ขอดูรูป อีกเสียงครับ

หางปลาเสียบรีเลย์หลวมอาการพัดลมหม้อน้ำทำๆ หยุดๆ ผมเคยเจอมาแล้วครับ หางปลาที่ต่อกับรีเลย์พัดลมหลวม
เกิดการสปาร์ค สายไฟไหม้ ทำให้ไฟฟ้าเดินทางไม่สะดวก พอไฟฟ้าเดินทางไม่สะดวก
ก็จะเกิดความร้อนสะสมที่ตัวรีเลย์ สุดท้ายรีเลย์ไหม้ พัดลมหยุดการทำงาน หรือ บางครั้ง
รีเลย์ไม่ถึงกับไหม้ แต่ไฟฟ้าเดินทางไปหาพัดลมไม่สะดวกเพราะสายไฟที่ไหม้อยู่มีความต้านทานสูง

ตอนนี้แก้ไขแล้ว เปลี่ยนสายไฟและหางปลาใหม่

ผมขอเล่าประสบการณ์อู่แย่ๆ บ้างนะครับ

ผมไปทำแอร์มา ซึ่งเมื่อผมจอดรถ เลื่อนเกียร์จาก D เป็น P มันต้องผ่านเกียร์ R
แล้วรถผมทำระบบ จอเลื่อนขึ้นเอง ถ้าเข้าเกียร์ R

จากนั้นผมก็นั่งรอรถที่อู่ดังกล่าว เมื่อช่างเติมน้่ำยาแอร์ไรเสร็จก็ จ่ายเงินกัน แล้วช่างก็บอกว่า รถน้อง จอมันบังช่องลมแอร์นะ
ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ขับรถกลับ ออกจากอู่ สักพักจะเปิดเพลง เหลือบไปเห็นจอ หักอยู่ จึงคิดได้ทันทีว่า ช่างร้านดังกล่าว เอามือพับขึ้นแน่ๆ
กำลังจะเลี้ยวหัวกลับไปหาอู่ดังกล่าว ใจคิดขึ้นมาว่า ออกมาจากอู่แล้ว ใครจะยอมรับฟะ   เลยได้แต่ทำใจ แล้วตะโกนในรถ ด่าสารพัด เลย

ทุกวันนี้ อู่นั้นผมไม่ไปเหยีบอีกเลย เจ็บใจ จอพับเขามีปุ่มเปิด ปิด แล้วจอมันจะสไลด์เก็บเอง ทำไม เจ้าของอู่บ้านนอกจังเลย เอามือหักพับเก็บ เอาเลย

เวลาเอารถไปเข้าอู่ ผมชอบรอดูเขาทำเพราะ กลัวเจอแบบนี้แหละครับ ใช้ไม่เป็นก็ไม่ถาม,สงสัยก็ไม่ถาม,ถอดน๊อตออกแล้วลืมว่าใส่ไงก็ไม่กล้าถามกลัวเสียฟอร์ หลายอู่ครับที่ผมเจอ ถอดแล้วใส่กลับไม่เหมือนเดิมดีที่ผมถ่ายรูปก่อนถอดไว้เลยเอาไปยืนยันกันได้

ก๊อปเขามาแปะน่ะครับ  เอาไว้อ่านเป็นความรู้กันน่ะครับ ว่างๆจะลองเช็ครถตัวเองบ้าง

การวิเคราะห์ตรวจสอบเซนเซอร์ตำแหน่งปีกผีเสื้อ
ปีกผีเสื้อนั้น เป็นเชื่อเรียกของช่างชาวบ้านทั่วไปเพื่อสื่อให้ผู้ใ ช้รถ หรือช่างด้วยกันเองรับรู้ว่า มันมีลักษณะเป็นอย่างไร แต่จริงๆแล้ว ภาษาทางการ จะเรียกว่า ลิ้นเร่ง หรือ Throttle ซึ่ง เซนเซอร์ตำแหน่งปีกผีเสื้อ ก็คือ เซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นเร่ง หรือ Throttle Position Sensor นั่นเองครับ
ก่อนที่ผมจะแจ้งบอกค่าการวัดและตั้ง เซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นเร่ง ผมอยากจะบอกเล่าถึง หน้าที่ของมันก่อน เพื่อความเข้าใจ และเป็นความรู้ทั่วไปครับ

เซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นเร่ง จะติดตั้งอยู่ที่ปากทางของท่อร่วมไอดีอยู่ติดกับตัวลิ้นเร่ง มีหน้าที่ตรวจจับตำแหน่งของมุมการเปิดและปิดของลิ้นเร่ง แล้วแปลงสัญญาณข้อมูล(ไฟฟ้า)ไปให้ ECU (เกียร์ออโต้) เพื่อควบคุมช่วงเวลาการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ และสั่งการทำงานล๊อคอัพคลัทช์

ตำแหน่งและมุมการเปิด/ปิดของลิ้นเร่ง(ปีกผีเสื้อ) จะถูกเซนเซอร์นี้แปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า โดยจะมีแรงเคลื่อนไฟฟ้าประมาณ 5 โวลท์จาก ECU มาอยู่ที่ขั้ว Vcc
ถ้าลิ้นเร่งปิด ที่ขั้ว VTA จะมีแรงเคลื่อนต่ำมาก (ประมาณ 0 โวลท์) เนื่องจากแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่มาจากขั้ว Vcc จะต้องไหลผ่านหน้าสัมผัสที่มีความต้านทานที่เปลี่ยนแ ปลงค่าได้ (ถ้า ไม่เข้าใจก็ให้คิดถึง ลูกลอยน้ำมันในถังน้ำมัน ที่แปลงระดับน้ำมันเป็น ไฟฟ้าแจ้งส่งสัญญาณไปที่หน้าปัดออกเป็นเกจ์วัดระดับน ำ้มัน)
ดังนั้นถ้าลิ้นเร่งเปิดกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ แรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ขั้ว VTA ก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามตำแหน้งของหน้าสัมผัสระหว ่างขั้ว Vcc และ VTA ที่กำลังเคลื่อนที่ไป ทำให้ ECU ทราบถึงตำแหน่งของลิ้นเร่ง และขณะเดียวกัน ECU ก็จะส่งสัญญาณไฟฟ้าออกมาไปเข้าขั้ว L1, L2 และ L3 (ECU เกียร์) เพื่อแจ้งให้ ECU เกียร์รับรู้ถึงตำแหน่งลิ้นเร่งว่าอยู่ตำแหน่งไหนแล้ ว
สัญญาณไฟฟ้าที่ขั้ว L1, L2, L3 และ IDL จะมีแรงเคลื่อนสูงและต่ำ ดังนี้

มุมการเปิดของลิ้นเร่ง 0% ค่า L1, L2 และ L3 = 5 โวลท์ และ ค่า IDL = 0 โวลท์
มุมการเปิดของลิ้นเร่ง 7% ค่า L1, L2 และ L3 = 5 โวลท์ และ ค่า IDL = 12 โวลท์
มุมการเปิดของลิ้นเร่ง 15% ค่า L1 และ L2 = 5 โวลท์ L3 = 0 โวลท์ และ ค่า IDL = 12 โวลท์
มุมการเปิดของลิ้นเร่ง 25% ค่า L1 = 5 โวลท์ L2 และ L3 = 0 โวลท์ และ ค่า IDL = 12 โวลท์
มุมการเปิดของลิ้นเร่ง 35% ค่า L1 และ L3 = 5 โวลท์ L2 = 0 โวลท์ และ ค่า IDL = 12 โวลท์
มุมการเปิดของลิ้นเร่ง 50% ค่า L1 และ L2 = 0 โวลท์ L3 = 5 โวลท์ และ ค่า IDL = 12 โวลท์
มุมการเปิดของลิ้นเร่ง 65% ค่า L1, L2 และ L3 = 0 โวลท์ และ ค่า IDL = 12 โวลท์
มุมการเปิดของลิ้นเร่ง 85% ค่า L1 และ L3 = 0 โวลท์ L2 = 5 โวลท์ และ ค่า IDL = 12 โวลท์
มุมการเปิดของลิ้นเร่ง 100% ค่า L1 = 0 โวลท์ L2 และ L3 = 5 โวลท์ และ ค่า IDL = 12 โวลท์
หมายเหตุ :
มุมการเปิดของลิ้นเร่ง 0% = ลิ้นเร่ง(ปีกผีเสื้อ) ปิด = ไม่ได้เหยียบคันเร่ง
และ มุมการเปิดของลิ้นเร่ง 100% = ลิ้นเร่ง(ปีกผีเสื้อ) เปิด = เหยียบคันเร่งสุดเต็มที่

จะเห็นได้ชัดเจนว่า ค่า L1, L2, L3 และ IDL จะมีค่าเปลี่ยนแปลงตาม%การเปิดกว้าง ของลิ้นปีกผีเสื้อ เพื่อให้ ECU เกียร์สั่งงานให้เกียร์ออโต้ ปรับเปลี่ยนเกียร์สัมพันธืกับความเร็วรถ และความเร็วรอบเครื่องยนต์
อย่างไรก็ตาม ถ้าสัญญาณที่ส่งเข้า ECU ผิดปกติ จะทำให้เกียร์ทำงานผิดปกติไปตามสัญญาณ ดังนี้
ถ้า สัญญาณที่ขั้ว IDL ผิดปกติ(อาจจะเกิดจากขั้ว IDL ช๊อตลงกราวน์) จะทำให้ ล๊อคอัพคลัทช์ไม่ทำงาน หรือระบบควบคุมการกระตุกขณะเลื่อนคันเกียร์จากตำแหน่ ง N ไป D ไม่ทำงาน (การที่ผู้ใช้รถท่านใดรับรู้ ถึงว่า เกียร์กระตุกเวลาเลื่อคันเกียร์จาก N ไป D นั้น นอกจากอาจจะเป็นเพราะข้อนี้แล้ว ถ้าไม่มีสัญญาณไฟเบรค (STP) เข้า ECU ก็จะกระตุกได้เช่นกันครับ)
ถ้าสัญญาณที่ขั้ว L1, L2, L3 ผิดปกติ อาจจะทำให้ช่วงเวลาการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ไม่เหมาะส มกับสภาพการใช้งานปกติได้ครับ
การตั้งและการวัดค่าของ เซนเซอร์ตำแหน่งปีกผีเสื้อ หรือ เซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นเร่ง
ถ้าท่านใด ไม่มีความรู้พื้นฐานเบื้องต้นของงานช่างไฟฟ้า ไม่ควร(ห้าม)ตั้งเองนะครับ เพราะว่า จะมีผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์โดยตรงครับ

เซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นเร่ง ของ Toyota ผลิตออกมา 2 แบบ คือ
แบบหน้า สัมผัสปิด-เปิด (on-off Type) เครื่องรุ่นเก่าๆ เช่น 1G และเครื่อง J รุ่นแรกๆ ใช้แบบนี้ ซึ่งจะมีอยู่ 3 ขั้วคือ IDL, TL และ PSW ซึ่งผมขออนุญาตละไว้ไม่กล่าวถึงรายละเอียด
แบบเชิงเส้น (Linear Type) เครื่องรุ่นใหม่ขึ้น เช่น 4A-GE, 3S, 1G และ JZ รุ่นต่อๆมา จะใช้แบบนี้ ซึ่งจะมีอยู่ 4 ขั้วคือ E2, IDL, VTA และ Vcc (จากซ้ายไปขวา มองจากสายไฟเข้าไปหาปลั๊ก)
ผมขอยกตัวอย่างการวัดและตั้งตำแหน่งหาค่าที่เหมาะสมของ เซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นเร่ง ในเครื่อง 2JZ-GE และ 2JZ-GTE
เครื่องมือที่ต้องใช้ก็คือ
ฟิลเลอร์เกจ์
มัลติมิเตอร์วัดกระแสและความต้านทาน
กรณีเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ใช้เกียร์ออโต้ และใช้เกียร์ออโต้ จะวัดค่าความต้านทานดังนี้
ถอดขั้วต่อสายไฟของเซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นเร่ง ออก
ใช้โอห์มมิเตอร์วัดค่าความต้านทานของ E2 - VTA เมื่อเหยียบคันเร่งสุด (ปีกผีเสื้อเปิดสุด) จะต้องได้ 3.3 - 10 K โอห์ม
ใช้โอห์มมิเตอร์วัดค่าความต้านทานของ E2 - VTA เมื่อปล่อยคันเร่ง (ปีกผีเสื้อปิดสุด) จะต้องได้ 200 - 800 โอห์ม
ใช้โอห์มมิเตอร์วัดค่าความต้านทานระหว่าง E2 - Vcc จะได้ 4 - 9 K โอห์ม
สอดฟิลเลอร์ ที่มีความหนา 0.45 มม.(0.0177 นิ้ว) เข้าระหว่างสกรูยันแขนลิ้นเร่งและแขนกระเดื่องลิ้นเร ่ง (อยู่ด้านหลังปีกผีเสื้อ ตรงสายคันเร่ง) ใช้โอห์มมิเตอร์วัดค่าความต้านทานระหว่าง E2 - IDL จะต้องได้ 0 - 2.3 K โอห์ม
สอดฟิลเลอร์ ที่มีความหนา 0.55 มม.(0.0216 นิ้ว) เข้าระหว่างสกรูยันแขนลิ้นเร่งและแขนกระเดื่องลิ้นเร ่ง (อยู่ด้านหลังปีกผีเสื้อ ตรงสายคันเร่ง) ใช้โอห์มมิเตอร์วัดค่าความต้านทานระหว่าง E2 - IDL จะต้องได้ค่า อินฟินิตี้ (ค่าอนันต์)
กรณีเครื่องยนต์ที่ใช้เกียร์ออโต้
เสียบขั้วต่อสายไฟของเซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นเร่งเข้าที่ เดิม
เปิดสวิทช์กุญแจไว้ที่ on
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - IDL เมื่อเหยียบคันเร่งสุด (ปีกผีเสื้อเปิดสุด) จะต้องได้ 9 - 14 โวล์ท
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - IDL เมื่อปล่อยคันเร่ง (ปีกผีเสื้อปิดสุด) จะต้องได้ 0 - 1.5 โวล์ท
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - Vcc จะต้องได้ 4.9 - 5 โวลท์
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - VTA เมื่อเหยียบคันเร่งสุด (ปีกผีเสื้อเปิดสุด) จะต้องได้ 3.2 - 4.9 โวล์ท
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - VTA เมื่อปล่อยคันเร่ง (ปีกผีเสื้อปิดสุด) จะต้องได้ 0.3 - 0.8 โวล์ท
ใช้โอห์มมิเตอร์วัดค่าความต้านทานระหว่าง E2 - IDL จะต้องได้ 0 - 2.3 K โอห์ม (ปล่อยคันเร่ง)
ใช้โอห์มมิเตอร์วัดค่าความต้านทานระหว่าง E2 - IDL จะต้องได้ค่า อินฟินิตี้ (ค่าอนันต์) (เหยียบคันเร่ง)
ใช้โอห์มมิเตอร์วัดค่าความต้านทานของ E2 - VTA เมื่อเหยียบคันเร่งสุด (ปีกผีเสื้อเปิดสุด) จะต้องได้ 3.3 - 10 K โอห์ม
ใช้โอห์มมิเตอร์วัดค่าความต้านทานของ E2 - VTA เมื่อปล่อยคันเร่ง (ปีกผีเสื้อปิดสุด) จะต้องได้ 200 - 800 โอห์ม
ใช้โอห์มมิเตอร์วัดค่าความต้านทานระหว่าง E2 - Vcc จะได้ 4 - 9 K โอห์ม
กรณี การวัดและตั้งค่าหาตำแหน่งลิ้นเร่ง ที่เหมาะสมไม่ได้ อาจจะสามารถสันนิษฐานได้ว่า เซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นเร่ง ชำรุด ครับ
แต่กรณีของ ระบบ VVT-i นั้น ระบบแบบเชิงเส้น (Linear Type)เช่นกันครับ แต่ว่าสายไฟจะไม่เหมือนกับเครื่องทั่วไป เพราะว่า VVT-i เป็นระบบวาล์วแปรผันไปตามความเร็วรอบ ต่ำจนถึงความเร็วรอบสูงครับ ทำให้ รง.ผลิต ต้องปรับเปลี่ยนสายสัญญาณไฟ ไปสั่งงาน ECU  มองจากสายไฟเข้าไปหาตัวเซนเซอร์ จากซ้ายไปขวา ถ้าเป็นแนวตั้ง ก็จากล่างขึ้นบน
Pin 1 = Vcc
Pin 2 = VTA2
Pin 3 = VTA1
Pin 4 = E2

ซึ่งเท่าที่ผมดูจาก Pin 1 ถึง Pin 4 แล้ว มันคล้ายๆกับเป็น Sub Throttle Position Sensor (เซนเซอร์สำรองตำแหน่งลิ้นเร่ง) ซึ่งถ้าเป็น เครื่อง 2JZ-GE VVT-i ที่ผมใช้อยู่ ไม่ได้ อยู่ในตำแหน่งนี้ครับ (ผมจะเขียนตำแหน่งหน้าที่ของ เครื่องที่ผมใช้อยู่ ไว้ข้างใต้บทความนี้นะครับ) ดังนั้นผมจึงของไม่ลง ว่า Pin อะไร แต่จะลงชื่อหน้าที่ของมันดีกว่าครับ

เมื่อ VVT-i ไม่ได้ทำงาน (ในความคิดของผม คงหมายถึง เปิดสวิทช์ on แล้วไม่ได้เหยียบคันเร่ง)
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - Vcc จะต้องได้ 5 โวล์ท
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - VTA2 จะต้องได้ 0.66 โวล์ท และค่าจะเปลี่ยนไป (มากขึ้น)ตามการเหยียบคันเร่ง
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - VTA1 จะต้องได้ 2.36 โวล์ท และค่าจะเปลี่ยนไป (มากขึ้น)ตามการเหยียบคันเร่ง

เมื่อ VVT-i ทำงาน (ในความคิดของผม คงหมายถึง บิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่คันเกียร์อยู่ที่ตำแหน่ง P หรือ N โดยเข้าเบรกมือไว้)
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - Vcc จะต้องได้ 5 โวล์ท
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - VTA2 เมื่อปล่อยคันเร่ง (ปีกผีเสื้อปิดสุด) จะต้องได้ 0.63 โวล์ท
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - VTA2 เมื่อเหยียบคันเร่งสุด (ปีกผีเสื้อเปิดสุด) จะต้องได้ 3.75 โวล์ท
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - VTA1 เมื่อปล่อยคันเร่ง (ปีกผีเสื้อปิดสุด) จะต้องได้ 2.36 โวล์ท
ใช้โวล์ทมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้ว E2 - VTA1 เมื่อเหยียบคันเร่งสุด (ปีกผีเสื้อเปิดสุด) จะต้องได้ 5 โวล์ท

เครื่อง 2JZ-GE VVT-i ของผม มี เซนเซอร์ลิ้นเร่ง (Throttle Position Sensor) อยู่ตัวเดียว ซึ่ง มีตำแหน่ง ดังนี้ครับ
Pin 1 = VTA2
Pin 2 = VTA1
Pin 3 = คิดว่าน่าจะเป็น IDL
Pin 4 = E2

ที่มา : http://baramecomputer.blogspot.com/2012/02/blog-post_3189.html

การตรวจเช็ค Senser ที่สำคัญ
http://www.gmcworkshop.com/technic.htm

อ่านต่อที่นี่น่ะครับ http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=151398.msg3290267#msg3290267

[- เช็คโค๊ตไม่ได้]

บทสรุปหลังจากไปรบกวนช่างอิ๊ก ปากเกร็ด ตรวจสอบเบื้องต้นให้ ก็พอได้ข้อสรุปดังนี้ครับ
_{ไม่รู้ว่าผมจะอธิบายได้ถูกต้องหรือเปล่าน่ะครับ หลายอย่างมันเป็นศัพท์ทางเทคนิค ผมก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องด้วยอ่ะดี ผิดตกประการใดขออภัยด้วยน่ะครับ หรือถ้าจะกรุณาแก้ไขเพิ่มเติมให้จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ}

- เช็คโค๊ตไม่ได้  คำแนะนำคือ คงต้อง วายริ่งสายไฟใหม่ ติดเซ็นเซอร์ต่างๆให้ครบ
- เซ็นเซอร์เซ็คตำแหน่งลิ้นเร่ง =  ทำงานปกติ
- เช็คระบบชดเชยอากาศ = ทำงานปกติ
- เสียงเครื่องยนต์เวลาเร่งเครื่อง อากาศเข้าไม่พอ = ไม่ปกติ น่าจะเกิดจาก Mixer แก๊ส ซึ่งต่อยู่กับชุดลิ้นเร่ง ขวางทางเดินอากาศ ถ้าจะแก้คงต้องเปลี่ยนไปใช้แก๊สหัวฉีด
- ทดลองเร่งเครื่องเกียร์ว่าง แล้วเหยี่ยบเบรคย้ำๆ ผล คือรอบเครื่องตก = ไม่ปกติ ไล่เช็คแล้ว ปรากฏว่าไม่มีวันเวย์วาล์วและสายอากาศที่ต่ออยู่กล่องดักไอดีไม่ได้อุดรู แก้โดยอุดรูสาย
- อาการ เมื่อเร่งเครื่อง แล้วปล่อยคันเร่งทันที รอบจะกระตุก น่าจะเกิดจากสายอากาศหลังกล่องดักไอดี ไม่ได้อุด จะหวะที่รอบเครื่องกำลังตก มีอากาศภายนอกแทรกเข้าในกล่องดักไอดี ก่อนที่ระบบชดเชยรอบจะทำงาน ส่งผลให้ส่วนผสมไอดีบางเกินไป ทำให้เครื่องวูปไปนิดหนึ่งพอระบบชดเฉยทำงาน ส่วนผสมของไอดีก็จะกลับมาปกติ รอบเครื่องจึงเดินได้ไม่สะดุด  
  
สรุปอาการปัจจุบัน เครื่องยังไม่นิ่งครับ เร่งแซงไม่ได้ น่าจะมาจากคอมแอร์ฉุดกำลังเครื่องตามทีช่างอิ๊กบอกมาน่ะครับ  
       

  ขอบคุณช่างอิ๊กที่ช่วยตรวจสอบและแก้ไขให้ครับ

 - เหตุลที่อู่หลายแห่งไม่เต็มใจทำให้ เพราะรถผมคือ...  (T_T)
::::: ตัวหนังสือสีเขียวฟ้าด้านล่างนี้ข้ามได้เลยไม่เกี่ียวกับอาการของเครื่องยนต์และวิธีแก้ปัญหา
::::: ตอนนี้ถ้าไม่ใช่อู่แท็กซี่ไม่กล้าเข้า..อู่แท็กซี่ผมตะเวนไปทำมาเยอะครับ ผมบอกว่าเครื่อง 7A อู่แท็กซี่ส่ายหน้า บอกไม่เคยทำ
::::: หรือบางอู่ก็ตีเหมาว่ามันเหมือนกับเครื่อง 4A นั้นแหละ มันก็คือเหตุและผล ที่ผมบ่นไปในกระทู้เก่าๆนั่นแหละ พอตั้งสมมุติฐานผิด คำตอบมันก็ผิดตลอด
::::: อาการแบบที่ผมเป็นเนี่ยะน่ะ เข้าอู่แท็กซี่ อย่างแรกเลย พี่แกจะให้เปลี่ยนหัวเทียนก่อนเลย ตอนนี้ ผมมีหัวเทียนหลายชุดแระ บางชุด ห่างกันแค่ 7วัน
::::: เปลี่ยนนู่นนี่นั้นไปสาระพัด แล้วผมก็กลับไปหาด้วยอาการเดิมๆ บ่อยๆ จนแกไม่รู้จะให้เปลี่ยนอะไรแล้ว แกก็จะไล่ผมให้หาช่างไฟ ผมก็ไปน่ะแต่ช่างไฟก็ไล่ไปหาช่างเครื่อง

ความเดิมตอนที่แล้ว 1
http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=151283.0
 
ความเดิมตอนที่แล้ว 2
http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=151350.0

วันนี้ค้นไปเจอ กระทู้ที่ใช่เลยครับทั้งอารมณ์คนขับ และ อาการของรถ ผมเป็นเหมือน
กระทู้ของคุณ ya7afe เดะเลย
http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=43937.0

จากประสบการณ์ครับ ผมเข้าเวปอยู่เป็นประจำคือ ae กับ corona เพราะ บอดี้รถจะตรงกับ corona แต่เครื่องจะมีใน ae รถผมใช้ at171 แป๊ะยิ้ม เดิมเครื่อง 4af ตัดสินใจอยู่หลายครั้งว่าจะลงเครื่องอะไร ก็ได้ความรู้จากเวปนี้ จนมาจบที่ 7afe เมื่อลงแล้ว ก็เกิดปัญหาหลายอย่าง ก็เข้าเวปนี้อีกนั่นแหละที่คอยเป็นที่ปรึกษา สิ่งที่ได้จากลงครั้งแรก เครื่องสั่น รอบตก วิ่งสะดุด ทั้งแก๊สและน้ำมัน ซัดเร่งแซงลำบาก แต่ก็ทนใช้มา 4-5 เดือน จนได้คำแนะนำว่าให้เช็คโค๊ด ก็ได้คำตอบว่าตอนลงเครื่องมา
1 ร้านสลับสาย O2 ผิด ก็แก้ไป
2 ปีกผีเสื้อไม่ตรงรุ่น เพราะที่ติดเครื่องมันของ 4afe ก็หาตรงรุ่นมาเปลี่ยน ของ7A ปีกมันขยายได้มากกว่า
3 ปัญหาสำคัญมากคือ กล่องแอมป์แอร์ชดเชยรอบเดินเบา เดิมไม่มี ต้องตั้งที่ไขหกเหลี่ยม แต่ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ รอบสวิงมากถึงดับ ไปปรึกษาช่าง ช่างให้ดูวงจรไฟฟ้าของรถ แล้วไปดูวงจรไฟฟ้าของเครื่อง 7a ปรากฏว่า เครื่อง7aต้องเอาสัญญาณแอร์เข้ากล่อง ECU ก็ต้องไปหามา ถ้าให้ตรงรุ่นคงยาก ช่างแนะนำ กล่องแอมป์แอร์ ของวีโก้น่าจะใช้ได้ เพราะเครื่อง 3s เคยลองแล้วไม่มีปัญหา ก็จัดการเลย ของวีโก้ก็วีโก้
ปรากฎว่าอาการเดิมๆที่ทนทุกมา 4-5 เดือน หายหมดเลย รอบเดินเบานิ่ง ซัดไม่มีปัญหา ใช้ตอนนี้ก็แฮปปี้มาก

ขาดตกบกพร่องประการใดขออภัยทุกท่านไว้ณที่นี้ด้วยน่ะครับ
ขอขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ และ ทุกๆคำแนะนำครับ

 

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณครับ

ช่วยหาอู่คับ  ถ้าอยู่ไกล้ๆบ้านลองเข้ามาดูคับ แต่ไกลไปหน่อย 

ได้เจอช่าง 7A ตัวจริงซ่ะที่ รับ คเมื่อวาน(12/5/58)
ในสถานะการณ์ที่มืดมน ก็ได้พบทางสว่างเสียที ขอบคุณช่างอิ๊กที่ ชี้แนะ พร้อมทั้งแก้ไขอาการให้ครับ
แนะนำให้อีกเสียครับ ชาวAE ที่รถมีปัญหาไป บ้านช่างอิ๊กแล้วไม่ผิดหวังครับ ชอบพี่อิ๊กน่ะครับ ไม่เป็นช่างที่โหวกเวกโวยวาย  เป็นช่างที่ใจเย็น มาก เช็คให้ระเอียดดีครับ
ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือครับ
หลังจากที่ ช่างอิ๊ก ตรวจเช็คให้โดยละเอียดแล้ว ขอสรุปให้เป็นประเด็นน่ะครับ (ขออนุญาติไปตั้งกระทู้ใหม่น่ะครับ เพื่อท่านมที่มีอาการเดียวกับผม เมื่อมา Search

จะได้หาเจอง่ายๆ (หัวข้อกระทู้นี้มันค่อนข้าง negative ไปน่ะครับ)

บางที ของอย่างนี้ ไล่กันนานกว่าจะจบ รถผม ก็เคยให้ ช่างเปลี่ยนพวกสายแวคคั่มให้ แต่ผลออกมาก็ไม่ดีขึ้นเท่าไร ตอนหลัง หาความรู้ จากในนี้เป็นส่วนใหญ่ ที่อื่นบ้าง จากเพื่อนๆในกลุ่มบ้าง สรุป ทำเองสบายใจ ครับ ทำเมื่อไร ทำดีแค่ไหนที่เราพอใจ เนี้ยเลยเป็นเหตุผลสำคัญที่ยังไม่อยากเปลี่ยนรถ เพราะคุ้มมือกันแล้ว ปัญหาเล็กน้อย แก้เองได้ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา สร้างความผูกพันธ์ ทั้งรถ และคน และพ่องเพื่อน

ขอบคุณครับ หลายๆอย่างผมก็ศึกษาใน AE นี่แหละครับ แล้วก็ลองไปดัดแปลงทำเองได้บ้างไม่ได้บ้างก็มั่วทำไป เพราะรถผมเป็นรถที่อู่เมินน่ะครับ เข้าอู่ไหนส่ายหน้าหมด เลยพยายามศึกษาและทำเองมาตลอด ถึงที่สุดมือผมแล้วหล่ะครับ ผมจึงจะไปให้อู่แก้ให้ หรือไปหาช่างเพื่อให้คลายประเด็นอื่นๆ ที่ผมสงสัยออก เช่นเรื่องนี้ เข็มสวิง ผมอ่านใน AE เนี่ยะแหละครับ เขาคุยกันว่า รอบไม่นิ่งเข็มสวิง อาจมีปัญหาที่กล่อง เช่น C บวม  ผมเข้าอู่นี้ เพื่อตัดประเด็ดกล่อง ECU เสียหรือไม่ ออกก่อน แล้วจึงจะไปเช็คตัวอื่นต่อ มันเหมือนวิทยาศาสตร์มั่งครับ ถ้าเราตั้งสมมุติฐานผิด เราก็เสียเวลามากกว่าที่ควรจะเป็น คนที่ตั้งสมมุติฐานได้ใกล้เคียง มือใหม่คือ ฟลุ๊ค ถ้าไม่ฟลุ๊คส่วนใหญ่คือคนที่มีประสบการณ์

เพราะงั้นถ้ามั่นใจว่ามีคนสร้างความลำบากให้เรา สามารถลงรายละเอียดได้เลยครับ อย่างมากก็โดนแค่ "หมิ่นประมาท"
แต่ถ้ามีรูปพร้อม หลักฐานพร้อม มีเหตุและผลว่าเราได้รับความเดือดร้อนอย่างไร ฝ่ายนั้นจะกลายเป็นเงิบแน่นอน......ยาวหน่อย อัดอั้นครับ เจอมาเหมือนกัน

พี่เขาช่วยเช็คเขย่ากล่องECU ดับ หายแล้ว 1 เรื่อง แต่เรื่องอื่นๆ ยังมีอีก ผมเลยรู้สึกว่าไปตรงนี้แล้วมันไม่จบ ประมาณนั้น
แค่ซ่อมรถให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ ก็เหนื่อยแล้วครับ ต้องตามแก้คดีหมิ่นประมาทอีก ไม่ไหวครับ อยากรู้จริงๆว่าอู่ไหน PM มาดีกว่าครับ

แต่ผมก็ไม่ได้กล่าวหาว่าเขาแย่ไปทุกอย่างน่ะครับ ถ้าอ่านตามที่ผมเขียนไว้ อู่เขาวายริ่งสายไฟรถวางเครื่องได้ จบหรือเปล่าไม่รู้ แต่มีอยู่วันหนึ่งผมจะเอารถไปให้เขาเช็คเครื่องเขย่ากล่อง ECU แล้วดับเนี่ยะแหละ เขาบอกผมว่า กำลังจะออกไปแก้งานข้างนอก วายสายเสร็จไปเมื่อวาน เช้านี้สตาร์ทไม่ติด ในความคิดผมน่ะมันก็เป็นเรื่องปกติน่ะ จะให้เปะ 100 เปอร์เซนคงไม่ได้หรอก งานดัดแปลงมันต้องมีตามแก้กันบ้าง ก็เข้าใจน่ะ ไปหาประมาณ 3 รอบกว่าจะได้ทำ พี่เขาก็แก้หายน่ะเรื่อง เขย่ากล่อง ECU แล้วดับน่ะ ถ้ามีความสามารถเช็คเองได้คงไม่ไปให้เขาทำ แต่ที่ไม่โอเคคือ อาการอื่นๆ เขาไม่จับให้เลย(เท่าที่ประเมินการแสดงออกด้วยสายตา กริยาท่าทาง งานแก้ ไม่อยากทำ)

นั่งอ่านมาโดยรวมแล้ว ตกลงอู่มีปัญหาหรือเจ้าของรถมีปัญหาครับ

เอาเป็นว่าถ้าคิดว่าอู่มีปัญหา ทำงานไม่จบแน่ ๆ บอกชืุ่ออู่ตำแหน่ง พิกัด มาเลยครับ ไม่ต้องกลัวอะไรถ้าเราบอกความจริง เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ จะได้ระมัดระวังการเข้าไปใช้บริการครับ

หรือว่าผมจะมีปัญหาจริงๆ หว่า...รถมันเก่าแล้ว พอขับได้ก็ขับๆไปเหอะ พี่จะบอกผมแบบนี้ช่ะ ถ้าใช้ผมว่าก็น่าจะจริงน่ะ รถเก่ามันก็ต้องมีเครื่่องสะดุด/กระตุก/น๊อตหลุด สตาร์ทติดบ้าง ไม่ติดบ้าง เข้าอู่ก็ไม่ค่อยอยากแก้ให้ เห็นรถเก่าๆกลัว Upค่าแรงไม่ได้ รถใหม่ๆเข้ามา ชาร์จได้เยอะ แถมพวกรถเก่าๆ แก่ประสบการณ์ ฟันยาก พวกรถใหม่ๆ บอกอะไรมันก็ทำเลย แถมเงินถึง  ส่งสัยผมจะเรื่องเยอะจริงๆ ครับ
คงต้องออกรถป้ายแดงแล้วหล่ะครับ ถ้าจะไม่ให้เรื่องเยอะ  แต่ตอนนี้ยังไม่มีความสามารถออกป้ายแดงได้อ่ะดิ คงต้องเรื่องเยอะต่อไปอีกสักหน่อยก่อนน่ะครับ

อู่วายริงริ่งที่ผมไปทำมาอยู่ แถวๆ พระราม 3 ครับ(เดี๋ยวโดนฟ้อง ขอปิดไว้นิดล่ะกันอยากได้ข้อมูล PM มาน่ะครับ)

เป้าหมายต่อไป ได้เบอร์อู่มืออาชีพมาอีก 1 ที่ เพื่อนที่รู้จักบอก อู่นี้เก่ง ทำได้หมด ...แถวๆ ตลาดดาวคะนอง พรุ่งนี้จะไป ลองต่อ

(เห้อ! เหนื่อย.. เมื่อไหร่จะจบ ก็ไม่รู้ ลางาน มา 20กว่าวันแล้ว นับตั้งแต่ต้นปีมาน่ะ 20 กว่าวันที่ตาหาอู่ซ่อมรถ ซ่อมแล้วก็ไม่หาย บางอู่ก็ไปนั่งรอตั้งแต่9เช้า ได้ทำตอน 4โมงเย็น)

ความเดิมตอนที่แล้วครับ รถมีอาการผิดปกติและต้องการให้ช่างช่วยเช็คและแก้ไขปัญหาคือ

เช็คระบบไฟ+กล่องECU+ระบบเดินเบา&ชดเชยรอบ
http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=151307.0

ขยายความเพิ่มเติมเพื่อให้ภาพอีกเล็กน้อยเพื่อคนที่ไม่ค่อยรู้ระบบเครื่องยนต์มาอ่านจะได้มองภาพออกไปพร้อมๆกันครับ อธิบายเฉพาะเรื่องที่มองเห็นได้ชัดเจนด้วยตา น่ะครับ
เรื่องรอบเดินเบา ใช้น้ำมันน่ะครับ เข็มวัดรอบเครื่องยนต์ไม่นิ่งน่ะครับ กระดิกขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา
รอบเดินเบาไม่เปิดแอร์ ไม่เปิดไฟหน้
 เกียร์ P,N  = 1800-2000 รอบ
 เกียร์ D    =   800-1300 รอบ

รอบเดินเบา เปิดแอร์ เปิดไฟหน้า
 เกียร์ P,N  = 1000-1200 รอบ
 เกียร์ D    =   800-1100 รอบ
 เกียร์ R    =    500-600  รอบ (ถ้าหักพวงมาลัยเลี้ยวด้วย จะตกลงมาเกือบถึงศูนย์ ทำให้เครื่องสั่นมากๆ)

เมื่อใส่เกียร์ D แล้วขับ ถ้ารอบเครื่องมากกว่า 1200-1400 รอบ ถอนคันเร่งทั้นที เครื่องจะวูป ไปประมาณ 1 วิ ก่อนจะเร่งกับมาที่เดิม คือ เข็มวัดรอบจะตกมาที่ 200-600 รอบ ก่อนจะกลับ ไปอยู่ที่ 1000 แล้วก็กระดิกหางรออยู่(เข็มไม่นิ่ง)
เมื่อใส่เกียร์ D แล้วขับ ถ้ารอบเครื่องมากกว่า 1600 รอบ ถอนคันเร่งทันที จะไม่เจออาการเครื่องวูป ครับ(หรือมันอาจจะวูปอยู่แต่ เนื่องจากลูกสูบยังมีแรงเฉีอย เลยแสดงอาการไม่ชัด)

กล่อง ECU ผมเอามือจับเขย่าเบาๆ หรือ เอามีไปแตะที่ปลั๊กสายไฟที่ท้ายกล้อง ECU เครื่องจะดับ

อู่ใน AEเท่าที่ผมพอจะค้นหาเบอร์ได้ โทรไปส่วนใหญ่ ไม่รับงานผมหมดเลย สงสัยงานล้นมือแน่ๆ ก็เลยเอารถไปให้อู่ที่เขารับวายริ่งสายไฟ เช็คระบบไฟ เดินไฟ ดูให้
ผมไปถึงอู่พี่เขาตั้งแต่ 8 โมง พี่เขามา 8.30 พอมาถึงผมก็เข้าไปเล่าอาการให้ฟัง เขาบอกให้ทิ้งรถไว้ ขอออกไปข้างนอกแป๊ปเดี๋ยวกลับมาทำให้
14.00 ผมโทรไปถามบอกยังไม่ได้เช็คให้เลย พอดีมีรถมาแทรก เล็กๆ น้อยๆ (ก็ไม่รู้จะพูดไงน่ะ ผมไปเฝ้าตั้งแต่อู่พี่เขายังไม่เปิด ยังไม่มีรถอื่นเข้าสักคัน)
17.00 โทรมา ถามว่าจะทำอะไรบ้างน่ะ ผมก็เล่าอาการให้ฟัง พี่เขาบอกว่า กล่อง ECU ที่จับขยับแล้วดับ อ่ะแก้แล้ว แต่อย่างอื่นยังไม่ได้เช็คให้
17.30 ผมไปถึงอู่ ก็ถามว่า รถเป็นไงบ้าง กล่องเสียไหม เขาบอก ไม่เสียน่ะ แต่มันมีสายไฟขาด ช็อตกันอยู่ 1 เส้น บัดกรีให้แล้ว ( 400.-)
ผมถาม รอบเดินเบาผมนิ่งยัง พวกระบบชดเชยรอบ ยังทำงานปกติไหม
พี่เขาตอบ เข็มวัดรอบเดินเบาผมว่ามันเสียน่ะ มันไม่นิ่ง กระดิกตลอดเวลา ( กรรม นึกในใจน่ะ ก็มาแก้ตรงนี้แหละ)
ผมบอกไม่น่าเสียน่ะพี่ อาทิตย์ก่อนตอนยังไม่จาม มันยังนิ่งอยู่เลย ...พี่เขายังยืนยันเหมือนเดิมว่ามันเสีย
แต่ว่า เวลาเข็มมันตก เครื่องก็วูป ผมว่าไม่น่าจะใช่น่ะ ผมก็ถามต่อ แล้วมันมีวิธีเช็คได้ไหมครับ ว่าเสียที่เข็มจริงหรือเปล่า พี่เขาทำหน้านิ่งๆ แล้วตอบเหมือนเดิม เข็มวัดรอบเดินเบามันใช้วัดไม่ได้แล้ว
ผมก็ถามต่อ จานจ่ายผมเสียไหม มันมีไฟรั่วเวลาเอาแขนไปใกล้ สายหัวเทียน จะรู้สึกได้ว่าจะโดนดู พี่เขาบอกผมเช็คไม่เป็นต้องไปให้ช่างเครื่องเช็ค (กรรม อีกแล้ว ผมไปหาช่างเครื่องมาก่อนหน้าพี่เขา 2 วัน ช่างเครื่องบอกให้ไปหาช่างไฟ ช่างไฟให้ไปหาช่างเครื่อง )
ผมถามต่อ แล้วผมได้ยินเสียสปาร์คของหัวเทียนดังมาก ที่ฝาสูป พีว่ามันผิดปกติไหม พี่แกพึ่งจะไปสังเกตุหลังจากที่ผมบอก แล้วก็ไปเรียกอู่ซ่อมเกียร์ซึ่งอยู่ข้างๆกันมาดู เขาบอก เหมือนเสียงไฟรั่วแถวๆ ฝาสูป

ผมเลยถามช่างไฟต่อ ว่า พี่มีวิธีเช็คไหมว่ามันรั่ว จริงป่าว เขาบอกเช็คไม่เป็น (เซร็งอีก ) ผมถามต่อ แล้วรอบเครื่องที่มันไม่นิ่งเป็นเพราะตรงนี้ป่าว(มีไฟรั่วแถวๆฝาสูบ) เขาเริ่มเห็นด้วยกับผมแล้วว่าน่าจะใช่ ทั้งที่ตอนแรกบอกเสียงแข็งว่าเข็มวัดรอบผมใช้ไม่ได้ (ดีน่ะผมไม่ใจอ่อน) ผมถามต่อระบบไฟจุดระเบิดทำงานผิดปกติ แบบนี้ผมควรต้องไปให้ช่างไฟหรือช่างเครื่องแก้ให้ครับ พี่เขาตอบ เขาเช็คไม่เป็น
ผมเลยไม่รู้จะเอาไง งั้นไม่เป็นไรพี่ ผมมีสายหัวเทียนอีกอันซี่งเป็นของเก่าเปลี่ยนไว้นานแล้ว เดี๋ยวผมลองใส่ดู ว่าจะหายรั่งไหม สรุป ช่าง 2 คน ยืนดูผมเปลี่ยนสายหัวเทียน (ดูเฉยๆ ไม่ช่วยจับอะไรเลย) พอเสร็จผมก็ไปสตาร์ทรถ ปรากฏ เงียบเลย ไม่มีเสียงไฟรั่ว เข็มวัดรอบเดินเบาที่ช่างวายริ่งสายบอกว่ามันเสีย ตอนนี้นิ่ง ไม่กระดิกแล้วทำงานปกติ ผมเลยถามค่าซ่อมเท่าไหร่ พี่เขาบอกตอนแรกจะคิด 500 แต่ ลดให้ เหลือ 400 (ผมคิด บัดกรีสายไฟ จุดเดียว 400.- อย่างอื่นไม่แตะให้เลย ) สรุปอาการเข็มวัดรอบวูบวาบ มันก็หายด้วยตัวผมเอง แต่อาการอื่นๆยังไม่ได้แก้น่ะครับ ต้องตามหาช่าง 7A ตัวจริงต่อไป

ยังเหลือ ต้องแก้คือ
- เร่งเครื่อง ไปที่ 1200-1600 ถอนคันเร่งทันที่ เครื่องยนต์จะวูปไป 1วิ เข็มวัดรอบจะตกเหลือ 400-600 ก่อนจะเร่งขึ้นมาปกติที่ 1000
- ใส่เกียร์ถอยหลัง เครื่องสั่น
- หักพวงมาลัย เครื่องสั่น
- ระบบแก๊สใช้ไม่ได้

เยี่ยม เลยครับ กำลังอยากได้อยู่....ถูกดี ว่าแต่ มันใช้ OK ไหม วัดค่าน่าเชื่อถือไหม มีใครเคยใช้แล้วบ้างไหม

เมื่อรถไม่มีระบบน้ำมันให้เช็ค แต่ยังไงก็จำเป็นเช็คให้รู้ก่อนว่าสตาร์ทน้ำมันได้ไหม ถอดสายยางกรองอากาศออก แล้วเอาเบนซิน ใส่ฝาอะไรก็ได้ ถ้าจะดี ไม่ควรมีน้ำปนน่ะครับ เช่นฝา กระปุ๋กน้ำมันเครื่อง ให้อีกคนช่วยสตาร์ท แล้วค่อยๆ เทน้ำมันใส่ปาก ปีกผีเสื้อดูครับ สังเกตุดูว่าสตาร์ทยากไหม ระบบสตาร์ทยังทำงานปกติดีหรือเปล่าเมื่อใช้น้ำมันช่วยสตาร์ท (ปิดระบบแก๊ส ก่อนสตาร์ทด้วยน่ะครับ)

วิ่งเส้นกาญจาภิเษก ตรงอย่างเดียวเลย..ไม่ต้องออกทางคู่ขนานน่ะครับ จะมีป้าย ทางด่วนกาญจาฯ พระประแดง/บางนา

เข้าไปเลยครับ รับบัตรโดยไม่ต้องจ่ายตังค์ ไปจ่ายตรงทางออกบางนา/บางปะอิน/ชลบุรี 40 บาท

วิ่งตามป้ายบางนาไปน่ะครับ(เพราะช่วงนี้จะไม่มีป้ายบอกไปสุวรรภูมิ ครับ)


จนกว่าจะถึงทางออกบางนา จึงจะมีป้ายบอกไปสุวรรณภูมิ 1 ป้าย (หลังจากนี้ไปอีกไกลครับ ไม่มีป้ายบอก แต่จะมีสัญลักษณ์รูปเครื่องบินเล็กๆ บอกไว้ใต้ป้าย ครับต้องสังเกตุ

วิ่ง2 เลน ขวามือมาเรื่อยๆ ครับ จะเจอป้าย บางนา/ชลบุรี/บางปะอิน


วิ่งตามป้าย บางปะอิน(สังเกตุที่ป้ายบางปะอิน ด้านล้างจะมีสัญลักษณ์เครื่องบินติดไว้) 3เลนขวามือ


จะมีด่านเก็บเงิน ให้จ่ายด่านฝั่งขวาน่ะครับ(เลนไปบางปะอินนั้นแหละ) คืนบัตรและจ่ายตังค์ 40 ที่ป้ายนี้ครับ



พ้นด่านมา ก็จะเจอจุดตัดสินใจ  เพราะไม่มีสัญลักณ์รูปเครื่องบินบอก ให้วิ่งไปตามป้าย บางปะอิน(ทางด่วนชลบุรี) น่ะครับหรือ วิ่งไปตรงกลางเลยนั้นแหละ


วิ่งมาอีกไม่ไกล ก็จะเจอจุดตัดสินใจอีกรอบ แต่รอบนี้มีสัญลักษณ์รูปเครื่องบินบอกแล้ว ให้ไปเส้นทางบางปะอิน ครับ
แต่ ไปเส้นทางด่วนชลบุรีก็จะเข้าสนามบินได้เหมือนกัน แต่ต้องเสียค่าทางด่วยอีก 25 บาท (ถ้าจำไม่ผิดน่ะ) เส้นนี้จะเข้าสนามบินทางด้านหลังครับ ผ่านคลังสินค้า เข้าสนามบิน เดียวจะงง
ให้ไปเส้น บางปะอินจะไม่งง ครับ ตามป้ายสัญลักษณ์รูปเครื่องบินไปเรื่อยๆ ซึ่งตั้งแต่นี้ต่อไปจะมีสัญลักษณ์บอกไปตลอดทางครับ ถ้าสักเกตุดีๆ จะไม่หลงแน่นอน



ถ้าไปตามเส้นบางปะอิน แล้วเลี้ยวเข้าเส้นทางไปสุวรรณภูมิ วัดระยะทางจาก ด่านขึ้นตรงพระราม2 จนถึงอาคารผู้โดยสารขาออก 50 กิโลเมตรครับ

ลองไป อู่ประเสริฐ นครปฐม ไหมครับ ซอยวัดสามกระบือเผือก 0894113038 ช่างกวง อู่นี้เก่ง tpyota

ขอบคุณที่ตอบครับ. รัก...เลยน่ะเนี้ยะ

อู่ผมผมอยู่เซนทรัลแจ้ง แต่ไกลไปหน่อย  ไม่ตรงตามที่ จขกท ต้องการคับ  

 
 
เย้! เย้! มีคนตอบสักที ถามมาหลายรอบเงียบตลอด ขอบคุณมากมายครับ บอกตรงดีใจฟุดๆ
Inbox ไปแลเวน่ะครับ
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

 
 
เย้! เย้! มีคนตอบสักที

ถามมากี่ครั้งก็เงียบ ไม่เคยมีใครแนะนำสักที่ ไปลองอู่นู้นนี้นั้น มาหมดเงินอย่างเดียวเลย แต่ไม่หาย ช่างที่รู้ระบบเครื่องยนต์ กลไกล ของ 7A-FE  หายาก จริงๆ.