หัวข้อ: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 11 กันยายน 2009 16:38:35 ขอซักกระทู้นะครับ สาระ และความรู้ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของเรา หรือภัยอันตรายต่างฯ ที่มองไม่เหน รอบฯ ตัวเรา
พวกเราจาได้เซฟตัวเองไว้ก่อนครับ เพื่อนคนไหนมีอะไรแนะนำดีดี เกี่ยวกับสุขภาพ ก้อโพสมาได้เลยนะครับ ขอแบบสาระ จิงฯ นะครับ เผื่อเพื่อนฯบางคนที่ไม่ค่อยได้สนใจดูแลสุขภาพเท่าไหร่ กระทู้นี้อาจจะมีส่วนช่วยได้บ้างครับ :emotn :emotn :emotn :emotn :emotn หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 11 กันยายน 2009 16:42:38 ปกติส่วนตัวผมเปนคนชอบดูแลตัวเองอยุ่แล้วครับ :emotn
ตอนนี้ในประเทศไทยมีคนเป็นโรค ' วุ้นในลูกตาเสื่อม ' ถึง 14 ล้านคน แล้วครับจากข้อมูลทางหนังสือพิมพ์ ( นี่เฉพะาแค่ที่มีข้อมูลบันทึกไว้นะครับ คนที่ไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองก้อเป็นมากขนาดไหน ?) ผมคิดว่า ในขณะที่คุณอ่านข้อความของผมนี้จากทางเนต บางคนก้อเป็นแต่ไม่รู้ตัวครับ ********************************************************** อาการก้อคือ== คุณจะเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนยักใย่ ลอยไปลอยมา เหมือนคราบที่ติดกระจกน่ะครับ จะเห็นชัดก้อต่อเมื่อ คุณมองไปยังภาพแบล็คกราวนด์ที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ฝาห้องขาวๆ ฝาห้องน้ำขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา * ถ้าอาการมากกว่านั้นก้อคือ ประสาทตาฉีกขาด คุณจะมองเห็นแสงแฟลช ในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา ( น่ากลัวมากๆ) และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด ( ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิม จะตาบอดหรือไม่ ?) ********************************************************** สาเหตุของโรคนี้คือ == ' การใช้สายตามากเกินไป ' ( เล่นคอม) แต่ก่อนโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้สายตามากๆ เช่น ช่างเจียรไนเพชรพลอย ที่ต้องใช้สายตาเพ่งมากๆ แต่เด๋วนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากเพราะ เล่นเนต หรือ เล่นคอม ( คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ เด๋วนี้คนเป็นโรคนี้กันมากเพราะเล่นคอมนี่แหละ ) ********************************************************** ถามว่าทำไม คนเล่นเนต เล่นคอม ถึงเป็นกันมาก ? ไม่ว่าคุณจะเล่นเนต , เล่นเกมส์ , อ่านไดอารี่ , อ่านบทความ , อ่านหนังสือ หรืออะไรก้อตาม ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ' ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้น ' เพราะว่า ถ้าคุณอ่านหนังสือที่เป็นแผ่นกระดาษธรรมดาๆ ' ระยะห่างระหว่าง ลูกตา กับ ตัวหนังสือ จะคงที่ แน่นอน ' เพราะขอบของตัวหนังสือจะคมชัด ทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอน กล้ามเนื้อและประสาทตา จึงทำงานค่อนข้างคงที่ แต่ ! ตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณ์เป็นจุดๆ ประกอบกัน เหมือนแขวนลอยบนจอ ขอบของตัวหนังสือไม่ชัด สมองจะสับสนในการปรับระยะโฟกัส (เพราะจอแก้ว จะมีความหนาของแก้ว แต่เรามองผ่านมันไป ) ( และจอ LCD เราก้อต้องมองผ่านเข้าไปเหมือนกัน ตัวหนังสือมันไม่ได้ติดอยู่ด้านบนเหมือนอยู่บนแผ่นกระดาษ) การปรับระยะโฟกัสจึงไม่แน่นอน ********************************************************* บวกกับ ลักษณะการอ่านหน้าหนังสือในคอมนั้น จะต้องใช้เม้าส์จิ้ม ลากแถบด้านข้างจอ เพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลง เพื่อจะอ่านบรรทัดด้านล่างได้ หรือไม่ก้อ ใช้ลูกหมุนที่อยู่บนเม้าส์ หมุนเพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือ แต่ การเลื่อนบรรทัดนี้ มันไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือจากแผ่นกระดาษที่แขนกับคอ จะปรับการมองขึ้นลงโดยอัตโนมัติ มีระยะที่แน่นอน สัมพันธ์กัน แต่ว่าการเลื่อนบรรทัดด้วยแถบด้านข้าง หรือลูกกลิ้งบนเม้าส์นั้น มันจะมีลักษณะการเลื่อนแบบกระตุกๆ ( คุณสังเกตุดู) มันจึงทำให้ปวดตามากๆ เพราะลูกตา จะต้องลากลูกตา เลื่อนตามบรรทัดที่กระตุกๆ นั้นไปตลอด บวกกับ การพิมพ์ตัวหนังสือนั้น บางที คุณต้องก้มเพื่อมองนิ้ว ว่ากดตำแหน่งบนแป้มพิมพ์ถูกตัวอักษรหรือไม่ ทำให้เด๋วก้ม เด๋วเงย ลูกตาปรับโฟกัสบ่อยเกิน ทำให้ลูกตาทำงานหนัก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จ คุณจะปวดตามากๆๆ อย่างเด็กนักศึกษา เร่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ ติดต่อกันข้ามคืน สองสามวัน ตาจะปวดมากๆ รวมทั้งเวลาการเปิดโปรแกรม word ในการพิมพ์ตัวหนังสือมักจะมีสีพื้นที่เป็นสีสว่าง ( ที่นิยมก้อคือ ตัวหนังสือดำ พื้นสีขาว ) สีพื้นที่สว่างขาวจ้า นี่เอง ทำให้ตาคุณจะเกิดอาการแพ้แสง ถ้ามีการพิมพ์ติดต่อกันนานๆ เพราะจ้องจอสีขาวนานเกินไป หรือไม่ก้อ ในคนที่ชอบเล่นเกมส์บ่อยๆ มักจะมีการปรับแสงสว่างให้จ้าที่สุด เพราะเวลาเล่นเกมส์ ภาพพื้นหลังของเกมส์มักจะมืดๆ เป็นสีกำแพง เป็นสีปราสาท มันจะให้สีสวยสดดี แต่การทำแบบนี้มีข้อเสียคือ บางทีคุณหรือพี่น้องของคุณมาใช้คอมเครื่องนั้นต่อ จะทำให้บางครั้งลืมปรับความสว่างกลับมาให้มืดเหมือนเดิม จากที่แค่สว่างพอที่จะพิมพ์รายงาน กลายเป็นจ้องจอสว่างจ้า ตลอดคืนไม่รู้ตัว ************************************************************************ สรุปก้อคือ 1. การมองตัวหนังสือที่แขวนลอยอยู่ในจอ โฟกัสไม่แน่นอน กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนัก ' ทำให้สายตาเสีย ' 2. การเลื่อนตัวหนังสือและแถบบรรทัด ในหน้าคอม หรือ หน้าเนต มันจะเลื่อนแบบเป็นกระตุกๆ ' ทำให้สายตาเสีย ' การกระตุกๆ ของแถบบรรทัดนี่เอง ที่ทำให้สายตาเสีย ถ้าคุณอ่านหนังสือจากเวปมากๆ คุณจะติดนิสัยเสียอย่างนึงติดตัวไปคือ คุณจะติดนิสัย มองอะไรก้อตาม ไม่ว่าใกล้ไกล จะปรับโฟกัสมองเพ่งอยู่เสมอ ผลก้อคือ กล้ามเนื้อตาทำงานหนัก คุณจะเริ่มมองของที่อยู่ไกลๆ เบลอๆ คุณจะไม่สามารถปรับโฟกัส มองของใกล้ แล้วมองไกล ได้ทันทีเหมือนเคย ( กล้ามเนื้อประสาทลูกตาจะล้า การปรับโฟกัสลูกตาเริ่มช้าลง) 3. การก้มๆเงยๆ มองแป้นพิมพ์ และมองจอคอม กลับไปกลับมา ' ทำให้สายตาเสีย ' 4. การปรับจอภาพที่มีแสงสว่างจ้า มากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ' ทำให้สายตาเสีย ' ( ข้อนี้ คล้ายๆ กับ การเปิดดูทีวี ในห้องมืดๆ เป็นประจำ แล้วทำให้สายตาเสียน่ะเอง อย่างเดียวกัน) 5. การใช้จอคอม ที่มีความกว้างมากเกิน !! ( จอคอมกว้างๆ นั้น เหมาะสำหรับการดูภาพ ดูหนัง แต่ไม่เหมาะกับการดูตัวหนังสือ !!) เพราะว่า สายตาคนเรานั้นมีระยะการมองตัวอักษรที่ 1 ฟุต (12 นิ้ว) :emos :emos :emos หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: บอลลูน 0303 !RZ! ที่ 11 กันยายน 2009 17:05:08 ดีเหมือนกันนะ นายหัว มีกระทู้เเบบมีสาระจริงจัง เดียวมีอะไรดีๆจะเอามาลงบ้างครับ :emotn
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: nut hulahula ที่ 11 กันยายน 2009 17:06:14 ขอบคุณพี่aมากครับที่นำสาระน่ารู้ที่มีประโยชน์มาให้ทราบกัน :emom :emom :emom
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: alicetotle <RZ> ที่ 11 กันยายน 2009 17:08:11 :emo2 :emo2 :emo2
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 12 กันยายน 2009 00:17:25 โทรศัพท์กับอาการปวดหลัง
หลายคนอาจคิดว่าไม่เกี่ยวกัน แต่ผลการศึกษาของนักวิจัยในมหาวิทยาลัยควีนสแลนด์, ออสเตรเลีย พบว่าหากคุยโทรศัพท์ขณะที่กำลังเดิน จะทำให้คนเราเกิดอาการปวดหลังขึ้นมาได้ ทั้งนี้เนื่องจากวิธีหายใจที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะร่างกายมนุษย์ถูกออกแบบมาให้หายใจออกเวลาที่เท้าแตะพื้น เพื่อช่วยป้องกันการกระแทกของกระดูกสันหลัง ดังนั้นการพูดและการเดินไปพร้อมๆ กันจะทำให้รูปแบบการหายใจตามธรรมชาติเสียไป จนส่งผลต่อกระดูกสันหลังของเราได้ คณะนักวิจัยได้ทำการวัดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อลำตัวซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยปกป้องกระดูกสันหลังในอาสาสมัครแต่ละคน พบว่ากล้ามเนื้อดังกล่าวทำงานได้เหมาะสมในคนที่เดินเฉยๆ ส่วนคนที่เดินไปพูดไป การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวจะน้อยกว่าปกติ ซึ่งเป็นอันตรายต่อกระดูกสันหลังได้ นักวิจัยที่ทำการศึกษาเรื่องนี้ไปบรรยายในการประชุมสมาคมประสาทวิทยา ในนิวออลีนส์, สหรัฐอเมริกา สรุปเนื้อหาสำคัญได้ว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากวิธีสั่งงานของสมอง เพราะกล้ามเนื้อจะมีหน้าที่หลายอย่างในเวลาเดียวกันและถูกสั่งการ โดยสมองตามลำดับความสำคัญ ดังนั้นขณะที่คุยโทรศัพท์และเดินไปพร้อมๆ กัน สมองจะให้ความสำคัญกับการคุยโทรศัพท์มากกว่า จึงสั่งการไปที่ปากมากกว่ากล้ามเนื้อลำตัว ทำให้เสี่ยงต่อการปวดหลังได้มากขึ้น พวกเขายังพบอีกว่า นอกจากคุยโทรศัพท์ คนที่เดินคุยกับคนอื่นก็เสี่ยงต่อการปวดหลังเช่นกัน แต่คนที่คุยโทรศัพท์มีโอกาสเสี่ยงมากกว่า เพราะมักใช้เวลาเดินคุยนานกว่า ดังนั้น นอกจากแนะนำให้คนที่ปวดหลังสังเกตวิธีก้มหยิบของหรือบอกว่าไม่ควรนั่งนานเกินไป ตอนนี้ต้องให้เขาสังเกตเพิ่มอีกอย่างว่าชอบเดินไปด้วยคุยไปด้วยหรือไม่ ทั้งคุยโทรศัพท์และคุยกับเพื่อนที่เดินไปด้วยกัน เพราะนั่นคือสาเหตุของอาการปวดหลังที่เพิ่งค้นพบ นอกจากเดินโทรศัพท์นานๆ ทำให้ปวดหลัง นักวิจัยยังพบอีกว่า การถือโทรศัพท์แนบหูนานๆ ก็ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ เพราะมันจะเพิ่มอาการแน่นตึงบริเวณไหล่และทำให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นมาได้ รู้อย่างนี้แล้ว ควรใส่ใจและเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะเชื่อว่าทุกคนต้องข้องเกี่ยวกับโทรศัพท์อยู่เป็นประจำ ขนาดเด็กอนุบาลหรือแม่ค้าขายกล้วยปิ้ง เดี๋ยวนี้ยังมีมือถือ สำมะหาอะไรกับคนทั่วไปในสังคม ที่มา:http://sex.sanook.com/sex/safetysex/safety_43861.php หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 12 กันยายน 2009 00:20:08 ลดต้นขาด้วยวิธีง่าย ๆ
โอ๊ย!!! เจ็บใจนัก โดนเพื่อน ๆ ประนามขาเราเป็นแหนม เป็นขาหมูบ้างล่ะ แล้วจะทำอย่างไรดี วันนี้เรามีวิธีการลดต้นขามาฝากกัน ประการแรก : ใจแข็งเข้าไว้ อย่าปล่อยให้ตัวเองเคลิบเคลิ้มไปกับอาหารอันโอชะ ที่เต็มไปด้วยไขมัน จำไว้ว่า เด็กๆอ้วนน่ะน่ารัก แต่ผู้ใหญ่อ้วนน่ะน่าเกลียด ประการที่สอง : หลังจากที่ควบคุมอาหารได้แล้ว ก็อย่าลืมที่จะออกกำลังกายบ้าง ซึ่งเราก็มีตัวอย่างท่ากายบริหารมาฝากกัน ท่าแรก ยกเวทด้วยขา โดยใช้เวทที่มีน้ำหนักขนาด 1 กิโลกำลังดี โดยให้คุณนั่งเก้าอี้ จากนั้นวางเวทไว้บนขาแล้วยก หรือ จะให้ดีควรนอนราบกับพื้น ผูกเวทติดไว้กับขาแล้วยกให้สูงจากพื้น 45 องศา จากนั้นยกค้างไว้ เมื่อร่างกายของคุณปรับสภาพให้เข้ากับน้ำหนักของเวทได้แล้ว ก็เริ่มยกขึ้น-ลงให้เร็วขึ้นโดยทำทีละข้างๆละเท่าๆกัน หากคุณมีเวท 2 อันก็อาจยกขึ้นลงสลับกันก็ได้ เมื่อชำนาญแล้วอาจยกให้สูงขึ้นกว่าเดิมอีก เน้นให้ต้นขาได้ขยับเขยื้อน ทำเช่นนี้ 3 เซ็ทๆละ 10 ครั้ง โดยทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ท่าต่อมา เป็นการลดต้นขาด้านใน โดยการนอนราบลงบนพื้น จากนั้นไขว้ข้อเท้าไว้ด้วยกัน แล้วขอเข่าเข้ามาให้ชิดร่าง กาย แล้วยืดออก จากนั้นให้คลายเท้าทั้งสองออกจากกันกลับมาสู่ท่าเดิม แล้วเริ่มทำใหม่ 16- 24 ครั้งต่อวัน ต้นขาด้านในของคุณจะดูเล็กลง สุดท้าย ถ้าขี้เกียจซื้ออุปกรณ์ ก็ให้คุณว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ (วิธีปั่นจักรยาน มีเคล็ดลับอยู่อย่างว่า ต้องไปปั่นอย่างเร็ว เพราะถ้าปั่นช้า อาจจะทำให้ขาหมูของคุณกลายเป็นขาช้าง หรือขาวัวไปเลยก็ได้นะ) ส่วนการเต้นแอโรบิคนั้น ก็ช่วยได้เหมือนกัน แต่การเต้นแอโรบิค ไม่ได้ทำให้คุณผอมลงนะ แต่จะทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น ต้นขาอาจจะดูเล็กลงเพราะความกระชับของกล้ามเนื้อ แต่น่องจะใหญ่ขึ้น ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดู รับรองว่าต่อไปก็ไม่มีใครกล้ามาเรียกคุณว่า "ขาหมู" แล้วล่ะ. ที่มา :http://campus.sanook.com/teen_zone/senior_01831.php หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 12 กันยายน 2009 00:23:02 ถั่วพู บำรุงกระดูก และฟัน
ถั่วพู เป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างแปลกไม่เหมือนใคร ลักษณะเป็นพืชล้มลุกที่มีลำต้นเลื้อยได้ ส่วนที่เรานิยมนำมากินก็คือฝัก ที่มีความยาวประมาณ ๕-๖ นิ้ว และมี ๔ พู เป็นที่มาของชื่อถั่วพู รสชาติของถั่วพูนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะนำไปประกอบอาหารอะไรก็อร่อยไปหมด ไม่ว่าจะเป็นยำถั่วพู ทอดมัน หรือจะกินสดๆ จิ้มน้ำพริกก็อร่อยได้ และประโยชน์ในการกินนอกจากจะทำให้อิ่มท้องอิ่มใจแล้ว ก็ยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างวิตามิน เอ ซี และ อี และยังเป็นผักที่มีโปรตีนที่ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันบางชนิดขึ้น รวมทั้งมีแร่ธาตุฟอสฟอรัส ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและฟัน รวมทั้งแก้อาการอ่อนเพลียได้ด้วย นอกจากนั้นการกินถั่วพูก็ยังมีกากใยอาหารมาก ทำให้ระบบขับถ่ายของเราเป็นไปอย่างปกติ ท้องไม่ผูก นอกจากนั้นแล้ว หัวของถั่วพูก็สามารถนำไปตากแห้งแล้วคั่วไฟให้เหลือง นำมาชงเป็นน้ำดื่มชูกำลังสำหรับคนป่วยหรืออ่อนเพลียง่ายได้อีกด้วย ทั้งอร่อยทั้งมีประโยชน์มากเลยทีเดียว ที่มา : Pantown.com หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 12 กันยายน 2009 00:24:14 พอแระไว้วันอื่นบ้าง ใครปวดหลัง ขาใหญ่ ฟันผุ เข้ามาอ่านกัน จะได้ปรับการใช้ชีวิตซะใหม่
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Nu MaI <RZ> ที่ 12 กันยายน 2009 07:13:34 :emotg
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: 卐 Vampire101 卐 <RZ> ที่ 12 กันยายน 2009 12:30:18 เอ่
เราปวกหลังแฮะ หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: NosDriVe ที่ 12 กันยายน 2009 15:45:45 เพื่อนๆคิดว่าสุดยอดของการเป็นหมออยู่ที่ไหนครับ
ในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ เรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ 1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่ 2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว 3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น 4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น 5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของ ตัวเองหรือยังครับ ข้อหนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สูตรคือ (น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้ ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกัน สารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับ น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะ และลำไส้ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้ แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกัน จนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไป จิบน้ำไปประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูด เข้าเส้นเลือด เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไร กักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำ เพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ) หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้า เลิกเบียร์กันไป แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น มีสองเหตุผลครับ หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึม สารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อย?าหารด้วย เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ"หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง อีกอย่างขอแถมนิดนึง คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ อร่อยลิ้นแต่ไตทำงานหนักนะครับ ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน555 ว่าไปนั่น ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างที่บอกครับ หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่ว ข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ ปล. If you trust me ก็นำไปปฏิบัติตามนะครับ อีกอย่างความรู้ควรแบ่งปันครับ คนไม่รู้เรื่องนี้ยังมีอีกมาก หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: B☆NK ที่ 12 กันยายน 2009 19:30:38 เป็นข้างขวาอยู่คับ วุ้นในลูกตาเสื่อม
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Nu MaI <RZ> ที่ 12 กันยายน 2009 19:57:47 ช่วยหนู่หน่อยสิ แบบว่า เบนหวัดง่าย
แค่โดนฝนซักนิด เช้ามาเริ่มเลยอะ ฮือๆ :emox หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 14 กันยายน 2009 09:54:21 ออกกำลังกายสิครับใหม่
ช่วยได้เยอะครับ แถมสุขภาพสดชื่นอีกด้วย :emos หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: soda ที่ 14 กันยายน 2009 09:57:26 ปวดหลัง ปวดเอว :emoty
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 14 กันยายน 2009 12:06:40 ปวดหลัง ปวดเอว :emoty ต้องไปร้านอาบอบนาบ (เอ้ย นวด) ครับพี่ บอย อิอิอิ หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 14 กันยายน 2009 12:09:57 รักษาสิวด้วยน้ำมะนาว
ทราบหรือไม่ว่า น้ำมะนาวก็สามารถช่วยรักษาสิวได้ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝาก... วิธีทำ เริ่มจากล้างหน้าให้สะอาด จากนั้นบีบน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ใช้สำลีจุ่มน้ำมะนาวพอเปียก แล้วนำมาป้ายลงบนสิว ทิ้งไว้ทั้งคืน แล้วล้างออกในตอนเช้า หากรู้สึกว่าน้ำมะนาวแรงเกินไป อาจจะผสมน้ำให้เจือจางก็ได้ วิธีนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำจึงจะเห็นผล เพียงเท่านี้ปัญหาเรื่องสิวก็จะหายไป. หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 14 กันยายน 2009 13:35:33 ขอบคุนคับก้อง
สำหรับสาระดีดี อีกแล้ว :emo2 หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: soda ที่ 14 กันยายน 2009 13:37:14 ปวดหลัง ปวดเอว :emoty ต้องไปร้านอาบอบนาบ (เอ้ย นวด) ครับพี่ บอย อิอิอิ หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 14 กันยายน 2009 23:29:44 13 วิธีแก้โรคเครียดในที่ทำงาน
หากคุณรู้สึกว่างานที่ทำกำลังปลุกต่อมเครียดให้มีชีวิต ไหนจะมีประชุมแต่เช้าตรู่ นั่งทำงานที่โต๊ะไม่ถึง 10 นาที ก็มีโทรศัพท์เข้ามาไม่ขาดสาย บ่ายก็ต้องวิ่งออกไปหาลูกค้า ตอนเย็นยังต้องกลับมาทำ Report ส่งเจ้านาย เวลากลับบ้านไม่วายรถก็ติดแสน ฯลฯ เรามีวิธีช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายๆ แถมเติมโบนัสทางความคิดและมุมมองดีๆ แบบนี้เลย... 1. สูดกลิ่นหอม รู้หรือเปล่าว่า กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์จะช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียดๆ ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ อย่างกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยตรงโต๊ะทำงานก็ไม่เลวนะ เชื่อสิว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเลยเชียว 2. ตากอากาศระยะสั้น เมื่อความเครียดรุมเร้า ก็ไม่ควรอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม ทางที่ดีคุณควรหาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์ใกล้ๆ ธรรมชาติสักพัก อาจเป็นสวนหย่อมในที่ทำงาน หรือคาเฟทาเรียใกล้ๆ จากนั้นเดินผ่อนคลายและหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่มันมาจากชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป WOW! เพียงแค่ 10 นาทีวิธีนี้ก็จะชาร์จพลังให้หัวใจของคุณให้ดีขึ้นได้ 3. จินตนาการแสนสุข อีกทางเลือกในการบรรเทาความเครียด คือ ดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน โดยหลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ แล้วหยุดไว้สองวินาทีก่อนหายใจออก การหยุดช่วงสั้นๆ จะมีผลทำให้ระบบประสาทสงบลง ทำแบบนี้ในที่เงียบๆ สัก 5 นาที รับรองว่าจะรู้สึกดีแบบทันตาเห็น จากนั้นก็นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ในการทำงาน เช่น วันที่ได้รับคำชมจากเจ้านาย หรืองานชิ้นโบว์แดงที่คุณทำแล้วรู้สึกภาคภูมิใจ เป็นต้น 4. หนังสือบำบัด หาหนังสือที่อ่านแล้วสบายใจ เล่มบางๆ มาไว้ใกล้มือ เครียดเมื่อไหร่หยิบมาพลิกอ่านสักหน้าสองหน้าแก้เครียด 5. สร้างอารมณ์ขัน หลังจากทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ลองชวนเพื่อนที่มีอารมณ์ขันคุยเบาๆ จะช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเ..เซนเซอร์..่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง คนที่หัวเราะง่ายมักมีสุขภาพกายและจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลของระบบประสาททางหนึ่งด้วย (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด) DID YOU KNOW! สำหรับบางคนการหัวเราะเพียงครั้งเดียวมีค่าเท่ากับการผ่อนคลายสี่สิบห้านาทีเต็มทีเดียว 6. พลังแห่งการสัมผัส ถ้ามีเพื่อนสนิทในที่ทำงานอาจสลับสับเปลี่ยนกันนวดบรรเทาอาการเครียด เพราะการโอบกอดหรือสัมผัสเบาๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ชื่อ ออกซิโทชิน ช่วยลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ทำให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ MUST DO! นวดศีรษะ โดยกางนิ้วออกแล้วใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ ไล้จากคางขึ้นไปถึงหน้าผาก แล้วย้อนกลับมาที่ท้ายทอย หรือจะนวดบริเวณหางตาได้ด้วยก็ได้ 7. โทรหาเพื่อนรู้ใจ อย่าคิดว่าตัวเองจะแก้ทุกปัญหาได้ไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งแค่ไหนก็ยังต้องการที่พึ่งพิงบ้าง ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสักคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ การมีคนรับฟังและให้คำปรึกษาจะทำให้ชีวิตที่ยุ่งเหยิงเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า คุณไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลก แต่ขอเตือนว่าอย่าเมาท์เพลินจนเสียงานก็แล้วกัน 8. หามุมสงบ - ฟังเพลง ฟังเพลงเบาๆ โดยเฉพาะเพลงแนว Meditation ทั้งเสียงบรรเลงดนตรีและเสียงธรรมชาติ อย่างเสียงคลื่น น้ำตก นกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคืนสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์ 9. ทดลองหลับ บางตำรากล่าวไว้ว่าวิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสมดุลแห่งความเครียด คือ การฝึกจิตง่ายๆ ครั้งละ 10 - 15 นาที เช้าและเย็น ด้วยการนั่งท่าสบายๆ อยู่ที่โต๊ะทำงานของคุณ หนุนศีรษะบนแขนที่วางไขว้กัน หรือหาที่เหมาะนอนท่าเหยียดยาว หลับตาและปล่อยตัวตามสบาย เพื่อผ่อนคลายง่ายๆ DID YOU KNOW! ในทางทฤษฎีว่าไว้เมื่อคุณหลับตาสามารถตัดข้อมูลต่างๆ ไม่ให้เข้าสู่สมองได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ 10. อย่าคาดหมายล่วงหน้า การมัวแต่คิดถึงการนัดหมายสำคัญๆ ในวันรุ่งขึ้น จะทำให้เข้านอนดึกด้วยความกังวลและเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก ทางที่ดีทำใจให้สบายผ่อนคลายให้มากที่สุด บอกตัวเองว่าพักให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้จะดีเอง จากนั้นตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้า เพื่อจะได้เตรียมตัวจนมั่นใจ โดยไม่อ่อนเพลีย 11. รู้จัก เลี่ยง เมื่อถึงเวลา ในชีวิตการทำงานมักมีหลายเรื่องที่เข้ามากระทบความรู้สึกจนเกิดอารมณ์ แต่แทนที่จะตอบโต้กลับทันทีอย่างขาดสติ จนอาจทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต การเดินหนีไปก่อน รอให้อารมณ์เย็นลงหรืออยู่กับโต๊ะทำงานตัวเองเงียบๆ จัดข้าวของหรือหาอะไรที่ไม่ต้องใช้สมาธิสูงมากทำ ลดความเครียดลงได้จนกว่าคุณพร้อมที่จะกลับมาลุยงานอีกครั้ง 12. สร้างกำลังใจให้ตัวเอง ความผิดพลาดบางอย่างที่แก้ไขไม่ได้แล้วก็จำเป็นต้องยอมรับแล้วใช้เป็นบทเรียน แต่จงอย่างให้ความผิดพลาดนั้นกลายเป็นสิ่งที่มากดดันให้คุณเครียดจนเกินไป MUST DO! อย่ามัวคิดถึงสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว ควรเปิดใจให้กว้าง และกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาในการ หาทางแก้ไขให้ดีขึ้น 13. คิดในทางบวก จำไว้ว่าการมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน คิดถึงประสบการณ์ดีๆ ที่ผ่านมาในชีวิตให้บ่อยขึ้น รวมถึงคิดถึงความปรารถนาดีของคนอื่นที่มีต่อคุณก็จะช่วยให้เป็นคนที่เครียดน้อยลงและมีความสุขมากขึ้นได้ คงจะมีสาระไม่มากก็น้อยนะครับ หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 14 กันยายน 2009 23:31:28 เลือกกลิ่นให้ถูกกาย
การทำตัวเองให้ดูดีนอกจากการที่เราให้ความใส่ใจกับเสื้อผ้าแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือเรื่องของกลิ่นกายอันชวนหลงใหล (หรืออาจทำให้หลงไปทางอื่นได้หากกลิ่นนั้นผิด) ในส่วนของหน้าที่นี้คงเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ผู้ช่วยมือหนึ่งอย่าง น้ำหอม ที่นับว่าเป็นเครื่องประดับแฟชั่นอีกชิ้นหนึ่งก็ว่าได้ น้ำหอมเริ่มใช้กันมานานกว่าที่คุณคิด คนในสังคมโบราณก็ใช้กลิ่นเหล่านี้บ่งบอกสถานภาพ และคงไม่ต่างจากสมัยนี้เท่าไหร่ น้ำหอมนอกจากช่วยให้คุณน่าอยู่ใกล้แล้ว บางครั้งกลิ่นหอมตลบบนตัวคุณ อาจเป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกถึงบุคลิกของคุณได้เช่นกัน วันนี้เราขออาสาแนะนำวิธีการเลือกซื้อน้ำหอม ที่แม้บางคนบอกว่าไม่เห็นยาก แต่ไอ้ที่ว่าไม่ยากนี่แหละครับ ผมก็ยังไม่ค่อยเห็นใครที่ทำถูกวิธีกันเลย ถ้าหากว่าวันไหนที่คุณคิดว่าวันนี้ต้องไปสอยมาสักขวดแน่ๆ ก็อย่าลืมที่จะอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดสดชื่นก่อนเป็นอันดับแรก และอย่าใส่น้ำหอมหรืออะไรก็ตามแต่ที่จะมีกลิ่นติดตัวคุณไปก่อนออกจากบ้าน เมื่อถึงเคาน์เตอร์ขายน้ำหอมที่มีให้เลือก 108 กลิ่น จงตั้งสติให้มั่นทดลองแต่ละกลิ่นอย่างใจเย็น ทดสอบฉีดมันลงบนตัวคุณให้ทั่ว แล้ว...ไปเดินเล่นเรื่อยเปื่อยตามอัธยาศัย เนื่องจากกลิ่นที่คุณได้สัมผัสขณะแรกนั้นจะไม่ใช่กลิ่นที่จะติดตัวคุณไปทั้งวัน เพราะเราจะได้กลิ่นที่แท้จริงนั้นก็ต่อเมื่อผ่านไปแล้ว 2-3 ชั่วโมง ถ้าคุณต้องการซื้อมันจริงๆ ก็ควรทำเป็นรายการสุดท้ายก่อนกลับบ้าน และทางที่ดีคุณควรเลือกลองกลิ่นที่น่าสนใจสัก 2-3 กลิ่นก็น่าจะพอแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าการไปซื้อน้ำหอมที่คุณต้องการใช้นั้นจะมีคนใช้กลิ่นนี้เป็นร้อยคนรึเปล่า เพราะถึงแม้น้ำหอมกลิ่นเดียวกันแต่จะให้ผลกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาเคมีในตัวของแต่ละคนด้วย โดยเฉพาะเหงื่อของแต่ละคนซึ่งมีผลอย่างมากต่อกลิ่นที่แท้ของน้ำหอม ไม่อย่างนั้นไมเคิล จอร์แดนคงไม่ใส่เหงื่อของเขาไปด้วยตอนที่ออกน้ำหอมกลิ่น (เฉพาะ) ตัวของเขาหรอก เมื่อคุณเริ่มมึนกับน้ำหอมที่ทดลองหลายๆกลิ่น และรู้สึกว่าสูญเสียระบบการรับรู้เรื่องกลิ่นไปชั่วขณะล่ะก็ ลองยกแขนในส่วนที่ไม่ได้ลองน้ำหอมแล้วสูดกลิ่นมันเข้าไปลึกๆหลายครั้งนะครับ เพราะมันอาจจะช่วยล้างกลิ่นที่ติดจมูกคุณได้ให้คุณรู้สึกดีขึ้นบ้าง + Plus โดยปกติแล้วน้ำหอมจะมีอายุการใช้งานประมาณ1 ปีถึงปีกว่าๆ จะซื้อขวดใหญ่มาก็เกรงว่าจะใช้ไม่ทัน ดังนั้นการเลือกซื้อน้ำหอมในขนาดเล็กแต่หลายๆกลิ่นก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจกับผู้ที่ชอบความหลากหลาย เพราะมันจะทำให้คุณสามารถเปลี่ยนกลิ่นได้ตามอารมณ์ความต้องการได้มากมาย(เพราะสาวแต่ละคนที่ออกเดทกับคุณอาจจะชอบกลิ่นที่ต่างๆกัน...) หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 15 กันยายน 2009 08:47:10 ข้อแรกผม กินช็อคโกแลต ก่อนทำงานครับ มันจาไม่เครียด สดชื่นดี (กินทุกช้าว) :emo2
ข้อสอง ผมไม่ค่อยใส่น้ำหอมเท่าไหร่ เพราะแพ้ครับ ได้กลิ่นหนักฯแล้วปวดหัว แล้วเคยเจออีกอย่างนึงเคยคบ ญ เค้าบอกว่าไม่ชอบกลิ่นน้ำหอม เสน่ห์ของตัวเราอยุ่ที่กลิ่นกลายมากกว่า (เค้าบอกว่ากลิ่นตัวเรา ทำให้เธอเกิดอารมณ์ทางเพศคับ) :emob หลังจากนั้นผมก้อไม่เคยใส่อีกเลย :emoy หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Nu MaI <RZ> ที่ 15 กันยายน 2009 09:06:47 ข้อแรกผม กินช็อคโกแลต ก่อนทำงานครับ มันจาไม่เครียด สดชื่นดี (กินทุกช้าว) :emo2 ข้อสอง ผมไม่ค่อยใส่น้ำหอมเท่าไหร่ เพราะแพ้ครับ ได้กลิ่นหนักฯแล้วปวดหัว แล้วเคยเจออีกอย่างนึงเคยคบ ญ เค้าบอกว่าไม่ชอบกลิ่นน้ำหอม เสน่ห์ของตัวเราอยุ่ที่กลิ่นกลายมากกว่า (เค้าบอกว่ากลิ่นตัวเรา ทำให้เธอเกิดอารมณ์ทางเพศคับ) :emob หลังจากนั้นผมก้อไม่เคยใส่อีกเลย :emoy ญ. มันชอบกลิ่นกาย :emotv :emotv หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: บอย บุเรงนอง<RZ> ที่ 15 กันยายน 2009 10:47:29 :emotkปวดหลังเหมือนกันคับ
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 15 กันยายน 2009 12:20:40 วิธีบำบัดอาการอกหัก
ใครที่กำลังอกหักจากเรื่องความรักบ้าง วันนี้เกร็ดความรู้ มีวิธีบำบัดอาการอกหักมาฝาก . ใช้เวลาให้เพลิดเพลินไปกับการ Shopping 2. ไปออกกำลังกายเพื่อให้รูปร่างดูดีขึ้น 3. ตามใจตัวเอง ด้วยการไปอบไอน้ำ นอนแช่อ่างจากุชี่ มันจะทำให้คุณรู้สึกสบายตัว และมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ 4. ถ้าอยากร้องไห้ ก็ร้องไปให้เต็มที่เลย 5. จดจำความรู้สึกที่เลวร้าย ไม่ใช่นั่งคิดถึงเรื่องโรแมนติก ของคนที่ตีจากไป 6. อะไรที่เป็นอนุสรณ์ของความรักเก่า ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย จดหมายรัก หรือตั๋วชมคอนเสิร์ต อันแสนโรแมนติก ทำลายมันซะให้หมด 7. หาเวลาออกไปเที่ยวนอกเมือง โดยอาจจะหาเพื่อน ทั้งชายทั้งหญิง กลุ่มใหญ่ไปด้วยกันสักกลุ่ม เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ 8. หาสัตว์เลี้ยงที่มีความซื่อสัตย์มาเลี้ยง 9. อย่าลืมว่า ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกัน เพื่อจะได้หายจากอาการอกหักโดยไวนะจ๊ะ. ที่มา http://campus.sanook.com/teen_zone/senior_02640.php หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: soda ที่ 15 กันยายน 2009 12:24:21 ^
^ คงเปนหมอเก่าแน่นอน :emo2 หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 15 กันยายน 2009 12:30:43 เฮ้ย ! ก้อง
เดวมีคนร้องไห้หลายคนหรอก :emotp หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 15 กันยายน 2009 12:40:16 เฮ้ย ! ก้อง เดวมีคนร้องไห้หลายคนหรอก :emotp เผื่อในโซนมีคนอกหัก ครับพี่ จะได้มีวิธี บำบัด งิงิงิ หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 15 กันยายน 2009 12:42:14 มีเยอะมาก :emots
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: soda ที่ 15 กันยายน 2009 12:42:48 มีเยอะมาก :emots คัยฟ่ะ :emot :emot :emotvหัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: TON VIP < RZ > ที่ 15 กันยายน 2009 16:04:17 โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่าน - ให้กินข้าวโพด จะช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: soda ที่ 15 กันยายน 2009 16:12:58 โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่าน - ให้กินข้าวโพด จะช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้ ผมกินไปหลายฟักยังไม่หายเลย :emoxหัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: ป้านู๋อ้อ_TZ#051 ที่ 15 กันยายน 2009 16:18:44 ผู้ชายจำให้ขึ้นใจ ต้มจืดฟัก น้ำมะตูม >>>>>> ทำให้สมรรถภาพเพศชายลดน้อยลง อีกอย่าง...ดอกลั่นทมด้วย..ไม่ควรดมกลิ่นมาก มาก มันมีผลทำให้นกเขาไม่ขัน จุ๊กกรู จุ๊กกรู หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: soda ที่ 15 กันยายน 2009 16:20:36 ผู้ชายจำให้ขึ้นใจ ต้มจืดฟัก น้ำมะตูม >>>>>> ทำให้สมรรถภาพเพศชายลดน้อยลง อีกอย่าง...ดอกลั่นทมด้วย..ไม่ควรดมกลิ่นมาก มาก มันมีผลทำให้นกเขาไม่ขัน จุ๊กกรู จุ๊กกรู หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: ป้านู๋อ้อ_TZ#051 ที่ 15 กันยายน 2009 16:27:43 ข้อมูลอ้างอิง
ต้มจืดฟัก >>>> หน่วยทหารมักต้มให้ทหารเกณฑ์กิน เนื่องจากว่า ทหารเกณฑ์มาฝึก ห่างไกลสาว ๆ .... นกเขาโดดเดี่ยว น้ำมะตูม >>>> จะเห็นว่า หลวงพี่ หลวงพ่อ ชอบฉัน...ซดเช้า กลางวัน เย็น... จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ต้นลั่นทม >>>> ปลูกมากในวัด กลิ่นมันจะช่วยทำให้ใจสงบ นกเขาหลับสนิท...อิอิ หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: จารย์ยุ่น ที่ 15 กันยายน 2009 17:02:58 โอ้สาระน่าอ่านทั้งนั้นแต่วันนี้ปวดตาเลยอ่านได้ไม่หมด
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Louis Todo Juku <RZ> ที่ 15 กันยายน 2009 17:03:43 ไม่เคยอกหัก แต่ชอบหักอกคร้าบบบบ :emots
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: TON VIP < RZ > ที่ 15 กันยายน 2009 17:14:51 ข้อมูลอ้างอิง ต้มจืดฟัก >>>> หน่วยทหารมักต้มให้ทหารเกณฑ์กิน เนื่องจากว่า ทหารเกณฑ์มาฝึก ห่างไกลสาว ๆ .... นกเขาโดดเดี่ยว น้ำมะตูม >>>> จะเห็นว่า หลวงพี่ หลวงพ่อ ชอบฉัน...ซดเช้า กลางวัน เย็น... จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ต้นลั่นทม >>>> ปลูกมากในวัด กลิ่นมันจะช่วยทำให้ใจสงบ นกเขาหลับสนิท...อิอิ ขอบคุน สำหรับสาระดีดีครับ :emotn หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 16 กันยายน 2009 00:26:33 วิธีแก้รอยแผลเป็นจากสิว
วันนี้ขอแนะเคล็ดลับวิธีการรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยแอปเปิ้ล... เริ่มต้นด้วย การล้างหน้าให้สะอาด ใช้ผ้าซับให้แห้ง จากนั้นนำเนื้อแอปเปิ้ลเขียวครึ่งผล ผสมกับน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ บดรวมกันให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน ทาให้ทั่วใบหน้า เน้นบริเวณที่เป็นแผลเป็น ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก สูตรนี้สามารถทำได้ทุกวัน เพียงเท่านี้รอยแผลเป็นก็จะจางลง. หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 16 กันยายน 2009 08:53:31 โยเกิร์ตวันละถ้วย ช่วยดูแลสุขภาพ :emow
ทุกวันนี้ สุขภาพของเราถูกบั่นทอนอยู่ตลอดเวลาด้วยปัญหาความเครียด และรูปแบบการดำรงชีวิตยุคใหม่ที่รีบเร่งรัดตัว จะหาเวลากิน นอน พักผ่อน หรือออกกำลังกายกันแต่ละทีก็ช่างยากเย็น ถ้าคิดจะดูแลสุขภาพด้วยวิธีง่าย ๆ ตามคติฝรั่งสมัยก่อน ด้วยการกินแอปเปิ้ลวันละผลเห็นจะไม่พอ คติฝรั่งสมัยนี้เค้าหันมากินโยเกิร์ตวันละถ้วย กันแล้ว โยเกิร์ตวันละถ้วยให้อะไรกับเราบ้าง? โยเกิร์ตเนื้อครีมข้น รสธรรมชาติ 1 ถ้วย ให้สารอาหารที่มีประโยชน์ใกล้เคียงกับนมสด 1 แก้ว ได้แก่ แคลเซียม โปรตีนคุณภาพสูง คาร์โบไฮเดรต รวมทั้งวิตามิน เอ บี2 และบี12 แต่ให้พลังงานน้อยกว่า โดยคุณสมบัติที่เหนือกว่านมสดประการสำคัญก็คือ โยเกิร์ตมีจุลินทรีย์สุขภาพที่มีชีวิตผสมอยู่ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น โพรไบโอติก ซึ่งให้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราหลายประการ ทั้งช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตส ทำให้ผู้ที่ดื่มนมวัวไม่ได้ มีโอกาสได้รับสารอาหารจากนมได้เต็มที่ โดยไม่เกิดอาการปวดท้อง แน่นท้อง หรือท้องเสีย ส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็ก ควบคุมระบบนิเวศน์ในระบบทางเดินอาหารให้อยู่ในภาวะสมดุล ช่วยป้องกันจุลินทรีย์ก่อโรคไม่ให้ทำอันตรายกับร่างกาย และช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารภูมิคุ้มกันออกมาต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บจากการศึกษา พบว่า ผู้ที่รับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวันและมีจุลินทรีย์สุขภาพเหล่านี้อยู่ในร่างกายมาก ๆ นั้น นอกจากจะมีระบบขับถ่ายที่ดี มีรูปร่างผิวพรรณดีแล้ว ยังมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วยเป็นอะไรกับใครเขาอีกด้วย เพราะอย่างนี้ โยเกิร์ตถึงได้รับการยกย่องว่าเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับคนทุกเพศทุกวัยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร รักและดูแลสุขภาพครับ :emom หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 18 กันยายน 2009 17:14:32 :emok ปวดหัว - ให้กินปลามากฯ ทั้งปลาทะเล และ น้ำจืด เพราะน้ำมันจากตัวปลา
มีสรรพคุณ ป้องกันการปวดหัว กินพร้อมฯ กับขิง จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลงได้ หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: -- James _ Za -- ที่ 18 กันยายน 2009 17:42:46 เป็นวุ่นในตาเสื่อมอยู่ แต่ก่อนติดเกม เล่นทั้งวัน
แต่เป็นแค่จุดเดียวเล็กๆนะ จะเห็นเป็นจุด ดำๆ จางๆ ลอยอยู่ข้างหน้า ทีแรกนึกว่าอะไรมาติดที่ตา ถ้ามองไปหากำแพงสีขาวจะเห็นชัด ในกรณีที่มองวัตถุที่อยู่ใกล้กว่ากำแพง แต่ถ้ามองอะไรทั่วไป หรือเพ่งไปที่กำแพงจะไม่เห็น บางทีก็ลืมว่าตัวเองเป็นอยู่ อย่าเล่นคอมแล้วปิดไฟ แล้วก็พยายามพักสายตาบ่อยๆ :emotj หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 18 กันยายน 2009 17:45:05 เป็นวุ่นในตาเสื่อมอยู่ แต่ก่อนติดเกม เล่นทั้งวัน แต่เป็นแค่จุดเดียวเล็กๆนะ จะเห็นเป็นจุด ดำๆ จางๆ ลอยอยู่ข้างหน้า ทีแรกนึกว่าอะไรมาติดที่ตา ถ้ามองไปหากำแพงสีขาวจะเห็นชัด ในกรณีที่มองวัตถุที่อยู่ใกล้กว่ากำแพง แต่ถ้ามองอะไรทั่วไป หรือเพ่งไปที่กำแพงจะไม่เห็น บางทีก็ลืมว่าตัวเองเป็นอยู่ อย่าเล่นคอมแล้วปิดไฟ แล้วก็พยายามพักสายตาบ่อยๆ :emotj คอมนี่ น่ากัวเหมือนกันนะเนี่ยย :emoty หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: TON VIP < RZ > ที่ 21 กันยายน 2009 09:32:26 :emotia
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: NosDriVe ที่ 22 กันยายน 2009 06:47:16 ข้อมูลอ้างอิง ต้มจืดฟัก >>>> หน่วยทหารมักต้มให้ทหารเกณฑ์กิน เนื่องจากว่า ทหารเกณฑ์มาฝึก ห่างไกลสาว ๆ .... นกเขาโดดเดี่ยว น้ำมะตูม >>>> จะเห็นว่า หลวงพี่ หลวงพ่อ ชอบฉัน...ซดเช้า กลางวัน เย็น... จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ต้นลั่นทม >>>> ปลูกมากในวัด กลิ่นมันจะช่วยทำให้ใจสงบ นกเขาหลับสนิท...อิอิ ลั่นทมนี่ ลีลาวดี ช่ายปะป้า หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: NosDriVe ที่ 23 กันยายน 2009 18:17:53 ข้าวโพดต้มสุก ต้านมะเร็ง
ข้าวโพดสุก ต้านมะเร็ง การแทะข้าวโพดหวานต้านโรคมะเร็งมีสารตัวล้างพิษมากกว่าผักผลไม้ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ รายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่า ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด เขาเผยว่าผิดกับที่เคยเชื่อกันมาก่อน ว่าผักและผลไม้หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไป สู้กินดิบๆ ไม่ได้ แต่ข้าวโพดหวานยังคงสามารถเก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้ แม้ว่าจะเสียวิตามินซีไป เขาได้พบในการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารอันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22, 44 และ 53 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษช่วยดับพิษของพวกอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคอันเนื่องมาจากความแก่ชราต่างๆ อย่างเช่นต้อกระจก และโรคสมองเสื่อมอีกด้วย คณะนักวิจัยแจ้งว่าข้าวโพดหวานที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก อันเป็นคุณกับร่างกายยิ่งมากขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นกรดเฟรุลิกเป็นพวกพฤกษเคมี ซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเปรวมอยู่กับอย่างอื่น การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: จี่จี๋ รักในหลวง ที่ 23 กันยายน 2009 19:12:04 :emotia :emotia :emo2 :emo2
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 24 กันยายน 2009 09:12:40 ข้าวโพดต้มสุก ต้านมะเร็ง ข้าวโพดสุก ต้านมะเร็ง การแทะข้าวโพดหวานต้านโรคมะเร็งมีสารตัวล้างพิษมากกว่าผักผลไม้ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ รายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่า ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด เขาเผยว่าผิดกับที่เคยเชื่อกันมาก่อน ว่าผักและผลไม้หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไป สู้กินดิบๆ ไม่ได้ แต่ข้าวโพดหวานยังคงสามารถเก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้ แม้ว่าจะเสียวิตามินซีไป เขาได้พบในการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารอันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22, 44 และ 53 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษช่วยดับพิษของพวกอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคอันเนื่องมาจากความแก่ชราต่างๆ อย่างเช่นต้อกระจก และโรคสมองเสื่อมอีกด้วย คณะนักวิจัยแจ้งว่าข้าวโพดหวานที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก อันเป็นคุณกับร่างกายยิ่งมากขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นกรดเฟรุลิกเป็นพวกพฤกษเคมี ซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเปรวมอยู่กับอย่างอื่น การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น :emo2 หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: TON VIP < RZ > ที่ 24 กันยายน 2009 13:27:20 โรคแผลในกะเพาะอาหาร
- ให้กินกะหล่ำปลี เพราะมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกะเพาะอาหาร และลำไส้หายขาดได้ :emotv หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: NosDriVe ที่ 26 กันยายน 2009 12:29:48 เวลาได้กินน้ำเย็นๆ ซักแก้ว หลังอาหาร รู้สึกมันชื่นใจดีใช่มั้ยครับ
แต่ว่า น้ำเย็นจะทำให้ไขมันที่คุณเพิ่งกินเข้าไปเมื่อกี๊จับตัวเป็นไขขึ้นมา ซึ่งจะส่งผลให้การย่อยอาหารช้าลง ถ้าคราบไขมันเหล่านี้ไปทำปฏิกิริยากับกรด มันจะแตกตัวแล้วจะถูกดูดซึมไปที่ลำไส้ ไขมันที่แตกตัวนี้จะดูดซึมได้เร็วกว่าอาหารทั่วไป แล้วก็จะเริ่มเคลือบลำไส้ของเราไว้ (ด้านใน) ในไม่ช้า มันก็จะแปรสภาพเป็นไขมันก้อนๆ และเป็นบ่อเกิดของมะเร็งในที่สุด ดังนั้น ควรดื่มน้ำอุ่นหลังอาหารดีกว่า หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: NosDriVe ที่ 26 กันยายน 2009 12:30:45 ขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของโรคหัวใจ
เวลาที่เกิดอาการ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเจ็บที่แขนซ้ายเสมอไป ถ้าคุณมีอาการปวดกรามหรือขากรรไกรก็อาจจะเป็นสัญญาณของโรคหัวใจได้ แม้ว่าคุณจะเป็นโรคหัวใจ แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้อง มีอาการเจ็บหน้าอก อาการเหงื่อออก คลื่นไส้ ก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับโรคทั่วๆไป 60% ของคนที่โรคหัวใจกำเริบขณะหลับมันจะไม่ตื่น (อีกเลยรึเปล่าก็ไม่รู้) แต่อาการปวดกราม อาจจะทำให้คุณตื่นขึ้นมากลางดึกได้ ก็ให้ระวังดูและตัวเอง ถ้ามีอาการเหล่านี้ หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: cliff ที่ 26 กันยายน 2009 12:34:25 ข้อมูลอ้างอิง ต้มจืดฟัก >>>> หน่วยทหารมักต้มให้ทหารเกณฑ์กิน เนื่องจากว่า ทหารเกณฑ์มาฝึก ห่างไกลสาว ๆ .... นกเขาโดดเดี่ยว น้ำมะตูม >>>> จะเห็นว่า หลวงพี่ หลวงพ่อ ชอบฉัน...ซดเช้า กลางวัน เย็น... จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ต้นลั่นทม >>>> ปลูกมากในวัด กลิ่นมันจะช่วยทำให้ใจสงบ นกเขาหลับสนิท...อิอิ ลั่นทมนี่ ลีลาวดี ช่ายปะป้า มิน่า...เจ๊ เล่นปลูกที่หน้าบ้านเลย 3 ต้น หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 26 กันยายน 2009 13:30:51 เวลาได้กินน้ำเย็นๆ ซักแก้ว หลังอาหาร รู้สึกมันชื่นใจดีใช่มั้ยครับ แต่ว่า น้ำเย็นจะทำให้ไขมันที่คุณเพิ่งกินเข้าไปเมื่อกี๊จับตัวเป็นไขขึ้นมา ซึ่งจะส่งผลให้การย่อยอาหารช้าลง ถ้าคราบไขมันเหล่านี้ไปทำปฏิกิริยากับกรด มันจะแตกตัวแล้วจะถูกดูดซึมไปที่ลำไส้ ไขมันที่แตกตัวนี้จะดูดซึมได้เร็วกว่าอาหารทั่วไป แล้วก็จะเริ่มเคลือบลำไส้ของเราไว้ (ด้านใน) ในไม่ช้า มันก็จะแปรสภาพเป็นไขมันก้อนๆ และเป็นบ่อเกิดของมะเร็งในที่สุด ดังนั้น ควรดื่มน้ำอุ่นหลังอาหารดีกว่า ผมอดไม่ได้หรอก ถ้าน้ำอุ่นอะ (แต่ถ้าอาบอะไม่แน่) อิอิ หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 27 กันยายน 2009 13:16:46 ที่กำลังมีความรัก วันนี้มีวิธีสังเกตว่าความรักที่มีอยู่นั้น เป็นรักแท้หรือเปล่ามาให้อ่านกัน...
1. ต้องมีความรู้สึกได้สัมผัส กับความสุขร่วมกับคน ๆ นั้น เมื่ออยู่ด้วยกันก็จะมีความสุขมาก ไม่เคยเบื่อที่มีเขาอยู่ใกล้ ๆ และเมื่อยามที่เขาห่างไกลไม่ได้เห็นหน้า ก็จะรู้สึกเหงา ๆ และคิดถึง ไม่ใช่พอเขาหันหลังให้ ก็กระโดดโลดเต้นดีใจ 2. ต้องให้ความเคารพนับถือคน ๆนั้น ถ้าจะรักใครสักคน แล้วตั้งหน้าดูถูกไม่เคยให้ความเคารพ ในความเป็นเขา แล้วคนอื่น ๆ จะเคารพคน ๆ นั้น ของเราได้อย่างไรและเราจะภูมิใจหรือ กับการที่ได้รักใคร่กับคนที่ใคร ๆ เขาดูถูก 3. ต้องรู้สึกว่าคน ๆ นั้นเป็นที่พึ่งได้ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ขึ้นในชีวิต ก็มั่นใจว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเพื่อคอยช่วยเหลือ 4. ต้องเชื่อมั่นว่าถ้ามีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน สัมพันธภาพก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะคนเราย่อมผิดพลาดกันได้ ถ้ารู้จักอภัยกันมันก็อยู่กันทน 5. ต้องเข้าถึงความต้องการอารมณ์ และความรู้สึกของคน ๆ นั้นอย่างถ้ารู้ว่าชอบจะอยู่คนเดียวตามลำพังบ้าง ก็ควรเปิดโอกาสได้อยู่กับตัวเอง ด้วยความเต็มใจ 6. ต้องมีความรู้สึกต้องตาต้องใจในสรีระของคน ๆ นั้น ไม่ว่าจะต้องเสน่ห์ในความเป็นหญิงกำยำ หรือในความล้านจนขึ้นเงาวับบนหัวเขา มันก็มีส่วนในความรักเหมือนกัน 7. ต้องรู้สึกว่าเรา สามารถจะพูดคุยกับคน ๆ นั้นได้ทุกเรื่องอย่างเปิดอก สามารถที่จะขุดความรู้สึกส่วนลึกในหัวใจ ขึ้นมาพูดได้ ไม่ใช่ต้องปิดบังความรู้สึกส่วนนั้นไว้ เพราะกลัวว่าถ้าพูดออกมาแล้ว เราจะอับอายหรือไม่ก็กลัวว่าเขาได้ยิน แล้วจะเดินหายไปจากชีวิต 8. ต้องรู้สึกว่าคน ๆ นั้นเป็นของมีค่าในมือ ถ้าไม่มีเขาสักคน ชีวิตของเราก็สูญของมีค่าไป 9. ต้องรู้สึกเต็มใจที่มีส่วนร่วมกับคนๆ นั้นในหลาย ๆ ด้าน เป็นต้นว่าความคิดอารมณ์ และเวลาแต่ไม่ใช่ร่วมกับเขาไปหมด จนเขาไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเอง 10. ต้องรู้สึกอยากมีส่วนร่วมอยากรับฟังทุกอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ดี หรือเป็นสิ่งที่ทุกข์ ที่เรียกว่าร่วมทุกข์ร่วมสุข เพราะคนที่ต้องการแต่จะร่วมสุข นั่นหมายถึงว่าคุณไม่ได้มีรักแท้กับคนๆนั้น ลองนำไปสังเกตความรักของคุณดูได้ ว่าเป็นรักแท้แบบไหน. หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: EviL tO LauGh ที่ 28 กันยายน 2009 09:34:53 ข้อมูลอ้างอิง ต้มจืดฟัก >>>> หน่วยทหารมักต้มให้ทหารเกณฑ์กิน เนื่องจากว่า ทหารเกณฑ์มาฝึก ห่างไกลสาว ๆ .... นกเขาโดดเดี่ยว น้ำมะตูม >>>> จะเห็นว่า หลวงพี่ หลวงพ่อ ชอบฉัน...ซดเช้า กลางวัน เย็น... จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ต้นลั่นทม >>>> ปลูกมากในวัด กลิ่นมันจะช่วยทำให้ใจสงบ นกเขาหลับสนิท...อิอิ ลั่นทมนี่ ลีลาวดี ช่ายปะป้า มิน่า...เจ๊ เล่นปลูกที่หน้าบ้านเลย 3 ต้น :emot :emot หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: 4a71 ที่ 28 กันยายน 2009 17:32:46 :emotia
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 28 ตุลาคม 2009 09:25:03 วิธีลดความมันที่ใบหน้า
คุณๆ ที่มีปัญหาเรื่องอาการหน้ามันทุก 5 นาที อาการสาวๆ หน้ามันเนี่ยมันทำให้หนุ่มที่เดินข้างๆ รู้สึกเสียอารมณ์สุดๆ ช่วยโบ๊ะหน่อยก็ดี แต่บางคนยิ่งโบ๊ะก็ยิ่งเยิ้ม ไปกันใหญ่เลยค่ะคุณ เอาเป็นว่าเรามาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุกันดีกว่า ด้วยวิธีแสนจะง่ายและปราศจากผลข้างเคียงแน่นอนค่ะ 1. นำสตอเบอร์รี่ 2 ลูกล้างให้สะอาด แตงกวา 1 ลูกล้างให้สะอาด 2. นำมาใส่เครื่องปั่นผสมกันให้ละเอียด 3. แล้วนำมาพอกหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาและรอบปาก ประมาณ 20 นาที 4. เสร็จแล้วก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ แค่นี้ก็ช่วยได้แล้วจ้า เพราะจะช่วยกระชับรูขุขนให้ระเอียดขึ้นด้วย และอาจจะใช้สัปปะรดฝานบางๆ แช่เย็นไว้ แล้วนำมาวางบนหน้า ซัก 10 นาทีต่อ ก็จะช่วยเรื่องหน้ามันได้อีกด้วยค่ะ ขอแนะนำว่าอาทิตย์นึงทำซักครั้งก็พอนะคะ รับรองว่าผิวหน้าคุณๆ ก็จะสดใส เนียนนุ่ม และไม่มันได้แน่นอนค่ะ หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 28 ตุลาคม 2009 09:29:05 วิธีลดความมันที่ใบหน้า คุณๆ ที่มีปัญหาเรื่องอาการหน้ามันทุก 5 นาที อาการสาวๆ หน้ามันเนี่ยมันทำให้หนุ่มที่เดินข้างๆ รู้สึกเสียอารมณ์สุดๆ ช่วยโบ๊ะหน่อยก็ดี แต่บางคนยิ่งโบ๊ะก็ยิ่งเยิ้ม ไปกันใหญ่เลยค่ะคุณ เอาเป็นว่าเรามาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุกันดีกว่า ด้วยวิธีแสนจะง่ายและปราศจากผลข้างเคียงแน่นอนค่ะ 1. นำสตอเบอร์รี่ 2 ลูกล้างให้สะอาด แตงกวา 1 ลูกล้างให้สะอาด 2. นำมาใส่เครื่องปั่นผสมกันให้ละเอียด 3. แล้วนำมาพอกหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาและรอบปาก ประมาณ 20 นาที 4. เสร็จแล้วก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ แค่นี้ก็ช่วยได้แล้วจ้า เพราะจะช่วยกระชับรูขุขนให้ระเอียดขึ้นด้วย และอาจจะใช้สัปปะรดฝานบางๆ แช่เย็นไว้ แล้วนำมาวางบนหน้า ซัก 10 นาทีต่อ ก็จะช่วยเรื่องหน้ามันได้อีกด้วยค่ะ ขอแนะนำว่าอาทิตย์นึงทำซักครั้งก็พอนะคะ รับรองว่าผิวหน้าคุณๆ ก็จะสดใส เนียนนุ่ม และไม่มันได้แน่นอนค่ะ แต่ตอนนี้ สตอบอรี่หายาก อะ อยากทำเหมือนกัน เค้าคนหน้ามัน :emow หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: NosDriVe ที่ 28 ตุลาคม 2009 09:40:53 นกเขาก็ต้องการออกกำลังกายนะ
พูดถึงกันมาหลายเรื่องแล้วสำหรับการออกกำลังเสิรมกล้ามเนื้อ หรือเพื่อความแข็งแรงของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แล้วส่วนสำคัญอย่างน้องชายคุณจะไม่พูดถึงได้ไง คุณอาจมองข้ามกันไปว่า น้องชายเราจะแข็งแรงได้เองโดยไม่ต้องไปทำอะไรราวกับเป็นพรจากสรรค์… ผมอยากขอให้คิดกันใหม่นะครับ เพราะจริง ๆ การออกกำลังกายน้องชายเนี่ยเป็นเรื่องจำเป็นเลยล่ะ มาดูกันดีกว่าต้องทำยังไงกันบ้าง หรือใครที่ทำอยู่แล้ว นั่นทำถูกวิธีหรือเปล่า การแข็งบ่อย อวัยวะเพศก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ร่างกายจะแข็งแรงต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน อวัยวะเพศก็เช่นกัน ต้องให้มีการแข็งตัวของอวัยวะเพศบ่อยๆ เพราะขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวจะมีเลือดไปเลี้ยงมากที่สุด ละเป็นเลือดที่มีออกซิเจนมากที่สุด ทำให้มีการสร้างเนื้อเยื่อเพิ่ม การแข็งตัวของอวัยวะเพศจะทำให้มีการสร้าง Prostaglandin E1 สารตัวนี้จะมีหน้าที่สองประการคือ ทำให้หลอดเลือดแดงไม่แข็งตัวเลือดแดงไปเลี้ยงอวัยวะเพศเพิ่มขึ้น ประการที่สองคือสารนี้จะลดการสร้าง collagen ซึ่งทำให้เกิดพังผืดในอวัยวะเพศ ทำให้การแข็งตัวไม่ดี ร่างกายของคนเรามีระบบให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศโดยมีการแข็งตัวของอวัยวะ เพศในตอนนอนเพื่อให้อวัยวะเพศสร้างสาร Prostaglandin E1(เป็น ฮอร์โมนที่มีบทบาทช่วยให้ร่างกายเกิดความสบาย ตลอดจนป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อาทิ ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ความดันดลหิตสูง บรรเทาอาการแทรกซ้อนจากโรค เบาหวาน และที่สำคัญที่สุด ยังมีประโยชน์กับผู้หญิงด้วยนั่นคือ รักษาอาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน) ในเด็กวัยรุนจะมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศ 3-5 ครั้งต่อคืน แต่ละครั้งใช้เวลา 20-30 นาที ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบริหาร แต่สำหรับคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป ระดับฮอร์โมนเริ่มลดลง การแข็งตัวในตอนกลางคืนลดลง และไม่นาน จึงมีความจำเป็นต้องบริหารให้อวัยวะเพศมีการแข็งตัวบ่อยเพื่อให้มีเลือดไป เลี้ยงอวัยวะเพศเพิ่ม และมีการสร้าง Prostaglandin E1 การบริหารอวัยวะเพศจะต้องทำให้อวัยวะเพศมีการแข็งตัว 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ และแข็งแต่ละครั้งนาน 20-30 นาทีเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศ และป้องกันเส้นเลือดแข็ง การหลั่งบ่อย ต่อมลูกหมากจะมีการสร้างน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงเชื้ออยู่ตลอดเวลา การหลั่งบ่อยจะเป็นการลดอาการบวมของต่อมลูกหมาก ซึ่งจะทำให้สุขภาพของต่อมลูกหมากดีขึ้น มีการผลิตน้ำหล่อเลี้ยงเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อในต่อมลูกหมากทำงานดีขึ้น ทำให้มีปริมาณน้ำเชื้อเพิ่มขึ้น และการฉีดของน้ำเชื้อเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่อง การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่ง จะเป็นการเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันการหลั่งเร็วและใช้รักษาโรคกามตายด้าน นั้นผมจะได้หยิบเอามาเล่าให้ฟังอีกทีต่อไปนะครับ ^_^ ที่มา menblog.co.cc หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 28 ตุลาคม 2009 10:06:37 นกเขาก็ต้องการออกกำลังกายนะ พูดถึงกันมาหลายเรื่องแล้วสำหรับการออกกำลังเสิรมกล้ามเนื้อ หรือเพื่อความแข็งแรงของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แล้วส่วนสำคัญอย่างน้องชายคุณจะไม่พูดถึงได้ไง คุณอาจมองข้ามกันไปว่า น้องชายเราจะแข็งแรงได้เองโดยไม่ต้องไปทำอะไรราวกับเป็นพรจากสรรค์ ผมอยากขอให้คิดกันใหม่นะครับ เพราะจริง ๆ การออกกำลังกายน้องชายเนี่ยเป็นเรื่องจำเป็นเลยล่ะ มาดูกันดีกว่าต้องทำยังไงกันบ้าง หรือใครที่ทำอยู่แล้ว นั่นทำถูกวิธีหรือเปล่า การแข็งบ่อย อวัยวะเพศก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ร่างกายจะแข็งแรงต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน อวัยวะเพศก็เช่นกัน ต้องให้มีการแข็งตัวของอวัยวะเพศบ่อยๆ เพราะขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวจะมีเลือดไปเลี้ยงมากที่สุด ละเป็นเลือดที่มีออกซิเจนมากที่สุด ทำให้มีการสร้างเนื้อเยื่อเพิ่ม การแข็งตัวของอวัยวะเพศจะทำให้มีการสร้าง Prostaglandin E1 สารตัวนี้จะมีหน้าที่สองประการคือ ทำให้หลอดเลือดแดงไม่แข็งตัวเลือดแดงไปเลี้ยงอวัยวะเพศเพิ่มขึ้น ประการที่สองคือสารนี้จะลดการสร้าง collagen ซึ่งทำให้เกิดพังผืดในอวัยวะเพศ ทำให้การแข็งตัวไม่ดี ร่างกายของคนเรามีระบบให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศโดยมีการแข็งตัวของอวัยวะ เพศในตอนนอนเพื่อให้อวัยวะเพศสร้างสาร Prostaglandin E1(เป็น ฮอร์โมนที่มีบทบาทช่วยให้ร่างกายเกิดความสบาย ตลอดจนป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อาทิ ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ความดันดลหิตสูง บรรเทาอาการแทรกซ้อนจากโรค เบาหวาน และที่สำคัญที่สุด ยังมีประโยชน์กับผู้หญิงด้วยนั่นคือ รักษาอาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน) ในเด็กวัยรุนจะมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศ 3-5 ครั้งต่อคืน แต่ละครั้งใช้เวลา 20-30 นาที ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบริหาร แต่สำหรับคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป ระดับฮอร์โมนเริ่มลดลง การแข็งตัวในตอนกลางคืนลดลง และไม่นาน จึงมีความจำเป็นต้องบริหารให้อวัยวะเพศมีการแข็งตัวบ่อยเพื่อให้มีเลือดไป เลี้ยงอวัยวะเพศเพิ่ม และมีการสร้าง Prostaglandin E1 การบริหารอวัยวะเพศจะต้องทำให้อวัยวะเพศมีการแข็งตัว 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ และแข็งแต่ละครั้งนาน 20-30 นาทีเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศ และป้องกันเส้นเลือดแข็ง การหลั่งบ่อย ต่อมลูกหมากจะมีการสร้างน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงเชื้ออยู่ตลอดเวลา การหลั่งบ่อยจะเป็นการลดอาการบวมของต่อมลูกหมาก ซึ่งจะทำให้สุขภาพของต่อมลูกหมากดีขึ้น มีการผลิตน้ำหล่อเลี้ยงเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อในต่อมลูกหมากทำงานดีขึ้น ทำให้มีปริมาณน้ำเชื้อเพิ่มขึ้น และการฉีดของน้ำเชื้อเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่อง การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่ง จะเป็นการเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันการหลั่งเร็วและใช้รักษาโรคกามตายด้าน นั้นผมจะได้หยิบเอามาเล่าให้ฟังอีกทีต่อไปนะครับ ^_^ ที่มา menblog.co.cc แสดงว่าของเค้าก้อระบายดีเหมือนกันน๊า อาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า 5 > ต่อวัน อาจมี 2 3 รอบ :emoth เย้ หมุนเวียนดี :emotc หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: NosDriVe ที่ 28 ตุลาคม 2009 14:57:13 :emote :emote :emote :emote :emote
เอาพลังมาจากไหนนิทั่นประทาน หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 29 ตุลาคม 2009 10:39:38 แต่ตอนนี้อยากกินสตอเบอรี่ ง่ะ
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 29 ตุลาคม 2009 10:49:17 10 อันดับผลไม้กินแล้วอ้วน
ทราบหรือไม่ว่าการกินผลไม้นอกจากมีประโยชน์แล้วยังสามารถทำให้อ้วนได้อีก วันนี้มีมาบอก... การกินผลไม้ กินแล้วดี มีประโยชน์มากมาย แต่บางครั้งก็ต้องเลือกกิน และกินในปริมาณที่พอดี เพราะมีผลไม้บางชนิดที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจจะทำให้อ้วนได้ ผลไม้ที่กิน แล้วอ้วนสุด ๆ คือ กล้วยไข่ อันดับ 2 คือ กล้วยน้ำว้า อันดับ 3 คือ ขนุน อันดับ 4 คือ กล้วยหอม อันดับ 5 คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก อันดับ 6 คือ ลำไยกะโหลกเขียว อันดับ 7 คือ ลองกอง อันดับ 8 คือ เงาะ อันดับ 9 คือ ลางสาด อันดับสุดท้ายน้ำตาลน้อยสุด คือ ละมุด แต่ ทุเรียน ก็เป็นผลไม้ ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลสูงมาก ๆ ใครที่กินรับรองอ้วนแน่ ส่วนผลไม้ที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ได้แก่ แอปเปิ้ล ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วงดิบ มะละกอ และ แตงโม รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าไม่อยากอ้วนจนเกินไป ลองหาผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วนมากินกันได้. ที่มา:http://campus.sanook.com/teen_zone/senior_04923.php หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 29 ตุลาคม 2009 11:14:09 ดีนะเค้าชอบ มะม่วงเปรี้ยว มะละกอ :emotv
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 29 ตุลาคม 2009 11:18:58 ผมชอบกินทุเรียน ดีนะ หากินยากหน่อย
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 29 ตุลาคม 2009 11:20:00 ผมชอบกินทุเรียน ดีนะ หากินยากหน่อย โห อ้วนปั้กเลยดิ :emotw หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: NosDriVe ที่ 29 ตุลาคม 2009 11:26:14 ดีนะพี่ชอบ แอปเปิ้ล
:emol :emota :emota :emol หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 29 ตุลาคม 2009 11:27:17 ดีนะพี่ชอบ แอปเปิ้ล :emol :emota :emota :emol :emo8 :emo8 :emo8 :emo8 เข้าทาง หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: NosDriVe ที่ 29 ตุลาคม 2009 11:29:17 ดีนะพี่ชอบ แอปเปิ้ล :emol :emota :emota :emol :emo8 :emo8 :emo8 :emo8 เข้าทาง อะไรหรอ มะเห็นรู้เรื่องเลย เอหมายถึุงอะไร (ทำหน้าใสซื่้อ) :emos :emos :emos :emos :emos :emos :emos หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 29 ตุลาคม 2009 11:31:31 แค่ชอบหรอ :emoa
กัวด้วยป่าว :emotp หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: kong_AE101 ที่ 29 ตุลาคม 2009 12:26:19 ใครชอบกินกล้วย อ่ะ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: NosDriVe ที่ 29 ตุลาคม 2009 12:29:09 แค่ชอบหรอ :emoa กัวด้วยป่าว :emotp รุ่นนี้แล้ว กลัวที่ไหนอ่า :emob :emob หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 31 ตุลาคม 2009 10:24:12 :emoty
หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: Nu MaI <RZ> ที่ 31 ตุลาคม 2009 10:56:47 แค่ชอบหรอ :emoa กัวด้วยป่าว :emotp รุ่นนี้แล้ว กลัวที่ไหนอ่า :emob :emob :emotd :emotd :emotd หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: 4a71 ที่ 01 พฤศจิกายน 2009 20:59:36 นกเขาก็ต้องการออกกำลังกายนะ พูดถึงกันมาหลายเรื่องแล้วสำหรับการออกกำลังเสิรมกล้ามเนื้อ หรือเพื่อความแข็งแรงของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แล้วส่วนสำคัญอย่างน้องชายคุณจะไม่พูดถึงได้ไง คุณอาจมองข้ามกันไปว่า น้องชายเราจะแข็งแรงได้เองโดยไม่ต้องไปทำอะไรราวกับเป็นพรจากสรรค์ ผมอยากขอให้คิดกันใหม่นะครับ เพราะจริง ๆ การออกกำลังกายน้องชายเนี่ยเป็นเรื่องจำเป็นเลยล่ะ มาดูกันดีกว่าต้องทำยังไงกันบ้าง หรือใครที่ทำอยู่แล้ว นั่นทำถูกวิธีหรือเปล่า การแข็งบ่อย อวัยวะเพศก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ร่างกายจะแข็งแรงต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน อวัยวะเพศก็เช่นกัน ต้องให้มีการแข็งตัวของอวัยวะเพศบ่อยๆ เพราะขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวจะมีเลือดไปเลี้ยงมากที่สุด ละเป็นเลือดที่มีออกซิเจนมากที่สุด ทำให้มีการสร้างเนื้อเยื่อเพิ่ม การแข็งตัวของอวัยวะเพศจะทำให้มีการสร้าง Prostaglandin E1 สารตัวนี้จะมีหน้าที่สองประการคือ ทำให้หลอดเลือดแดงไม่แข็งตัวเลือดแดงไปเลี้ยงอวัยวะเพศเพิ่มขึ้น ประการที่สองคือสารนี้จะลดการสร้าง collagen ซึ่งทำให้เกิดพังผืดในอวัยวะเพศ ทำให้การแข็งตัวไม่ดี ร่างกายของคนเรามีระบบให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศโดยมีการแข็งตัวของอวัยวะ เพศในตอนนอนเพื่อให้อวัยวะเพศสร้างสาร Prostaglandin E1(เป็น ฮอร์โมนที่มีบทบาทช่วยให้ร่างกายเกิดความสบาย ตลอดจนป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อาทิ ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ความดันดลหิตสูง บรรเทาอาการแทรกซ้อนจากโรค เบาหวาน และที่สำคัญที่สุด ยังมีประโยชน์กับผู้หญิงด้วยนั่นคือ รักษาอาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน) ในเด็กวัยรุนจะมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศ 3-5 ครั้งต่อคืน แต่ละครั้งใช้เวลา 20-30 นาที ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบริหาร แต่สำหรับคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป ระดับฮอร์โมนเริ่มลดลง การแข็งตัวในตอนกลางคืนลดลง และไม่นาน จึงมีความจำเป็นต้องบริหารให้อวัยวะเพศมีการแข็งตัวบ่อยเพื่อให้มีเลือดไป เลี้ยงอวัยวะเพศเพิ่ม และมีการสร้าง Prostaglandin E1 การบริหารอวัยวะเพศจะต้องทำให้อวัยวะเพศมีการแข็งตัว 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ และแข็งแต่ละครั้งนาน 20-30 นาทีเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศ และป้องกันเส้นเลือดแข็ง การหลั่งบ่อย ต่อมลูกหมากจะมีการสร้างน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงเชื้ออยู่ตลอดเวลา การหลั่งบ่อยจะเป็นการลดอาการบวมของต่อมลูกหมาก ซึ่งจะทำให้สุขภาพของต่อมลูกหมากดีขึ้น มีการผลิตน้ำหล่อเลี้ยงเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อในต่อมลูกหมากทำงานดีขึ้น ทำให้มีปริมาณน้ำเชื้อเพิ่มขึ้น และการฉีดของน้ำเชื้อเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่อง การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่ง จะเป็นการเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันการหลั่งเร็วและใช้รักษาโรคกามตายด้าน นั้นผมจะได้หยิบเอามาเล่าให้ฟังอีกทีต่อไปนะครับ ^_^ ที่มา menblog.co.cc การหลั่งบ่อย ดีหรอนี่ พึ่งรู้ 555 หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: NosDriVe ที่ 04 เมษายน 2010 13:18:26 13 วิธีดูแลสุขภาพหน้าร้อน
1. ไม่ควรกินน้ำแข็งหรือดื่มน้ำเย็นจัด ฤดูร้อน อากาศร้อน ต้องหาทางช่วยดับความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนกระทบร่างกายมากเกินไป เป็นหลักการที่ ถูกต้อง แต่วิธีการให้ความเย็นแทนที่ที่มีความเย็น ฯลฯ นับว่าไม่เหมาะสม 2. เครื่องดื่มที่เหมาะสมในหน้าร้อน ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพราะหน้าร้อนจะสูญเสียเหงื่อมาก ควรดื่มน้ำเปล่าที่สุกแล้ว หรือจะเสริมปรุงแต่งด้วยน้ำตาล เกลือแร่ หรือสมุนไพรอื่น ๆ ก็สามารถเลือกได้ 3.ไม่ควรนอนให้ลมหรือความเย็นโกรก ความร้อนจากแดดทำให้เสียเหงื่อ เสียพลัง เมื่อนอนหลับตากลมในขณะเหงื่อออก จะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง ถ้าอุณหภูมิภายนอกยังสูงอยู่ แล้วเหงื่อไม่สามารถระบายออกมาได้ จะมีความร้อนสะสมอยู่ข้างใน ทำให้เวียนหัว รู้สึกหนักหัว ไม่สดชื่อแจ่มใส อาจทำให้เป็นหวัดได้ 4. การนอนพักผ่อน ควรนอนหลับให้เพียงพอ 5. อย่างด อาหารเช้า เพราะร่างกายต้องการ สารอาหาร เพื่อกระตุ้น ระบบเผาผลาญ ซึ่งจะช่วย ควบคุมน้ำหนัก ด้วย แต่ควรหลีกเลี่ยง อาหาร จำพวก แป้งขัดขาว หรือ ของทอด ของมัน หากควบคุมอาหาร แล้วยังรู้สึก ท้องอืด และ อึดอัด อยู่ เม็กซ์ ทอมลินสัน นักโภชนาการ แนะนำให้ดื่ม น้ำชา เปปเปอร์มิ้นต์ ช่วยขับลม จะทำให้รู้สึกสบายขึ้น 6. ดูแลสุขภาพของเด็กโดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย และทางเดิน 7. หญิงตั้งครรภ์กับการปฏิบัติตัวในหน้าร้อน คือ ต้องสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด เพื่อป้องกันการกระทบกับความเย็น อาหารที่กินต้องสะอาด ไม่ควรนอนบนสื่อที่เย็น และห่มผ้าคลุมกายเสมอ ระวังอย่าให้เป็นหวัด ห้ามอาบน้ำร้อนจัดหรือเย็นจัดจนเกินไป 8. บุคคลที่ต้องระวังให้มาก คนสูงอาย ุผู้ที่มีระบบย่อยที่ไม่ดี และคนที่มีม้ามบกพร่อง ผู้ที่มีลักษณะสามอย่างที่กล่าวมานั้น เมื่อได้รับความร้อนจากแสงแดด ถ้าดื่มน้ำเย็นมากเกินไป และเกิดความชื้นสะสมในร่างกาย อาการที่แสดงออก คือ ท้องเสีย ติดเชื้อราง่าย ขี้หนาว ปวดหัว ตัวร้อน เป็นต้น 9. อย่าทา ครีมกันแดด อย่างเร่งรีบ แพทย์ผิวหนัง แนะนำให้ทาให้ทั่วถึงแม้แต่ ในร่มผ้า ด้วย โดยทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง และหลัง ว่ายน้ำ แม้ผลิตภัณฑ์จะเป็นสูตรกันน้ำ ก็ตาม โดยควรเลือกที่มีส่วนผสมของ Mexoryl และ Tinosorb เพราะสามารถกรอง รังสียูวีเอและยูวีบี ได้ดี เช่น Vichy, Nivea และ Ambre Solaire จาก Garnier 10. อากาศร้อนจัดมีผลต่อ อารมณ์ หงุดหงิด และ หดหู่ (SAD - Seasonal Affective Disorder) จากสถิติ ผู้หญิงจะเป็นมากกว่า ผู้ชาย ดังนั้นลองออกไป เดินเล่น ช่วงบ่ายแก่ ๆ หรือช่วงที่คนไม่มาก สิ่งสำคัญคือ พยายาม กระฉับกระเฉง เข้าไว้ 11. หากผิวแสบร้อนจาก การโดนแดด แพทย์ผิวหนัง แนะนำให้กิน ยาแอสไพริน เพื่อลด อาการเจ็บปวด แล้วลองแช่ตัว ใน อ่างน้ำ อุณหภูมิร่างกาย โดยใส่ ออยล์ สำหรับ แช่อาบ จากนั้น บำรุงผิว ด้วย โลชัน ที่มีส่วนผสมของ ว่านหางจระเข้ หรือ อาฟเตอร์ซันเจล และหลีกเลี่ยงแดด ในวันถัดไป 12. ลองทำ สเปรย์บรรเทาผิวไหม้เกรียม อย่างง่าย ๆ คือ น้ำกรองบริสุทธิ์ 2 ออนซ์ ใส่ เอสเซ็นเชียลออยล์ กลิ่นลาเวนเดอร์ 9 หยด กลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์ 2 หยด และ สเปียร์มิ้นต์ 1 หยด ผสมรวมกันแล้วใส่ใน กระบอกฉีด สำหรับพกติดตัว 13. หากต้องออกไปเผชิญ อากาศร้อน ภายนอก ควรใช้ เครื่องสำอาง เนื้อครีม ที่ปัจจุบันมี เนื้อแห้งเหมือนแป้ง หากหน้ามัน ปัดทับด้วย บรอนเซอร์ หรือ แป้งชนิดฝุ่น อ่านกันแล้วก็อย่าลืมนำไปใช้ในหน้าร้อนนี้กันด้วยนะคร๊าฟ หัวข้อ: Re: อ่านดูเพื่อสุขภาพของคุณเอง เป็นห่วงงงงงงงง มีประโยชน์ครับ เริ่มหัวข้อโดย: aragon < RZ > ที่ 06 เมษายน 2010 13:57:17 :emo2 ข้อมูลแจ่มมากเลย
|