หัวข้อ: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: Handyman ที่ 28 มิถุนายน 2007 21:08:21 การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย
บนท้องถนนทุกวันนี้คลาคล่ำไปด้วยรถมากมายทุกประเภทหลายล้านคัน คนขับเองก็มาจากร้อยพ่อ-พันแม่ พฤติกรรมในการขับรถบนท้องถนนจึงแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับที่ใครได้รับการปลูกฝังมาอย่างไร ใครควบคุมสติ-อารมณ์ได้ดีแค่ใหน การใช้ถนนร่วมกัน นอกจากกฎหมายราชการแล้ว ยังควรมีมารยาทและความเอื้ออาทรต่อกัน เพื่อให้มีทั้งความราบรื่นและความปลอดภัยในการเดินทาง ผู้ขับรถยนต์ไทยกับมารยาทในการ ใช้รถใช้ถนนร่วมกันยังมีไม่มากนัก หากไม่หันมาสนใจและรณรงค์ร่วมกัน การรักษามารยาท ก็คงจะถดถอยลงเรื่อยๆ มารยาทและวิธีปฏิบัติต่อไปนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่รวบรวมขึ้น ซึ่งอาจ มีอีกหลากหลายแนวทาง ถ้าเห็นว่าสมควรก็นำไปปฏิบัติได้ 1. ขั บ ค ร่ อ ม เ ล น คนพวกนี้ช่างไม่เคยตัดสินใจอะไรในชีวิตได้เลยจริงๆ ขนาดถนนมีตั้งหลายเลนยังเลือกไม่ได้ พี่แกเล่นขับคร่อมเลนไว้ตลอด คนอื่นจะแซงก็ทำไม่ได้ แถมส่งสัญญาณให้ก็ไม่สนใจเสียอีก ยังงัยก็เลือกสักเลนนะครับ อย่าคร่อมอยู่ เดี่ยวชิ้นส่วนจะกระจายไปทุกเลน....... 2. แ ซ ง ป า ด ห น้ า ตอนแซงรถคันหน้า ไม่ควรรีบเข้าเลนเดิมเร็วเกินไปจนเกิดลักษณะปาดหน้าคันอื่น ยิ่งถ้าแซงปาดหน้าด้วยความเร็วต่ำ เบรคหรือชลอรถกะทันหัน จะเกิดอุบัติเหตุได้ บางคนอ้างว่า.... ก็ข้างหน้ามีพื้นที่น้อยนี่ !!!! >>> ก็แล้วทำไมไม่รอให้มันโล่งก่อนแซงล่ะ!!! สุดท้ายก็มีการลงมาปาดคอกันซะ........ อย่าลืมนะครับ แซงแล้วกลับเข้าเลนเดิมแบบเผื่อที่ให้ชาวบ้านเขาได้หายใจด้วยแล้วกัน 3. เ ลี้ ย ว ใ ห้ อ ยู่ ใ น เ ล น อาจใช้ทักษะหน่อยสำหรับการเลี้ยวหรือกลับรถให้อยู่ในเลนเดียว รถบางรุ่นอาจต้องเปลี่ยนอัตราทด ของแร็คพวงมาลัยใหม่ แต่มันควรกระทำอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้รถในเมือง เพราะการเลี้ยวคร่อมเลน ( บางคนเลี้ยวทีละสามเลน ) ส่งผลให้เกิดการจราจรติดขัด และรถเลนสามอาจชนคุณได้ 4. ขั บ ขี่ จ อ ด ทั บ เ ส้ น ท ะ แ ย ง เส้นเหล่านี้จะขีดไขว้เป็นตารางในช่วงทางร่วม , ทางแยก หรือทางเลี้ยวเข้าซอย กฎหมายระบุไม่ให้จอดทับ เพื่อจะให้รถที่ต้องการจะเลี้ยว ทำได้อย่างสะดวก เป็นการอำนวยการจราจรอย่างหนึ่ง หลายคนไม่สนใจ , หลายคนไม่ใส่ใจ เมื่อรถข้างหน้าติด...... ก็เดินหน้าไปจ่อตูดไว้อย่างเดียว กลัวไม่ได้ไป กีดขวางทางเลี้ยวจนชาวบ้านเขาเข้าซอยไม่ได้ เมื่อต่างคนต่างดื้อ ก็เกิดการติดล๊อคแบบวงแหวนขึ้น สุดท้าย ก็เสียเวลาด้วยกันทั้งหมด 5. ข้ า ม สี่ แ ย ก - ต ร ง ไ ป ไ ม่ ค ว ร เ ปิ ด ไ ฟ ฉุ ก เ ฉิ น การข้ามสี่แยกแล้วต้องการตรงไป พร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉินกะพริบสี่มุม เป็นวิธีที่ผิด ! และอันตราย !!! แต่ใช้กันแพร่หลายอยู่ไม่น้อย เหตุผลที่ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินในกรณีนี้ เพราะผู้ขับรถยนต์ที่มาด้านซ้าย-ขวา จะเห็นไฟกะพริบด้านหน้าเพียงมุมเดียว เสมือนเป็นการเปิดไฟเลี้ยว โดยไม่ทราบเลยว่าเป็นการเปิดไฟฉุกเฉิน กะพริบพร้อมกันสี่มุมซ้าย-ขวา ลองนึกภาพแล้วจะพบว่า ไฟเลี้ยวด้านหน้า แม้จะกะพริบพร้อมกันซ้าย-ขวา แต่ผู้ขับรถยนต์คันที่มาด้านข้างในแต่ละด้านจะเห็นไฟกะพริบเพียงมุมเดียว โดยเฉพาะผู้ที่มาจากด้านซ้าย จะไม่ชะลอความเร็วลงหรือไม่ให้ทาง ด้วยคิดว่ารถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉินจะเลี้ยวซ้าย เพราะไม่เกี่ยว กับเขาเลย นอกจากนั้นในมุมอื่น หากมีรถยนต์บางคันบังรถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉิน ผู้ขับรถยนต์คันอื่นๆ อาจเข้าใจผิดว่าคิดเป็นการเปิดไฟเลี้ยวเฉพาะมุมที่เขาเห็น ในกฎหมายจราจรไม่มีการระบุไว้ว่า ต้องเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อต้องการข้ามสี่แยกแล้วตรงไป วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องและปลอดภัย คือ เบรกชะลอความเร็วลง มองซ้าย-ขวา เมื่อเส้นทางว่างพอ ก็ตรงไปด้วยความเร็วที่เหมาะสม โดยไม่ต้องเปิดสัญญาณไฟใดๆ ใช้สมาธิและเวลามองรถยนต์คันอื่น ปลอดภัยกว่าเสียสมาธิและเวลาเปิด-ปิดสวิตช์ไฟฉุกเฉิน 6. ฝ น ต ก ห นั ก ไ ม่ ค ว ร เ ปิ ด ไ ฟ ฉุ ก เ ฉิ น นับเป็นความหวังดี แต่อาจให้ผลร้าย ที่เกรงว่าผู้ร่วมทางจะไม่สามารถมองเห็นรถยนต์ของตนเมื่อฝนตกหนัก ในความเป็นจริง ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน เพราะจะแยงสายตา และหากมีรถยนต์บางคันบังรถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉิน ผู้ขับรถยนต์คันอื่นๆ อาจเข้าใจผิดว่าเป็นการเปิดไฟเลี้ยวเฉพาะมุมที่เขาเห็น รวมถึงการเปลี่ยนเลนโดยไม่ปิดไฟ ฉุกเฉินก่อน เพราะจะไม่มีไฟเลี้ยวให้ใช้บอกเตือนตามปกติ เมื่อฝนตกหนัก วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องและปลอดภัย คือชะลอความเร็วลง ชิดเลนซ้าย-กลาง และเปิดไฟหน้าแบบต่ำ หรือถ้ามีไฟตัดหมอกหลังสีแดงเพิ่มอีก 2 ดวง ก็ควรเปิดด้วย แล้วขับด้วยความระมัดระวัง ไฟฉุกเฉินมีไว้ใช้เมื่อฉุกเฉินจริงๆ เช่น รถยนต์จอดเสียหรือเกิดอุบัติเหตุบนผิวจราจร , รถยนต์ถูกลาก ( ถ้ามีโอกาส ทำป้ายหรือเขียนกระดาษแปะด้านท้ายว่า - รถลากจูง - จะช่วยให้ปลอดภัยขึ้น ) ในกรณีที่เปิดไฟฉุกเฉินในรถยนต์ถูกลาก ควรชิดเลนซ้าย และถ้าต้องการเปลี่ยนเลน ควรปิดไฟฉุกเฉินแล้วเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าพอสมควร 7. ส ป อ ต ไ ล ต์ / ไ ฟ ตั ด ห ม อ ก เ ปิ ด เ มื่ อ จ ำ เ ป็ น มีทั้งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและติดตั้งเพิ่มเอง ตำแหน่งอยู่ตรงด้านล่างของกันชนหน้า 2 ดวง รถยนต์บางรุ่น ออกแบบให้ใช้เป็นไฟตัดหมอก ซึ่งก็ควรใช้เมื่อมีหมอกตามชื่อเรียกมีการใช้สปอตไลต์/ไฟตัดหมอกที่ผิดมารยาท สร้างความรำคาญ และเริ่มแพร่หลายขึ้นเรื่อยๆ จนอาจลดความปลอดภัยแก่ผู้ร่วมทาง คือเปิดใช้ในขณะที่เส้นทางไม่มืดมาก ซึ่งไม่จำเป็น แสงสว่างที่แรงนั้นแยงสายตาทั้งผู้ขับรถยนต์คันที่สวนมาและคันนำหน้า ในเส้นทางปกติไม่ควรเปิดใช้งาน เพราะสว่างอยู่คนเดียว แต่ทำให้คนอื่นตาพร่ามัว คล้ายหรือแย่กว่าการเปิดไฟสูงสาดไปทั่วนั่นเอง บางรายเปิดเพียงไฟหรี่ แล้วเปิดสปอตไลต์เพิ่มความสว่าง นับเป็นการรบกวนสายตาของเพื่อนร่วมทางอย่างมาก ก็ไม่ทราบว่าทำเพื่ออะไร ! สาเหตุที่หลายคนเปิดสปอตไลต์หรือไฟตัดหมอกด้านหน้า โดยไม่เกรงใจผู้ขับรถยนต์คันนำ หรือคันที่สวนทางมา เพราะคิดไปเองแต่เพียงว่า ตำแหน่งของสปอตไลต์อยู่ต่ำ ไม่น่าแยงตาเหมือนการเปิดไฟสูง ในความเป็นจริง ไฟส่องสว่างที่ติดตั้งอยู่ต่ำก็อาจแยงตาได้ ถ้ามีแสงแรงและมีการกระจายแสงมากๆ สปอตไลต์ส่วนใหญ่มีแสงแรง และมีการกระจายแสงมากจนแยงตาแบบประกายแฉก ถ้าอยากเปิดใช้จริงๆ ควรเปิดแล้วออกไปมองว่าจะแยงตาผู้อื่นหรือไม่ หากมันสูงมาก ก็ปรับตั้งให้เหมาะสมก่อนจะใช้งาน หากไม่แน่ใจ ก็ไม่ควรเอาเปรียบผู้อื่นด้วยการเปิดสปอตไลต์โดยไม่จำเป็น ควรเปิดเมื่อมืดจริงๆ และแน่ใจว่าไม่รบกวนผู้อื่น สำหรับคำถามที่ว่า แล้วผู้ผลิตรถยนต์ติดตั้งสปอตไลต์มาเพื่ออะไรแล้วจะได้ใช้เมื่อไรเพราะกลัวไม่คุ้มค่า ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายระบุในคู่มือประจำรถว่า สปอตไลต์ควรเปิดเมื่อจำเป็นและไม่รบกวนคนอื่นหรือควรเปิดเมื่อหมอกลง และไม่ควรเปิดใช้ต่อเนื่องนานๆ เพราะจะร้อนเกินไปจนจานฉายเสื่อมได้ง่าย การเปิดสปอตไลต์ต่อเนื่องจนร้อน เมื่อต้องลุยน้ำกะทันหัน กระจกด้านหน้าของสปอตไลต์อาจแตกร้าวได้ การติดตั้งสปอตไลต์เพิ่มเติมเองผิดกฎหมาย หากติดตั้งในระดับเดียว / หรือสูงกว่าไฟหน้า ไม่ว่าจะมีการเปิดใช้และไม่ได้เปิดก็ตาม จะไม่ผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อมีฝาครอบปิด และไม่ได้เปิดใช้บนเส้นทางที่สภาพทัศนวิสัยปกติ 8. ถ้ า มี ไ ฟ ตั ด ห ม อ ก ห ลั ง ค ว ร เ ปิ ด เ มื่ อ ห ม อ ก ล ง ห รื อ ฝ น ต ก ห นั ก เ ท่ า นั้ น รถยนต์บางรุ่นมีสวิตช์พิเศษสำหรับไฟตัดหมอกด้านหลัง คือ ไฟท้ายสีแดงเพิ่มขึ้นอีกข้างละดวง และมีความสว่าง มากกว่าไฟท้ายปกติมาก เพื่อใช้เตือนผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมาเมื่อหมอกลง ฝนหรือหิมะตกหนัก หากเปิดใช้ไฟตัดหมอกหลังสีแดงที่แสนสว่างในยามทัศนวิสัยปกติ แสงสว่างที่เพิ่มขึ้นมาจะแยงตาผู้ร่วมทางมาก จึงไม่ควรเปิดใช้ในการใช้รถใช้ถนนปกติ และไม่ควรหลงลืมเปิดโดยไม่จำเป็น 9. ก ะ พ ริ บ ไ ฟ สู ง ข อ ท า ง ห รื อ เ ตื อ น คนไทยมักใช้เพื่อเตือนไม่ให้รถยนต์ทางโทตัดเข้ามาหาทางเอกหรือทางตรง ทั้งที่ในบางประเทศใช้การกะพริบไฟสูง ใช้เมื่อต้องการให้ทาง เพราะแสดงว่าเห็นแล้วและให้ทางไปได้ ในขณะที่คนไทยใช้เพื่อบอกว่า เห็นแล้วว่าคุณกำลังจะตัดทางเข้ามา แต่ผมไม่ให้เข้ามา...... กรณีนี้กฎหมายไทยไม่มีกำหนดว่าให้ใช้การกะพริบไฟสูงเพื่อจุดประสงค์ใด อาจเป็นเพราะ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นสากลได้ จึงยังคงใช้กันในสไตล์คนไทย แต่ก็มีผู้ที่ใช้เพื่อต้องการให้ทางซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะต้องเห็นก่อนจึงจะสามารถกะพริบไฟบอกได้ ดังนั้นการกระพริบไฟด้วยความหมายที่ต่างกัน อาจจะส่งผลให้ทั้งคู่ได้นอนในที่ๆข้างๆ มีไฟกระพริบระยิบระยับก็ได้..... ดีที่สุดคือให้ทางและเอื้อเฟื้อเส้นทางให้คนอื่นซะบ้าง เจอทางโล่งแล้วค่อยทำเวลาชดเชยได้นะ...... 10. จ อ ด ใ น พื้ น ที่ ห้ า ม จ อ ด แ ล้ ว เ ปิ ด ไ ฟ ฉุ ก เ ฉิ น นับเป็นการเอาเปรียบสังคมอย่างหนึ่ง แม้จะเป็นการจอดชั่วคราวก็ตาม เพราะการเปิดไฟฉุกเฉิน แม้จะแสดงว่าจอด แต่ถ้าไม่ใช่เวลาและพื้นที่ๆอนุญาตให้จอดก็ไม่ควรปฏิบัติ การเปิดไฟฉุกเฉินจอดในพื้นที่ห้ามจอด นอกจากเป็นจุดเด่นให้เป็นที่หมั่นไส้แล้ว ยังทำให้การจราจรติดขัดและไม่สามารถป้องกันการออกใบสั่งได้ 11. เ ป ลี่ ย น เ ล น - แ ซ ง - ขึ้ น ท า ง ต ร ง แ ล้ ว ค ว ร เ ร่ ง ค ว า ม เ ร็ ว เ พิ่ ม การจะขึ้นทางตรงจากซอยหรือทางโท รวมถึงการเปลี่ยนเลน ควรกระทำเมื่อเส้นทางว่างพอ เมื่อเข้าเลนที่ต้องการได้แล้ว บางคนขับช้ามากไม่สนใจมารยาทต่อผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมา เพราะคิดแต่เพียงว่า ถ้าถูกชนด้านท้ายแล้วจะไม่ผิด เนื่องจากเข้าสู่เส้นทางได้เต็มคันแล้ว โดยมารยาท เมื่อเข้าสู่เส้นทางได้เต็มคันแล้ว ควรเร่งความเร็วเพิ่มไล่รถคันหน้า ในระยะที่เหมาะสมให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องสนใจว่ารถยนต์คันหลังห่างแค่ไหน เพื่อผู้ขับรถคันหลังจะได้ไม่ต้องเบรกจนตัวโก่ง และไม่เสี่ยงต่อการเสียโฉมของบั้นท้ายรถยนต์ของตนด้วย กันชนAMG ยิ่งต้องระวัง....... มันเริ่มหายากแล้วนา 12. ก า ร เ บ ร ก ต้ อ ง ส น ใ จ ร ถ ย น ต์ ที่ ต า ม ม า ด้ ว ย ไม่ใช่เฉพาะเป็นการรักษามารยาท แต่เป็นการเพิ่มความปลอดภัยของตนเองด้วยการเบรก ดูเหมือนผู้ขับส่วนใหญ่ จะมองแต่เพียงเป็นการลดความเร็วเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้านหน้า โดยไม่ค่อยสนใจมารยาทและความปลอดภัยของรถคันที่ตามมา ถ้ามีโอกาสและเวลาพอ ก่อนการเบรกควรเหลือบ มองกระจกมองหลัง เพื่อจะได้ตัดสินใจเบรกด้วยน้ำหนักและจังหวะที่เหมาะสม เพื่อมารยาท ผู้ขับรถยนต์คันหลัง ไม่ต้องเบรกจนตัวโก่ง และไม่เสี่ยงต่อการเสียโฉมของบั้นท้ายรถยนต์ของตน นอกจากนั้น การแตะเบรกโดยไม่จำเป็นก็ถือว่าเสียมารยาทบ้างเล็กน้อย เพราะไฟเบรกจะสว่าง ทำให้ผู้ขับรถยนต์คันตามมาชะงัก แต่ก็อย่ากังวลมากจนแตะเบรกช้าเพราะอาจเป็นอันตราย การเบรกมิใช่ต้องสนใจแต่เพียงด้านหน้าเท่านั้น ด้านหลังก็ต้องสนใจด้วย แต่ไม่ใช่ขับไปเบรคไป ทั้งที่ข้างหน้ามันก็โล่งและห่างจากรถคันหน้านับร้อยเมตร สงสัยว่าที่บ้านจะผลิตผ้าเบรคเอง..... 13. ก้ ม ศี ร ษ ะ ข อ บ คุ ณ........ ลื ม ไ ป แ ล้ ว ห รื อ ? ผู้ขับขี่บางคนมีการก้มหัวขอบคุณเมื่อได้รับการให้ทาง แต่ในระยะหลังมานี้เริ่มมีการหลงลืมไปบ้างโดยอาจเป็นเพราะ การรักษาศักดิ์ศรีแบบแปลกๆ เช่น ผู้ขับรถยนต์หรูราคาแพง มักไม่ยอมขอบคุณผู้ขับรถยนต์ราคาถูกที่ให้ทาง หรือผู้ชายมักไม่ยอมขอบคุณผู้หญิงฯลฯ น่าชื่นชมมาก เมื่อมีผู้ให้ทาง หากกลัวจะเสียศักดิ์ศรีแบบแปลกๆ ไม่อยากก้มศีรษะให้ ก็สามารถใช้วิธียกแขน พร้อมแบฝ่ามือครบทั้ง 5 นิ้ว ( เน้นครบ 5 นิ้วนะครับ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ) ซึ่งยังดีกว่าการเพิกเฉย การขอบคุณในสิ่งที่สมควร ไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรีแต่อย่างใด 14. ฝ่ า ฝื น สั ญ ญ า ณ ไ ฟ ไ ฟ เ ขี ย ว - ควรออกตัวโดยไม่ชักช้า เพราะช่วงเวลาที่ให้สัญญาณไฟเขียวนั้นมีจำกัด แถมมีคนต่อท้ายขบวนอีกยาว หลายคนมีการทานอาหาร , คุยโทรศัพท์ , แต่งหน้าทาปาก หรือล้วงหาอะไรบางอย่างซะเพลิน จนไม่มองไฟสัญญาณ และที่ร้ายกว่านั้น ผมเคยเจอคงประเภทเที่ยวดึกแล้วตื่นเช้าไปทำงาน เมื่อติดไฟแดงนานๆก็งีบหลับ พอไฟเขียว ข้างหลังก็บีบแตรแต่พี่แกยังจอดเฉย ลงไปดูและเคาะกระจกจึงรีบตาเหลือกขับออกไป....... เลยไม่ได้ถามว่าฝันเห็นเลขอะไร ดีนะที่จราจรไม่อยู่ ไม่งั้นจะเจอข้อหา... ขับขี่กีดขวางและฝ่าฝืนสัญญาณไฟเขียว ( เคยเจอกันบ้างมั้ย ) ไ ฟ เ ห ลื อ ง - ตามหลักการที่ถูกต้องอันเป็นสากล แต่ไม่ค่อยมีการปฏิบัติ คือต้องเบรกและจอดเมื่อเห็นไฟเหลือง ผู้ขับรถยนต์ไทยส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่เมื่อเห็นไฟเหลือง คือ ไฟเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดง ซึ่งไม่ถูกต้องนัก เพราะการที่ไฟเหลืองสว่างขึ้นก่อนจังหวะไฟแดง ตามหลักการจริงเป็นการเตือนเพื่อให้ผู้ขับชะลอความเร็วและจอด แต่สภาพการจราจรในกรุงเทพมีรถมาก ทำให้ทุกคนต้องการไปให้เร็วที่สุด เมื่อเห็นไฟเหลือง คือไฟเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดง และยากที่จะให้ชะลอความเร็วลงและเบรกเมื่อเห็นไฟเหลืองสว่างขึ้นก่อนจังหวะไฟแดง ถ้าเห็นไฟเหลืองแล้วเบรกเพื่อจอด ก็นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยจากการถูกชนท้าย เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อเห็นไฟเหลืองจะเร่งหนีการติดไฟแดง หากต้องการฝืนสังคม (ทั้งที่ไม่ผิด) ควรเหลือบมองกระจกมองหลัง เพื่อจะได้ตัดสินใจกดแป้นเบรกด้วยน้ำหนักและจังหวะที่เหมาะสม การไม่ชลอแล้วจอดเมื่อเห็นไฟเหลือง อาจทำให้ท่านมีโอกาสโดนมอเตอร์ไซด์เสียบคากันชนได้ เพราะพวกมักรีบออกตัวก่อนไฟเขียวอีก สรุป... ต้องระวังทั้งสองทาง จอดก่อนอาจโดนชนท้าย , เร่งส่ง อาจโดนสวนด้วยมอเตอร์ไซด์........ ไ ฟ แ ด ง - ต้องจอดทันที แต่หลายคนยังฝ่าฝืนอยู่ซึ่งอันตรายมาก นอกจากจะเป็นฝ่ายผิดและมีโทษหนักแล้ว หากผ่านมาได้ ท่านอาจจะเจอมนุษย์หัวปิงปองกระโดดออกมาจากหลังพุ่มไม้แล้วขวางหน้าให้ตกใจเล่น ซะงั้น 15. ไ ฟ เ ลี้ ย ว ต้ อ ง เ ปิ ด - ปิ ด อ ย่ า ง เ ห ม า ะ ส ม นับเป็นเรื่องพื้นฐานที่ถูกมองข้าม การเปิดไฟเลี้ยวเป็นเรื่องจำเป็น กฎหมายกำหนดให้มีการเตือนผู้ร่วมทางล่วงหน้า ตามระยะที่เหมาะสม ควรเปิดไฟเลี้ยวก่อนเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวล่วงหน้าพอสมควร และไม่ควรเปิดค้างลืมทิ้งไว้ การเลี้ยวแบบไม่เปิดไฟ หรือเปิดไฟพร้อมกับหันเลี้ยวเลย เป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ก็ยังมีคนที่ทำแบบนี้อยู่...... สงสัยว่าจะเบื่อโลกนี้ซะแล้ว 16. ชิ ด ซ้ า ย เ ส ม อ บนถนนหลายเลนมักมีการเตือนว่า -ขับช้า ชิดซ้าย- ซึ่งถ้าจะแซงก็ให้แซงทางเลนขวา บางคนขับอยู่เลนขวาตลอด โดยคิดว่าความเร็วที่ใช้ในขณะนั้นถือว่าเร็วแล้ว ซึ่งอาจเป็นเพราะกฎหมายไทย กำหนดให้ใช้ความเร็วสูงสุด 80-120 กม./ชม. เมื่อใช้ความเร็วเกินขึ้นไปแล้ว ก็มักคิดไปเองว่าเร็วพออยู่แล้ว สามารถแล่นชิดขวาได้ วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง รักษามารยาท และปลอดภัยในการใช้เลนขวา คือ -แซงแล้วชิดซ้าย หรือวิ่งเร็วอยู่ด้านขวา แต่หากมีรถที่เร็วกว่าเข้ามาจ่อท้ายก็ต้องหลบให้เขาแซง ไม่ว่าจะใช้ความเร็วสูงเท่าไรก็ตาม เร็วแล้วแต่ยังมีเร็วกว่าได้ ถึงจะผิดกฎหมายในการใช้ความเร็วสูง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ... แต่ก็ยังดีกว่าคนอีกประเภท ที่ขับช้าเป็นเต่าคลานแต่วิ่งเลนขวาสุด แถมติดพฤติกรรมน่ารังเกียจประเภทไม่รู้ร้อนรู้หนาว............. ใครจะกระพริบไฟ + บีบแตร ก็ไม่สนใจ ทำยังกับว่าในรถไม่มีกระจกมองหลังซะงั้น 17. รูดมาจากซ้ายหรือขวา โดยสภาพของถนนในเมืองไทย มีหลายจุดที่เป็นคอขวดอยู่ หากทุกคนวิ่งอยู่ในเลนของตัวเองก็จะเคลื่อนตัวตามกันไปได้ แต่เมื่อข้างหน้าติด พวกหลังมักจะรูดแซงซ้ายหรือขวาขึ้นมา เมื่อเจอจุดที่เป็นคอขวดก็แทรกชาวบ้านเข้าไป หากเจอกับคนที่เห็นแก่ตัวเหมือนกัน และไม่ยอมให้เข้าก็เกิดการชนขึ้น แถมชนเสร็จก็มีการรอตำรวจ - ประกันภัยมาเคลียร์ เจอคอขวดก็ช้าอยู่แล้ว ..... มาเจอพวกชนคากันอยู่อีก ไม่ต้องไปใหนกันพอดี สภาพแบบนี้ พบเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่ทุกคนต่างเร่งรีบจะไปให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว สุดท้ายก็ได้ไปกับ รถด่วนพิเศษ ( ตู้นอนVIP ) หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: JawZ ที่ 29 มิถุนายน 2007 08:38:21 ความรู้พื้นฐานในการใช้รถใช้ถนนกันเลย +1 ให้เลยครับ :emo2
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: -- James _ Za -- ที่ 29 มิถุนายน 2007 13:07:05 เยี่ยมคับ ต้องให้พวกชอบทำมาอ่าน เบื่อที่สุดคือพวกขับช้าแต่วิ่งเลนขวาเนี่ย อารมณ์เสียสุดๆ :emoe
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: app_le ที่ 29 มิถุนายน 2007 13:18:04 อัพให้คับ
เจอทุกวันเลยในซอยที่บ้าน ซอยก็เล็ก เด็กก็เยอะ ไม่รู้จะรีบไปไหน ไม่เห็นหนังสือพิมพ์บนถนน คงไม่สำนึก หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: Ton_Kab ที่ 29 มิถุนายน 2007 15:45:14 ++ค้าบ
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: New. ที่ 04 กรกฎาคม 2007 14:02:10 ช่วงนี้เจอคล่อมเลนบ่อยสุดครับ จะออกก็ไม่ออก กั๊กเอาไว้เผื่อกลับมาอีก... วิ่งตามมาจะแซงก็ไม่ได้ แง่มๆๆ :emoe
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: oattayo@TZ.033 ที่ 12 กรกฎาคม 2007 11:42:47 ถูกต้องแล้วก๊าบ
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: Kritsadathitiset ที่ 23 กรกฎาคม 2007 15:29:31 :emob :emo2 :emo2
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: aun999 ที่ 23 กรกฎาคม 2007 20:42:38 :) :) :)
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: ople8124 ที่ 01 สิงหาคม 2007 17:19:47 จะได้ขับแบบสุภาพ
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: chanchai ng. ที่ 13 กันยายน 2007 20:10:57 :emo2 ดีมากๆๆครับ :emo2
:emok :emok เป็นเรื่องที่ทุกคนควรทำเพราะต้องใช้ถนนร่วมกันครับ ลดอุบัติเหตุได้ง่ายๆๆครับ :emom :emom หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: oougy ที่ 13 กันยายน 2007 20:29:09 อยากให้คนที่ขับรถใหม่ๆ ทำความเข้าใจไว้ครับ :emo2
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: edeaw ที่ 17 กันยายน 2007 16:07:28 ผมทำทุกข้อเลยคร๊าบ...
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: O(><)BRABIE(><)O ที่ 28 พฤศจิกายน 2007 12:46:13 :emott แว๊บมาดัน อิอิ :emott
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: O(><)BRABIE(><)O ที่ 28 พฤศจิกายน 2007 12:51:34 :emott แว๊บมาดัน อิอิ :emott
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: ~POOMZA~ ที่ 11 ธันวาคม 2007 10:02:19 ขอบคุณคับ ^^~
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: On the way ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2008 11:04:20 ขอบคุณครับ อ่านแล้วได้ประโยชน์จริงๆ
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: kira ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2008 18:27:01 :emotn :emotn :emotnขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: GiftSTFZ ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2008 14:30:56 เจ๋ง ครับ +ให้เป็น 49 ครับ
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: SMIRF 101 ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2008 22:32:21 :emo2
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: การบ้าน ที่ 03 มีนาคม 2008 03:58:11 :emotn :emotn :emotn
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: MaI771 ที่ 26 ตุลาคม 2009 22:07:20 ถูกต้องแล้วค้าบ
หัวข้อ: Re: การขับขี่แบบสุภาพและปลอดภัย เริ่มหัวข้อโดย: anunt_k ที่ 01 พฤศจิกายน 2009 22:04:41 เป็นประโยชน์มากเลยครับ ขอบคุณครับ
|