ที่เกิดก่อนการจุดระเบิดจริง ส่งผลให้ชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่อยู่ได้รับความเสียหายซึ่งสวนทางกับการเคลื่อนที่ของลูกสูบที่กำลังเลื่อนขึ้น ลูกสูบจึงเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหายมากกว่าส่วนอื่นๆ และถ้าการชิงจุดนั้นเกิดขึ้นเกิดขึ้นบริเวณผนังกระบอกสูบความร้อนที่เกิดขึ้นจากการลุกไหม้ ณ จุดนั้นจะสูงมากและจะค่อยๆกระจายความร้อนออกไป ซึ่งอาจส่งผลให้เกการละลายได้ นอกจากการเสียหายกับลูกสูบแล้ว การลุกไหม้ที่เกิดก่อนที่วาล์วไอดี-ไอเสียจะปิดสนิท ความร้อนที่เกิดจากการลุกไหม้ซ้อนๆกันจะย้อนกลับออกไปทางวาล์วไอดี-ไอเสียก็ได้ ขึ้นอยู่กับจังหวะการทำงานในช่วงนั้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายกับวาล์วและบ่าวาล์วได้อีกด้วย
    ต้นเหตุของการน็อคเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆ(ที่ผมทราบ) 2 ข้อคือ
1 องศาไฟที่แก่เกินไป
เป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นงายที่สุด เป็นเพราะความซนของเราๆท่านๆเองที่ไปปรับองศาไฟจุดระเบิดให้แก่ขึ้น โดยหวังจะให้อัตราเร่งดีขึ้นซึ่งมันก็ช่วยได้ เพราะการที่เราตั้งไฟแก่จะทำให้มีการจุดระเบิดล่วงหน้าซึ่งทำให้อัตราเร่งดีขึ้นในรอบต่ำ แต่ในรอบสูงจะทำให้เครื่องเกิดการ "น็อค" เพราะระบบไฟจะเร่งไฟอยู่แล้วในรอบสูง ถ้าเราตั้งไฟแก่มากในจังหวะเดินเบาเวลารอบเครื่องยนต์สูงขึ้นระบบไฟจะเพิ่มองศาไฟจุดระเบิดขึ้นอีกผลที่ตามมาคือ "อาการน็อคในรอบสูง" นั่นเอง
2 เลือกใช้น้ำมัน(ค่าอ็อกเทน)ไม่ถูกต้อง
ค่าอ็อกเทนคือ ค่าเฉลี่ยการต้านทานการจุดระเบิด น้ำมันอ็อกเทนสูงจะมีความต้านทานการจุดระเบิดสูงตามไปด้วย ช่วยให้โอกาสที่ส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศในกระบอกสูบที่มีความร้อนสูงจุดระเบิดก่อนเวลาอันควรลดลงไปด้วย อาการน็อคก็จะลดลงตามไปนั่นเอง แต่น้ำมันที่มีค่าอ็อกเทนต่ำใช่ว่าจะไม่ดี เพราะมันขึ้นกับความเหมาะสมของเครื่องยนต์ด้วย เพราะหากเครื่องยนต์ไม่ได้ต้องการน้ำมันที่มีค่าอ็อกเทนมากแต่ใช้น้ามันที่มีค่าอ็อกเทนสูงกลับทำให้เครื่องยนต์พละกำลังตกไปก็เป็นได้ เนื่องจากความต้านทานการจุดระเบิดของมันจะทำให้หลังจากหัวเทียนจุดประกายไฟแล้วการเริ่มเผาไหม้จะช้าลง ทำให้อัตราเร่งลดลง  ดังน้นการเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ก็สามารถลดโอกาสที่เครื่องยนต์จะเกิดอาการน็อคลงไปด้วย ดังน้นการที่เราใช้น้ำมันตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด ก็เพียงพอแถมยังประหยัดด้วยนะครับ

ถูกผิดขออภัยครับ :emotn


หัวข้อ: Re: อาการ "น็อค" ของเครื่องยนต์ มันเป็นยังไง???
เริ่มหัวข้อโดย: SMIRF 101 ที่ 18 มีนาคม 2008 21:44:18
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: อาการ "น็อค" ของเครื่องยนต์ มันเป็นยังไง???
เริ่มหัวข้อโดย: PAtIPUT ที่ 19 ตุลาคม 2009 14:45:40
 :emotn


หัวข้อ: Re: อาการ "น็อค" ของเครื่องยนต์ มันเป็นยังไง???
เริ่มหัวข้อโดย: sainump ที่ 21 ตุลาคม 2009 12:37:30
ขอบคุณคับ


หัวข้อ: Re: อาการ "น็อค" ของเครื่องยนต์ มันเป็นยังไง???
เริ่มหัวข้อโดย: man@บุญรักษา ที่ 21 ตุลาคม 2009 14:54:08
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: อาการ "น็อค" ของเครื่องยนต์ มันเป็นยังไง???
เริ่มหัวข้อโดย: thirachot ที่ 17 มิถุนายน 2011 15:37:11
 :emo2 :emo5


หัวข้อ: Re: อาการ "น็อค" ของเครื่องยนต์ มันเป็นยังไง???
เริ่มหัวข้อโดย: fogafoga ที่ 19 มิถุนายน 2011 17:39:53
แจ่ม :emo2 :emov :emow


หัวข้อ: Re: อาการ "น็อค" ของเครื่องยนต์ มันเป็นยังไง???
เริ่มหัวข้อโดย: angel ที่ 22 มิถุนายน 2011 13:35:43
 :emotq  ขอบคุณ ครับ  ผมดันจานจ่ายซะสุดเลย :emo8  กลับไปดันลงหน่อยแหล่ะ  กลัว  น๊อค  แต่ 7afe  รอบมันเบามาก :emox


หัวข้อ: Re: อาการ "น็อค" ของเครื่องยนต์ มันเป็นยังไง???
เริ่มหัวข้อโดย: aotobort ที่ 24 มิถุนายน 2011 09:39:17
ของผม4a-fe auto หมุนเข้าหาตัวจนสุดเลยเหมือนกันครับ ใส่น็อตยึดจานจ่ายตัวหน้าได้ตัวเดียวครับ
ตัวหลังใส่ไม่ได้มันเลยรูครับ แต่ถ้าตั้งต่ำกว่านี้ เครื่องสั่นมากๆครับรอบเดินเบาเกือบดับครับ สายหัวเทียนเดิม หัวเทียนพึ่งเปลี่ยน g-power ครับ