หัวข้อ: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: Bank_PT ที่ 24 มกราคม 2009 09:18:36 โกหก.. แม้จะเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย ก็อาจมีผลกระทบที่ไม่คาดหวังตามมา
ถ้าสวรรค์มีจริงและรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา เมื่อใดที่เราพูดโกหก เราก็น่าจะถูกลงโทษให้จมูกยื่นยาวออกมาทุกครั้งเหมือนพินอคคิโอ แต่ความจริงก็คือ เวลาโกหกไม่มีใครมาลงโทษเราโดยตรง และน้อยคนนักที่จะมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่โกหก ส่วนใหญ่จะทำเพื่อรักษาน้ำใจของบุคคลอื่น ไม่อยากทำร้ายความรู้สึก หรือเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก การโกหก แม้จะเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย ก็อาจมีผลกระทบที่ไม่คาดหวังตามมา และผลที่ว่านี้สามารถสร้างความเดือดร้อนได้มากกว่าการบอกความจริง เมื่อคุณไม่สามารถที่จะแก้ไขเรื่องที่โกหกไปแล้วให้เกิดความถูกต้องได้ คุณก็จำต้องสร้างเรื่องโกหกต่อไปอีก เพื่อให้สิ่งที่พูดไปแล้วดูน่าเชื่อถือ ตรงนี้แหละที่ยาก เซอร์วอลเตอร์ สกอต นักประพันธ์ที่ฉันชื่นชมพูดถึงการโกหกได้ถูกใจนัก เธอว่า ?O What a tangled web we weave. When first we practise to deceive? การโกหกที่เราคิดว่า ?ไร้อันตราย? จึงสามารถสร้างผลกระทบที่คาดไม่ถึง หรือความวุ่นวายแบบลูกโซ่ หรือแบบโยงใยพัวพันเป็นเขาวงกตได้ เมื่อจำแนกการโกหกของคนเราออกเป็นรูปแบบต่างๆ จะพบว่ามีดังนี้ และเราทุกคนต้องเคยทำมาแล้วอย่างน้อยก็แบบหนึ่ง... ถ้าไม่โกหกตัวเอง?!? โกหกแบบแก้ตัว ลักษณะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมากที่สุดในภาวะการทำงาน โกหกเพื่ออธิบายว่าทำไมงานจึงไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด หรือเกิดในสังคม เมื่อต้องการบอกปฏิเสธการเชิญชวน หรือหนีภาระความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด กรณีที่ไม่ถือว่าหนักหนาสาหัสนักคือ การโกหกเพื่อให้ตนเองดูดีในสายตาคนอื่น แต่ที่สาหัสคือ การโกหกในที่ทำงานซึ่งแสดงถึงการขาดความรับผิดชอบ ต้องการหลีกเลี่ยงการถูกว่ากล่าว หรือ ต่อว่า หากเกิดความผิดพลาดในสถานการณ์การทำงาน ไม่มีใครต้องการคำแก้ตัว ยิ่งถ้าคำแก้ตัวนั้นถูกจับได้ว่าเป็นเรื่องโกหก บุคคลนั้นก็จะไม่ได้รับความไว้วางใจอีกต่อไป และถูกมองว่าไร้เสมรรถภาพ ความผิดพลาดเป็นเรื่องที่มักแก้ไขได้ แต่เราไม่มีทางที่จะแก้ไขความรู้สึกของบุคคลอื่นที่มองว่าเราเป็นคนที่ชอบโกหกเพื่อเอาตัวรอดจากปัญหา โกหกแบบเบนเรื่อง การโกหกแบบนี้คล้ายกับแบบแรก เพียงแต่แทนที่จะอ้างโน่นอ้างนี่ เช่น รถติด ไฟไหม้ ฯลฯ เป็นการโยนความผิดไปให้สิ่งอื่นหรือบุคคลอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ คนที่เป็นแบบนี้คือพวกที่กลัวและขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่เชื่อว่าจะมีใครได้รับโอกาสครั้งที่สองเพื่อแก้ไขความผิด ดังนั้นแทนที่จะยอมรับความผิด ก็ใช้การโกหกแทน การแอบอ้างเอาความคิด ผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มนี้ บางคนรับคำยกย่องชมเชยในสิ่งที่ตนเองไม่สมควรจะได้รับ โดยโกหกตนเองว่าเหมาะสมที่จะได้ เลือกที่จะไม่แก้ไขความเข้าใจผิดนั้นโดยทำเฉย ปล่อยให้คนอื่นคิดว่าจริง โกหกแบบสร้างภาพลวงตา บางครั้งเราเปลี่ยนข้อเท็จจริงบางอย่างไปจากเดิมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี ให้ผู้อื่นประทับใจ การโกหกแบบนี้มักจะเกี่ยวกับสิ่งที่เราเองขาดความมั่นใจอยู่เดิม อาทิ อายุ น้ำหนัก การศึกษา เงินเดือน ตำแหน่งการงาน ฯลฯ คนที่โกหกในลักษณะเช่นนี้จะเหมือนติดกับ ดิ้นไม่หลุด เพราะต้องโกหกต่อเนื่อง การแก้ไขที่ดีคือบอกความจริงไปซะ ตัดเส้นใยของการโกหกให้ขาดสะบั้นลง เพื่อนแท้จริงไม่เลิกคบกันเพราะเราเกิดเป็นลูกคนขับสามล้อ หรือเรียนจบโรงเรียนวัดหรอก แต่ถ้าจะมีคนคิดอย่างนั้น เรายังจะคบเป็นเพื่อนอีกหรือ? โกหกโดยปิดบังข้อมูลบางส่วน แบบนี้เกิดขึ้นมากในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เพื่อบิดบังความจริงที่จะทำให้เราไม่ได้ทำงานนั้น หรือการบอกความจริงไม่หมดเมื่อมีคนถาม จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือทำให้อีกฝ่ายสรุปไปเองในลักษณะที่ไม่ใช่ความเป็นจริง การโกหกเช่นนี้อาจทำร้ายหรือเป็นอันตรายกับคนอื่นที่รับข้อมูลแล้วไปตีความแบบผิดๆ หรือรับรู้ข้อมูลไม่ครบ นอกจากนี้ การไม่บอกความจริงเมื่อมีคนโทษว่าเป็นความผิดของอีกคนหนึ่ง ทั้งๆที่เป็นความผิดของเรา ก็ถือว่าเป็นการโกหกด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะไม่พูดอะไร โกหกแบบบริสุทธิ์ โกหกด้วยการพูดให้ผู้อื่นรู้สึกดีเมื่อเรื่องจริงเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ นักจิตวิทยาเห็นด้วยว่า การโกหกแบบบริสุทธิ์ ซึ่งมีคำเรียกเฉพาะว่า โกหกสีขาว (white liar) บางกรณีก็เป็นสิ่งดี เนื่องจากการพูดความจริงบางครั้งก็เป็นการทำร้ายจิตใจผู้อื่น แต่หลายคนก็อยากได้ฟังความเห็นที่เป็นจริง แม้ว่าจะเจ็บปวดในใจ การโกหก ไม่ว่าจะขาว เทา หรือดำ มีผลกระทบต่อจิตใจทั้งสิ้น ดังนั้นการได้สารภาพว่าโกหก จึงเป็นความเจ็บปวดที่นำไปสู่ความสบายใจ การโกหกเป็นกระบวนการที่ดูดพลังสมองและทักษะของคนเราไปใช้อย่างไม่ถูกทาง โดยต้องอาศัยพลังงานทางอารมณ์ปริมาณมาก เอาพลังนี้ไปใช้สร้างสรรค์และพัฒนาชีวิตของเราเองโดยยึดนโยบายอยู่กับความจริงน่าจะดีกว่า จริงมั๊ย?!? หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: nuvo3816 ที่ 24 มกราคม 2009 09:25:31 ทำบ่อยอะดิ อีแบงค์
หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: Pencom.CZ 49 ที่ 24 มกราคม 2009 09:33:27 :emotp :emotp
หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: nuvo3816 ที่ 24 มกราคม 2009 09:34:17 หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: Pencom.CZ 49 ที่ 24 มกราคม 2009 09:43:11 ตอนไหนเนี้ย :emob หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: nuvo3816 ที่ 24 มกราคม 2009 09:45:09 ตอนไหนเนี้ย :emob ตอนนี้แหละ หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: Pencom.CZ 49 ที่ 24 มกราคม 2009 09:47:50 ตอนไหนเนี้ย :emob ตอนนี้แหละ :emotq หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: Hunter_JIK.CZ48 ที่ 24 มกราคม 2009 09:57:02 น้องเอ้ย มาอารมไหนวะ
มะคืนโกหกแอ้ ไว้อะดิ วันนี้เลยสำนึกผิด ปล.มันตื่นเช้าจัง หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: toy-cz ที่ 24 มกราคม 2009 10:19:21 น้องเอ้ย มาอารมไหนวะ มะคืนโกหกแอ้ ไว้อะดิ วันนี้เลยสำนึกผิด ปล.มันตื่นเช้าจัง :emoq โกซิ๊ก :emoq หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: Bank_PT ที่ 24 มกราคม 2009 10:19:44 :emota
หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: neoscreen ที่ 24 มกราคม 2009 10:38:40 โกหกแบบเบนเรื่อง
การโกหกแบบนี้คล้ายกับแบบแรก เพียงแต่แทนที่จะอ้างโน่นอ้างนี่ เช่น รถติด ไฟไหม้ ฯลฯ เป็นการโยนความผิดไปให้สิ่งอื่นหรือบุคคลอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ คนที่เป็นแบบนี้คือพวกที่กลัวและขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่เชื่อว่าจะมีใครได้รับโอกาสครั้งที่สองเพื่อแก้ไขความผิด ดังนั้นแทนที่จะยอมรับความผิด ก็ใช้การโกหกแทน การแอบอ้างเอาความคิด ผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มนี้ บางคนรับคำยกย่องชมเชยในสิ่งที่ตนเองไม่สมควรจะได้รับ โดยโกหกตนเองว่าเหมาะสมที่จะได้ เลือกที่จะไม่แก้ไขความเข้าใจผิดนั้นโดยทำเฉย ปล่อยให้คนอื่นคิดว่าจริง . . . . . . . . . . . . อู๊ย อันนี้ เข้าท่า . โกหกแบบสร้างภาพลวงตา บางครั้งเราเปลี่ยนข้อเท็จจริงบางอย่างไปจากเดิมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี ให้ผู้อื่นประทับใจ การโกหกแบบนี้มักจะเกี่ยวกับสิ่งที่เราเองขาดความมั่นใจอยู่เดิม อาทิ อายุ น้ำหนัก การศึกษา เงินเดือน ตำแหน่งการงาน ฯลฯ คนที่โกหกในลักษณะเช่นนี้จะเหมือนติดกับ ดิ้นไม่หลุด เพราะต้องโกหกต่อเนื่อง การแก้ไขที่ดีคือบอกความจริงไปซะ ตัดเส้นใยของการโกหกให้ขาดสะบั้นลง เพื่อนแท้จริงไม่เลิกคบกันเพราะเราเกิดเป็นลูกคนขับสามล้อ หรือเรียนจบโรงเรียนวัดหรอก แต่ถ้าจะมีคนคิดอย่างนั้น เรายังจะคบเป็นเพื่อนอีกหรือ? . . . . . . . . . ว้าววววววววววว อันนี้โดนใจ วัยรุ่นว่ะ หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: nuvo3816 ที่ 24 มกราคม 2009 13:17:47 โกหกแบบเบนเรื่อง การโกหกแบบนี้คล้ายกับแบบแรก เพียงแต่แทนที่จะอ้างโน่นอ้างนี่ เช่น รถติด ไฟไหม้ ฯลฯ เป็นการโยนความผิดไปให้สิ่งอื่นหรือบุคคลอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ คนที่เป็นแบบนี้คือพวกที่กลัวและขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่เชื่อว่าจะมีใครได้รับโอกาสครั้งที่สองเพื่อแก้ไขความผิด ดังนั้นแทนที่จะยอมรับความผิด ก็ใช้การโกหกแทน การแอบอ้างเอาความคิด ผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มนี้ บางคนรับคำยกย่องชมเชยในสิ่งที่ตนเองไม่สมควรจะได้รับ โดยโกหกตนเองว่าเหมาะสมที่จะได้ เลือกที่จะไม่แก้ไขความเข้าใจผิดนั้นโดยทำเฉย ปล่อยให้คนอื่นคิดว่าจริง . . . . . . . . . . . . อู๊ย อันนี้ เข้าท่า . โกหกแบบสร้างภาพลวงตา บางครั้งเราเปลี่ยนข้อเท็จจริงบางอย่างไปจากเดิมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี ให้ผู้อื่นประทับใจ การโกหกแบบนี้มักจะเกี่ยวกับสิ่งที่เราเองขาดความมั่นใจอยู่เดิม อาทิ อายุ น้ำหนัก การศึกษา เงินเดือน ตำแหน่งการงาน ฯลฯ คนที่โกหกในลักษณะเช่นนี้จะเหมือนติดกับ ดิ้นไม่หลุด เพราะต้องโกหกต่อเนื่อง การแก้ไขที่ดีคือบอกความจริงไปซะ ตัดเส้นใยของการโกหกให้ขาดสะบั้นลง เพื่อนแท้จริงไม่เลิกคบกันเพราะเราเกิดเป็นลูกคนขับสามล้อ หรือเรียนจบโรงเรียนวัดหรอก แต่ถ้าจะมีคนคิดอย่างนั้น เรายังจะคบเป็นเพื่อนอีกหรือ? . . . . . . . . . ว้าววววววววววว อันนี้โดนใจ วัยรุ่นว่ะ ใครวัยรุ่น ? หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: iStamp ที่ 24 มกราคม 2009 18:58:44 ทุกข้อ
หัวข้อ: Re: การโกหก(เอามาให้อ่านคับ) เริ่มหัวข้อโดย: Bank_PT ที่ 24 มกราคม 2009 19:26:49 :emoi
|