หัวข้อ: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Alpha ที่ 12 สิงหาคม 2011 01:42:48 สตาร์ทเครื่องใหม่ๆ รอบเดินเบาต่ำมาก ประมาณ 400-500 rpm (ปกติประมาณ 800-900 rpm อ้อ เครื่อง 2E นะครับ)
นั่งรอเกือบ 5 นาที รอบก็ไม่ขึ้น เมื่อก่อนผมรอแค่สองนาทีมันก็ขึ้นมาระดับปกติแล้ว เอาออกไปวิ่งเลยก็วิ่งได้ครับ แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืน เมื่อเปิดไฟใหญ่กับเหยียบเบรคพร้อมกัน มันทำท่าจะดับมิดับแหล่ ใช้งานมาประมาณ 40,000 กม. (ผมไม่ได้นับไว้แน่นอน แต่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องไป 6 ครั้ง ครั้งหนึ่งประมาณ 6000 กม. ตอนนี้กำลังจะได้เปลี่ยนครั้งที่ 7) ถ้าเครื่องร้อนแล้วปกติครับ ไม่มีปัญหาอันใด ผมหาช่างตั้งวาวล์ไม่ได้เลย(แถวเกษตร) ช่างที่รู้จักกันก็ซ่อมเป็นแต่ฮอนด้า พี่แกก็พูดหมาๆว่าใช้ๆไปเถอะ พังเมื่อไหร่ก็ยกเครื่องเปลี่ยน (พูดมาได้ไงวะ) :emoe ปล. หม้อต้มถอดมาล้าง เปลี่ยนชุดซ่อมเมื่อประมาณ 25,000 กม. ไม่น่าเกี่ยว (Tomasetto 140HP) หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: TAOTAO-TZ#056- ที่ 12 สิงหาคม 2011 01:47:41 ฝาโก่งก่อนตลอด เลยไม่รู้ว่าวาวล์ยันเปนไง โทษทีนะครับ เอิ๊กๆๆ
หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Alpha ที่ 12 สิงหาคม 2011 01:52:19 ฝาโก่งก่อนตลอด เลยไม่รู้ว่าวาวล์ยันเปนไง โทษทีนะครับ เอิ๊กๆๆ :emo8หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: alicetotle <RZ> ที่ 12 สิงหาคม 2011 09:59:36 สตาร์ทเครื่องใหม่ๆ รอบเดินเบาต่ำมาก ประมาณ 400-500 rpm (ปกติประมาณ 800-900 rpm อ้อ เครื่อง 2E นะครับ) ขับเลยมาหน่อยครับ มาลาดปลาเค้า มาอู่แถวบ้านผม เค้ารับตั้งวาล์วด้วยครับนั่งรอเกือบ 5 นาที รอบก็ไม่ขึ้น เมื่อก่อนผมรอแค่สองนาทีมันก็ขึ้นมาระดับปกติแล้ว เอาออกไปวิ่งเลยก็วิ่งได้ครับ แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืน เมื่อเปิดไฟใหญ่กับเหยียบเบรคพร้อมกัน มันทำท่าจะดับมิดับแหล่ ใช้งานมาประมาณ 40,000 กม. (ผมไม่ได้นับไว้แน่นอน แต่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องไป 6 ครั้ง ครั้งหนึ่งประมาณ 6000 กม. ตอนนี้กำลังจะได้เปลี่ยนครั้งที่ 7) ถ้าเครื่องร้อนแล้วปกติครับ ไม่มีปัญหาอันใด ผมหาช่างตั้งวาวล์ไม่ได้เลย(แถวเกษตร) ช่างที่รู้จักกันก็ซ่อมเป็นแต่ฮอนด้า พี่แกก็พูดหมาๆว่าใช้ๆไปเถอะ พังเมื่อไหร่ก็ยกเครื่องเปลี่ยน (พูดมาได้ไงวะ) :emoe ปล. หม้อต้มถอดมาล้าง เปลี่ยนชุดซ่อมเมื่อประมาณ 25,000 กม. ไม่น่าเกี่ยว (Tomasetto 140HP) 0870740200 เผื่อสอบถามทางครับ หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: BUT_AE101 ~Lx~ ที่ 12 สิงหาคม 2011 10:17:46 ของผมตอนอาการวาวล์ยันคือ ยิ่งร้อน ยิ่งเป็นอ่าครับ เวลาติดเครื่องเดินเบา ท่อไอเสียจะดัง ปุๆๆๆๆ ไม่เป้นเสียงจังหวะเดียวแบบที่เคยเป้น มันเหมือนพ่นๆสะดุดๆอะครับที่ปลายท่อ และรถก้จะอืดๆหน่อยวิ่งไม่ค่อยออก เวลาขับมาเร็วๆพอเหยียบเบรคติดไฟแดงเครื่องดับ แล้วจะสตารท์ติดยาก..
พอเอาไปเช็คช่างบอก ไอเสียยันไป 6ตัว ไอดี อีก 2 ตัวรึไงเนี่ยครับ เสียตังไป 500 ก็ขับมาได้อีก ร่วมๆ 7หมื่นโลละยังปกติ (ตอนที่เป็น พึ่งซื้อรถมาจากเจ้งของเก่าน่ะครับ) หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Alpha ที่ 12 สิงหาคม 2011 10:44:50 สตาร์ทเครื่องใหม่ๆ รอบเดินเบาต่ำมาก ประมาณ 400-500 rpm (ปกติประมาณ 800-900 rpm อ้อ เครื่อง 2E นะครับ) ขับเลยมาหน่อยครับ มาลาดปลาเค้า มาอู่แถวบ้านผม เค้ารับตั้งวาล์วด้วยครับนั่งรอเกือบ 5 นาที รอบก็ไม่ขึ้น เมื่อก่อนผมรอแค่สองนาทีมันก็ขึ้นมาระดับปกติแล้ว เอาออกไปวิ่งเลยก็วิ่งได้ครับ แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืน เมื่อเปิดไฟใหญ่กับเหยียบเบรคพร้อมกัน มันทำท่าจะดับมิดับแหล่ ใช้งานมาประมาณ 40,000 กม. (ผมไม่ได้นับไว้แน่นอน แต่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องไป 6 ครั้ง ครั้งหนึ่งประมาณ 6000 กม. ตอนนี้กำลังจะได้เปลี่ยนครั้งที่ 7) ถ้าเครื่องร้อนแล้วปกติครับ ไม่มีปัญหาอันใด ผมหาช่างตั้งวาวล์ไม่ได้เลย(แถวเกษตร) ช่างที่รู้จักกันก็ซ่อมเป็นแต่ฮอนด้า พี่แกก็พูดหมาๆว่าใช้ๆไปเถอะ พังเมื่อไหร่ก็ยกเครื่องเปลี่ยน (พูดมาได้ไงวะ) :emoe ปล. หม้อต้มถอดมาล้าง เปลี่ยนชุดซ่อมเมื่อประมาณ 25,000 กม. ไม่น่าเกี่ยว (Tomasetto 140HP) 0870740200 เผื่อสอบถามทางครับ หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: alicetotle <RZ> ที่ 12 สิงหาคม 2011 11:01:43 สตาร์ทเครื่องใหม่ๆ รอบเดินเบาต่ำมาก ประมาณ 400-500 rpm (ปกติประมาณ 800-900 rpm อ้อ เครื่อง 2E นะครับ) ขับเลยมาหน่อยครับ มาลาดปลาเค้า มาอู่แถวบ้านผม เค้ารับตั้งวาล์วด้วยครับนั่งรอเกือบ 5 นาที รอบก็ไม่ขึ้น เมื่อก่อนผมรอแค่สองนาทีมันก็ขึ้นมาระดับปกติแล้ว เอาออกไปวิ่งเลยก็วิ่งได้ครับ แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืน เมื่อเปิดไฟใหญ่กับเหยียบเบรคพร้อมกัน มันทำท่าจะดับมิดับแหล่ ใช้งานมาประมาณ 40,000 กม. (ผมไม่ได้นับไว้แน่นอน แต่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องไป 6 ครั้ง ครั้งหนึ่งประมาณ 6000 กม. ตอนนี้กำลังจะได้เปลี่ยนครั้งที่ 7) ถ้าเครื่องร้อนแล้วปกติครับ ไม่มีปัญหาอันใด ผมหาช่างตั้งวาวล์ไม่ได้เลย(แถวเกษตร) ช่างที่รู้จักกันก็ซ่อมเป็นแต่ฮอนด้า พี่แกก็พูดหมาๆว่าใช้ๆไปเถอะ พังเมื่อไหร่ก็ยกเครื่องเปลี่ยน (พูดมาได้ไงวะ) :emoe ปล. หม้อต้มถอดมาล้าง เปลี่ยนชุดซ่อมเมื่อประมาณ 25,000 กม. ไม่น่าเกี่ยว (Tomasetto 140HP) 0870740200 เผื่อสอบถามทางครับ หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Alpha ที่ 12 สิงหาคม 2011 14:14:06 อ้าว มันอยู่แถวร้านทำเบาะในตำนานนั่นเลยนี่หน่า :emo5
แต่วันนี้เห็นทีจะไม่ทันแล้ว ไว้วันอาทิตย์ดีกว่า... :emoth หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: khonjengji ที่ 12 สิงหาคม 2011 14:20:23 วาล์วยันของผมเป็ประมาณ เช้าๆ สาตาร์ทเครื่อง เครื่องสั่นมาก แต่รอบนิ่ง ตอนเครื่องเริ่มร้อนก็สั่นน้อยลง วิ่งได้เร็วเหมือนเดิม แต่ก็ยังสั่นยุ เอาไปตั้งวาลืวก็หายเลย วาลืวยัน 3 สูบครับ
หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Alpha ที่ 12 สิงหาคม 2011 14:30:24 วาล์วยันของผมเป็ประมาณ เช้าๆ สาตาร์ทเครื่อง เครื่องสั่นมาก แต่รอบนิ่ง ตอนเครื่องเริ่มร้อนก็สั่นน้อยลง วิ่งได้เร็วเหมือนเดิม แต่ก็ยังสั่นยุ เอาไปตั้งวาลืวก็หายเลย วาลืวยัน 3 สูบครับ ประมาณนั้นครับหัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: waun ที่ 12 สิงหาคม 2011 15:12:26 พี่ครับ รถผมใช้น้ำมัน เวลาเครื่อง ร้อน ปรกติ แล้ว เวลา เหยียบคันแร่ง มันดังที่เครื่อง แก๊รกๆๆๆๆ อะครับ
แต่ พอใช้แก๊ส ไม่มีเสียง แก๊รก ที่เครื่องเลยครับ หรือว่าผม ตั้งไฟแก่ไป หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: <<nutt>> ที่ 12 สิงหาคม 2011 15:29:50 พี่ครับ รถผมใช้น้ำมัน เวลาเครื่อง ร้อน ปรกติ แล้ว เวลา เหยียบคันแร่ง มันดังที่เครื่อง แก๊รกๆๆๆๆ อะครับ ถูกต้องแร้วคับ :emotsแต่ พอใช้แก๊ส ไม่มีเสียง แก๊รก ที่เครื่องเลยครับ หรือว่าผม ตั้งไฟแก่ไป หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: waun ที่ 12 สิงหาคม 2011 15:47:30 พี่ครับ รถผมใช้น้ำมัน เวลาเครื่อง ร้อน ปรกติ แล้ว เวลา เหยียบคันแร่ง มันดังที่เครื่อง แก๊รกๆๆๆๆ อะครับ ถูกต้องแร้วคับ :emotsแต่ พอใช้แก๊ส ไม่มีเสียง แก๊รก ที่เครื่องเลยครับ หรือว่าผม ตั้งไฟแก่ไป แล้วถ้าไม่ตั้งไฟลงมา แล้ว แก้ได้ตรงไหนบางครับ หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Alpha ที่ 12 สิงหาคม 2011 17:08:10 ถ้าไม่ตั้งให้ไฟแก่ ก็ต้องหาน้ำมันที่ออคเทนสูงๆเติมเข้าไปแทนครับ
แต่ยังไงเสีย แก๊สก็ออคเทนสูงกว่าน้ำมันครับ หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: waun ที่ 13 สิงหาคม 2011 00:12:35 ถ้าไม่ตั้งให้ไฟแก่ ก็ต้องหาน้ำมันที่ออคเทนสูงๆเติมเข้าไปแทนครับ ขอบคุณมากๆ คับพี่แต่ยังไงเสีย แก๊สก็ออคเทนสูงกว่าน้ำมันครับ หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: jedee ที่ 13 สิงหาคม 2011 06:37:53 สตาร์ทเครื่องใหม่ๆ รอบเดินเบาต่ำมาก ประมาณ 400-500 rpm (ปกติประมาณ 800-900 rpm อ้อ เครื่อง 2E นะครับ) นั่งรอเกือบ 5 นาที รอบก็ไม่ขึ้น เมื่อก่อนผมรอแค่สองนาทีมันก็ขึ้นมาระดับปกติแล้ว เอาออกไปวิ่งเลยก็วิ่งได้ครับ แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืน เมื่อเปิดไฟใหญ่กับเหยียบเบรคพร้อมกัน มันทำท่าจะดับมิดับแหล่ ใช้งานมาประมาณ 40,000 กม. (ผมไม่ได้นับไว้แน่นอน แต่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องไป 6 ครั้ง ครั้งหนึ่งประมาณ 6000 กม. ตอนนี้กำลังจะได้เปลี่ยนครั้งที่ 7) ถ้าเครื่องร้อนแล้วปกติครับ ไม่มีปัญหาอันใด ผมหาช่างตั้งวาวล์ไม่ได้เลย(แถวเกษตร) ช่างที่รู้จักกันก็ซ่อมเป็นแต่ฮอนด้า พี่แกก็พูดหมาๆว่าใช้ๆไปเถอะ พังเมื่อไหร่ก็ยกเครื่องเปลี่ยน (พูดมาได้ไงวะ) :emoe ปล. หม้อต้มถอดมาล้าง เปลี่ยนชุดซ่อมเมื่อประมาณ 25,000 กม. ไม่น่าเกี่ยว (Tomasetto 140HP) ดูแลตามระยะทาง ที่เคยบอกไปก็น่าจะเกินพอครับ แต่เท่าที่อ่าน ขับลูกเดียว ไม่ค่อยดูแลมันเลย ตั้งวาวล์ตั้งที่ศูนย์โตโยต้าที่ไหนก็ได้ครับ ค่าบริการไม่กี่บาทหรอก ผมใช้โตโยต้ามาตั้งแต่รุ่น ๒.๔๕ เบอร์รินอายสี่ประตู(ก่อนไมตี้) ก็เอาเข้าศูนย์ตลอด ตั้งวาวล์เหมือนกับเครื่องสองอีนี่ล่ะ อย่าไปซีเรียสเลยครับ สำหรับช่างที่มันบอกใช้ๆไป เสียก็เปลี่ยนเครื่อง ก็อย่าเข้าไปอู่มันอีกครับ เครื่องสองอี เป็นตำนานครับ ผมว่าทนกว่าสีเอเอฟอีที่ผมใช้ซะอีกครับ ทุกวันนี้ผมยังเก็บรักษาเจ้าเครื่องนี้ที่ยกลงไว้เป็นอย่างดี รอวันดีคืนดี จะยกขึ้นประจำการในเรโนล์อาร์๑๙ ชาเมท ที่ปลอดระวาง(ไม่ได้เสีย จอดปลดระวางเฉยๆ)มากว่าสามปี แล้วทำอย่างดี ทีนี้ก็ปลุกผีเจ้าเรโนลต์คืนชีพ ในหัวใจโตโยต้า ตัดปัญหาเรื่องการเช็คตามระยะหมดสิ้นไป เรโนลต์มันรถแข่งครับ ต้องเช็คตามระยะอย่างเคร่งครัดเลย เช่นทุกๆ ห้าพัน ทุกๆหนึ่งหมื่น ทุกๆ สามหมื่น และทุกๆห้าหมื่น อันหลังนี่เปลี่ยนเกือบทั้งเครื่องเลยครับ ผมถึงมีเครื่องยนต์เรโนลต์อยู่สามลูกพร้อมเกียร แต่มันเบื่ออีตอนที่วิ่งๆ เด๋วมันก็ห้าหมื่น บางทีปีหนึ่ง ยกขึ้นยกลงสองครั้งเกือบสามก็มี แล้ววิ่งแป๊ปเดียวมันก็ครบระยะที่ต้องเช็คอย่างเคร่งครัด ไม่เหมือนโตโยต้า วิ่งไปดูแลทิ้งๆขว้างๆได้ครับ แต่เจ้าเกเรที่เอ่ยถึงไม่ได้ครับ มีสิทธิได้นอนข้างทางกินข้าวลิงสูงสุดทีเดียว และค่าดูแลที่สูงของมัน ทำให้ผมต้องตัดใจปลดระวางเลิกใช้ หันมาคบกับสามห่วงแทน ซึ่งสามเดือนแรก ก็ทำใจแทบไม่ลง เรื่องระบบกันกระเทือน กระบบการทรงตัว แฮนเดอร์ริ่ง กว่าจะปรับตัวได้กับสามห่วงก็เกินสามเดือนครับ มันกระด้างผิดกันลิบเลย พูดง่ายๆก็คือ อันหนึ่งเป็นตีนตุ๊กแก เกาะหนึบนิ่มนิ่ง ทุกๆความเร็ว ยิ่งระดับเกินร้อยสี่สิบขึ้น เทียบได้กับสามห่วงตอนวิ่งที่ประมาณหกเจ็ดสิบ แมร่งห่างกันลิบจริงๆ แต่พอใช้ๆๆไปๆๆๆ ที่เราเคยใช้ไปซ่อมไป กลับไม่มีปัญหาข้อนี้ ไม่มีเลยครับ แค่ผมต้องหมั่นเช็ควาวล์ทั้งสิบสองประมาณสองหมื่น หรือบางครั้งเดินทางมากอาจจะเกินไปมั่ง แต่ไม่เคยเกินสามหมื่นนะ แล้วทุกครั้งที่เช็คก็จะเปลี่ยนหัวเทียน แล้วก็เอาจานจ่ายมาทำความสะอาด ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนฝาจานจ่ายไปทีครับ มันสึกมาก ราคาแค่หลักร้อยเองครับ อะไหล่มันถูกกว่าเรโนลต์ประมาณสิบถึงสามสิบเท่าครับ ตรงนี้ต่างหากที่ผมเริ่มดวงตาเห็นธรรม ใช้รถยุโรปมาตลอดเกือบๆยี่สิบปี ยิ่งโดยเฉพาะไอ้ตัวพี่ เรโนลต์อาร์ ๒๑ (สิบสองวาวล์เหมือนสองอี) ตัวนี้แสบสันต์ แมร่งคอมพิวเตอร์ทั้งคันเลยครับคัมรี่ทุกวันนี้ยังตามหลังมันเลยครับ แค่เราบิดกุญแจ คอมพิวเตอร์มันก็คำนวนให้เรา บอกน้ำมันเป็นลิตรที่เหลือในถัง บอกระยะทางที่จะหมดหรือที่จะวิ่งไปได้เป็นกิโล บอกอุณหภูมิภายนอกห้องโดยสาร บอกอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงว่ากี่ลิตรต่อร้อยกิโลเมตร บอกความเร็วเป็นดิจิตอลคู่กับเข็มไมล์ และยังลูกเล่นอื่นๆอีกซึ่งรถรุ่นใหม่เพิ่งจะมี ค่าดูแลมันเฉพาะเดือนประมาณเดือนละ๒๐เคขึ้น เสียก็เปลี่ยนสถานเดียว ไม่มีซ่อมแบบสามห่วง เช็คเมื่อไรก็มีปากเสียงกับผบ.ทบ.แทบทุกครั้ง แต่ไม่ถึงทะเลาะกันหรอก แค่บ่นๆๆๆๆๆเท่านั้น สุดท้ายก็จอดก่อนเจ้าอาร์ ๑๙ หลายปีเลยประมาณสองปีได้มั๊ง แล้วก็ขายซากไปแค่สามร้อยห้าสิบเคแต่ค่าตัวบวกค่าดูแลมันที่ผ่านมาเป็นหลักเอ็ม ทั้งที่ซากที่ว่านั้นตัวถังยังดีเกินเก้าสิบเปอร์ ตอนนั้นเราคิดแค่ไม่เอาหัวใจญี่ปุ่นใส่ หากเป็นวันนี้ยังคิดเสียดายเลยครับ ผมคงยัดเจ้าสามเอสเทอร์โบไปแล้ว คงแรงพอกับเครื่องเดิมมัน เจ้าอาร์ ๒๑ ตีนปลายมีระดับเกิน ๒๓๐ ครับ กดแช่เผลอแป๊ปเดียว ไหลขึ้นถึงเลยครับ ตอนผมใช้อยู่ในถนนหลวงประเทศนี้ รบได้กับทุกรุ่นเลยครับ ขนาดเมอร์ซิเดส ๓๐๐ อี ในยุคนั้น ว่าแน่แล้ว ยังตามดูไฟท้ายเจ้าจิ๋วไม่เห็นครับ(อาร์๒๑) ทิ้งขาดตั้งแต่ออกตัวเลยครับ ๐-๑๐๐ เคยจับเล่นๆ ประมาณ ๗ วินิดๆ เองครับ แต่ต้องแลกมาด้วยค่าดูแลที่สูงลิบครับ วันนี้เลิกขับรถเร็วแล้ว(ไม่เกิน๑๖๐) แต่เมื่อก่อน ๒๐๐ ประจำครับ ผมวิ่งอุบล โคราช ไม่เคยเกิน ๒ชั่วโมงครึ่งครับ วันนี้เร็วสุดสี่ครึ่งถึงห้ากว่าๆครับ ลองนึกดูว่าเปลี่ยนไปขนาดไหนกะเมื่อก่อน โคราช ขอนแก่น(สี่เลนส์) เคยทำสถิติ ๕๘ นาทีครับ เฉลี่ย ๒๐๐ อั๊พครับ ระยะทาง ๑๗๐ กิโล ตั้งแต่ลงข้างทางที่ความเร็วระดับ ๑๖๐ เมื่อปี ๒๕๔๗ ก็เลิกท้าพยายมตั้งแต่วันนั้นครับ ค่าซ่อมรถในครั้งนั้น ๑๒๐ เคครับ ลองนึกดูว่ามันจะพังเสียหายขนาดไหน ล้อหน้า ล้อหลังขาดออกเลยครับ ขนาดเหล็กมันหนากว่าญี่ปุ่นสามเท่า แต่คนขับ(ผม) ไม่เป็นอะไรแม้แต่รอยแมวข่วนครับ สายเบลมันรั้งเรายังกะมีมือที่สามมากอดเราให้ติดกับเบาะตลอด เบาะของมันก็ให้เรคาโร่ทำให้ครับ นั่งสบายกว่าเบาะไฟฟ้าของเรวิ่นที่ประจำการในสามห่วงของผมสามเท่าครับ วันนี้พอแล้ว คบกับสามห่วง ทิ้งชมรมเรโนลต์ที่เคยไปร่วมก่อตั้งสร้างมากับมือในรุ่นแรกๆ มาอาศัยบ้านนี้แทน อบอุ่นดีครับ ผมไปหลงยึดติดกับรถยุโรปนานมากเกินไป จนลืมนึกถึงข้อดีของรถญี่ปุ่น ทุกอย่างมีสองด้านเสมอครับ ไม่มีอะไรมีแต่ดี ไม่มีเสีย ข้อดีของรถญี่ปุ่นคือ ดูแลง่ายกว่าครับ ฟ้ากะเหวเลย แต่ยุโรปมันออกแบบมาเพื่อให้เป็นทาสมันครับ ต้องเข้าศูนย์สถานเดียว ยกตัวอย่างแค่คุณถ่ายน้ำมันเกียรโอโต้ ในเจ้าจิ๋ว(อาร์๒๑) หากไม่มีความรู้จะไม่สามารถทำเองได้เลย แต่เจ้าเจดีย์ ผมแค่มุดลงไปทำไม่เกินสามสิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย แล้วเกียรมันทนกว่าสิบเท่าหรือมากกว่าครับ หมายถึงเกียรของสี่เอเด้อ เกียรของเรโนลต์ มันก็เกียรของเอาดี้ขับสี่ฟูลไทม์นั่นล่ะหรือในยุคนั้นเขาเรียกว่าควอทโต้นั่นล่ะ เครื่องวางขวางขับหน้า แต่เกียรดันวางเกียรแบบระกระบะขับหลัง ใครไม่เคยเห็นก็เป็นอะไรที่ออกแบบมาให้ต่างจากบ้านจากเมืองเขาเหลือเกิน แรงม้ามันก็วัดที่ล้อ ที่เกียรสุดท้ายครับ หากเป็นเครื่องญี่ปุ่นผมไม่รู้เท่าไร ตัวเลขแมร่งก็ถ่อมตัวฉิกหอย แต่พอใช้งานจริง รถญี่ปุ่นที่ว่าแต่งมาเป็นแสน ยังไล่มันไม่ทัน สมกับมันได้แชมป์โลกหลายสมัยจริงๆ แต่ดันเปราะฉิกเป๋ง ต้องดูแลประคบประหงมตลอด เรื่องจุกจิกแล้วโตโยต้ากินขาดครับ แต่เรื่องการทรงตัว ยังห่างไกลลิบลับเลย คนละเรื่องจริงๆ ใครไม่เคยลองไม่รู้ ผมโง่มายี่สิบปี ตอนนี้หายโง่แล้ว สามห่วงนี่ล่ะ ถึงมันกระด้าง ก็ยังดีกว่ากระบะล่ะ เหอะๆๆๆ ดูแลเขาดีๆครับ แค่คุณโอเวอร์ฮอล ก็ได้อะไหล่ใหม่ เท่ากับเครื่องยนต์ใหม่ด้วย แต่จะมีตรงพวกท่อทางต่างๆที่เป็นมีเนียม มันกร่อนครับ ต้องซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่จึงจะใช้ได้ดี ผมวิ่งจนท่อตรงวาวล์น้ำกร่อนทะลุออกมาเลยครับ แต่ช่างที่ร้อยเอ็ด ก็ตัดสังกะสี กับกาวอีพ็อกซี่ อัดลงไป ใช้มาตลอดนับแสนกิโล ก็ไม่มีปัญหาอะไร แบบว่าทั้งร้อยเอ็ด มันหาอะไหล่ตัวนี้ไม่ได้ครับ มีแต่ของเครื่องสี่อี ซึ่งต่างกัน ผมกล้ายืนยันเลยว่า เครื่องสองอี เป็นเครื่องยนต์ในตำนานเครื่องหนึ่ง ที่มนุษย์ผลิตมา อึด ทน ดูแลง่าย ไม่เสียเวลา เทคโนโลยีก็ไม่ล้าหลังมาก เว้นแต่ตัวที่วางใน๙๐ นะ คอยมันจะเป็นทองขาวอยู่ แต่ตัวที่วางในเออี คอยเป็นซีดีไอแล้ว เหมือนกับสี่เอหากดูภายนอก รุ่นนี้ล่ะที่ผมยกลงแล้วเก็บไว้รอเวลาเท่านั้น เขาศูนย์ไปเลยครับ จบแน่ แต่ถ้าศูนย์ไหนบอกต้องเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ ก็ให้ชะลอไว้ก่อน กรุให้มิงตั้งวาวล์ให้อย่างเดียวพอ ไม่กี่ร้อยหรอกครับ เขาไปโลด ที่เหลือก็ออกมาทำอู่ข้างนอกเอาครับ หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Alpha ที่ 13 สิงหาคม 2011 07:49:38 "แต่เท่าที่อ่าน ขับลูกเดียว ไม่ค่อยดูแลมันเลย"
โห เจอประโยคนี้เข้าไปนี่ผมจุกเลย ตอนผมได้มาตอนแรกมันดีกว่าซากหน่อยนึงครับ นี่ผมซ่อมไปเพียบแล้ว มาตอนแรกช่วงล่างหมดสภาพ รถวิ่งแทบไม่ได้ วิ่งไปกระตุกไป เจ้าของแรกไม่ทราบใครใช้จนคุ้มแล้วขายทิ้ง คนที่สองเอามาแต่ง แต่ไม่จบแล้วขายต่อ คนที่สามใช้อย่างเดียว ถลุงจนพังไปหลายอย่าง ผมได้มาค่อยๆซ่อม ค่อยๆทำ ที่บ้านจะให้ขายผมก็ไม่ขาย ทำช่วงล่าง ปะผุ ทำสี ใหม่หมด เครื่องผมก็ดูแลตามสภาพ แต่ไม่เหนียวเรื่องน้ำมัน เรื่องอะไหล่ (เปลี่ยนได้เปลี่ยน) แต่บางอย่างผมไม่สามารถลงมือซ่อมเองได้ ต้องพึ่งช่าง ถ้าช่างไม่ทำให้ ผมก็ไม่รู้จะทำไง แค่นี้ก็มาตัดสินว่าผมขับลูกเดียวแล้วเหรอครับ? อ่านที่เขียนยาวๆนั่นเกือบหมดแล้วครับ ก็คล้ายๆผมเหมือนกัน เสียแต่รู้สึกน้อยใจนิดๆที่มาตัดสินผมง่ายๆด้วยประโยคนั้น เลยขี้เกียจพิมพ์ยาวๆตอบ.... หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: ATEE90 <® Zone> ที่ 13 สิงหาคม 2011 12:21:35 เป็นเหมือนกัน ครับ ถ้ารอความร้อนขึ้นจะไม่เป็น
เคยจะไปตั้งวาล์วเหมือนกัน แต่สงสัยว่าเพิ่งฮอลล์เครื่องมาได้ ปีกว่า ร้านมันน่าจะตั้งมาแล้ว เลยยังไม่ได้ทำ หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: khonjengji ที่ 13 สิงหาคม 2011 12:34:04 เป็นเหมือนกัน ครับ ถ้ารอความร้อนขึ้นจะไม่เป็น เคยจะไปตั้งวาล์วเหมือนกัน แต่สงสัยว่าเพิ่งฮอลล์เครื่องมาได้ ปีกว่า ร้านมันน่าจะตั้งมาแล้ว เลยยังไม่ได้ทำ ของผมเป็นมาตั้งแต่ ก่อนโอเวอร์ฮอล ยันโอวเอร์ฮอลก็ไม่หาย เปลยี่นนั่นนี่เพียบ เพราะตัดปัญหาเรื่องเครื่องทิ้งไปเลย เรพาะโอเวอร์ฮอลมาแล้ว เปลีย่นนั่นนี่หมด สรุป วาล์วยัน ร้านชุย ไม่ตั้งวาล์วให้ หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: salaeh kumuda ที่ 13 สิงหาคม 2011 13:42:27 ตั้งวาล์วที่ศูนย์
ไม่กี่ร้อยเองเหรอครับ แล้วทุกศูนย์รับทำหมดเหรอครับ หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: jedee ที่ 13 สิงหาคม 2011 16:55:08 "แต่เท่าที่อ่าน ขับลูกเดียว ไม่ค่อยดูแลมันเลย" โห เจอประโยคนี้เข้าไปนี่ผมจุกเลย ตอนผมได้มาตอนแรกมันดีกว่าซากหน่อยนึงครับ นี่ผมซ่อมไปเพียบแล้ว มาตอนแรกช่วงล่างหมดสภาพ รถวิ่งแทบไม่ได้ วิ่งไปกระตุกไป เจ้าของแรกไม่ทราบใครใช้จนคุ้มแล้วขายทิ้ง คนที่สองเอามาแต่ง แต่ไม่จบแล้วขายต่อ คนที่สามใช้อย่างเดียว ถลุงจนพังไปหลายอย่าง ผมได้มาค่อยๆซ่อม ค่อยๆทำ ที่บ้านจะให้ขายผมก็ไม่ขาย ทำช่วงล่าง ปะผุ ทำสี ใหม่หมด เครื่องผมก็ดูแลตามสภาพ แต่ไม่เหนียวเรื่องน้ำมัน เรื่องอะไหล่ (เปลี่ยนได้เปลี่ยน) แต่บางอย่างผมไม่สามารถลงมือซ่อมเองได้ ต้องพึ่งช่าง ถ้าช่างไม่ทำให้ ผมก็ไม่รู้จะทำไง แค่นี้ก็มาตัดสินว่าผมขับลูกเดียวแล้วเหรอครับ? อ่านที่เขียนยาวๆนั่นเกือบหมดแล้วครับ ก็คล้ายๆผมเหมือนกัน เสียแต่รู้สึกน้อยใจนิดๆที่มาตัดสินผมง่ายๆด้วยประโยคนั้น เลยขี้เกียจพิมพ์ยาวๆตอบ.... :emotn กำ ผมไม่ได้มีเจตนาว่าหรือให้กระทบจิตใจหรือให้มีความรู้สึกน้อยใจเลยครับ หากแต่คุณAlphaบอกว่า ใช้งานมาสี่หมื่นกิโล ยังไม่เคยตั้งวาวล์ ผมก็เลยเขียนว่าอย่างนั้นครับ แต่ไม่มีเจตนาอะไรที่ไม่ดี ตรงข้าม เจตนาของผมมีเจตนาแบ่งปันประสพการณ์ที่เคยใช้เคยดูแลเจ้าเครื่องที่ถาม ในทางลึกให้ได้ทราบเท่านั้นเอง ลองทบทวนใหม่แล้วอ่านดูดีๆ หากแค่ประโยคนั้น จะทำให้มีความรู้สึกอะไรที่ไม่ดี ผมก็ต้องกราบขอโทษคุณAlpha มา ณ ที่นี้ด้วยครับ :emotn วันนี้ ผมผ่านตรงนั้นมานานมากแล้วครับ โมโห โทโส โกรธ โลภ หลง แต่จิตมีแต่สิ่งที่ดี คิดดี ทำดี พูดดี ต่อไปจะได้ระวังคำพูดสำหรับคนใจน้อยมากๆครับ บางทีเราพิมพ์ไป ก็เหมือนกับพูด ผมพิมพ์เร็วพอๆกับพูดหรืออาจจะเร็วกว่า บางทีผมก็เผลอเหมือนกัน ยกตัวอย่างเครื่องสี่เอที่ใช้ มันตั้งวาวล์ยากชะมัด ผิดกับสองอีฟ้ากะเหวนะในเรื่องตั้งวาวล์เนี่ย สี่เอ ผมวาวล์ยันเมื่อประมาณเดือนเมษานี้ เริ่มแรกก็ปะเก็นทะลุ ทีแรกก็แค่เปลี่ยนปะเก็น แต่มันไม่หาย อีกสองเดือนต่อมาก็เป็นอีก คราวนี้วาวล์มันยันสามตัวเลย แถมละลายไปหนึ่งตัว สั่นยังกะเจ้าเข้าครับ หากติดตามกระทู้ต่างๆที่ผมโพสต์แบ่งปันปัญหาต่างๆ ก็จะทราบถึงว่าแต่ละเคสนั้น แก้ปัญหาอย่างไร บางอย่างเราพอทำได้ บางอย่างก็ให้ช่างทำให้ครับ แต่หนนี้ ผมกับลูกทำเอง หนหลังมีลูกมือมาช่วยทำครับ แค่ตั้งวาวล์กะเปลี่ยนยานตีนวาวล์ทำแต่ด้านบนอย่างเดียว สองวันเต็มๆครับ กว่าจะตั้งได้แต่ละตัว แผ่นชิมมันแข็งมากๆ ถึงมากที่สุด แต่ผมมีวิธีเอาชนะมัน ตอนนี้ตั้งตรงสเปคทั้งสิบหกตัว แต่ใช้เวลาทำสองวันเต็มๆ ผ่านการใช้งานมาจากวันที่ทำน่าจะประมาณหนึ่งหมื่นกิโลเมตรครับ ขนาดเครื่องสี่เอ หากปล่อยให้วาวล์ยัน ปัญหามันก็บานปลายเรื่อยๆครับ สองอีเป็นเครื่องที่ดูแลง่ายที่สุดก็ว่าได้ ตั้งวาวล์แค่เปิดฝาบน สิบสองตัวไม่เกินครึ่งชั่วโมงเสร็จครับ ทีนี้ลองย้อนกลับไปดูใหม่ครับ จะเห็นได้ว่าผมไม่ได้มีเจตนาอย่างที่คุณAlphaคิดหรือนึกน้อยใจเลย หากทำตามที่แบ่งปันมา จะใช้มันอย่างมีความสุขที่สุด แล้วเครื่องยนต์ก็จะตอบสนองในระดับป้ายแดงตลอดไปครับ ตอนที่ผมใช้ รอบเดินเบานิ่งสนิทที่ประมาณเจ็ดร้อยห้าสิบรอบ เปิดแอร์ก็รอบเท่ากันครับ สตาร์ทก็แก๊ส วิ่งแก๊สตลอดครับ แค่ออกอาการนิดเดียว ผมก็รู้สึก แล้วก็รีบเช็ค(ตั้งวาวล์อันนี้ให้ช่างประจำทำให้ตลอดเลย ไม่เคยตั้งเอง แต่สี่เอทำเองครับ เลยนานหน่อย แต่ตรงสเปคทุกตัว อะไหล่มันก็แสนถูก หากไม่ติดที่เมื่อยเท้าซ้าย ผมคงใช้อีกยี่สิบปีสบายๆเลย ผมซื้อเครื่องสองอียกลงจากเพื่อนสมาชิกในเวปนี้อีกเครื่อง ตอนนี้ยังสงบนิ่งรอวันเอามาใช้ อย่างที่บอก ผมได้มาครบหมดทั้งเครื่องทั้งเกียร ทั้งสายไฟชุดฟิวส์ ท่อ ในราคาห้าพันบาทเองมั๊ง แต่น้องคนที่ยกลงและขายให้ เขาก็เป็นคนดีครับ บอกว่าเครื่องเริ่มหลวมมีควันขาวหน่อย อันนี้หากไม่เป็นที่ยางตีนวาวล์ ก็แหวนหลวม เปลี่ยนใหม่ได้สบายมาก ผมยังซื้อปะเก็นแท้ชุดใหญ่ของเครื่องสองอี และแหวนลูกสูบแท้ ตุนไว้เลย ตอนนี้ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี อะไรที่มากระทบที่ใจ หากเราปลงลงวางลง ไม่กระทบที่ใจ ก็ไม่ต้องน้อยใจ ไม่ต้องเสียใจครับ สำหรับผม หากมีใครว่า หากเป็นจริงเราก็ต้องกราบขอโทษเขา หากไม่เป็นจริงก็ไม่เป็นไร เขาคงเข้าใจผิดครับ เพียงแค่เราคิดดีๆ ใจสบายๆ ไม่แบกไม่หาม ใจเราก็ร่มตลอดครับ ยังไงก็ต้องกราบขอโทษอีกครั้ง นะครับ :emotq หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: yuirider ที่ 13 สิงหาคม 2011 19:10:42 อาการเดียวกะผม วาล์วไม่ยัน...แต่เป็นที่ฝาสูบ...สรุป...เปลี่ยนฝาเป็น 4A จบที่ 5000-6000 นี่ร่ะจำไม่ได้ ทำมาหลายเดือนแล้ว....ของผมมีเปลี่ยนหม้อน้ำด้วยเลยราคาสุงหน่อย.....โชคดีครับ.... :emo2
หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Alpha ที่ 13 สิงหาคม 2011 22:42:27 "แต่เท่าที่อ่าน ขับลูกเดียว ไม่ค่อยดูแลมันเลย" โห เจอประโยคนี้เข้าไปนี่ผมจุกเลย ตอนผมได้มาตอนแรกมันดีกว่าซากหน่อยนึงครับ นี่ผมซ่อมไปเพียบแล้ว มาตอนแรกช่วงล่างหมดสภาพ รถวิ่งแทบไม่ได้ วิ่งไปกระตุกไป เจ้าของแรกไม่ทราบใครใช้จนคุ้มแล้วขายทิ้ง คนที่สองเอามาแต่ง แต่ไม่จบแล้วขายต่อ คนที่สามใช้อย่างเดียว ถลุงจนพังไปหลายอย่าง ผมได้มาค่อยๆซ่อม ค่อยๆทำ ที่บ้านจะให้ขายผมก็ไม่ขาย ทำช่วงล่าง ปะผุ ทำสี ใหม่หมด เครื่องผมก็ดูแลตามสภาพ แต่ไม่เหนียวเรื่องน้ำมัน เรื่องอะไหล่ (เปลี่ยนได้เปลี่ยน) แต่บางอย่างผมไม่สามารถลงมือซ่อมเองได้ ต้องพึ่งช่าง ถ้าช่างไม่ทำให้ ผมก็ไม่รู้จะทำไง แค่นี้ก็มาตัดสินว่าผมขับลูกเดียวแล้วเหรอครับ? อ่านที่เขียนยาวๆนั่นเกือบหมดแล้วครับ ก็คล้ายๆผมเหมือนกัน เสียแต่รู้สึกน้อยใจนิดๆที่มาตัดสินผมง่ายๆด้วยประโยคนั้น เลยขี้เกียจพิมพ์ยาวๆตอบ.... :emotn กำ ผมไม่ได้มีเจตนาว่าหรือให้กระทบจิตใจหรือให้มีความรู้สึกน้อยใจเลยครับ หากแต่คุณAlphaบอกว่า ใช้งานมาสี่หมื่นกิโล ยังไม่เคยตั้งวาวล์ ผมก็เลยเขียนว่าอย่างนั้นครับ แต่ไม่มีเจตนาอะไรที่ไม่ดี ตรงข้าม เจตนาของผมมีเจตนาแบ่งปันประสพการณ์ที่เคยใช้เคยดูแลเจ้าเครื่องที่ถาม ในทางลึกให้ได้ทราบเท่านั้นเอง ลองทบทวนใหม่แล้วอ่านดูดีๆ หากแค่ประโยคนั้น จะทำให้มีความรู้สึกอะไรที่ไม่ดี ผมก็ต้องกราบขอโทษคุณAlpha มา ณ ที่นี้ด้วยครับ :emotn วันนี้ ผมผ่านตรงนั้นมานานมากแล้วครับ โมโห โทโส โกรธ โลภ หลง แต่จิตมีแต่สิ่งที่ดี คิดดี ทำดี พูดดี ต่อไปจะได้ระวังคำพูดสำหรับคนใจน้อยมากๆครับ บางทีเราพิมพ์ไป ก็เหมือนกับพูด ผมพิมพ์เร็วพอๆกับพูดหรืออาจจะเร็วกว่า บางทีผมก็เผลอเหมือนกัน ยกตัวอย่างเครื่องสี่เอที่ใช้ มันตั้งวาวล์ยากชะมัด ผิดกับสองอีฟ้ากะเหวนะในเรื่องตั้งวาวล์เนี่ย สี่เอ ผมวาวล์ยันเมื่อประมาณเดือนเมษานี้ เริ่มแรกก็ปะเก็นทะลุ ทีแรกก็แค่เปลี่ยนปะเก็น แต่มันไม่หาย อีกสองเดือนต่อมาก็เป็นอีก คราวนี้วาวล์มันยันสามตัวเลย แถมละลายไปหนึ่งตัว สั่นยังกะเจ้าเข้าครับ หากติดตามกระทู้ต่างๆที่ผมโพสต์แบ่งปันปัญหาต่างๆ ก็จะทราบถึงว่าแต่ละเคสนั้น แก้ปัญหาอย่างไร บางอย่างเราพอทำได้ บางอย่างก็ให้ช่างทำให้ครับ แต่หนนี้ ผมกับลูกทำเอง หนหลังมีลูกมือมาช่วยทำครับ แค่ตั้งวาวล์กะเปลี่ยนยานตีนวาวล์ทำแต่ด้านบนอย่างเดียว สองวันเต็มๆครับ กว่าจะตั้งได้แต่ละตัว แผ่นชิมมันแข็งมากๆ ถึงมากที่สุด แต่ผมมีวิธีเอาชนะมัน ตอนนี้ตั้งตรงสเปคทั้งสิบหกตัว แต่ใช้เวลาทำสองวันเต็มๆ ผ่านการใช้งานมาจากวันที่ทำน่าจะประมาณหนึ่งหมื่นกิโลเมตรครับ ขนาดเครื่องสี่เอ หากปล่อยให้วาวล์ยัน ปัญหามันก็บานปลายเรื่อยๆครับ สองอีเป็นเครื่องที่ดูแลง่ายที่สุดก็ว่าได้ ตั้งวาวล์แค่เปิดฝาบน สิบสองตัวไม่เกินครึ่งชั่วโมงเสร็จครับ ทีนี้ลองย้อนกลับไปดูใหม่ครับ จะเห็นได้ว่าผมไม่ได้มีเจตนาอย่างที่คุณAlphaคิดหรือนึกน้อยใจเลย หากทำตามที่แบ่งปันมา จะใช้มันอย่างมีความสุขที่สุด แล้วเครื่องยนต์ก็จะตอบสนองในระดับป้ายแดงตลอดไปครับ ตอนที่ผมใช้ รอบเดินเบานิ่งสนิทที่ประมาณเจ็ดร้อยห้าสิบรอบ เปิดแอร์ก็รอบเท่ากันครับ สตาร์ทก็แก๊ส วิ่งแก๊สตลอดครับ แค่ออกอาการนิดเดียว ผมก็รู้สึก แล้วก็รีบเช็ค(ตั้งวาวล์อันนี้ให้ช่างประจำทำให้ตลอดเลย ไม่เคยตั้งเอง แต่สี่เอทำเองครับ เลยนานหน่อย แต่ตรงสเปคทุกตัว อะไหล่มันก็แสนถูก หากไม่ติดที่เมื่อยเท้าซ้าย ผมคงใช้อีกยี่สิบปีสบายๆเลย ผมซื้อเครื่องสองอียกลงจากเพื่อนสมาชิกในเวปนี้อีกเครื่อง ตอนนี้ยังสงบนิ่งรอวันเอามาใช้ อย่างที่บอก ผมได้มาครบหมดทั้งเครื่องทั้งเกียร ทั้งสายไฟชุดฟิวส์ ท่อ ในราคาห้าพันบาทเองมั๊ง แต่น้องคนที่ยกลงและขายให้ เขาก็เป็นคนดีครับ บอกว่าเครื่องเริ่มหลวมมีควันขาวหน่อย อันนี้หากไม่เป็นที่ยางตีนวาวล์ ก็แหวนหลวม เปลี่ยนใหม่ได้สบายมาก ผมยังซื้อปะเก็นแท้ชุดใหญ่ของเครื่องสองอี และแหวนลูกสูบแท้ ตุนไว้เลย ตอนนี้ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี อะไรที่มากระทบที่ใจ หากเราปลงลงวางลง ไม่กระทบที่ใจ ก็ไม่ต้องน้อยใจ ไม่ต้องเสียใจครับ สำหรับผม หากมีใครว่า หากเป็นจริงเราก็ต้องกราบขอโทษเขา หากไม่เป็นจริงก็ไม่เป็นไร เขาคงเข้าใจผิดครับ เพียงแค่เราคิดดีๆ ใจสบายๆ ไม่แบกไม่หาม ใจเราก็ร่มตลอดครับ ยังไงก็ต้องกราบขอโทษอีกครั้ง นะครับ :emotq หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: jedee ที่ 14 สิงหาคม 2011 05:04:54 4A-F นี่ดูแลไม่ง่ายเหมือน2E ดูแลปรกติ 2Eดูแลง่ายกว่า โดยเฉพาะการใช้แก๊สตลอดเวลา น้ำมันไม่ได้ใช้เลย สตาร์ทก็แก๊ส วิ่งก็แก๊ส แต่สี่เอ สตาร์ทน้ำมัน พอสองพันรอบค่อยตัดเป็นแก๊ส หากสตาร์แก๊สตอนเครื่องเย็น ติดยากมากพอสมควร แต่2E เช้าเครื่องเย็นๆ ทีเดียวติดเลย แล้วก็นิ่งตามที่บอก ไม่ว่าปิดหรือเปิดแอร์ เครื่องที่ผมยกลงยังแห้งสนิท ไม่มีเยิ้มตรงไหนเลย แต่ตอนนี้สี่เอ เริ่มเยิ้มที่จานจ่ายแล้ว คงได้เวลาดูแลอีกรอบแล้ว หากเทียบกัน 2E ทนกว่าดูแลง่ายกว่านะ แต่ถ้าเทียบกับเครื่อง เอฟสองเอ็น และเอฟสามเอ็นของเรโนลต์ มันดูแลง่ายกว่ามากเลย เปรียบกับสี่เอง่ายกว่าสิบเท่า ส่วน 2E ประมาณสิบห้าเท่าครับ สิ้นปีมีเงินทอนเข้ากระเป๋าจากการเดินทางเป็นระยะทางประมาณหนึ่งแสนกิโลหรือมากกว่า สำหรับค่าอะไหล่เป็นเงินก้อนโตก้อนหนึ่งเลยครับ
ค่อยๆทำ ค่อยๆปรับปรุงแก้ไข มันจะกลับมาปิ๊งดังเดิมตอนป้ายแดงเลยครับ ต้องหาช่างที่เก่งๆ และอดทนละเอียดในการวิเคราะห์ บางสิ่งบางอย่างต้องใช้เวลาพอสมควรในการปรับปรุงสภาพมัน หากเจอช่างแบบว่า ใช้ๆไปๆๆๆๆ เสียก็เปลี่ยนเครื่อง หรือลูกอีช่างเปลี่ยนเครื่อง ก็ควรหลีกให้ห่างเข้าไว้ ไม่ต้องกลับไปใกล้อีก เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนพอสมควร ส่วนสี่เอนั้น ดีกว่าตรงที่สบายขาซ้ายครับ โอโต้ก็แค่เยียบๆๆไปลูกเดียว ใช้งานเรื่อยๆมาเรียงๆ บางครั้งทำเวลาก็ได้พอสมควรที่ความเร็วไม่เกินร้อยหกสิบ เรียกว่าวิ่งเฉลี่ยร้อยยี่ร้อยสี่ ไปเรื่อยๆ ไหลไปเรื่อยๆ มันคนละฟิลกับสองอีครับ สองอีกำลังมันจะเริ่มมีมาเห็นๆตั้งแต่สองพันรอบ แต่ด้วยเกียรที่ทดไว้เหมาะสม จึงดึงได้ดีหากเราใช้รอบใช้เกียรสัมพันธ์กันเป็น การเปลี่ยนเกียรหากไปเรื่อยๆ ผมจะเปลี่ยนที่ประมาณห้าพันรอบ มันถึงจะมีแรงดึงแบบต่อเนื่อง หากรีบก็อย่างที่เคยบอก หนึ่งสองแปดพันโลด รับรองกระโจนออกไฟแดง ทิ้งโก้ซ่าส์ๆเป็นทุ่งครับ แต่ว่าหากถนนโล่งๆ โก้ก็ตามมาเก็บเหมียนเดิม แต่ก็สิบโลขึ้นล่ะ แต่ถ้าถนนไม่โล่ง เราก็ยืดหนีได้ ผมเล่นแบบนี้ไปจนทั่วไทยครับ ยิ่งขึ้นเขาทางเหนือหากใช้เกียรต่ำ แล้วลากรอบตลอด ระดับห้าพันขึ้น ทำความเร็วได้ดีกว่าสี่เออีกครับ อันนี้ต้องลองเอง วันนี้สังขารมันไม่ให้กับการเหยียบเบรกเหยีบครัช เลยเอาสบายเข้าว่า เลยจำเป็นต้องคบกับสี่เอโอโต้ครับ ได้อย่างก็เสียอย่าง แรงม้าที่เพิ่มขึ้นมาอีกประมาณสี่สิบตัว ช่วงออกตัวรอบต่ำ ถึงสูงสุด รู้สึกได้ถึงกำลังที่เพิ่มขึ้นมาหน่อย แต่ด้วยเกียรโอโต้ กับเกียรมือในสองอี แล้วอัตตราทดของสองอี การออกตัวแทบไม่ต่างกัน หากลากรอบ ผมยังว่าสองอีออกตัวไวกว่าสี่โอโต้นะครับ หนึ่งกะสองที่แปดพัน สองอีอยู่หน้าประมาณหลายช่วงรถเลยล่ะ แต่อย่าทำบ่อย เพราะอย่างที่บอก ผมกะเหยียบให้มันพัง แต่มันก็ไม่พังซักกะทีไงครับเลยต้องเก็บรักษาไว้ อีกอย่างน้ำมันเครื่องที่ใช้กะหัวเชื้อเพียวซินเทติค มันคงช่วยไว้มั๊ง หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Alpha ที่ 14 สิงหาคม 2011 06:11:46 4A-F นี่ดูแลไม่ง่ายเหมือน2E ดูแลปรกติ 2Eดูแลง่ายกว่า โดยเฉพาะการใช้แก๊สตลอดเวลา น้ำมันไม่ได้ใช้เลย สตาร์ทก็แก๊ส วิ่งก็แก๊ส แต่สี่เอ สตาร์ทน้ำมัน พอสองพันรอบค่อยตัดเป็นแก๊ส หากสตาร์แก๊สตอนเครื่องเย็น ติดยากมากพอสมควร แต่2E เช้าเครื่องเย็นๆ ทีเดียวติดเลย แล้วก็นิ่งตามที่บอก ไม่ว่าปิดหรือเปิดแอร์ เครื่องที่ผมยกลงยังแห้งสนิท ไม่มีเยิ้มตรงไหนเลย แต่ตอนนี้สี่เอ เริ่มเยิ้มที่จานจ่ายแล้ว คงได้เวลาดูแลอีกรอบแล้ว หากเทียบกัน 2E ทนกว่าดูแลง่ายกว่านะ แต่ถ้าเทียบกับเครื่อง เอฟสองเอ็น และเอฟสามเอ็นของเรโนลต์ มันดูแลง่ายกว่ามากเลย เปรียบกับสี่เอง่ายกว่าสิบเท่า ส่วน 2E ประมาณสิบห้าเท่าครับ สิ้นปีมีเงินทอนเข้ากระเป๋าจากการเดินทางเป็นระยะทางประมาณหนึ่งแสนกิโลหรือมากกว่า สำหรับค่าอะไหล่เป็นเงินก้อนโตก้อนหนึ่งเลยครับ เอ่อ...ผมหมายถึง 4A-F (คาร์บูฯ)นะครับ ไม่ใช่ 4A-FE (หัวฉีด)ค่อยๆทำ ค่อยๆปรับปรุงแก้ไข มันจะกลับมาปิ๊งดังเดิมตอนป้ายแดงเลยครับ ต้องหาช่างที่เก่งๆ และอดทนละเอียดในการวิเคราะห์ บางสิ่งบางอย่างต้องใช้เวลาพอสมควรในการปรับปรุงสภาพมัน หากเจอช่างแบบว่า ใช้ๆไปๆๆๆๆ เสียก็เปลี่ยนเครื่อง หรือลูกอีช่างเปลี่ยนเครื่อง ก็ควรหลีกให้ห่างเข้าไว้ ไม่ต้องกลับไปใกล้อีก เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนพอสมควร ส่วนสี่เอนั้น ดีกว่าตรงที่สบายขาซ้ายครับ โอโต้ก็แค่เยียบๆๆไปลูกเดียว ใช้งานเรื่อยๆมาเรียงๆ บางครั้งทำเวลาก็ได้พอสมควรที่ความเร็วไม่เกินร้อยหกสิบ เรียกว่าวิ่งเฉลี่ยร้อยยี่ร้อยสี่ ไปเรื่อยๆ ไหลไปเรื่อยๆ มันคนละฟิลกับสองอีครับ สองอีกำลังมันจะเริ่มมีมาเห็นๆตั้งแต่สองพันรอบ แต่ด้วยเกียรที่ทดไว้เหมาะสม จึงดึงได้ดีหากเราใช้รอบใช้เกียรสัมพันธ์กันเป็น การเปลี่ยนเกียรหากไปเรื่อยๆ ผมจะเปลี่ยนที่ประมาณห้าพันรอบ มันถึงจะมีแรงดึงแบบต่อเนื่อง หากรีบก็อย่างที่เคยบอก หนึ่งสองแปดพันโลด รับรองกระโจนออกไฟแดง ทิ้งโก้ซ่าส์ๆเป็นทุ่งครับ แต่ว่าหากถนนโล่งๆ โก้ก็ตามมาเก็บเหมียนเดิม แต่ก็สิบโลขึ้นล่ะ แต่ถ้าถนนไม่โล่ง เราก็ยืดหนีได้ ผมเล่นแบบนี้ไปจนทั่วไทยครับ ยิ่งขึ้นเขาทางเหนือหากใช้เกียรต่ำ แล้วลากรอบตลอด ระดับห้าพันขึ้น ทำความเร็วได้ดีกว่าสี่เออีกครับ อันนี้ต้องลองเอง วันนี้สังขารมันไม่ให้กับการเหยียบเบรกเหยีบครัช เลยเอาสบายเข้าว่า เลยจำเป็นต้องคบกับสี่เอโอโต้ครับ ได้อย่างก็เสียอย่าง แรงม้าที่เพิ่มขึ้นมาอีกประมาณสี่สิบตัว ช่วงออกตัวรอบต่ำ ถึงสูงสุด รู้สึกได้ถึงกำลังที่เพิ่มขึ้นมาหน่อย แต่ด้วยเกียรโอโต้ กับเกียรมือในสองอี แล้วอัตตราทดของสองอี การออกตัวแทบไม่ต่างกัน หากลากรอบ ผมยังว่าสองอีออกตัวไวกว่าสี่โอโต้นะครับ หนึ่งกะสองที่แปดพัน สองอีอยู่หน้าประมาณหลายช่วงรถเลยล่ะ แต่อย่าทำบ่อย เพราะอย่างที่บอก ผมกะเหยียบให้มันพัง แต่มันก็ไม่พังซักกะทีไงครับเลยต้องเก็บรักษาไว้ อีกอย่างน้ำมันเครื่องที่ใช้กะหัวเชื้อเพียวซินเทติค มันคงช่วยไว้มั๊ง ตอนนี้ผมคิดว่าต่อให้เปลี่ยนเครื่องใหม่ก็คงเล่นคาร์บูฯครับ จากประสบการณ์ที่..... 1. ระบบแก๊สมีปัญหา ต้องกลับไปหาอู่แก๊สที่ติดตั้ง(อู่อื่นไม่ได้ติดกับกรู กรูไม่อยากยุ่ง) 2. คิดว่าไม่ใช่ระบบแก๊ส ไล่ไปหาช่างเครื่อง 3. วางเครื่องมีปัญหา ต้องกลับไปหาอู่ที่วางเครื่อง (อู่อื่นไม่ได้วางกับกรู กรูไม่อยากยุ่ง) แล้วเครื่องใหม่ๆ ที่เห็นมีปัญหาก็คือการวายริ่งสายไฟนี่แหละครับ ซึ่งก็มีตั้งแต่สภาพเครื่องเอง(ของมาไม่ครบ) หรือช่างห่วยเอง(วายไม่ครบ) ขณะที่พวกคาร์บูฯอาจจะดูจุกจิกกว่า แต่อึดและซ่อมง่ายกว่าครับ อีกทั้งเอาไปดมแก๊ส ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเหมือนพวกเครื่องไฮเทคด้วย ตอนนี้เลยกำลังพยายามควานหาเครื่องรุ่นเก่าๆอยู่ ปล. จริงๆน้องๆหลายคนก็เชียร์ให้ผมวางหัวฉีดเหมือนกัน แต่ผมเคยใช้มาแล้วครับเครื่องหัวฉีด เวลามันมีปัญหาขึ้นมานี่ ปวดกบาลครับ แล้วก็วิ่งไม่ได้เลยทีเดียว ขณะที่พวกคาร์บูฯยังปรับแก้ไขให้ถูลู่ถูกังไปถึงมือช่างได้ครับ :emotv หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: jedee ที่ 14 สิงหาคม 2011 08:12:45 เอ่อ...ผมหมายถึง 4A-F (คาร์บูฯ)นะครับ ไม่ใช่ 4A-FE (หัวฉีด) ตอนนี้ผมคิดว่าต่อให้เปลี่ยนเครื่องใหม่ก็คงเล่นคาร์บูฯครับ จากประสบการณ์ที่..... 1. ระบบแก๊สมีปัญหา ต้องกลับไปหาอู่แก๊สที่ติดตั้ง(อู่อื่นไม่ได้ติดกับกรู กรูไม่อยากยุ่ง) 2. คิดว่าไม่ใช่ระบบแก๊ส ไล่ไปหาช่างเครื่อง 3. วางเครื่องมีปัญหา ต้องกลับไปหาอู่ที่วางเครื่อง (อู่อื่นไม่ได้วางกับกรู กรูไม่อยากยุ่ง) แล้วเครื่องใหม่ๆ ที่เห็นมีปัญหาก็คือการวายริ่งสายไฟนี่แหละครับ ซึ่งก็มีตั้งแต่สภาพเครื่องเอง(ของมาไม่ครบ) หรือช่างห่วยเอง(วายไม่ครบ) ขณะที่พวกคาร์บูฯอาจจะดูจุกจิกกว่า แต่อึดและซ่อมง่ายกว่าครับ อีกทั้งเอาไปดมแก๊ส ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเหมือนพวกเครื่องไฮเทคด้วย ตอนนี้เลยกำลังพยายามควานหาเครื่องรุ่นเก่าๆอยู่ ปล. จริงๆน้องๆหลายคนก็เชียร์ให้ผมวางหัวฉีดเหมือนกัน แต่ผมเคยใช้มาแล้วครับเครื่องหัวฉีด เวลามันมีปัญหาขึ้นมานี่ ปวดกบาลครับ แล้วก็วิ่งไม่ได้เลยทีเดียว ขณะที่พวกคาร์บูฯยังปรับแก้ไขให้ถูลู่ถูกังไปถึงมือช่างได้ครับ :emotv เครื่องคาบู เป็นเครื่องที่พัฒนามาจนถึงจุดสูงสุดแล้วเมื่อยุคแปดศูนย์ พอถึงยุคเก้าศูนย์จะเริ่มมีเครื่องหัวฉีดเข้ามาแทรก วันนี้จึงเห็นแต่เครื่องหัวฉีด ผมใช้เครื่องคาบูมาตลอด แม้แต่ในอาร์สิบเก้า ก็ใช้เอฟสองเอ็น เอฟสามเอ็นก็มี แต่มันจุกจิเยอะแล้วก็อะไหล่หายากมากๆ หาได้ก็แพง แถมต้องรอมาเรือประมาณสามเดือน หากประสพกับปัญหานี้ก็ไม่ควรใช้หัวฉีด แต่.........เครื่องหัวฉีดของโตต้านั้น ออกแบบสร้างมาให้อึดให้ทนเหมือนคาบู อะไหล่ก็เพียบ แถมซ่อมง่ายอีกต่างหาก แรกๆที่ใช้ก็หวั่นๆเหมือนกันกับปัญหาที่เคยพบในเรโนลต์ แต่พอใช้ไปๆ มันกลับไม่มีปัญหาใดๆอย่างที่เราหวั่นในตอนแรก บอกได้ว่าใช้ดี ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้ครับ สี่เอเอฟอีเนี่ย แถมเกียรก็ทั้งอึดทั้งทนครับ อันนี้ยืนยันนอนยันมาเลย ส่วนปัญหาที่เล่า ผมว่าศึกษาก่อน ช่างเก่งมีเยอะกว่าช่างมั่วครับ โดยเฉพาะครื่องพิมพ์นิยมนี้ ยังใช้ได้อีกนับยี่สิบปีโดยมีอะไหล่ให้เลือกทั้งเก่าใหม่เข้ามาเรื่อยๆ อันนี้เจ้าของร้านเชียงกงบางนายืนยันเลยครับ ก่อนที่ผมจะซื้อสามห่วง ผมก็ศึกษามาก่อนเหมือนกัน ผู้รู้ ผู้ใช้ แท็กซี่(โดยเฉพาะลูกน้องซึ่งเป็นคนยืนยันเลยว่าสามห่วงลูกเดียวเลยลูกพี่) ทั้งยังถามเชียงกงในเรื่องอะไหล่ต่างๆอีก สรุปได้ว่า เป็นเครื่องพันหกที่อึดที่ทนที่สุดในโลกก็ว่าได้ครับ เท่าที่มนุษย์เคยผลิตมา ถึงได้มีคนพูดแต่สี่เอ แต่กลับไม่กล่าวถึงเจ็ดเอ หรือห้าเอ ซึ่งสองอันหลังมีปัญหาจุกจิกมากกว่าในระยะยาว เมื่อเทียบการใช้งานเท่าๆกัน ซ้ำยังถามช่างคู่ใจว่าเครื่องนี้เป็นยังไง ก็ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ เลยตัดสินใจลงโลด เครื่องผมก็ได้มาจากในเวปนี้ล่ะ คุณต้นยกลง(ขออนุญาติเอ่ยนามพาดพิงหน่อย) ผมได้มาในราคาไม่ถึงหมื่นขาดอยู่ห้าร้อยมั๊ง ค่าช่างค่าวางค่าวาย ประมาณเจ็ดพัน ก็วิ่งได้ไปทั่วไทยแล้วครับ นับแต่วางมาถึงวันนี้ ปัญหาเดียวที่เจอคือ วาวล์ยันครับ ใช้งานมาแสนกว่ากิโลเมตรครับ แต่ผมก็แก้ได้จนจบดังที่เคยเล่าให้ฟังคงไม่เล่าอีก ต้องย้อนกลับไปเปิดดู แค่นั้นจริงๆ ส่วนเรื่องความร้อน ก็แก้ปัญหา เปลี่ยนหม้อมีเนียม ก็จบอย่างถาวรเลยครับ ผมว่าหัวฉีดหากเป็นสี่เอไม่จุกจิก ไม่ปวดหัวแน่ครับ ดูแลง่าย แต่ยากกว่าคาบูหน่อย อย่างอื่นมันไม่ค่อยมีปัญหา ลองดูในกระทู้แฟนพันธ์แท้เครื่องเอฟอีดูครับ ไม่ค่อยจะมีปัญหาหรอก คนที่ใช้งาน ก็ไม่ต้องการความเร็วสูงมากนัก แค่วิ่งใช้งานปรกติร้อยยี่ถึงร้อยหกเวลาเดินทาง เครื่องนี้ก็ตอบโจทก์ได้แล้วครับ หัวฉีดไม่จุกจิกอย่างที่เข้าใจครับ หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: surachat_pea ที่ 14 สิงหาคม 2011 09:27:23 :emom
หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: alicetotle <RZ> ที่ 14 สิงหาคม 2011 11:23:59 ตั้งแล้วมาอัพเดทอาการ ให้ฟังด้วยนะคร้าบว่าอาการหายมั้ย :emo2
หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: Alpha ที่ 14 สิงหาคม 2011 13:10:59 เอ่อ...ผมหมายถึง 4A-F (คาร์บูฯ)นะครับ ไม่ใช่ 4A-FE (หัวฉีด) ตอนนี้ผมคิดว่าต่อให้เปลี่ยนเครื่องใหม่ก็คงเล่นคาร์บูฯครับ จากประสบการณ์ที่..... 1. ระบบแก๊สมีปัญหา ต้องกลับไปหาอู่แก๊สที่ติดตั้ง(อู่อื่นไม่ได้ติดกับกรู กรูไม่อยากยุ่ง) 2. คิดว่าไม่ใช่ระบบแก๊ส ไล่ไปหาช่างเครื่อง 3. วางเครื่องมีปัญหา ต้องกลับไปหาอู่ที่วางเครื่อง (อู่อื่นไม่ได้วางกับกรู กรูไม่อยากยุ่ง) แล้วเครื่องใหม่ๆ ที่เห็นมีปัญหาก็คือการวายริ่งสายไฟนี่แหละครับ ซึ่งก็มีตั้งแต่สภาพเครื่องเอง(ของมาไม่ครบ) หรือช่างห่วยเอง(วายไม่ครบ) ขณะที่พวกคาร์บูฯอาจจะดูจุกจิกกว่า แต่อึดและซ่อมง่ายกว่าครับ อีกทั้งเอาไปดมแก๊ส ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเหมือนพวกเครื่องไฮเทคด้วย ตอนนี้เลยกำลังพยายามควานหาเครื่องรุ่นเก่าๆอยู่ ปล. จริงๆน้องๆหลายคนก็เชียร์ให้ผมวางหัวฉีดเหมือนกัน แต่ผมเคยใช้มาแล้วครับเครื่องหัวฉีด เวลามันมีปัญหาขึ้นมานี่ ปวดกบาลครับ แล้วก็วิ่งไม่ได้เลยทีเดียว ขณะที่พวกคาร์บูฯยังปรับแก้ไขให้ถูลู่ถูกังไปถึงมือช่างได้ครับ :emotv เครื่องคาบู เป็นเครื่องที่พัฒนามาจนถึงจุดสูงสุดแล้วเมื่อยุคแปดศูนย์ พอถึงยุคเก้าศูนย์จะเริ่มมีเครื่องหัวฉีดเข้ามาแทรก วันนี้จึงเห็นแต่เครื่องหัวฉีด ผมใช้เครื่องคาบูมาตลอด แม้แต่ในอาร์สิบเก้า ก็ใช้เอฟสองเอ็น เอฟสามเอ็นก็มี แต่มันจุกจิเยอะแล้วก็อะไหล่หายากมากๆ หาได้ก็แพง แถมต้องรอมาเรือประมาณสามเดือน หากประสพกับปัญหานี้ก็ไม่ควรใช้หัวฉีด แต่.........เครื่องหัวฉีดของโตต้านั้น ออกแบบสร้างมาให้อึดให้ทนเหมือนคาบู อะไหล่ก็เพียบ แถมซ่อมง่ายอีกต่างหาก แรกๆที่ใช้ก็หวั่นๆเหมือนกันกับปัญหาที่เคยพบในเรโนลต์ แต่พอใช้ไปๆ มันกลับไม่มีปัญหาใดๆอย่างที่เราหวั่นในตอนแรก บอกได้ว่าใช้ดี ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้ครับ สี่เอเอฟอีเนี่ย แถมเกียรก็ทั้งอึดทั้งทนครับ อันนี้ยืนยันนอนยันมาเลย ส่วนปัญหาที่เล่า ผมว่าศึกษาก่อน ช่างเก่งมีเยอะกว่าช่างมั่วครับ โดยเฉพาะครื่องพิมพ์นิยมนี้ ยังใช้ได้อีกนับยี่สิบปีโดยมีอะไหล่ให้เลือกทั้งเก่าใหม่เข้ามาเรื่อยๆ อันนี้เจ้าของร้านเชียงกงบางนายืนยันเลยครับ ก่อนที่ผมจะซื้อสามห่วง ผมก็ศึกษามาก่อนเหมือนกัน ผู้รู้ ผู้ใช้ แท็กซี่(โดยเฉพาะลูกน้องซึ่งเป็นคนยืนยันเลยว่าสามห่วงลูกเดียวเลยลูกพี่) ทั้งยังถามเชียงกงในเรื่องอะไหล่ต่างๆอีก สรุปได้ว่า เป็นเครื่องพันหกที่อึดที่ทนที่สุดในโลกก็ว่าได้ครับ เท่าที่มนุษย์เคยผลิตมา ถึงได้มีคนพูดแต่สี่เอ แต่กลับไม่กล่าวถึงเจ็ดเอ หรือห้าเอ ซึ่งสองอันหลังมีปัญหาจุกจิกมากกว่าในระยะยาว เมื่อเทียบการใช้งานเท่าๆกัน ซ้ำยังถามช่างคู่ใจว่าเครื่องนี้เป็นยังไง ก็ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ เลยตัดสินใจลงโลด เครื่องผมก็ได้มาจากในเวปนี้ล่ะ คุณต้นยกลง(ขออนุญาติเอ่ยนามพาดพิงหน่อย) ผมได้มาในราคาไม่ถึงหมื่นขาดอยู่ห้าร้อยมั๊ง ค่าช่างค่าวางค่าวาย ประมาณเจ็ดพัน ก็วิ่งได้ไปทั่วไทยแล้วครับ นับแต่วางมาถึงวันนี้ ปัญหาเดียวที่เจอคือ วาวล์ยันครับ ใช้งานมาแสนกว่ากิโลเมตรครับ แต่ผมก็แก้ได้จนจบดังที่เคยเล่าให้ฟังคงไม่เล่าอีก ต้องย้อนกลับไปเปิดดู แค่นั้นจริงๆ ส่วนเรื่องความร้อน ก็แก้ปัญหา เปลี่ยนหม้อมีเนียม ก็จบอย่างถาวรเลยครับ ผมว่าหัวฉีดหากเป็นสี่เอไม่จุกจิก ไม่ปวดหัวแน่ครับ ดูแลง่าย แต่ยากกว่าคาบูหน่อย อย่างอื่นมันไม่ค่อยมีปัญหา ลองดูในกระทู้แฟนพันธ์แท้เครื่องเอฟอีดูครับ ไม่ค่อยจะมีปัญหาหรอก คนที่ใช้งาน ก็ไม่ต้องการความเร็วสูงมากนัก แค่วิ่งใช้งานปรกติร้อยยี่ถึงร้อยหกเวลาเดินทาง เครื่องนี้ก็ตอบโจทก์ได้แล้วครับ หัวฉีดไม่จุกจิกอย่างที่เข้าใจครับ ตั้งแล้วมาอัพเดทอาการ ให้ฟังด้วยนะคร้าบว่าอาการหายมั้ย :emo2 ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะครับ อู่นี้ดีมากๆเลยครับ มีความชำนาญสูง ราคาก็ไม่แพงผมคิดว่าอาการวาวล์ยัน วาวล์เพี้ยน น่าจะเป็นมาได้พักนึงแล้วล่ะ แต่ที่ผมไม่รู้สึก เพราะผมไปเปลี่ยนจานจ่ายแม็กนีโตมา ตอนแรกจานจ่ายติดเครื่องเป็นแบบทองขาวครับ ซีลแกนรั่ว น้ำมันเครื่องเยิ้มเลย แวคคั่มก็เสีย ซื้อจานจ่ายแม็กนีโตมาทีแรกก็ใส่ไม่ได้ เพราะแบตลูกใหญ่เกินไป พอเปลี่ยนเป็นลูกเล็ก ใส่จานจ่ายแม็กนีโตเข้าไป สภาพสมบูรณ์กว่าจานจ่ายเดิม แวคคั่มก็ใช้งานได้ ผมจึงไม่รู้สึกถึงอาการผิดปกติของวาวล์ วันนี้ไปตั้งวาวล์มาแล้วครับ เขาทำจริงๆไม่ถึง 10 นาทีเอง แล้วเขาตั้งแต่วาวล์ไอดีครับ พอตั้งเสร็จปุ๊บผมก็เอาไปลองขับดู เหยียบเบรครอบไม่ตก แอร์ทำงานรอบไม่แกว่ง(ตอนแรก Swing ขึ้นประมาณ 300-400 รอบต่อนาที) เหยียบแล้วรถพุ่งฉิวเลย ค่าแรง + ค่าปะเก็นฝาวาวล์ = 700 บาทเองครับ (อู่แถวบ้านบอกผมว่าตั้งวาวล์ยากมาก ใช้เวลาไม่น้อยกว่าครึ่งวัน) ลองสอบถามการเปลี่ยนท่อน้ำในรถ เขาก็คิดผมรวมค่าแรงแค่ 500 บาทเอง (อู่แถวบ้านบอกผมพันกว่าบาท) แต่ผมยังไม่ได้ทำ เพราะกะจะเปลี่ยนหม้อน้ำ(ตอนนี้คิดว่ามันเริ่มซึม เพราะ 1 สัปดาห์น้ำในหม้อพักจะลดไปกว่าครึ่ง) จากนั้นก็เลยไปร้านทำเบาะเล็ก (ร้านในตำนานผมรู้กิตติศัพท์ดี ไม่เอาด้วยเด็ดขาด :emotw) คิดค่าติดตั้งเบลท์แค่ 300 บาทเองครับ โดยทำเหล็กฉากโยงระหว่างขายึดด้านหลังของเบาะ แล้วเจาะรูเอาตะขอเกี่ยว จริงๆแล้วผิดหลักการครับ แต่... 1. ผมไม่อยากเจาะตัวถังรถ 2. เบาะตัวนี้โครงเป็นเหล็กครับ ไม่ใช่ไฟเบอร์ ดังนั้นโอกาสหักจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย... ตอนนี้ก็เหลือไม่กี่อย่างแล้วครับ 1. หาให้เจอว่าอะไรมันเสียดสีกันในรถดัง "เอี๊ยดๆๆๆ" ดังบ้างไม่ดังบ้าง (ดังมาจากด้านหลัง) น่ารำคาญมากๆ 2. ทำให้ไฟหน้าสว่างขึ้น โดยอาจจะหาโคมไต้หวันมาลง(เพราะปรับตำแหน่งไฟได้ ของญี่ปุ่นเฟืองรูดหมดแล้ว) หรือเปลี่ยนโคมหน้าโปรเจคเตอร์ 3. เปลี่ยนยางร่องกระจก หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: monee90 ที่ 20 กันยายน 2011 09:02:57 เอ่อ...ผมหมายถึง 4A-F (คาร์บูฯ)นะครับ ไม่ใช่ 4A-FE (หัวฉีด) ตอนนี้ผมคิดว่าต่อให้เปลี่ยนเครื่องใหม่ก็คงเล่นคาร์บูฯครับ จากประสบการณ์ที่..... 1. ระบบแก๊สมีปัญหา ต้องกลับไปหาอู่แก๊สที่ติดตั้ง(อู่อื่นไม่ได้ติดกับกรู กรูไม่อยากยุ่ง) 2. คิดว่าไม่ใช่ระบบแก๊ส ไล่ไปหาช่างเครื่อง 3. วางเครื่องมีปัญหา ต้องกลับไปหาอู่ที่วางเครื่อง (อู่อื่นไม่ได้วางกับกรู กรูไม่อยากยุ่ง) แล้วเครื่องใหม่ๆ ที่เห็นมีปัญหาก็คือการวายริ่งสายไฟนี่แหละครับ ซึ่งก็มีตั้งแต่สภาพเครื่องเอง(ของมาไม่ครบ) หรือช่างห่วยเอง(วายไม่ครบ) ขณะที่พวกคาร์บูฯอาจจะดูจุกจิกกว่า แต่อึดและซ่อมง่ายกว่าครับ อีกทั้งเอาไปดมแก๊ส ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเหมือนพวกเครื่องไฮเทคด้วย ตอนนี้เลยกำลังพยายามควานหาเครื่องรุ่นเก่าๆอยู่ ปล. จริงๆน้องๆหลายคนก็เชียร์ให้ผมวางหัวฉีดเหมือนกัน แต่ผมเคยใช้มาแล้วครับเครื่องหัวฉีด เวลามันมีปัญหาขึ้นมานี่ ปวดกบาลครับ แล้วก็วิ่งไม่ได้เลยทีเดียว ขณะที่พวกคาร์บูฯยังปรับแก้ไขให้ถูลู่ถูกังไปถึงมือช่างได้ครับ :emotv เครื่องคาบู เป็นเครื่องที่พัฒนามาจนถึงจุดสูงสุดแล้วเมื่อยุคแปดศูนย์ พอถึงยุคเก้าศูนย์จะเริ่มมีเครื่องหัวฉีดเข้ามาแทรก วันนี้จึงเห็นแต่เครื่องหัวฉีด ผมใช้เครื่องคาบูมาตลอด แม้แต่ในอาร์สิบเก้า ก็ใช้เอฟสองเอ็น เอฟสามเอ็นก็มี แต่มันจุกจิเยอะแล้วก็อะไหล่หายากมากๆ หาได้ก็แพง แถมต้องรอมาเรือประมาณสามเดือน หากประสพกับปัญหานี้ก็ไม่ควรใช้หัวฉีด แต่.........เครื่องหัวฉีดของโตต้านั้น ออกแบบสร้างมาให้อึดให้ทนเหมือนคาบู อะไหล่ก็เพียบ แถมซ่อมง่ายอีกต่างหาก แรกๆที่ใช้ก็หวั่นๆเหมือนกันกับปัญหาที่เคยพบในเรโนลต์ แต่พอใช้ไปๆ มันกลับไม่มีปัญหาใดๆอย่างที่เราหวั่นในตอนแรก บอกได้ว่าใช้ดี ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้ครับ สี่เอเอฟอีเนี่ย แถมเกียรก็ทั้งอึดทั้งทนครับ อันนี้ยืนยันนอนยันมาเลย ส่วนปัญหาที่เล่า ผมว่าศึกษาก่อน ช่างเก่งมีเยอะกว่าช่างมั่วครับ โดยเฉพาะครื่องพิมพ์นิยมนี้ ยังใช้ได้อีกนับยี่สิบปีโดยมีอะไหล่ให้เลือกทั้งเก่าใหม่เข้ามาเรื่อยๆ อันนี้เจ้าของร้านเชียงกงบางนายืนยันเลยครับ ก่อนที่ผมจะซื้อสามห่วง ผมก็ศึกษามาก่อนเหมือนกัน ผู้รู้ ผู้ใช้ แท็กซี่(โดยเฉพาะลูกน้องซึ่งเป็นคนยืนยันเลยว่าสามห่วงลูกเดียวเลยลูกพี่) ทั้งยังถามเชียงกงในเรื่องอะไหล่ต่างๆอีก สรุปได้ว่า เป็นเครื่องพันหกที่อึดที่ทนที่สุดในโลกก็ว่าได้ครับ เท่าที่มนุษย์เคยผลิตมา ถึงได้มีคนพูดแต่สี่เอ แต่กลับไม่กล่าวถึงเจ็ดเอ หรือห้าเอ ซึ่งสองอันหลังมีปัญหาจุกจิกมากกว่าในระยะยาว เมื่อเทียบการใช้งานเท่าๆกัน ซ้ำยังถามช่างคู่ใจว่าเครื่องนี้เป็นยังไง ก็ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ เลยตัดสินใจลงโลด เครื่องผมก็ได้มาจากในเวปนี้ล่ะ คุณต้นยกลง(ขออนุญาติเอ่ยนามพาดพิงหน่อย) ผมได้มาในราคาไม่ถึงหมื่นขาดอยู่ห้าร้อยมั๊ง ค่าช่างค่าวางค่าวาย ประมาณเจ็ดพัน ก็วิ่งได้ไปทั่วไทยแล้วครับ นับแต่วางมาถึงวันนี้ ปัญหาเดียวที่เจอคือ วาวล์ยันครับ ใช้งานมาแสนกว่ากิโลเมตรครับ แต่ผมก็แก้ได้จนจบดังที่เคยเล่าให้ฟังคงไม่เล่าอีก ต้องย้อนกลับไปเปิดดู แค่นั้นจริงๆ ส่วนเรื่องความร้อน ก็แก้ปัญหา เปลี่ยนหม้อมีเนียม ก็จบอย่างถาวรเลยครับ ผมว่าหัวฉีดหากเป็นสี่เอไม่จุกจิก ไม่ปวดหัวแน่ครับ ดูแลง่าย แต่ยากกว่าคาบูหน่อย อย่างอื่นมันไม่ค่อยมีปัญหา ลองดูในกระทู้แฟนพันธ์แท้เครื่องเอฟอีดูครับ ไม่ค่อยจะมีปัญหาหรอก คนที่ใช้งาน ก็ไม่ต้องการความเร็วสูงมากนัก แค่วิ่งใช้งานปรกติร้อยยี่ถึงร้อยหกเวลาเดินทาง เครื่องนี้ก็ตอบโจทก์ได้แล้วครับ หัวฉีดไม่จุกจิกอย่างที่เข้าใจครับ ตั้งแล้วมาอัพเดทอาการ ให้ฟังด้วยนะคร้าบว่าอาการหายมั้ย :emo2 ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะครับ อู่นี้ดีมากๆเลยครับ มีความชำนาญสูง ราคาก็ไม่แพงผมคิดว่าอาการวาวล์ยัน วาวล์เพี้ยน น่าจะเป็นมาได้พักนึงแล้วล่ะ แต่ที่ผมไม่รู้สึก เพราะผมไปเปลี่ยนจานจ่ายแม็กนีโตมา ตอนแรกจานจ่ายติดเครื่องเป็นแบบทองขาวครับ ซีลแกนรั่ว น้ำมันเครื่องเยิ้มเลย แวคคั่มก็เสีย ซื้อจานจ่ายแม็กนีโตมาทีแรกก็ใส่ไม่ได้ เพราะแบตลูกใหญ่เกินไป พอเปลี่ยนเป็นลูกเล็ก ใส่จานจ่ายแม็กนีโตเข้าไป สภาพสมบูรณ์กว่าจานจ่ายเดิม แวคคั่มก็ใช้งานได้ ผมจึงไม่รู้สึกถึงอาการผิดปกติของวาวล์ วันนี้ไปตั้งวาวล์มาแล้วครับ เขาทำจริงๆไม่ถึง 10 นาทีเอง แล้วเขาตั้งแต่วาวล์ไอดีครับ พอตั้งเสร็จปุ๊บผมก็เอาไปลองขับดู เหยียบเบรครอบไม่ตก แอร์ทำงานรอบไม่แกว่ง(ตอนแรก Swing ขึ้นประมาณ 300-400 รอบต่อนาที) เหยียบแล้วรถพุ่งฉิวเลย ค่าแรง + ค่าปะเก็นฝาวาวล์ = 700 บาทเองครับ (อู่แถวบ้านบอกผมว่าตั้งวาวล์ยากมาก ใช้เวลาไม่น้อยกว่าครึ่งวัน) ลองสอบถามการเปลี่ยนท่อน้ำในรถ เขาก็คิดผมรวมค่าแรงแค่ 500 บาทเอง (อู่แถวบ้านบอกผมพันกว่าบาท) แต่ผมยังไม่ได้ทำ เพราะกะจะเปลี่ยนหม้อน้ำ(ตอนนี้คิดว่ามันเริ่มซึม เพราะ 1 สัปดาห์น้ำในหม้อพักจะลดไปกว่าครึ่ง) จากนั้นก็เลยไปร้านทำเบาะเล็ก (ร้านในตำนานผมรู้กิตติศัพท์ดี ไม่เอาด้วยเด็ดขาด :emotw) คิดค่าติดตั้งเบลท์แค่ 300 บาทเองครับ โดยทำเหล็กฉากโยงระหว่างขายึดด้านหลังของเบาะ แล้วเจาะรูเอาตะขอเกี่ยว จริงๆแล้วผิดหลักการครับ แต่... 1. ผมไม่อยากเจาะตัวถังรถ 2. เบาะตัวนี้โครงเป็นเหล็กครับ ไม่ใช่ไฟเบอร์ ดังนั้นโอกาสหักจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย... ตอนนี้ก็เหลือไม่กี่อย่างแล้วครับ 1. หาให้เจอว่าอะไรมันเสียดสีกันในรถดัง "เอี๊ยดๆๆๆ" ดังบ้างไม่ดังบ้าง (ดังมาจากด้านหลัง) น่ารำคาญมากๆ 2. ทำให้ไฟหน้าสว่างขึ้น โดยอาจจะหาโคมไต้หวันมาลง(เพราะปรับตำแหน่งไฟได้ ของญี่ปุ่นเฟืองรูดหมดแล้ว) หรือเปลี่ยนโคมหน้าโปรเจคเตอร์ 3. เปลี่ยนยางร่องกระจก หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: EmMeT ที่ 25 เมษายน 2013 12:04:22 เดียวลองไปตั้งมั่งดีกว่าครับ ผม 4afe auto รอบต่ำครับ เปลี่ยนผีเสื้อไปแล้วโอเคแต่พอร้อนรอบดันสูง และพอเกียเหยีบเบรครอบดันต่ำ
หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: nong@111 ที่ 27 เมษายน 2013 15:47:23 รถผมมีเสียงดังแต๊กๆตลอดตรงวาล์วทั้งเดินเบาและรอบสูง เป็นทั้งน้ำมันและแก็ส มันเป็นที่วาล์วหรือป่าวครับแล้วถ้าตั้งวาล์วจะหายมั้ย
หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: chaiyasita ที่ 27 เมษายน 2013 16:08:06 รถผมมีเสียงดังแต๊กๆตลอดตรงวาล์วทั้งเดินเบาและรอบสูง เป็นทั้งน้ำมันและแก็ส มันเป็นที่วาล์วหรือป่าวครับแล้วถ้าตั้งวาล์วจะหายมั้ย ตั้งวาล์วน่าจะหายครับน้า หัวข้อ: Re: อย่างนี้เรียกว่าวาวล์ยันได้หรือเปล่าครับ? เริ่มหัวข้อโดย: NUMNIM ที่ 27 เมษายน 2013 23:42:11 รู้ไหมคับว่าเขาตั่งสเปกเท่าไหร แล้วทำไมเขาตั่งแต่วาล์วไอดี อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจ
|