AE. Racing Club

AE Racing Club - Knowledge Sharing => รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส => ข้อความที่เริ่มโดย: ratrie ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2010 19:40:55



หัวข้อ: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: ratrie ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2010 19:40:55
ผมว่าถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเหนื่อยกับการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงในการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วเราคาดหวังว่าจะได้โลละบาท จงอย่าติด ที่บอกอย่างนี้เพราะคนทั่วไปเป็นแบบนี้จิงๆ คิดดูดีๆนะครับ
 1. จูนแก็สบางไป  ผลคือ  ออกตัวอืด โดนtaxi บีบแตรไล่กลางไฟแดง  จะแซงแต่ละทีต้องนิมนต์หลวงพ่อมาช่วย ( เสี่ยงชีวิตจิงป๊ะ )
    บางทีพอจะเร่งออกก็เกิดแบคไฟออกมา แล้วผลของการแบคที่เคยเห็นกับตามาแล้วที่รุนแรงที่สุดก็คือ ก้านคดจนกระแทกเสื้อทะลุออกมา  แล้วเวลาขับมันก็น่าอึดอัดมาก เหมือนขับอัลติสวางเครื่องมิร่าเลย แล้วมันทำให้เปลื่องกว่าอีกนะ  ระบบต่างๆก็ไม่เสถียร โอ๊ยเลิกเหอะแบบบางๆหน่ะ เอาพอดีดีกว่า แล้วจะเห็นสวรรค์ของการขับรถแก็สเลย
2. จูนหนาไปวิ่งก็ไม่ออก เปลืองก็เปลือง เหม็นก็เหม็น
  
   สรุปแล้วท่านลองปรับจูนใหม่ เอาแบบว่าเวลาวิ่งให้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด ทั้งรอบเดินเบา รอบวิ่งกลางๆจนถึงการซิ่ง เพราะนั้นคือจุดที่ท่านจะได้คำว่าที่สุดในทุกๆด้านของแก็ส ( กำลังเครื่องยนต์ ความทนทาน ความปลอดภัย และประหยัด มันจะมาครบทุกด้าน ) แล้วปัญหาของแต่ละท่านจะหายไปเอง

แล้วอาการอีกอย่างของรถแก็สที่แสดงให้เรารู้เป็นอย่างแรกเลยถ้าปรับจูนไม่ได้ดีคือ การสตาร์ทด้วยแก็สจะให้ความรู้สึกที่เพี้ยนไป อันนี้เจ้าของรถเองแหละที่จะรู้ได้  ลองสตาร์ทน้ำมันก่อนสัก 2-3 ครั้ง จำลักษณะตอนเครื่องยนต์ติดไว้ให้ดีว่าเป็นอย่างไร เวลาเปลี่ยนมาสตาร์ทแก็สก็จะต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะตอนไหนๆ ไม่ว่าจะตอนเช้าเครื่องเย็นๆสตาร์ทครั้งแรกยังไงๆก็ต้องเหมือนน้ำมัน ....ชึ่งเดียวติด  บางคันจูนมา 10 ช่างก็เหมือนกัน จูนไม่ดี เวลาสตาร์ทแก็สจะต้องลากยาวกว่าปกติ อันนี้ผมยอมรับไม่ได้ เพราะแค่สตาร์ทยังเพี้ยน แล้วใช้งานจะไม่เพี้ยนได้อย่างไร ช่างทั่วไปอาจทำแก็สตามใจลูกค้า ก่อนติดคุยกันไว้ว่าติดแล้วต้องได้โลละบาท หรือบาทนิดๆ พอเอาเข้าจริงติดตั้งเรียบร้อยกลับไม่ได้อย่างที่คุยก็เลยต้องบีบแก็สลงไปอีกจนได้โลละบาทหรือบาทนิดๆ แต่เจ้าของรถละครับทำไงต่อ .......ก็ขับอัลติสวางเครื่องมิร่าสิครับงานนี้ ...... ปัจจัยและองค์ประกอบมันมีเยอะ เอาแต่ได้งานอย่างเดียวไม่ได้  ต้องได้ชื่อด้วย ....บางคันก็ทำได้ตามนั้นจริงๆ....เพราะปัจจัยและองค์ประกอบพื้นฐานต่างๆทั้งเครื่อง ทั้งรถมันเอื้อ ทำให้เราได้ทั้งประหยัดและขับสบาย ใช้งานได้ดี รวมทุกอย่างแล้วสมูธครับ ....เช่น.....อัลติสปี 04 ใช้แอลพีจีมา 5 ปี แล้วมาเปลี่ยนเป็น ngv แล้วบอกจะเอาโลละ 0.5 บาท มันจะได้ไหมละครับ  ...... แต่อีกคัน ออกรถมาป้ายแดง มาติด ngv คันนี้รับรอง 0.5 บาทแน่ แถมวิ่งได้ดีทั้งกำลังและความเร็วด้วย ..... คิดเอาเองนะครับว่าเราติดแล้วอย่างได้อะไรจากมันมากที่สุดด้านไหน  .......  เลือกได้แล้วก็อย่าบ่น......

1. ถ้าเป็นแบบ direct coil เราจะปรับตั้งไฟไม่ได้ วิธีแก้ก็น่าจะเป็นที่การจูนไม่ดีพอ ปรับ idle  ช่วยอีกหน่อย เพราะแก็สเลี้ยงไม่พอเวลามีโหลด ไม่ว่าจากแอร์ เกียร์ออโต้ ไฟหน้า หรือเวลาพัดลมหม้อน้ำสปีดสองทำงาน เพราะฉะนั้นการจูนที่ถูกต้องก็จะต้องเปิดโหลดทุกอย่างก่อนแล้วค่อยจูน ก็จะดีเอง
2. ถ้าเป็นแบบจานจ่าย เราสามารถปรับตั้งไฟได้ แล้วเวลาจูนเนี้ยนะช่างมักจะตั้งไฟให้แก่ขึ้นเสมอเพราะค่าออกเทนของแก็สมันมากกว่าน้ำมันตั้งเยอะ ไฟจึงต้องปรับให้แก่ขึ้นไปอีก (ช่างแต่ละคน รถแต่ละคัน สันดานมันไม่เหมือนกัน ) ที่เคยเจอนะบางคันปรับไฟไปจนแก่สุดๆ จนเวลาวิ่งน้ำมันแล้วมันเขก แต่ใช้แก็สเวลาเร่งวิ่งดีมาก แต่เวลาเจอรถติดทีไรแตะเบรคค้างไว้ สั่นเป็นเจ้าเข้าเลย ก็เลยต้องตั้งรอบเดินเบาที่ 1000 -1200 เพื่อฝืนเกียร์ไว้  ข้อดีของการตั้งไฟแก่ๆแบบนี้คือ รอบมาเร็ว แค่สะกิดก็กระโดด แต่ข้อเสียคือมักจะมีเจ้ามาคอยเข้าทรงอยู่เรื่อยเวลารถติด คันเกียร์ก็แข็ง เข้าแต่ละที่ดัง ครึกๆ  เวลาขับใช้งานในชีวิตประจำวันมันไม่สมูธเอาเสียเลย แต่ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาผลกระทบจะไม่มากเท่าเกียร์ออโต้

  วิธีแก้ก็คือปรับไฟใหม่ให้อ่อนลงอีกทีละหน่อย ปรับแต่ละครั้งต้องจูนแก็สใหม่ทุกครั้ง ค่อยๆทำ ใจเย็นๆ  เมื่อทำแต่ละครั้งผลที่เห็นคือ การโหลดจะลดลง ทำจนได้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด เพราะปกติใช้น้ำมันมันก็มีโหลดอยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องไม่สั่นแบบเจ้าเข้านะ แบบนั้นไม่เอา สุดท้ายเมื่อเรียบร้อยแล้ว ผลคือ เครื่องจะลดอาการกระชากลงเวลาแตะคันเร่ง มันจะวิ่งด้วยอาการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ ไปแบบนิ่มๆ ดึงแบบนิ่มๆ แซงสบาย ลากมันๆได้ยาวๆ และประหยัด

  มีใครเคยออกมาดูปลายท่อไอเสียรถตัวเองตอนวิ่งซัก 100 กม/ชม.บ้างไหมคับ ถ้ามีก็บ้าแล้ว ผมจะบอกว่ารถที่แหวนหลวมแต่ไม่มากจนแสดงอาการให้เห็นตอนติดเครื่องจอดนั่นคือไม่มีควันขาวให้เห็น แต่ใช่ว่าเวลาวิ่งจริง ใช้รอบเครื่องสูงๆแล้วจะแปลว่าไม่มี นั่นมิใช่ดอก มันเป็นไปได้นะนาย ยิ่งแบบว่าจูนแก็สบางด้วยแล้ว ความร้อนสะสมมันเยอะกว่ามาก มันจึงแห้งได้เหมียนกัน สังเกตุสิคับ ถ้ามันหายน้อยๆเนี่ย เวลาถ่ายออกมันจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มมากแต่ไม่ค่อยจะเหนียวข้นมากหรอก  แต่ถ้าออกมาแบบข้นๆเหนียวๆละก็แสดงว่ามันแห้งจากความร้อนที่มากเกินธรรมดาไม่ได้รั่วออกไปไหนดอก


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: Ralphy ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2010 21:20:21
ติดแก๊สคือการดัดแปลงสภาพรถประเภทหนึ่ง ความคาดหวังสูงสุดนอกจากเรื่องประหยัดแล้วก็ขออย่าไฟไหม้รถ....ปัญหาที่เหลือก็น่าจะแก้ไขได้โดยความใส่ใจของเจ้าของรถครับ


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: kampol ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2010 07:47:28
มันประหยัดและคุ้มค่าครับ คงต้องดูจุดคุ้มทุนครับ ปัญหาอย่างอื่น คงต้องค่อยๆแก้กันไปครับ แต่ไม่มากมายรับได้ครับ เมื่อคิดจะควักตังค์เติมน้ำมันทีไรอยากจะบ้าตายครับ ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับ


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: sumson ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2010 01:39:05
อุปกรณ์ดี การติดตั้งดี จูนย์ดี บำรุงรักษาดี ผมว่าผลที่ได้คือเงินเหลือซื้อรถใหม่อีกคันได้เลยนะครับ สำหรับคนที่ใช้งานมากๆ อาจกลายเป็นขี่ ae มีเงินเหลือซื้อ supra ก็ได้นะครับ


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: kampol ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2010 07:18:24
อุปกรณ์ดี การติดตั้งดี จูนย์ดี บำรุงรักษาดี ผมว่าผลที่ได้คือเงินเหลือซื้อรถใหม่อีกคันได้เลยนะครับ สำหรับคนที่ใช้งานมากๆ อาจกลายเป็นขี่ ae มีเงินเหลือซื้อ supra ก็ได้นะครับ
นอนดึกจังครับ น้องต้า ยังไม่เตรียมซ้อมบทสวดตอนบวชหรือครับ


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: sumson ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2010 21:38:12
อุปกรณ์ดี การติดตั้งดี จูนย์ดี บำรุงรักษาดี ผมว่าผลที่ได้คือเงินเหลือซื้อรถใหม่อีกคันได้เลยนะครับ สำหรับคนที่ใช้งานมากๆ อาจกลายเป็นขี่ ae มีเงินเหลือซื้อ supra ก็ได้นะครับ
นอนดึกจังครับ น้องต้า ยังไม่เตรียมซ้อมบทสวดตอนบวชหรือครับ

จิตใจมันหมกมุ่นแต่เรื่องรถนี่แหล่ะครับ


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: ou ae110 ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2010 21:40:34
ติดหัวฉีดไปเลยคับ
ไม่ต้องคอยจูน


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: JDEE ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2010 15:29:44
  อย่าได้แคร์ว่าวิ่งสู้ น้ำมันไม่ได้
  เหมือนกับที่เราไม่แคร์ว่าราคาน้ำมันวันนี้ มันจะขึ้นกี่บาท


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: jedmonpon ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010 00:08:24
ติดแก๊สมาแล้วก็อย่าเอาแต่ขับอย่างเดียวนะคับ เปิดฝากระโปรงดูบ้างว่ามีกลิ่นแก๊สมากไหม ถ้าเราเอาใจใสมัน ปัญหาก็ไม่เกิดคับ


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: jimcrery ที่ 05 พฤษภาคม 2010 23:06:24
ติดแล้วตังเหลืออิอิ


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: jangko ที่ 06 พฤษภาคม 2010 12:26:21
ดีกว่าใช้น้ำมันเยอะครับ


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: aod_ae ที่ 07 พฤษภาคม 2010 15:17:06
ผมว่าถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเหนื่อยกับการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงในการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วเราคาดหวังว่าจะได้โลละบาท จงอย่าติด ที่บอกอย่างนี้เพราะคนทั่วไปเป็นแบบนี้จิงๆ คิดดูดีๆนะครับ
 1. จูนแก็สบางไป  ผลคือ  ออกตัวอืด โดนtaxi บีบแตรไล่กลางไฟแดง  จะแซงแต่ละทีต้องนิมนต์หลวงพ่อมาช่วย ( เสี่ยงชีวิตจิงป๊ะ )
    บางทีพอจะเร่งออกก็เกิดแบคไฟออกมา แล้วผลของการแบคที่เคยเห็นกับตามาแล้วที่รุนแรงที่สุดก็คือ ก้านคดจนกระแทกเสื้อทะลุออกมา  แล้วเวลาขับมันก็น่าอึดอัดมาก เหมือนขับอัลติสวางเครื่องมิร่าเลย แล้วมันทำให้เปลื่องกว่าอีกนะ  ระบบต่างๆก็ไม่เสถียร โอ๊ยเลิกเหอะแบบบางๆหน่ะ เอาพอดีดีกว่า แล้วจะเห็นสวรรค์ของการขับรถแก็สเลย
2. จูนหนาไปวิ่งก็ไม่ออก เปลืองก็เปลือง เหม็นก็เหม็น

(ที่ไหน จูนแก๊ส เครื่อง 2e 4e 4a 5a 7a หรืออะไรที่ใกล้เคียงกับ เครื่อง รหัสที่ว่าไป เนี่ยอะนะ....แล้วเกิด แบล๊คไฟล์ เนี่ยนะ....ก็อย่าไปทำกับ โปเตโต้ เลยครับ....ห่ วย แตก ..แค่นี้ยังทำแบล๊คไฟล์ เลยคิดดู...... :emoq )

   
   สรุปแล้วท่านลองปรับจูนใหม่ เอาแบบว่าเวลาวิ่งให้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด ทั้งรอบเดินเบา รอบวิ่งกลางๆจนถึงการซิ่ง เพราะนั้นคือจุดที่ท่านจะได้คำว่าที่สุดในทุกๆด้านของแก็ส ( กำลังเครื่องยนต์ ความทนทาน ความปลอดภัย และประหยัด มันจะมาครบทุกด้าน ) แล้วปัญหาของแต่ละท่านจะหายไปเอง

แล้วอาการอีกอย่างของรถแก็สที่แสดงให้เรารู้เป็นอย่างแรกเลยถ้าปรับจูนไม่ได้ดีคือ การสตาร์ทด้วยแก็สจะให้ความรู้สึกที่เพี้ยนไป(อันนี้ไม่แนะนำให้ สตารฺ์ทด้วยแก๊สครับ...ปกติ จะใช้น้ำมันสตาร์ทครับ.) อันนี้เจ้าของรถเองแหละที่จะรู้ได้  ลองสตาร์ทน้ำมันก่อนสัก 2-3 ครั้ง จำลักษณะตอนเครื่องยนต์ติดไว้ให้ดีว่าเป็นอย่างไร เวลาเปลี่ยนมาสตาร์ทแก็สก็จะต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะตอนไหนๆ ไม่ว่าจะตอนเช้าเครื่องเย็นๆสตาร์ทครั้งแรกยังไงๆก็ต้องเหมือนน้ำมัน ....ชึ่งเดียวติด  บางคันจูนมา 10 ช่างก็เหมือนกัน จูนไม่ดี เวลาสตาร์ทแก็สจะต้องลากยาวกว่าปกติ อันนี้ผมยอมรับไม่ได้ เพราะแค่สตาร์ทยังเพี้ยน แล้วใช้งานจะไม่เพี้ยนได้อย่างไร ช่างทั่วไปอาจทำแก็สตามใจลูกค้า ก่อนติดคุยกันไว้ว่าติดแล้วต้องได้โลละบาท หรือบาทนิดๆ พอเอาเข้าจริงติดตั้งเรียบร้อยกลับไม่ได้อย่างที่คุยก็เลยต้องบีบแก็สลงไปอีกจนได้โลละบาทหรือบาทนิดๆ แต่เจ้าของรถละครับทำไงต่อ .......ก็ขับอัลติสวางเครื่องมิร่าสิครับงานนี้ ...... ปัจจัยและองค์ประกอบมันมีเยอะ เอาแต่ได้งานอย่างเดียวไม่ได้  ต้องได้ชื่อด้วย ....บางคันก็ทำได้ตามนั้นจริงๆ....เพราะปัจจัยและองค์ประกอบพื้นฐานต่างๆทั้งเครื่อง ทั้งรถมันเอื้อ ทำให้เราได้ทั้งประหยัดและขับสบาย ใช้งานได้ดี รวมทุกอย่างแล้วสมูธครับ ....เช่น.....อัลติสปี 04 ใช้แอลพีจีมา 5 ปี แล้วมาเปลี่ยนเป็น ngv แล้วบอกจะเอาโลละ 0.5 บาท มันจะได้ไหมละครับ  ...... แต่อีกคัน ออกรถมาป้ายแดง มาติด ngv คันนี้รับรอง 0.5 บาทแน่ แถมวิ่งได้ดีทั้งกำลังและความเร็วด้วย ..... คิดเอาเองนะครับว่าเราติดแล้วอย่างได้อะไรจากมันมากที่สุดด้านไหน  .......  เลือกได้แล้วก็อย่าบ่น......

1. ถ้าเป็นแบบ direct coil เราจะปรับตั้งไฟไม่ได้ วิธีแก้ก็น่าจะเป็นที่การจูนไม่ดีพอ ปรับ idle  ช่วยอีกหน่อย เพราะแก็สเลี้ยงไม่พอเวลามีโหลด ไม่ว่าจากแอร์ เกียร์ออโต้ ไฟหน้า หรือเวลาพัดลมหม้อน้ำสปีดสองทำงาน เพราะฉะนั้นการจูนที่ถูกต้องก็จะต้องเปิดโหลดทุกอย่างก่อนแล้วค่อยจูน ก็จะดีเอง
2. ถ้าเป็นแบบจานจ่าย เราสามารถปรับตั้งไฟได้ แล้วเวลาจูนเนี้ยนะช่างมักจะตั้งไฟให้แก่ขึ้นเสมอเพราะค่าออกเทนของแก็สมันมากกว่าน้ำมันตั้งเยอะ ไฟจึงต้องปรับให้แก่ขึ้นไปอีก (ช่างแต่ละคน รถแต่ละคัน สันดานมันไม่เหมือนกัน ) ที่เคยเจอนะบางคันปรับไฟไปจนแก่สุดๆ จนเวลาวิ่งน้ำมันแล้วมันเขก แต่ใช้แก็สเวลาเร่งวิ่งดีมาก แต่เวลาเจอรถติดทีไรแตะเบรคค้างไว้ สั่นเป็นเจ้าเข้าเลย ก็เลยต้องตั้งรอบเดินเบาที่ 1000 -1200 เพื่อฝืนเกียร์ไว้  ข้อดีของการตั้งไฟแก่ๆแบบนี้คือ รอบมาเร็ว แค่สะกิดก็กระโดด แต่ข้อเสียคือมักจะมีเจ้ามาคอยเข้าทรงอยู่เรื่อยเวลารถติด คันเกียร์ก็แข็ง เข้าแต่ละที่ดัง ครึกๆ  เวลาขับใช้งานในชีวิตประจำวันมันไม่สมูธเอาเสียเลย แต่ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาผลกระทบจะไม่มากเท่าเกียร์ออโต้

  วิธีแก้ก็คือปรับไฟใหม่ให้อ่อนลงอีกทีละหน่อย ปรับแต่ละครั้งต้องจูนแก็สใหม่ทุกครั้ง ค่อยๆทำ ใจเย็นๆ  เมื่อทำแต่ละครั้งผลที่เห็นคือ การโหลดจะลดลง ทำจนได้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด เพราะปกติใช้น้ำมันมันก็มีโหลดอยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องไม่สั่นแบบเจ้าเข้านะ แบบนั้นไม่เอา สุดท้ายเมื่อเรียบร้อยแล้ว ผลคือ เครื่องจะลดอาการกระชากลงเวลาแตะคันเร่ง มันจะวิ่งด้วยอาการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ ไปแบบนิ่มๆ ดึงแบบนิ่มๆ แซงสบาย ลากมันๆได้ยาวๆ และประหยัด

  มีใครเคยออกมาดูปลายท่อไอเสียรถตัวเองตอนวิ่งซัก 100 กม/ชม.บ้างไหมคับ ถ้ามีก็บ้าแล้ว ผมจะบอกว่ารถที่แหวนหลวมแต่ไม่มากจนแสดงอาการให้เห็นตอนติดเครื่องจอดนั่นคือไม่มีควันขาวให้เห็น แต่ใช่ว่าเวลาวิ่งจริง ใช้รอบเครื่องสูงๆแล้วจะแปลว่าไม่มี นั่นมิใช่ดอก มันเป็นไปได้นะนาย ยิ่งแบบว่าจูนแก็สบางด้วยแล้ว ความร้อนสะสมมันเยอะกว่ามาก มันจึงแห้งได้เหมียนกัน สังเกตุสิคับ ถ้ามันหายน้อยๆเนี่ย เวลาถ่ายออกมันจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มมากแต่ไม่ค่อยจะเหนียวข้นมากหรอก  แต่ถ้าออกมาแบบข้นๆเหนียวๆละก็แสดงว่ามันแห้งจากความร้อนที่มากเกินธรรมดาไม่ได้รั่วออกไปไหนดอก
:emoa :emoa


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: jedee ที่ 06 มิถุนายน 2010 00:21:50
 :emo5 :emotid


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: T.A GAS ที่ 19 กรกฎาคม 2010 23:23:52
ติดแก๊สแล้วเงินยังเหลือไปเที่ยวจีบสาวจ๊า  ดูแลดีปัญหาก็ไม่เกิดจ๊า เลือกอู่ที่เอาใจใสหน่อยไม่ได้คิดแต่จะรับเงินอย่างเดี่ยว   


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: HIFILIFE ที่ 14 สิงหาคม 2010 22:14:31
อู่ดีๆ..แถวฝั่งธน..มีบ้างไหมเอย


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: ratrie ที่ 22 มิถุนายน 2011 01:35:23
ไอ้สันดานที่เขียนตัวใหญ่ๆเหลืองๆนั่นมันเกรียนนี่หว่า.....ษัด.....อุ๊บ  ขอโทษ   ขอโทษออกอากาศแล้วนะอย่าตำหนิกัน


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: nongjobnaja ที่ 22 มิถุนายน 2011 02:07:31
ได้ความรู้เพิ่มมาอีก กำลังตัดสินใจติดแก๊สอยู่พอดี ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: thirachot ที่ 23 มิถุนายน 2011 14:31:37
อย่าติดเลย ติดแก๊สแล้วไม่อยากเติมน้ำมัน  :emotf


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: totti สายเลี้ยว. ที่ 02 กรกฎาคม 2011 01:14:06
 :emotia :emotia :emotia


หัวข้อ: Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เริ่มหัวข้อโดย: TA23 ที่ 02 กรกฎาคม 2011 02:06:54
ก็ติดแบบหัวฉีดสิครับ
ลงทุนทีเดียวจบ
มีเงินเยอะก็ NGV(CNG)
รถเบนช์ รถเล็กซัส เขายังติดกันเลย
รวยขนาดซื้อเบนช์ยังไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำมันเลยต้องไปติดแก็ส
รถใหม่จากโรงงานผลิตก็ยังมีแก็สติดมา
ไม่ว่าจะเป็น อัลติส CNG หรือ เบนช์ NGV ก็มี
วีโก้CNG ติดจากโรงงานก็จะออกแล้ว ช่างศูนย์เขาไปอบรมกันเยอะแยะ
ร้านติดตั้งใหญ่ๆ เขาติดกันที่วันละมากกว่า 10 คันที่ออกไป
ไหนจะรอคิวติดกันอีก ผมเห็นกับตามากแล้ว ร้านสมายแก็ส ลาดปลาเึ้ค้า
ที่ พวก TAGAS เขาอยู่กัน ผมไปดูร้านที่พวกเขาทำงานทุกวันมาแล้ว
รถที่จอดรอติดแก็สเยอะมากๆ ประมาณ 50 คันได้
ผมถามเขาที่นี่มีช่างกี่คน เขาตอบว่า 30 กว่าคน
นี่มันเยอะกว่าศูนย์บริการโตโยต้าบางที่อีกนะเนี้ยะ
หมดยุคใช้น้ำมันแล้วครับ ประหยัดพลังงานน้ำมันกันหน่อย
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว อ. มหาลัยเป็น ดร. ขับ นิสสัน เทน่า ออกสอนที่ศูนย์ต่างๆ
รถเขาติดแก็สแล้วประหยัดติดใจ บอกให้นร. ติดเถอะอย่าโง่ใช้น้ำมันอยู่เลย
หรือจะรอให้น้ำมันลิตรละร้อยถึงจะเลิกใช้น้ำมันกัน
เดี๋ยวจะได้ใจขึ้นไปลิตรละ 50 บาท
อย่างที่เคยทำ 40 กว่านะ
ตอนนั้นดีเซลก็แพง พวกวีโก้ที่ยังไม่มีเครื่องเบนชินลง
พวกก็ซื้อดีเซลไปยกเครื่องออกขายแลกกับเครื่องเจ ลงกันเยอะแยะ เพราะดีเซลแพง
แก็สก็บอกจะขึ้นเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ที่น้ำมันขึ้นไป 40 กว่า
ช่วงนั้นผมยากติดมากก็ไม่กล้าติด เพราะเห็นบอกแก็สจะขึ้น ก็ไม่ขึ้นสักที กลัวอาหารแพงขึ้นตาม
พึ่งติดหัวฉีดมาได้ 6 เดือน ก่อนติดค่าน้ำมันเดือนละ 8-9 พัน
หลังจาก 6 เดือนที่ผ่านมา เดือน 2-3 พัน เก็บเงินได้เดือนละ 6พัน กับการลงทุนครั้งเดียว
รู้อย่างนี้ติดตั้งแต่ อ. ดร. บอกแล้ว ผมขอโทษ อ.ที่ผมไม่เชื่อฟัง

โปรดใช้วิจาจักรยานในการอ่านครับ