AE. Racing Club

พอดีว่าไปติดแก๊สมาแล้ว ร้านมันมีปัญหา ลูกน้องกับคนจูนลาออกหมดเลย  :emo6 แล้วเค้าก็บอกทำไรไม่ได้ต้องรอ พอดีว่ามันกินแก๊สมากเลยอะครับ ผมเติมเต็มถัง 600 กว่าบาท 58 ลิตร แต่มันวิ่งได้แค่ ไม่เกิน 350 โลเองอะครับ (ลองหลายถังแล้ว) เลยอยากถามเพื่อนๆพี่ๆ หน่อยครับ พอแนะนำได้ไหม ร้านที่จูนแก๊สเก่งๆหรือร้านเปลี่ยนก็ได้ครับ ผมติดหม้อต้ม logas เห็นหลายคนบอกว่ามันจูนยาก เลยอยากจะเปลี่ยนเป็น Tomasetto (ถ้าเกิดว่ามันยากจริงๆขนาดนั้นอะครับ) ก็เลยอยากหาร้านประมาณ แถวๆติวานนท์ ถ.กรุงเทพฯ-นนท์ หรือระแหวกแถวๆห้วยขวาง รัชดาก็ได้ครับ(ใกล้ที่ทำงาน) ยังไงเพื่อนๆพี่ๆ ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ  :emoi


ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วลองคำนวณดูเล่นๆ เติม 600กว่าบาทวิ่งได้ 350 โล เฉลี่ย 1.7 บาท/โล รถวิ่งปกติน้ำมันประมาณ(ออโต้) 10โล/ลิตร ยังงี้ถือว่าแพงไปไหมอะครับ :emos

อืม..............ยังงัยลองจูนเองก่อนดีกว่าคับ  :emotp
หาเอาจากแก็สไทยก็ได้ น่าจะมีคนใช้หม้อต้มตัวนี้แหมือนกัน ถ้าไม่ไหวต้องเปลี่ยนหม้อต้มค่อยว่ากันอีกที
แต่tomasettoมันก็นิ่งจริงๆนะแหละคับ :emotq

up up

ของญี่ปุ่นก็วิ่งแถมประหยัดด้วยเมื่อก่อนเคยใช้คับ สภาพดีๆหายากคับ

ขอแจมด้วยคน
ของผม AE-100 เครื่อง 4 AFE เกียร์ธรรมดา ระบบ มิคเซอร์ ถัง 58 ลิตร หม้อFEMA
ปัจจุบัน อัตราสิ้นเปลือง 420 กม./1ถัง(51ลิตร) เฉลี่ย 8 กม/ลิตร
ส่วนใหญ่ วิ่งนอกเมือง
ก็ถือว่ากินกว่าปกติ ในอดีตช่วงติดตั้งใหม่ๆ ทำได้ 550-580 กม./ถัง
 :emots

ไม่รู้ต้องทำอะไรบ้าง (หัวเทียน+กรองอากาศ ก็เปลี่ยนแล้ว)

up ช่วยแนะหน่อยครับ __/l\__

>>>  เห็นด้วยครับ ใจเย็นๆ ครับ ทดลอง จูนเองดูครับ ในบอร์ด นี้มาครับ แบบ เต็มๆ ครับ..

>>>  ของผม  4A-GE 16V  วิ่งไปกลับ ปทุม - จันทบุรี ความเร็ว 120 - 130 กม.
>>>  เติมเต็มถังวิ่งได้ 580 กม. เกือบหมดครับ. ก็คือยังมีเหลืออีกนิดหน่อยครับ.

-------  ขอให้โชคดีนะครับ.   :emotm :emotl

ล่าสุดครับ ผมไป ต่างจังหวัด วิ่งได้ประมาณ 400 เกือบ 500 โล แต่เติมไป 50 ลิตร  แต่พอวิ่ง กทม. วิ่งได้แค่ ไม่เกิน 400 งง มากๆเลยอะครับ เซงมากๆ

แล้วอัตราการเร่งแซง เป็นไงมั่งครับทันใจหรือเปล่า  :emo3   ถ้าแก๊สบางละเหนื่อยแน่ :emoty

ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรด้วยนะ วิ่งทางไกล มันวิ่งยาวๆ ไม่ต้องจอดแช่เหมือนในเมือง

เกือบ 500 โลต่อถัง ก็ถือว่าไม่กินหรอกครับ

เมื่อก่อนผมก็ใช้หม้อต้มlogasเหมือนกันครับอัตราเร่งดีแต่กินกว่าหม้อต้มโทมาเล็กน้อยตอนนั้นวิ่งต่างจังหวัดถังนึงวิ่งได้550โลที่ความเร็ว100-120 กม/ชม. ในเมืองได้420 ตอนนี้ใช้โทมาอัตราเร่งลดลงนิดหน่อยแต่ประหยัดกว่า

ปกติ ราคาแก๊ส 11.25บาท/ลิตร  เติม 450บาท  วิ่งได้ 400 กม. ตกกิโลละ 1.125 บาท เค้าคิดกันแบบนี่หรือเปล่าที่ ว่า ประยัดแล้ว

อัตราเร่งแซงก็ดีอะครับ ปกติเหมือนวิ่งน้ำมันเลย  แต่ถ้าอัตราเร่งดี แต่กินเยอะ สงสัยคงต้องยอมอะครับ (แต่อยากได้ถูกกว่านี้นิดนึง)

ร้านแก็ส+คนจูนเก่ง ๆ มีจะเดินชนกันตายครับ ไม่ต้องไปง้อแมร่งหรอกไอ้ร้านแบบนี้ ขนาดลูกน้องยังไม่อยู่กับมันเลย แล้วลูกค้าล่ะ... คิดเอาเอง แต่ถ้าคุณอยากลองทำเอง serch วิธีการจูนได้ที่ GAS THAI .COM ครับ มีให้หลายยี่ห้อครับ

อยากได้ร้านจังเลยอะครับ ไปกี่ที่ๆ ก็จูนไม่จบ เกี่ยวกับหม้อต้มโดยตรงแน่ๆเลย  เป็นไหมอะครับ (ขอชื่อร้าน สถานที่หน่อยเถอะครับ)

ผมว่า อดทนเก็บตังอีกหน่อย upgrade เป็นหัวฉีดไปเลยดีกว่า น่าจะประหยัดกว่าเร่งสะใจกว่า ..

เพราะ ผม พึ่งเปลี่ยนจาก หม้อต้ม Magic หม้อต้ม อินเดีย ที่พอใช้ได้แต่จูนยาก มาเป็น Tomasetto ที่เขาว่า จูนง่าย... 
เปลี่ยนมาช่างที่อู่ จูนมาให้ .... บางสนิท ทั้ง Idle และตอนเหยียบ.. ก็วิ่งได้ไม่สะดุจ.. แต่เหยียบไม่สะใจ
พอใส่ Lamda กลับเข้าไป จูนเอง เน้นขับสบาย วิ่งออก Idle ไม่หนาไม่บาง ที่เหลือ Lamda จัดการให้ผลออกมา ... กิน พอพอกับหม้อต้มเดิม... แค่อาจจะจูนง่ายกว่าหน่อย .. คงเส้นคงวากว่า
ก็ประมาณ 8-9 Km/lite เหมือนเดิม

ผมน่ะเสียดาย.... ใจอยากได้ หัวฉีดมากกว่า ..แต่ต้องเปลี่ยนเป็นหม้อต้มไปก่อน เพราะ ตัวเก่ามีปัญหา

เปลี่ยนและจูนที่ร้านแถวไหนเหรอครับเผื่อผมจะแวะเข้าไป ให้เค้าลองจูนดูบ้าง ไม่ไหวอะครับ กินมากๆเลย 1ถังวิ่งไม่เคยเกิน 400 โลซะที (จูนมาใหม่ก็ยังไม่ถึง) แพงเหลือเกินอะครับ

เอาใจช่วยครับ
ติดตั้งแถวบางใหญ่อะป่าวเอ่ย

ผมว่าร้านที่จูน เขาก็ไม่ได้จูนอะไร ดีมากมายอะไรนะครับ.. สูตรการจูนก็เหมือนๆกันกับที่มีคน โพส เอาไว้นั้นแหละครับ
และโดยส่วนตัวแล้วผม ก็ไม่ค่อยชอบ.. เพราะ จูนมาบางเหลือเกินเหยียบไม่พุ่ง จูนเองถูกใจกว่าครับ

จริงๆ ถ้าชอบทำโน้นทำนี้เองอยู่แล้ว... ผมแนะนำว่า ... ลองหา AF มาติดครับ ตัวละ ร้อย สองร้อย จะได้ดูจะจะไปเลย .. ว่า แต่ละความเร็ว เวลาอยู่บนท้องถนนจริงๆ มันหนามันบาง อย่างไรหรือบาง แล้วค่อยมาถามๆกัน

เห็นบอกว่า ทำงานแถวรัชดาด้วย...

ผมทำงานแถวอโศก... ย่านนี้ ตอนรถติดไอเสียเยอะ O2 จะต่ำครับ..  ถ้าร้านที่จูนอยู่แถวชานเมือง.. ถ้าตังจูนพอดีเวลาวิ่งเข้ามาในเมืองจะหนาตลอด เวลาจูนควรจะจูน พอดี-บาง ไว้หน่อย พอเข้ามาในเมืองจะได้พอดีหรือหนาเพียงเล็กน้อย (ถ้าเกิดวิ่งแล้วหนา... แปลว่า เราปล่อยแก๊สทิ้ง โดยไม่ได้ประสิทธิภาพเต็มที่)

เรื่องจูน... บางคนอาจจะบอกว่าเจอมือดีๆ จูนที่เดียวก็จบ.... แต่สำหรับผมไม่ค่อยอยู่สุข..มันไม่เคยจบครับ.. ส่วนหนึ่งมันอยู่กับวิธีการขับแต่ละคนด้วย.. บางคนชอบกระทืบเร่งเร็ว... อยากให้ขับมันก็ต้องจูนอีกแบบ อยากให้ประหยัดก็อีกแบบ ใช้ไปเรื่อยๆ อุปกรณ์มันก็จะเคลื่อน... ท่อแก๊สอาจะงอแล้วตีบลง มีขี้แก๊สไปติดบ้าง.. ผ้าในหม้อต้มเริ่มอ่อนลงบ้างสปริงเริ่มล้าลงบ้าง.. กรองอากาศอาจจะสกปรกบ้าง... ก็อาจจะต้องปรับจูนบ้างเล็กน้อย...

เลยอยากให้ลองดูเองปรับเองดูครับ...
รถผม เครื่อง 1500 ผมยังเอาแค่ 8-9 km/lt นะครับ เหยียบสบายดีไม่อึดอัด ถ้าอยากได้ประหยัด กด Sen ลงต่ำๆ กะทืบไม่ออก เหยียบไม่พุ่ง ก็คงประหยัดได้มากกว่านี้ ... แต่ขับแล้วเหนื่อยครับ

รถที่ติด Lamda จะมีดีกว่ารถที่เป็น Fix Mix อย่างหนึ่งก็ตรงที่ ... สามารถเปิด Sen เยอะๆให้ Lamda ปรับ Power Valve ลดแก๊สไม่ให้หนาได้.. ทำให้เร่งง่ายไม่กินแก๊สมาก.... แต่ไม่ประหยัด (เพราะมันพยายามปรับไม่ให้บางด้วย)

Sen = Sensitivity  ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับความแข็งของสปริงที่ใช้กดวาล์ว หมุนเข้าจะเป็นการกดสปริงให้แน่น ทำให้ต้องใช้แรงดูดที่สูงขึ้นถึงจะเปิดวาล์วปล่อยแก๊สออกมาได้ถ้าหมุนแน่นมากๆจะกดคันเร่งไม่ขึ้นเพราะแรงดูดไม่พอไปเปิดวาล์ล หมุนออกก็ใช้แรงดูดน้อยลงหมุนออกมากๆ... ซึมวาล์วปิดไม่สนิทเอาแน่เอานอนไม่ได้
Idle = ปกติเป็นวาล์ที่เปิดโดยไม่เกี่ยวกับแรงดูด
Power Valve = เป็นวาล์วที่จำกัด อัตราการไหลของแก๊ส เปิดน้อยเกินไป รอบปลายจะเร่งไม่ขึ้น แก๊สไหลไม่พอ

รถที่จะจูนเอาประหยัด .. จะเปิด Idle ให้บางๆ พอให้เครื่องวิ่งไม่สะดุจ แล้วปรับ Sen แข็งๆ พอให้เร่งขึ้นได้  ถ้าเอา AF จับ .. เวลาเหยียบคันเร่งขึ้นจะบางก่อนพอรอบเริ่มขึ้นถึงจะเริ่มมาทางพอดี
รถจูนแบบเหยียบเอามัน .. จะเปิด Idle น้อยๆ หรือปิด Idle ไปเลย เปิด Sen ออกมากๆ สุด .. เหยียบที่ กลิ่นแก๊สหึ่ง .. AF หนาสนิท

ไม่ได้ติดตั้งแถวบางใหญ่อะครับ ผมติดตั้งแถวศรีย่านครับ ตอนนี้ร้านมันมีปัญหาไม่รู้ทำไง ปวดหัวมากครับ

ล่าสุดผมลองเติมดู 570 บาท ประมาณ 50กว่าลิตร ตอนนี้วิ่งเลยมาครึ่ง ถังมาหน่อยละ เหลือประมาณ 1/4 ของถัง เชื่อไหมครับวิ่งได้แค่ 200 โลเอง งงมากๆเลยอะครับ อ่อ แล้วที่ผมอยากจะจูนก็คือว่าเห็นเพื่อนๆพี่ๆ บอกว่าประมาณ 8-9 โลลิตร แต่ของผมนี่มันแปลกมาเลยอะครับ กินเยอะกว่าปกติ เห็นเค้าบอกหม้อต้มมันจูนยาก(Logas) เลยอยากจะขอคำแนะนำกับเพื่อนขออู่ที่ดีๆเก่งๆหน่อยอะครับ เพราะว่าผมเองก็ ปวดหัว ปวดใจ หมดเงินไปโดย คิดเลยว่าติดแก๊สทำไม เพราะล่าสุดมันกินเยอะมากๆเลยอะครับ รบกวนหน่อยนะครับ  ขอร้านที่ไปติดๆกันแล้วว่าดีหน่อยอะครับ

up  อยากให้ช่วยแนะนำร้าน ที่จูน lo-gas เก่งๆหน่อยคร้าบบ หรือใครใช้มิกซ์กี่มิล แนะนำหน่อยคร้าบบบ

ใช้ Logas อยู่ครับเมื่อก่อนผมก็มีปัญหาเหมือนกันร้านจูนยังไงก็ไม่นิ่ง เปลืองบ้าง วิ่งไม่ออกบ้าง บอกอุปกรณ์ไม่ดีบ้างช่างตามร้านพอจูนไม่ได้บอกต้องเปลี่ยนลูกเดียวครับ โทษไปเรื่อย เลยจัดการทำเองซะเลย ตอนนี้นิ่ง ขับสนุก ตอนนี้จูนแบบขับเอามันได้ที่ 9.8 กิโล/ลิตร ครับขับต่างจังหวัด รถไม่ติดนะ เครื่อง 4AGE 16วาวล์ครับ ลองทำดูตามนี้นะครับ
เวลาเราจูนแก๊สเนี่ย จะมี 3 จุดคือ

1. ตัวจ่ายแก๊ส หรือ sensitive
ที่เราเรียกว่า "เซนสิทิฟ" เพราะมันจะเป็นตัวปรับความไวในการปล่อยแก๊ส
เวลาเกิดแรงดูดจากลูกสูบ ผ่านท่อไอดี ผ่านมิกฯ เนี่ย
ตัวเซนฯ จะเป็นตัวคุมว่าจะยอมให้ดูดมากหรือน้อย
ถ้าไขเข้าเยอะ ก็เหมือนปิดฝาขวดแน่น ก็ดูดแก๊สยากหน่อย
แต่ถ้าคลายออก มันก็จะยอมปล่อยให้ดูดง่ายขึ้น
จะกินแก๊ส/วิ่งอืดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวนี้เป็นหลัก
(ห้ามถามว่าอยากได้ทั้งประหยัดทั้งแรงทำไง

2. ตัว power valve (อยู่ระหว่างหม้อต้มกับมิกฯ)
ทำหน้าที่ "จัดแถว" แก๊สที่ถูกปล่อยมา คือแก๊สที่ถูกจ่ายมาจากหม้อต้มเนี่ย
ก็จะมาออกันที่หน้า power valve ตัวนี้ ถ้าปิดมาก
มันก็เหมือนมาแออัดกันหน้าประตู แต่เข้าได้ทีละคน
แต่ถ้ามากไปก็แก๊สก็จะท่วม

จำไว้ว่า "น้อยไปก็ไม่ไดี มากไปก็ไม่ดี..." ครับ
แก๊สน้อยไปก็วิ่งไม่ออก (แก๊สไม่พอ)
แก๊สมากไปก็ท่วม ส่วนผสมระหว่างแก๊สกับอากาศไม่ลงตัวก็วิ่งไม่ออ ก
(สัดส่วนเท่าไหร่ จำไม่ได้อ่ะ 14:1 หรืออะไรประมาณนี้...
เอาว่าให้มันพอดีละกัน)

ไอ้เซนฯ กับ power valve นี่ต้องทำงานร่วมกันนะครับ
คือปล่อยไม่มาก-ไม่น้อย (ไม่กิน-ไม่อืด) และจัดแถวให้แก๊สเข้าพอดี

3. ตัวปรับเดินเบา (idle screw)
คืองี้ ตอนเครื่องเดินเบาเนี่ย (เอาว่ารอบไม่เกิน 1200)
จะยังไม่เกิดแรงดูดจากท่อไอดีผ่านมิกเซอร์
หม้อต้มจะปล่อยแก๊สออกมาแบบหรี่ๆ ก่อน (ไม่ปล่อยก็ดับดิ่)
เรียกว่า positive pressure
(ถ้าเราเอาท่อแก๊สไปจุ่มน้ำแล้วมันจะมีฟองบุ๋ง ๆ)
จะบุ๋งมากบุ๋งน้อยก็ขึ้นอยู่กับเจ้า idle screw นี่เอง
ถ้าไขเข้ารอบเดินเบาก็ต่ำ ไขออกก็จะสูงขึ้น
ถ้าไขเข้ามาก ๆ ก็ควรจะดับ (เพราะมันไม่บุ๋งไง)

***มันจะมีหม้อต้มบางยี่ห้อที่มีตัวปรับแค่อันเดีย ว
คือมันรวมเซนฯ กับเดินเบา
ก็จูนได้เหมือนกัน แต่อาจจะยากกว่านิดนึง
เพราะต้องมือนิ่ง ๆ ค่อย ๆ หาจุดที่มันพอดีน่ะ


ok เมื่อรู้จักตัวจูนทั้งสามตัวแล้ว และบทบาทของมิกฯ ก็จะเริ่มจูนจริง ๆ ซะที
...........วิธีจูนนี้ ซึ่งอธิบายได้ละเอียดและเห็นภาพชัดเจนมาก ผมก็เลยขออัญเชิญมาไว้ที่นี่
ถ้าลองทำเองดู จะรู้ว่าไม่ยากครับ กล้า ๆ หน่อย...

(อันที่อยู่ใน [ ] คือผมเพิ่มเติมให้นะครับ)

ตามที่เรียนมา เริ่มจาก ปิดแอร์

1. จูนรอบเดินเบา โดยคลาย power valve เยอะๆ
แล้วปรับ sens ที่หม้อต้มเข้าจนเครื่องเริ่มสั่น จำตำแหน่งเอาไว้
[ถ้าหม้อต้มมีตัวปรับเดินเบา ให้ไขเข้าจนสุด แล้วคลายออกมาซัก 1 รอบก่อน]

2. คลาย sens ออก นับรอบไปด้วย จนเครื่องสั่นอีกครั้ง
สมมุติคลายออกมา 2 รอบ เครื่องจึงจะเริ่มสั่นอีกครั้ง
แสดงว่าถ้าเราเลือกค่ากลาง ๆ
ก็คือคลาย 1 รอบจากตำแหน่งที่จำไว้ในข้อ 1
อันนี้เป็นตำแหน่งคร่าวๆ
ตำแหน่งที่เหมาะจริงๆอาจเพิ่มหรือลดได้อีกนิดหน ่อย
เดี๋ยวค่อยไปจูนละเอียดต่อทีหลัง
เป็นอันว่าตั้งหม้อต้มสำหรับเดินเบาเสร็จแล้ว
รอบได้ที่ 800 นิ่งๆ

3 คราวนี้มาเล่นกับ power valve บ้าง
ต้องมือไว ๆ นิ่ง ๆ หน่อย เพราะต้องเร่งเครื่องที่รอบสูงๆ
เริ่มจาก เอามือจับลิ้นคันเร่ง เร่งแรงๆไปเลย สัก 5000 รอบมั้ง
[แต่ถ้าเท้าไม่หนักมาก อาจลดเหลือซัก 4000]
บิด power valve เข้าจนเสียงเครื่องยนตร์ตกลง
จากนั้นคลายออกอีกครั้ง เสียงเครื่องจะเริ่มกลับมาดังอีก
คลายออกเร็วๆจนเสียงดังที่สุด
ตำแน่งนี้จะเป็นตำแหน่งที่จ่ายแก๊สจอกับที่เครื่องต้ องการในรอบสูง
[*อย่างงี้แหละคือ "พีคจูนนิ่ง" :
คือหาค่าสูงสุด เพื่อหาความเหมาะสมของการจ่ายแก๊ส
กับ พลังของเครื่องยนต์] ถ้าใครกลัวเปลืองแก๊ส
จะหมุนเข้าอีกสัก 1/4 รอบจากตำแหน่งนี้ก็พอได้
โดยอัตราเร่งจะลดลงไปหน่อย

4 คราวนี้มาจูนรอบเดินเบาแบบละเอียดต่อจากที่จูนคร่าวๆ ไว้ในข้อ 2

[***ถ้าเป็นหม้อต้มแบบมีตัวปรับเดินเบา ก็ปรับตัวเดินเบาคู่กับ sens ไปด้วย]

[***รถใครที่ไม่มี O2 sensor (ผมก็ไม่มี) ก็ไม่ต้องวัดหรอกครับ กะ ๆ เอาละกัน]

ผมเอาดิจิตอลมิเตอร์มาต่อวัด O2 ประกอบการจูน
โดยพบว่าที่รอบเดินเบาตอนปิดแอร์วัดค่าได้แถวๆ
920-930 mV แบบนิ่งๆไม่สวิงเลย
อย่างนี้แสดงว่า sens มันไวไป จ่ายแก๊สเกินไปนิด
บิด sens เข้าสัก 1/16 รอบ แล้วมาดูค่าที่มิเตอร์อีกที
คราวนี้ค่าเริ่มแกว่งนิดๆช่วง 750-920 mV
ผมก็บิดเข้าอีก 1/16 คราวนี้ค่าแกว่งช่วง 200-920 mV สมใจ
ซึ่งคล้ายๆกับค่าที่แกว่งตอนใช้น้ำมัน

5 คราวนี้ลองเปิดแอร์ดู พอคอมแอร์เดิน อ่านค่าได้ 0 - 20 mV
พอ คอมตัดก็โดดมาเป็น 920 mV อีก
รอบตอนปิดแอร์ 800
พอคอมแอร์เดินรอบอยู่แถวๆ 800-850
จังหวะที่คอมตัดรอบจะตกนิดไปที่ 600 แล้วเด้งมาที่ 800 ตามเดิม คิดว่าใช้ได้แล้ว

6 ดับเครื่องสัก 1 นาที แล้วลองสตาร์ทดูใหม่ว่าติดยากไหม
ถ้าติดยากก็คลาย sens ออกสัก 1/16
ตำแหน่ง sens ที่ดีและไม่กินแก๊ส
คือตำแหน่งที่หมุนเข้ามากที่สุดที่ยังติดเครื่องได้ง ่าย
แต่จะต้องอยู่ในช่วงที่จำตำแหน่งไว้ในข้อ 1 กับ 2
ถ้าคนชอบแรงอาจคลาย sens ออกได้อีกสัก 1/16
เพื่อให้หม้อมันไวจ่ายแก๊สง่าย
กดคันเร่งนิดเดียวก็จ่ายแล้ว รถจะพุ่งดี แต่กินมากขึ้นด้วย

7 จูนเข้าที่แล้วก็เอาไปลองวิ่งดูแล้วจูนตอนขับอีกนิดห น่อยให้ถูกใจ
โดยอาจจะต้องเอา sens เข้า หรือออกอีกนิด
เพื่อให้หม้อต้มจ่ายแก๊สได้พอดีๆกับการขับของเร า

-ตอนแอร์ตัด เครื่องเดินตัวเปล่าไม่ใช้พลังงานมาก
แก๊สเผาไหม้ไม่หมด เลยวัดได้ 920-930 mV
พอเปิดแอร์มีโหลดให้เครื่อง
มันเลยต้องเผาแก๊สมากขึ้นเพื่อให้ได้พลังงานไปหมุนคอ มแอร์
คราวนี้เลยเผาไหม้แก๊สจนหมด
ค่า O2 ที่วัดได้จึงตกมาเหลือ 0-20 mV

-การจูนเดินเบาเราจูนตอนปิดแอร์ได้ 800 รอบ
ถ้าเปิดแอร์แล้วแก๊สไม่พอจนรอบต่ำไป
อาจคลาย sens ช่วยได้อีก 1/16 - 1/8
คลายมากกว่านี้ก็ไม่ช่วยอะไร รอบมันจะไม่สูงขึ้นแล้ว
ถ้าอยากได้รอบสูงขึ้นกว่านี้
ต้องโกงโดยการตั้งลิ้นคันเร่งให้เปิดนิด ๆ
เหมือนกับเราเหยียบคันเร่งช่วย
ที่ลิ้นคันเร่ง มันจะมีน็อตสำหรับตั้งรอบเดินเบาอยู่ครับ

-อย่าลืม เป่ากรองให้สะอาดนะครับ

ขอบคุณมากเลยนะครับ ว่าแต่ผมทำไรเกี่ยวกับรถไม่เป็นเลยอะครับ รับจูนไหมครับ อิอิ

ถ้าผ่านมาชลบุรีโทรมาได้ครับ 0818615877

http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=25020.0

ลองดูกระทู้นี้สิครับ