AE. Racing Club

ผบก.ทล.คนใหม่ เรียกประชุมมอบนโยบายการทำงานของตำรวจทางหลวง เน้นเป็นที่ยอมรับของประชาชน-โปร่งใสตรวจสอบได้ พร้อมเปิดช่องทางให้ประชาชนแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับส่วย เบาะแสความไม่ชอบมาพากล คลิปภาพหรือภาพนิ่งที่บันทึกได้
      
       วันนี้ (4 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. ได้เรียกหน้าที่ บก.ทล.จากทั่วประเทศเข้าประชุมเพื่อมอบนโยบายในการทำงานเพื่อพัฒนาการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตร.บก.ทล.ให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนปราศจากข้อครหา และโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้และเป็นรูปธรรมตามโครงการ “ถนนปลอดภัย ชาวไทยร่วมมือ ตำรวจถืออุดมคติ”
      
       โดยแนวคิดที่หนึ่ง “ถนนปลอดภัย” มีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นเรื่องการประสานความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน ในเรื่องการใช้รถใช้ถนน การเคารพและปฏิบัติตามกฎจราจร การบังคับใช้กฎหมายและยุทธวิธีในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ตร.ไม่ว่าการตั้งด่าน การขับรถนำขบวน ซึ่งต้องเน้นหลักการปลอดภัยในการปฏิบัติเพื่อลดการสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน ส่วนแนวคิดที่สอง คือ “ชาวไทยร่วมมือ” จะมุ่งเน้นที่ความร่วมมือของประชาชนในการขับขี่ยวดยานพาหนะ ศึกษาข้อกฎหมายในการขับขี่และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รวมทั้งไม่ร่วมมือหรือเป็นผู้ให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่และแจ้งข่าวที่เป็นประโยขน์แก่ทางราชการ
      
       สำหรับแนวคิดที่สาม คือ “ตำรวจถืออุดมคติ” จะเน้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาดูคอยสอดส่องดูแลความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถืออุดมคติในการปฏิบัติหน้าที่ คือ เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปราณีต่อประชาชน อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ดำรงตนในยุติธรรม กระทำการด้วยปัญญา และรักษาความไม่ประมาทชั่วชีวิต
      
       จากนั้น พล.ต.ต.นรบุญ และเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสารวัตรที่ทำหน้าที่หัวหน้าสถานีตำรวจทางหลวงทั้ง 41 สถานีทั่วประเทศ ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงเข้าสู่โครงการ “ถนนปลอดภัย” โดยมีหลักสำคัญ 3 ประการ คือ 1.ข้าราชการตำรวจทุกนายจะร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบอำนาจหน้าที่ ตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด 2.ผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชามิให้เรียกรับผลประโยชน์จากประชาชนโดยเด็ดขาด และ 3.ผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้อยู่ดีมีสุขตามอัตภาพ
      
       จากนั้น พล.ต.ต.นรบุญ เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องการตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนั้น ตนจะเน้นไปที่ความสะดวกรวดเร็วไม่สร้างปัญหาให้เกิดกับการจราจรเหมือนที่ผ่านมา โดยแต่ละด่านจะต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตามที่ทาง บก.ทล.จะได้มีคำสั่ง และทุกนายจะต้องติดปลอกแขนสีส้มสะท้อนแสง ที่ทาง บก.ทล.เพิ่งคิดค้นและเพิ่งเริ่มทดลองโดยเน้นให้ผู้ใช้ยวดยานสังเกตุได้ง่าย และไม่ซ้ำใคร ซึ่งตนได้มอบหมายให้สารวัตรหัวหน้าสถานีเป็นผู้ดูแลปลอกแขนดังกล่าว แต่หากไม่เหมาะสมก็จะปรับเปลี่ยนต่อไป
      
       พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวต่อว่า สำหรับกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัตินั้น หลักการทำงาน คือ การตรวจจับความเร็วของยาพาหนะโดยการบันทึกวันเวลาความเร็วและรายละเอียดของรถ จากนั้นก็ปริ๊นท์รายละเอียดของรถดังกล่าวเพื่อส่งให้ผู้ขับขี่ถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ และแยกผู้ตรวจจับไม่ให้ต้องเผชิญหน้ากับผู้ขับขี่โดยตรง ซึ่งในปัจจุบัน ทางบก.ทล.มีกล้องใช้อยู่แล้วจำนวน 60 ตัว แต่ตนจะเสนอของบประมาณในการจัดซื้อเพิ่มให้ครบทุกตู้รักษาการณ์ของทางหลวงโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด
      
       “นอกจากนี้ ยังได้นำแนวคิดในการให้ทุกกองบังคับการมีการตรวจสอบภายในกันเอง โดยการตั้งจเรตำรวจขึ้นมาตรวจสอบมาใช้เพื่อความสะดวกรวดเร็วเป็นการลดความซ้ำซ้อนในการตรวจสอบหากเกิดการร้องเรียนว่า มีการกระทำผิดขึ้น โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล รอง ผบก.ทล.ทำหน้าที่หัวหน้าชุด และให้มีการประชุมเพื่อเลือกสรร ผู้ที่จะเข้ามาร่วมเป็นกรรมการในชุดจเรอีกไม่เกิน 8 นาย” พล.ต.ต.นรบุญ กล่าว
      
       พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวด้วยว่า นอกจากแนวนโยบายและบันทึกข้อตกลงที่ได้มอบหมายไว้แล้ว ทาง บก.ทล.ยังได้จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์โครงการขนาดใหญ่ติดตั้งไว้ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสถานีทางหลวงเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการนี้ไปสู่ประชาชน เพื่อขอความร่วมมือในการแจ้งข้อมูลเบาะแสความไม่ชอบมาพากล คลิปภาพหรือภาพนิ่งที่บันทึกได้ส่งมายังตนทางหมายเลขโทรศัพท์ 2 หมายเลข คือ 086-011-0555 และ 082-453-4555 พร้อมเปิดตู้ ปณ.1193 และเว็บไซต์ www.highwaypolice.com ขึ้น เพื่อรับคำแนะนำและติชมการปฏิบัติงานของ ตร.ทางหลวงในทุกๆ เรื่อง

ทำได้ก็น่ายกย่องครับ กลัวส่งไปแล้วเรื่องเงียบอะคับ :emots :emots
หรืออาจจะนำไปสู่การตั้งด่านแบบถูกกฏหมาย ซึ่งอาจจะปรับตามจริง หุหุหุ