หัวข้อ: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: Kornzero ที่ 14 กันยายน 2553 10:57:01 คือปกติขับอยู่ตัวD แต่อย่างเปลี่ยนมาเป็นเลข2 เครื่องยนต์จะมีปัญหาอะไรไหมครับ คือสลับกับ D กับ 2 และอยากทราบราคาซ่อมซีลรอบตัวถังน้ำมันเครื่อง่าราคาเท่าไรคับ
หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: TAOTAO-TZ#056- ที่ 14 กันยายน 2553 11:04:36 เครื่องมิเปนราย กล่องคอมฯ รอตัดรอบอยู่ แต่เกียร จะพังคาทีน... :emotc
เปลี่ยนมา2 ก้อ เบรค ลดความเร็วมาที่ ที่ความเร็ว ประมาณ 40-60 ก่อนนะครับ ถ้า L ก้อ เบรค ลดความเร็วมาที่ ที่ความเร็ว 20-30 กม/ชม ครับ ถนอมทอร์คของเกียออโต้หน่อย ถ้าขับอยู่ 100-120 ใช้ O/D on off ดีกว่า หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: Kornzero ที่ 14 กันยายน 2553 11:12:50 คือใช้ได้ใช่ไหมครับ แต่ต้องกำจัดความเร็ว ของเกียร์2 ไว้ที่ 40-60ใช่ไหมครับ ไม่ควรปรับจากDไปเป็น2 ขณะ วิ่ง100+ ใช่ไหมครับ เด๋วเกียร์จะพัง แต่สามารถ ขับเริ่มจาก 2 ได้เลย
หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: TAOTAO-TZ#056- ที่ 14 กันยายน 2553 12:05:14 คือใช้ได้ใช่ไหมครับ แต่ต้องกำจัดความเร็ว ของเกียร์2 ไว้ที่ 40-60ใช่ไหมครับ ไม่ควรปรับจากDไปเป็น2 ขณะ วิ่ง100+ ใช่ไหมครับ เด๋วเกียร์จะพัง แต่สามารถ ขับเริ่มจาก 2 ได้เลย แม่นแหล่วครับหัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: Rong Fuel-Up ที่ 14 กันยายน 2553 12:23:18 ถ้าเป็นเกียร์ กล่อง มันจะรอจนกว่ารอบเครื่องเหมาะสมครับ เคยใช้ 20V ออโต้ ก็เล่น แบบนี้ตลอดครับ
สิ่งที่ไปไว สุด ๆ ก็ ยางแท่นเครื่องครับ ไปบ่อยมาก หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: Kornzero ที่ 14 กันยายน 2553 13:20:25 ยางแท่นเครื่องนี่ตรงไหนครับ ใช่ยางรองแท่นเครื่องยนต์หรือเปล่าครับ ยางแท่นเครื่องเสียมีผลอะไรเหรอคับ
หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: OaK. ที่ 14 กันยายน 2553 14:19:05 คือใช้ได้ใช่ไหมครับ แต่ต้องกำจัดความเร็ว ของเกียร์2 ไว้ที่ 40-60ใช่ไหมครับ ไม่ควรปรับจากDไปเป็น2 ขณะ วิ่ง100+ ใช่ไหมครับ เด๋วเกียร์จะพัง แต่สามารถ ขับเริ่มจาก 2 ได้เลย แม่นแหล่วครับถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบบบ. หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: TAOTAO-TZ#056- ที่ 14 กันยายน 2553 14:25:16 ยางแท่นเครื่องนี่ตรงไหนครับ ใช่ยางรองแท่นเครื่องยนต์หรือเปล่าครับ ยางแท่นเครื่องเสียมีผลอะไรเหรอคับ รองรับแรงสั่นๆๆๆสะเทือนๆๆๆ ของเครื่องยนต์ ต่อตัวถังหน่ะครับกระจายแรงลงเนื้อยาง ถ้าไม่มี รถก้อจะสั่นๆๆๆๆ ข้างล่างนี่ ของ http://www.club4g.com ครับ (ขอบคุณมา ณ ที่นี้) หน้าที่ของยางแท่นเครื่อง-แท่นเกียร์ Oct 15, '07 10:21 PM ยางแท่นเครื่อง-แท่นเกียร์ รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งมีอยู่เต็มถนน ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์วางขวาง มียางแท่นเครื่อง และยางแท่นเกียร์เป็นตัวยึดเข้ากับตัวถังหรือซับเฟรม ปัญหาที่หนีไม่พ้น คือ การหมดสภาพ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยกันว่า เมื่อไรหมดสภาพ ดูกันตามปีหรือระยะทางจะมีอาการให้เราทราบได้อย่างไรเปลี่ยนอย่างไรให้คุ้มค่าเงิน หรือต้องเข้าศูนย์บริการเท่านั้น ทำไมต้องมีเครื่อง ยนต์มีการสั่นสะเทือนตลอดการทำงาน ทั้งตอนเดินเบา ออกตัว เร่ง และเบรก หลายผู้ผลิตพยายามลดอาการนี้ด้วยวิธี เช่น การออกแบบชิ้นส่วนให้มีน้ำหนักเบา ที่พบกันบ่อย ๆ คือ ใช้เพลาถ่วงให้สมดุล โดยใช้เพลา 2 แท่งที่ไม่ได้สมดุลในตัวเอง ติดตั้งประกบข้อเหวี่ยงอยู่ภายในเสื้อสูบ หมุนเข้าหากันเพื่อหักล้างแรงสั่นสะเทือน แต่สุดท้ายก็ยังหนีไม่พ้นแรงสั่นตลอดการทำงาน รถยนต์ขับเคลื่อนล้อ หน้าแบบเครื่องยนต์วางขวาง นอกจากจะมีอาการสั่นสะเทือนจากภายในเครื่องยนต์แล้ว ยังมีอาการสั่นจากภายนอกอีกด้วย เพราะในการออกตัวหรือการเบรก เครื่องยนต์จะโย้ไป-มา หน้า-หลัง ตามแรงบิดของเครื่องยนต์ และน้ำหนักที่ถ่ายเท ซึ่งเครื่องยนต์ และเกียร์มีน้ำหนักรวมกันเป็นร้อย ๆ กิโลกรัม ความสั่นสะเทือนไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นที่ต้องการ ผู้ผลิตรถยนต์จึงต้องพยายามลดให้เหลือน้อยที่สุด เมื่อนั่งอยู่ในห้องโดยสารแล้ว จะได้ไม่รำคาญ และยึดทางออกนี้เป็นแนวทางปฏิบัติเดียวกันมานาน คือ ใช้วัสดุที่มีความนิ่ม ติดตั้งคั่นระหว่างเครื่องยนต์+เกียร์ กับตัวถังรถยนต์ ส่วนใหญ่ที่ ใช้กันอยู่ เป็นยางสังเคราะห์ ซึ่งต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม คือ นิ่มพอจะช่วยลดแรงสั่นสะเทือน แต่ไม่นิ่มเกินไป จนทำให้เครื่องยนต์และเกียร์โย้มากจนเกินไป สรุปง่าย ๆ คือ ไม่แข็งจนกระด้าง และไม่นิ่มจนโย้ง่ายนั่นเอง เครื่องยนต์วางขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า 4 จุดยึดเป็น รูปแบบที่นิยมในรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าส่วนใหญ่ มีเพียงไม่กี่ยี่ห้อที่วางเครื่องยนต์ตามยาวเหมือนรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ขับเคลื่อนล้อหน้า เช่น ออดี้ ซูบารุ ฯลฯ เครื่องยนต์ติดตั้ง เป็นแนวเดียวกับเกียร์ ในเกียร์มีชุดเฟืองท้ายรวมอยู่ ไม่มีเพลากลาง มีเพลาข้างเสียบอยู่กับเกียร์ และดุมล้อซ้าย-ขวา โดยทั่วไป เครื่องยนต์และเกียร์จะมี 4 จุดยึดเข้ากับตัวถังหรือซับเฟรม และใช้ยางสังเคราะห์สีดำเป็นไส้ในติดตั้งคั่นอยู่ ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่น มีบางรุ่นเท่านั้นที่บางจุดเป็นกระเปาะไฮดรอลิก ใช้ความหนืดของน้ำมันช่วยลดความสั่นสะเทือน ซึ่งดีกว่า และแพงกว่าแบบยางล้วน ๆ แท่นยางเหล่านี้เรียกว่า ยางแท่นเครื่อง ยางแท่นเกียร์ตามตำแหน่งที่ยึดติดอยู่ ว่ายึดติดอยู่กับเกียร์หรือเครื่องยนต์ แต่บางครั้งก็เรียกว่ายางแท่นเครื่องรวมไปเลยทั้งยางแท่นเครื่องและยางแท่น เกียร์ ยางแท่นเครื่อง 4 จุด ติดตั้งไว้ 4 มุมตรงกันข้ามกัน (อาจเยื้องกันบ้าง) แบ่งการทำหน้าที่ชัดเจน คือ ติดตั้งด้านหน้ารถยนต์บริเวณใกล้หม้อน้ำ ป้องกันการกระดกหน้า อีกตัวติดตั้งบริเวณใกล้ผนังห้องเครื่องยนต์ ป้องกันการกระดกหน้า อีก 2 ตัว ติดตั้งใกล้ซุ้มล้อแถว ๆ หัวเครื่องยนต์ (ขนาดใหญ่หน่อย) และหิ้วปลายเกียร์ ทำหน้าที่ป้องกันการเซซ้าย-ขวา พร้อมทั้งช่วยเสริมการป้องกันการกระดกหน้า-หลังบ้าง 3 วัสดุ ในปัจจุบัน มีแท่นเครื่องที่เป็นยางล้วน กระเปาะน้ำมันไฮดรอกลิก และไฮเทคสุดกับกระเปาะน้ำมันฯคุมด้วยไฟฟ้า ไล่ระดับราคาจากถูกไปแพง แบบ ยาง ยางแท่นเครื่องส่วนใหญ่ที่ใช้กันอยู่กว่า 90%ื ผลิตจากยางสังเคราะห์สีดำ ไม่เป็นแท่งตัน มีเว้ามีแหว่งหรือเว้นช่องในบางส่วนเพื่อไม่ให้แข็งเกินไป เป็นทรงกระบอกเตี้ย การติดตั้งมักเป็นแบบตะแคง เหมือนตั้งสันเหรียญไว้กับพื้น คุณสมบัติที่ต้องมี คือ เป็นตัวกลางช่วยซึมซับแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ให้เหลือสู่ตัวถังน้อย ที่สุด ดังนั้น ยางแท่นเครื่องจึงต้องมีความแข็งพอประมาณ แข็งเกินไปก็สั่น นิ่มเกินไปก็โย้และขาดง่าย แต่สุดท้าย เมื่อผ่านการใช้งานไป ก็จะค่อย ๆ ยุบ ยืด ย้วย ร้าว ปริ และขาดในที่สุด แบบกระเปาะน้ำมันไฮดรอลิก เหนือชั้นขึ้นมาจากยางล้วน ๆ ผลิตจากโลหะ และมีส่วนที่เป็นยางกลวง บรรจุน้ำมัน ใช้ทั้งน้ำมันและยางซึมซับแรงสั่นสะเทือน มักเป็นทรงกระบอกแนวตั้ง เมื่อผ่านการใช้งานไปจะยุบย้วย และน้ำมันรั่วในที่สุด มีใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ หรือรุ่นใหญ่ เพราะมีต้นทุนส่วนนี้แพง และไม่จำเป็นนักสำหรับเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่มีแรงสั่นสะเทือนไม่มาก แบบ ไฮเทคคุมด้วยไฟฟ้า พัฒนาเหนือชั้นขึ้นมาอีกขั้นจากกระเปาะน้ำมันไฮดรอลิก ควบคุมการยืดหยุ่นด้วยไฟฟ้า ปรับความแข็งอ่อนให้เหมาะสมกับสภาพการทำงานของเครื่องยนต์ เท่าที่พบ เป็นการใช้ไฟฟ้าควบคุมมอเตอร์ขนาดเล็กหรือโซลินอยด์วาล์ว ทำการหรี่ขนาดของรูที่น้ำมันไฮดรอกลิกให้ไหลไปมายาก หรือง่าย คล้ายกับโช้กอัพที่ปรับความหนืดด้วยไฟฟ้า มีรถยนต์น้อยรุ่นที่นำมาใช้ แต่ในอนาคตก็คงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเริ่มมีต้นทุนต่ำลง ได้ผลลดการสั่นสะเทือนได้ดี และไม่ได้ใช้ครบ 4 ตัวในรถยนต์ 1 คัน แต่มักจะใช้ตัวเดียว เช่น ตัวหน้าใกล้กับหม้อน้ำ ป้องกันการกระดกหน้า-หลังของเครื่องยนต์ เมื่อไรเสีย ไม่มีการ กำหนดเป็นระยะทาง เสียเมื่อทรุดตัวมาก ปริ ร้าว หรือขาด ต้องแล้วแต่ลักษณะการขับว่ากระชากกระชั้น ออกตัว และเบรกบ่อยและแรงหรือไม่ รถยนต์รุ่นเดียวกัน ยางแท่นเครื่องอาจหมดอายุที่ระยะทางต่างกันก็เป็นได้ โดยทั่วไป ยางแท่นเครื่องคุณภาพดี ๆ น่าจะใช้งานได้เกิน 50,000 กิโลเมตรขึ้นไป ดูอย่างไรเมื่อเสีย สายตาดู หรือพรอ้มกับโยกเครื่องยนต์ไปด้วย การดูรอยร้าวรอยปริของยางแท่นเครื่อง บางตำแหน่งอาจสอดส่องมองสภาพได้สะดวก บางตำแหน่งต้องยกรถยนต์รอย มองเข้าไปยาก บางตำแหน่งต้องให้ช่างมุดลอดเข้าไปดู บางตำแหน่งต้องถอดออกมาดูถึงจะแน่ใจ นอกจากการดูที่ตัวยางแท่น เครื่องโดยตรง แล้วยังสามารถใช้วิธีจับอาการจากอาการกระตุหรือกระชากของเครื่องยนต์เมื่อ อกตัว เปลี่ยนเกียร์ หรือเบรก ถ้ายืดมากหรือขาด ก็จะมีอาการกระชากให้รู้สึกเข้ามาถึงห้องโดยสารได้มาก ถ้าไม่เปลี่ยน ไม่อันตรายในการขับ แต่จะส่งผลให้ยางแท่นเครื่องตัวอื่นเสียตามไปด้วย เพราะมีกรขยับตัวได้มากเกินไปนั่นเอง เปลี่ยนที่ไหน การ เปลี่ยนยางแท่นเครื่อง ไม่นับเป็นงานซับซ้อน และไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าแต่ศูนย์บริการเท่านั้น สามารถเปลี่ยนตามอู่ทั่วไปได้ ค่าแรงจุดละ 200-400 บาท แล้วแต่ความยากง่าย บางจุด 15 นาที เสร็จ บางจุดเป็นชั่วโมง เพราะต้องถอดหลายอุปกรณ์อื่นด้วย ไม่ต้องกังวลว่าจะติดตั้งแล้วเอียง เพราะมีรูน็อตตายตัว ใส่เยื้องไม่ได้ มีตัวเลือกหรือไม่ หลาย คนยึดติดว่าอะไหล่ต้องเป็นของแท้เท่านั้น ต้องซื้อจากศูนย์บริการเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริง บริษัทรถยนต์แทบจะไม่เคยผลิตอะไหล่อะไรเลย สั่งมาในราคาถูก ๆ แล้วมาขายแพง ๆ ทั้งนั้น โดยยางแท่นเครื่อง มี 3 ตัวเลือก คือ ใหม่แท้ ใหม่เทียบ และเก่าเชียงกง ซึ่งต่างกันทั้งในเรื่องของราคา คุณภาพ อายุการใช้งาน และความสะดวกในการซื้อหา ใหม่แท้ ซื้อจากศูนย์บริการหรือผ่านร้านอะไหล่ คุณภาพดีแน่นอน ไม่ต้องลุ้น แต่แพงแน่นอนเช่นกัน ราคามักเกิน 500 บาทต่อตัว ไปจนถึงหลายพันบาท รวม 4 ตัวส่วนใหญ่เกิน 5,000 หรือเกิน 10,000 บาทก็ยังมี ใหม่เทียบ หรือมักเรียกกันว่าของเทียม ซื้อได้ตามร้านอะไหล่ทั่วไป รถยนต์ยุโรปจะมีอะไหล่เทียบยี่ห้อดัง ๆ คุณภาพดี ๆให้ซื้อ บางครั้งเป็นยี่ห้อเดียวกับที่ผลิตส่งให้บริษัทรถยนต์ และอาจจะมียี่ห้อเล็ก ๆ ให้เลือกด้วย สำหรับยางแท่นเครื่องของรถ ยนต์ญี่ปุ่นแบบเทียบใช้ ส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อไม่ดัง คุณภาพต่ำตามราคาที่สุดถูก สำหรับตัวที่อัดเปลี่ยนเฉพาะไส้ได้ ตัวละแค่ 100 กว่าบาทเป็นส่วนใหญ่ แพงหน่อยก็ 200-300 บาท ถ้าเป็นตัวใหญ่แบบสำเร็จรูปก็ตัวละแถว ๆ 500 บาท หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: Louis Todo Juku <RZ> ที่ 14 กันยายน 2553 14:30:05 ขอบคุณทุกความรู้คับน้า กำลังอยากศึกษาเกี่ยวกับเกียร์AUTOอยู่พอดีเลย นี่ก็เพิ่งเปลี่ยนไปเองอ่ะคับ :emotn
หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: PAtIPUT ที่ 14 กันยายน 2553 15:01:57 :emotk
หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: Kornzero ที่ 14 กันยายน 2553 16:37:17 ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลต่างๆ
หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: Ubol_RP.TZ ที่ 14 กันยายน 2553 16:50:54 เครื่องมิเปนราย กล่องคอมฯ รอตัดรอบอยู่ แต่เกียร จะพังคาทีน... :emotc เปลี่ยนมา2 ก้อ เบรค ลดความเร็วมาที่ ที่ความเร็ว ประมาณ 40-60 ก่อนนะครับ ถ้า L ก้อ เบรค ลดความเร็วมาที่ ที่ความเร็ว 20-30 กม/ชม ครับ ถนอมทอร์คของเกียออโต้หน่อย ถ้าขับอยู่ 100-120 ใช้ O/D on off ดีกว่า เพิ่มเติมจากการใช้จิงคับ (แต่ถ้าตามหลักการก็ถูกต้อง) ถ้าLก็จะได้อยู่ที่ประมาณ 20 - 60 กม/ชม คับ ถ้า 2ก็ 40-120กม/ชม คับ ส่วนเรื่องที่เกียร์พังนั้น :emotq :emotr หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: Kornzero ที่ 14 กันยายน 2553 16:54:22 สรุป ใช้ D ดีสุดว่างั้น 555+ จะเร่งจะแซงนิดหน่อย ใช้ 2/L บางเวลา อย่าบ่อย ใช่ป่ะคับ
หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: kodomoAe92-By-SZ ที่ 14 กันยายน 2553 16:56:01 เข้า เกียร์ D แล้วสลับไปมากะ เกียร์ 2 เครื่องไม่เป็นไรครับ
แต่ เกียร์พังแน่นอน ( ในระยะยาว หรือไม่แน่ ขึ้นอยู่กับสภาพเกียร์ ) ของผมพังไปแล้วครับ เปลื่ยนมา เฉพาะเกียร์ 6000 :emotk หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็ เริ่มหัวข้อโดย: jedee ที่ 14 กันยายน 2553 17:11:35 :emoth อันนี้นอกเหตุเหนือผลนะ แต่เท่าที่ได้เปลี่ยนจากเกียรธรรมดา มาเป็นโอโต้ เมื่อประมาณก.พ.ปีนี้ กับระยะทางที่วิ่งใช้งานมาประมาณสี่หมื่นกว่ากิโล เจ้าของเดิมอีกไม่ทราบว่าเท่าไร จากที่ถาม ผมก็ทำเสมอๆนะครับ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดปรกติครับ แบบว่า นอกจากOD OFF แล้ว(วิ่งแค่เกียรสาม) หากความเร็วมันต่ำระดับตั้งแต่ ๘๐ ลงมาหรือมากกว่า เวลาเราจะเร่งแซงรถคันหน้า ผมก็ผลักเกียรลงมา ๒ แล้วก็กดคันเร่งขึ้นหน้าไปเลยครับ เร่งแซงแค่ไม่กี่วิ ตราบใดที่รอบเครื่องไม่เกินหกพันก็โอนะ สำหรับผม ความเร็วสูงสุดของเกียร L ที่ หกพันรอบ ได้ ๖๐ เป๊ะ ที่เกียร ๒ ได้ ๑๑๐ โดยประมาณ บางครั้งก็ไหลขึ้นถึง ๑๒๐ ครับ (แบบว่าสับไปDไม่ทัน รอบมันขึ้นเร็วเกิ๊น) ที่เกียร ๓ ที่ ๖๐๐๐ เหมือนกัน กว่า ๑๗๐ ไปนิดครับ แต่ไม่มีถนนวิ่งแล้วครับ ส่วนเกียร D ก็เรื่อยๆมาเรียงๆนกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาไร้คู่....อ้าวๆ ลืมๆ นึกว่าคาราโอเกะ อิอิอิ :emotp ไม่เกิ้น ๑๕๐ คร๊าบๆๆๆ เหอะๆๆๆ แล้วก็เปลี่ยนน้ำมันเกียรบ่อยๆหน่อยครับ ผมก็วิ่งของผมแบบนี้ล่ะครับ ยังไม่เห็นมันพังหรือเปงอะรัยเลยเด้ อย่าไปซีเรียสเลยครับ แบบว่า ผมมีสำรองอีกสองลูก เพื่อนๆในเวปยกลง แล้วก็ไปแอบสอยมาครับ ยังบ่อได้ใช้ซักกะลูกเด้อ สิบอกไห่ มันทนทรีนดีจิงๆเด้อ...... :emothแหะๆๆๆ ป่าวกวนเด้ แต่ผมขี่แบบนี้จิงๆ ไม่เห็นมันพังเลยครับ กดปุ๊ปก็มาปั๊ปโลด แถมเสียงเงียบอีกต่างหากเด้อ :emow :emotp
หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: smilegames ที่ 14 กันยายน 2553 17:22:02 :emoth อันนี้นอกเหตุเหนือผลนะ แต่เท่าที่ได้เปลี่ยนจากเกียรธรรมดา มาเป็นโอโต้ เมื่อประมาณก.พ.ปีนี้ กับระยะทางที่วิ่งใช้งานมาประมาณสี่หมื่นกว่ากิโล เจ้าของเดิมอีกไม่ทราบว่าเท่าไร จากที่ถาม ผมก็ทำเสมอๆนะครับ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดปรกติครับ แบบว่า นอกจากOD OFF แล้ว(วิ่งแค่เกียรสาม) หากความเร็วมันต่ำระดับตั้งแต่ ๘๐ ลงมาหรือมากกว่า เวลาเราจะเร่งแซงรถคันหน้า ผมก็ผลักเกียรลงมา ๒ แล้วก็กดคันเร่งขึ้นหน้าไปเลยครับ เร่งแซงแค่ไม่กี่วิ ตราบใดที่รอบเครื่องไม่เกินหกพันก็โอนะ สำหรับผม ความเร็วสูงสุดของเกียร L ที่ หกพันรอบ ได้ ๖๐ เป๊ะ ที่เกียร ๒ ได้ ๑๑๐ โดยประมาณ บางครั้งก็ไหลขึ้นถึง ๑๒๐ ครับ (แบบว่าสับไปDไม่ทัน รอบมันขึ้นเร็วเกิ๊น) ที่เกียร ๓ ที่ ๖๐๐๐ เหมือนกัน กว่า ๑๗๐ ไปนิดครับ แต่ไม่มีถนนวิ่งแล้วครับ ส่วนเกียร D ก็เรื่อยๆมาเรียงๆนกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาไร้คู่....อ้าวๆ ลืมๆ นึกว่าคาราโอเกะ อิอิอิ :emotp ไม่เกิ้น ๑๕๐ คร๊าบๆๆๆ เหอะๆๆๆ แล้วก็เปลี่ยนน้ำมันเกียรบ่อยๆหน่อยครับ ผมก็วิ่งของผมแบบนี้ล่ะครับ ยังไม่เห็นมันพังหรือเปงอะรัยเลยเด้ อย่าไปซีเรียสเลยครับ แบบว่า ผมมีสำรองอีกสองลูก เพื่อนๆในเวปยกลง แล้วก็ไปแอบสอยมาครับ ยังบ่อได้ใช้ซักกะลูกเด้อ สิบอกไห่ มันทนทรีนดีจิงๆเด้อ...... :emothแหะๆๆๆ ป่าวกวนเด้ แต่ผมขี่แบบนี้จิงๆ ไม่เห็นมันพังเลยครับ กดปุ๊ปก็มาปั๊ปโลด แถมเสียงเงียบอีกต่างหากเด้อ :emow :emotp ขับแบบตอนที่ช่างทดลองเครื่องให้ผมดูเลย หลังจากว่างเสร็จใหม่ๆ สุดทุกเกียร ได้ เิกิน 180 แน่นอน เพราะว่ามันเลยไปอีกพอสมควร หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: TAOTAO-TZ#056- ที่ 14 กันยายน 2553 17:42:04 ของผมขับเคยใช้ออโต้ ตอนนี้ 5 สปีด
วิ่งยาวๆ 160 คงที่ เกียออโต้ประหยัดกว่านะ ต้องคงที่นะครับ ที่ 120 คงที่ เกียธรรมดาชนะเลิศ..ประหยัดกว่า...สงสัยเหมือนกัน :emob ส่วนในเมือง เกียธรรมดา ชนะเลิศ :emotq หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: unicorn ที่ 15 กันยายน 2553 02:29:09 เกียร์auto ซัดได้เชนได้ตั้งแต่ป้ายแดงปี96 ไม่เคยพังครับ อึดดี :emoc
หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: Tonsuan ที่ 15 กันยายน 2553 02:46:38 วันก่อนวิ่งอยู่ร้อยกว่าๆ กดสุดแล้วไม่ทันใจ เลยเปลี่ยนลงมา2 ปรากฎกวาดรอบตัดเลย แอบเสียวพังอยู่เหมือนกัน :emoty
หัวข้อ: Re: ขับเกียร์ออโต้ อยู่ที่ D(Drive) แต่เปลี่ยนเป็น ตัวเกียร์ 2 กับ L จะเป็นไรไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: Kornzero ที่ 15 กันยายน 2553 11:43:39 วันก่อนวิ่งอยู่ร้อยกว่าๆ กดสุดแล้วไม่ทันใจ เลยเปลี่ยนลงมา2 ปรากฎกวาดรอบตัดเลย แอบเสียวพังอยู่เหมือนกัน :emoty เคยเหมือนกันครับ นึกว่างานเข้า ดังวู๊บบบบบ ความเร็วดรอปเลย |