22 พฤศจิกายน 2024 20:40:58
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
แสดงกระทู้
หน้า: [
1
]
1
AE Racing Club - Knowledge Sharing
/
รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส
/
Re: ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เมื่อ: 22 มิถุนายน 2011 01:35:23
ไอ้สันดานที่เขียนตัวใหญ่ๆเหลืองๆนั่นมันเกรียนนี่หว่า.....ษัด.....อุ๊บ ขอโทษ ขอโทษออกอากาศแล้วนะอย่าตำหนิกัน
2
AE Racing Club - Knowledge Sharing
/
รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส
/
Re: หม้อต้มขึ้นน้ำแข็งเพราะอะไรครับ ผู้รู้ช่วยตอบด้วย
เมื่อ: 01 เมษายน 2010 13:15:59
อ้างจาก: ~ช.อ้น ณ.ชลบุรี~ ที่ 29 มีนาคม 2010 08:55:58
แล้วถ้าจอดทิ้งไว้ ตอนเช้าตื่นมา หม้อต้มเป็นน้ำแข็งล่ะครับ
3
AE Racing Club - Knowledge Sharing
/
รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส
/
Re: หม้อต้มขึ้นน้ำแข็งเพราะอะไรครับ ผู้รู้ช่วยตอบด้วย
เมื่อ: 09 มีนาคม 2010 19:13:54
ความร้อนปกติของเครื่องยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 110 องศาที่ฝาสูบ เมื่อผ่านหม้อน่ำแล้วจะเหลือที่ 75-85 องศา ไม่มีทางน้อยหรือมากกว่านี้ สรุปว่าเราเอาหม้อน้ำเป็นหลัก น้ำขาเข้าจะ 110 ออกมาเหลือ 75-85 หากผิดจากนี้ถือว่าผิดปกติครับ ผมวางเครื่องรถทุกคันผมจะติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณภูมิที่ท่อน้ำหลังหม้อน้ำให้ทุกคัน มันจะฟ้องคุณทันทีที่ผิดปกติในระบบน้ำก่อนที่จะเด้ยง
หม้อต้มเป็นน้ำแข็ง สาเหตุเพราะน้ำไม่ไปเลี่ยงหม้อต้ม มันไม่มีอะไรพังทั้งนั้นแหละครับ นอกจากเครื่องยนต์ ไม่ต้องตกใจ ทำความเข้าใจระบบเครื่องยนต์และระบบแก็สคร่าวๆนะครับ
ระบบน้ำเครื่องยนต์ เราต้องเติมน้ำให้เต็มระบบเสมอ ห้ามให้มีอากาศในระบบเด็ดขาด เมื่อน้ำเต็มแล้วเวลาเครื่องร้อนน้ำก็ร้อนมันจะขยายตัวดันออกมาทางหม้อพักน้ำพอเครื่องเย็นมันก็หดตัวทำให้น้ำในระบบไม่พอ มันก็ดูดในหม้อพักกลับไป สังเกตุว่าในหม้อพักน้ำจะมีแค่สามในสี่ส่วนเท่านั้น ระบบน้ำไม่ใช่สูญญากาศ แต่มีลักษณะการทำงานที่คล้ายสูญญากาศ ดันทิ้งได้ ดูดกลับได้
ระบบแก็ส น้ำที่ใช้เลี้ยงหม้อต้มส่วนใหญ่จะต่อจากท่อฮีตเตอร์ อาจจะมีบ้างที่แหกคอกไปต่อจากท่อหม้อน้ำโดยใช้สามทาง แต่ไม่ว่าจะต่อแบบไหนก็ไม่มีคำว่าต่อท่อผิด ต่อยังไงมันก็วนเข้าหม้อต้มอยู่วันยังค่ำ แต่มีข้อแม้ว่าหม้อต้มห้ามอยู่สูงกว่าระบบน้ำ
ทีนี้ทำไมผมต้องว่าซะยืดยาว ก็เพราะว่า 1. คุณอาจติดตั้งหม้อต้มสูงเกินไป เวลาถ่ายน้ำหม้อน้ำเพื่อใส่หล่อเย็นใหม่ น้ำมันก็จะไม่สามารถเวียนขึ้นหม้อต้มได้เอง เราก็จะต้องถอดสายน้ำที่หม้อต้ม เส้นไหนก็ได้เพื่อเติมน้ำให้เต็ม แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว 2. ถ้าหม้อต้มอยู่ในระดับที่ถูกต้องแล้ว ทีนี้ก็ต้องดูระบบน้ำของคุณว่ารั่วหรือไม่ เพราะถ้ารั่วแต่ไม่มาก เวลาน้ำมันร้อนมันจะดันออกทางหม้อพัก พอเย็นลงจะดูดน้ำกลับแต่เพราะมันรั่วจึงดูดอากาศเข้าไปแทนน้ำจากจุดที่รั่ว อาการหนักเบาแค่ไหนลองเช็คดูนะครับ เส้นผมบังภูเขาครับ
ผมไม่ได้รู้มากหรอก บอกมาแค่นี้ก็ตอบได่แค่นี้ บางทีอาจมีอย่างอื่นที่บกพร่องก็ได้
4
AE Racing Club - Knowledge Sharing
/
รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส
/
ติดแก็สแล้ว.....แล้วไง
เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2010 19:40:55
ผมว่าถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเหนื่อยกับการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงในการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วเราคาดหวังว่าจะได้โลละบาท จงอย่าติด ที่บอกอย่างนี้เพราะคนทั่วไปเป็นแบบนี้จิงๆ คิดดูดีๆนะครับ
1. จูนแก็สบางไป ผลคือ ออกตัวอืด โดนtaxi บีบแตรไล่กลางไฟแดง จะแซงแต่ละทีต้องนิมนต์หลวงพ่อมาช่วย ( เสี่ยงชีวิตจิงป๊ะ )
บางทีพอจะเร่งออกก็เกิดแบคไฟออกมา แล้วผลของการแบคที่เคยเห็นกับตามาแล้วที่รุนแรงที่สุดก็คือ ก้านคดจนกระแทกเสื้อทะลุออกมา แล้วเวลาขับมันก็น่าอึดอัดมาก เหมือนขับอัลติสวางเครื่องมิร่าเลย แล้วมันทำให้เปลื่องกว่าอีกนะ ระบบต่างๆก็ไม่เสถียร โอ๊ยเลิกเหอะแบบบางๆหน่ะ เอาพอดีดีกว่า แล้วจะเห็นสวรรค์ของการขับรถแก็สเลย
2. จูนหนาไปวิ่งก็ไม่ออก เปลืองก็เปลือง เหม็นก็เหม็น
สรุปแล้วท่านลองปรับจูนใหม่ เอาแบบว่าเวลาวิ่งให้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด ทั้งรอบเดินเบา รอบวิ่งกลางๆจนถึงการซิ่ง เพราะนั้นคือจุดที่ท่านจะได้คำว่าที่สุดในทุกๆด้านของแก็ส ( กำลังเครื่องยนต์ ความทนทาน ความปลอดภัย และประหยัด มันจะมาครบทุกด้าน ) แล้วปัญหาของแต่ละท่านจะหายไปเอง
แล้วอาการอีกอย่างของรถแก็สที่แสดงให้เรารู้เป็นอย่างแรกเลยถ้าปรับจูนไม่ได้ดีคือ การสตาร์ทด้วยแก็สจะให้ความรู้สึกที่เพี้ยนไป อันนี้เจ้าของรถเองแหละที่จะรู้ได้ ลองสตาร์ทน้ำมันก่อนสัก 2-3 ครั้ง จำลักษณะตอนเครื่องยนต์ติดไว้ให้ดีว่าเป็นอย่างไร เวลาเปลี่ยนมาสตาร์ทแก็สก็จะต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะตอนไหนๆ ไม่ว่าจะตอนเช้าเครื่องเย็นๆสตาร์ทครั้งแรกยังไงๆก็ต้องเหมือนน้ำมัน ....ชึ่งเดียวติด บางคันจูนมา 10 ช่างก็เหมือนกัน จูนไม่ดี เวลาสตาร์ทแก็สจะต้องลากยาวกว่าปกติ อันนี้ผมยอมรับไม่ได้ เพราะแค่สตาร์ทยังเพี้ยน แล้วใช้งานจะไม่เพี้ยนได้อย่างไร ช่างทั่วไปอาจทำแก็สตามใจลูกค้า ก่อนติดคุยกันไว้ว่าติดแล้วต้องได้โลละบาท หรือบาทนิดๆ พอเอาเข้าจริงติดตั้งเรียบร้อยกลับไม่ได้อย่างที่คุยก็เลยต้องบีบแก็สลงไปอีกจนได้โลละบาทหรือบาทนิดๆ แต่เจ้าของรถละครับทำไงต่อ .......ก็ขับอัลติสวางเครื่องมิร่าสิครับงานนี้ ...... ปัจจัยและองค์ประกอบมันมีเยอะ เอาแต่ได้งานอย่างเดียวไม่ได้ ต้องได้ชื่อด้วย ....บางคันก็ทำได้ตามนั้นจริงๆ....เพราะปัจจัยและองค์ประกอบพื้นฐานต่างๆทั้งเครื่อง ทั้งรถมันเอื้อ ทำให้เราได้ทั้งประหยัดและขับสบาย ใช้งานได้ดี รวมทุกอย่างแล้วสมูธครับ ....เช่น.....อัลติสปี 04 ใช้แอลพีจีมา 5 ปี แล้วมาเปลี่ยนเป็น ngv แล้วบอกจะเอาโลละ 0.5 บาท มันจะได้ไหมละครับ ...... แต่อีกคัน ออกรถมาป้ายแดง มาติด ngv คันนี้รับรอง 0.5 บาทแน่ แถมวิ่งได้ดีทั้งกำลังและความเร็วด้วย ..... คิดเอาเองนะครับว่าเราติดแล้วอย่างได้อะไรจากมันมากที่สุดด้านไหน ....... เลือกได้แล้วก็อย่าบ่น......
1. ถ้าเป็นแบบ direct coil เราจะปรับตั้งไฟไม่ได้ วิธีแก้ก็น่าจะเป็นที่การจูนไม่ดีพอ ปรับ idle ช่วยอีกหน่อย เพราะแก็สเลี้ยงไม่พอเวลามีโหลด ไม่ว่าจากแอร์ เกียร์ออโต้ ไฟหน้า หรือเวลาพัดลมหม้อน้ำสปีดสองทำงาน เพราะฉะนั้นการจูนที่ถูกต้องก็จะต้องเปิดโหลดทุกอย่างก่อนแล้วค่อยจูน ก็จะดีเอง
2. ถ้าเป็นแบบจานจ่าย เราสามารถปรับตั้งไฟได้ แล้วเวลาจูนเนี้ยนะช่างมักจะตั้งไฟให้แก่ขึ้นเสมอเพราะค่าออกเทนของแก็สมันมากกว่าน้ำมันตั้งเยอะ ไฟจึงต้องปรับให้แก่ขึ้นไปอีก (ช่างแต่ละคน รถแต่ละคัน สันดานมันไม่เหมือนกัน ) ที่เคยเจอนะบางคันปรับไฟไปจนแก่สุดๆ จนเวลาวิ่งน้ำมันแล้วมันเขก แต่ใช้แก็สเวลาเร่งวิ่งดีมาก แต่เวลาเจอรถติดทีไรแตะเบรคค้างไว้ สั่นเป็นเจ้าเข้าเลย ก็เลยต้องตั้งรอบเดินเบาที่ 1000 -1200 เพื่อฝืนเกียร์ไว้ ข้อดีของการตั้งไฟแก่ๆแบบนี้คือ รอบมาเร็ว แค่สะกิดก็กระโดด แต่ข้อเสียคือมักจะมีเจ้ามาคอยเข้าทรงอยู่เรื่อยเวลารถติด คันเกียร์ก็แข็ง เข้าแต่ละที่ดัง ครึกๆ เวลาขับใช้งานในชีวิตประจำวันมันไม่สมูธเอาเสียเลย แต่ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาผลกระทบจะไม่มากเท่าเกียร์ออโต้
วิธีแก้ก็คือปรับไฟใหม่ให้อ่อนลงอีกทีละหน่อย ปรับแต่ละครั้งต้องจูนแก็สใหม่ทุกครั้ง ค่อยๆทำ ใจเย็นๆ เมื่อทำแต่ละครั้งผลที่เห็นคือ การโหลดจะลดลง ทำจนได้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด เพราะปกติใช้น้ำมันมันก็มีโหลดอยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องไม่สั่นแบบเจ้าเข้านะ แบบนั้นไม่เอา สุดท้ายเมื่อเรียบร้อยแล้ว ผลคือ เครื่องจะลดอาการกระชากลงเวลาแตะคันเร่ง มันจะวิ่งด้วยอาการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ ไปแบบนิ่มๆ ดึงแบบนิ่มๆ แซงสบาย ลากมันๆได้ยาวๆ และประหยัด
มีใครเคยออกมาดูปลายท่อไอเสียรถตัวเองตอนวิ่งซัก 100 กม/ชม.บ้างไหมคับ ถ้ามีก็บ้าแล้ว ผมจะบอกว่ารถที่แหวนหลวมแต่ไม่มากจนแสดงอาการให้เห็นตอนติดเครื่องจอดนั่นคือไม่มีควันขาวให้เห็น แต่ใช่ว่าเวลาวิ่งจริง ใช้รอบเครื่องสูงๆแล้วจะแปลว่าไม่มี นั่นมิใช่ดอก มันเป็นไปได้นะนาย ยิ่งแบบว่าจูนแก็สบางด้วยแล้ว ความร้อนสะสมมันเยอะกว่ามาก มันจึงแห้งได้เหมียนกัน สังเกตุสิคับ ถ้ามันหายน้อยๆเนี่ย เวลาถ่ายออกมันจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มมากแต่ไม่ค่อยจะเหนียวข้นมากหรอก แต่ถ้าออกมาแบบข้นๆเหนียวๆละก็แสดงว่ามันแห้งจากความร้อนที่มากเกินธรรมดาไม่ได้รั่วออกไปไหนดอก
5
AE Racing Club - Knowledge Sharing
/
รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส
/
Re: ตัดแก็สทีไร หัวทิ่มทุกที
เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2010 19:36:39
แล้วอาการอีกอย่างของรถแก็สที่แสดงให้เรารู้เป็นอย่างแรกเลยถ้าปรับจูนไม่ได้ดีคือ การสตาร์ทด้วยแก็สจะให้ความรู้สึกที่เพี้ยนไป อันนี้เจ้าของรถเองแหละที่จะรู้ได้ ลองสตาร์ทน้ำมันก่อนสัก 2-3 ครั้ง จำลักษณะตอนเครื่องยนต์ติดไว้ให้ดีว่าเป็นอย่างไร เวลาเปลี่ยนมาสตาร์ทแก็สก็จะต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะตอนไหนๆ ไม่ว่าจะตอนเช้าเครื่องเย็นๆสตาร์ทครั้งแรกยังไงๆก็ต้องเหมือนน้ำมัน ....ชึ่งเดียวติด บางคันจูนมา 10 ช่างก็เหมือนกัน จูนไม่ดี เวลาสตาร์ทแก็สจะต้องลากยาวกว่าปกติ อันนี้ผมยอมรับไม่ได้ เพราะแค่สตาร์ทยังเพี้ยน แล้วใช้งานจะไม่เพี้ยนได้อย่างไร ช่างทั่วไปอาจทำแก็สตามใจลูกค้า ก่อนติดคุยกันไว้ว่าติดแล้วต้องได้โลละบาท หรือบาทนิดๆ พอเอาเข้าจริงติดตั้งเรียบร้อยกลับไม่ได้อย่างที่คุยก็เลยต้องบีบแก็สลงไปอีกจนได้โลละบาทหรือบาทนิดๆ แต่เจ้าของรถละครับทำไงต่อ .......ก็ขับอัลติสวางเครื่องมิร่าสิครับงานนี้ ...... ปัจจัยและองค์ประกอบมันมีเยอะ เอาแต่ได้งานอย่างเดียวไม่ได้ ต้องได้ชื่อด้วย ....บางคันก็ทำได้ตามนั้นจริงๆ....เพราะปัจจัยและองค์ประกอบพื้นฐานต่างๆทั้งเครื่อง ทั้งรถมันเอื้อ ทำให้เราได้ทั้งประหยัดและขับสบาย ใช้งานได้ดี รวมทุกอย่างแล้วสมูธครับ ....เช่น.....อัลติสปี 04 ใช้แอลพีจีมา 5 ปี แล้วมาเปลี่ยนเป็น ngv แล้วบอกจะเอาโลละ 0.5 บาท มันจะได้ไหมละครับ ...... แต่อีกคัน ออกรถมาป้ายแดง มาติด ngv คันนี้รับรอง 0.5 บาทแน่ แถมวิ่งได้ดีทั้งกำลังและความเร็วด้วย ..... คิดเอาเองนะครับว่าเราติดแล้วอย่างได้อะไรจากมันมากที่สุดด้านไหน ....... เลือกได้แล้วก็อย่าบ่น......
6
AE Racing Club - Knowledge Sharing
/
รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส
/
Re: เติมแก๊สแล้วไหลไวกว่าชาวบ้าน! นี่คือปัญหาหรือคือเรื่องที่ดี?
เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2010 01:28:39
วาล์วกันแก็สรั่วย้อนออกทางท่อเติมมันอ่อนเฉยๆแหละครับ ไม่มีปัญหาหรอกถ้าแก็สไม่หายตอนจอดทิ้งไว้ซักสองสามวัน แล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับการบริโภคด้วย เพราะมันอยู่คนละภาคกัน ใช่ถังบรรจุเป็นหลัก การเติมคือภาคอินพุท การปล่อยไปใช้คือภาคเอาท์พุท
7
AE Racing Club - Knowledge Sharing
/
รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส
/
Re: น้ำมันเครื่องหาย รถติดแก๊ส !!!!!!
เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2010 01:21:18
มีใครเคยออกมาดูปลายท่อไอเสียรถตัวเองตอนวิ่งซัก 100 กม/ชม.บ้างไหมคับ ถ้ามีก็บ้าแล้ว ผมจะบอกว่ารถที่แหวนหลวมแต่ไม่มากจนแสดงอาการให้เห็นตอนติดเครื่องจอดนั่นคือไม่มีควันขาวให้เห็น แต่ใช่ว่าเวลาวิ่งจริง ใช้รอบเครื่องสูงๆแล้วจะแปลว่าไม่มี นั่นมิใช่ดอก มันเป็นไปได้นะนาย ยิ่งแบบว่าจูนแก็สบางด้วยแล้ว ความร้อนสะสมมันเยอะกว่ามาก มันจึงแห้งได้เหมียนกัน สังเกตุสิคับ ถ้ามันหายน้อยๆเนี่ย เวลาถ่ายออกมันจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มมากแต่ไม่ค่อยจะเหนียวข้นมากหรอก แต่ถ้าออกมาแบบข้นๆเหนียวๆละก็แสดงว่ามันแห้งจากความร้อนที่มากเกินธรรมดาไม่ได้รั่วออกไปไหนดอก
8
AE Racing Club - Knowledge Sharing
/
รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส
/
Re: เดินเบา..รอบมันต่ำสาเหตุอยู่ที่ตัวไหนครับ
เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2010 00:55:38
เกียร์ออโต้ใช่ป่ะ
1. ถ้าเป็นแบบ direct coil เราจะปรับตั้งไฟไม่ได้ วิธีแก้ก็น่าจะเป็นที่การจูนไม่ดีพอ ปรับ idle ช่วยอีกหน่อย เพราะแก็สเลี้ยงไม่พอเวลามีโหลด ไม่ว่าจากแอร์ เกียร์ออโต้ ไฟหน้า หรือเวลาพัดลมหม้อน้ำสปีดสองทำงาน เพราะฉะนั้นการจูนที่ถูกต้องก็จะต้องเปิดโหลดทุกอย่างก่อนแล้วค่อยจูน ก็จะดีเอง
2. ถ้าเป็นแบบจานจ่าย เราสามารถปรับตั้งไฟได้ แล้วเวลาจูนเนี้ยนะช่างมักจะตั้งไฟให้แก่ขึ้นเสมอเพราะค่าออกเทนของแก็สมันมากกว่าน้ำมันตั้งเยอะ ไฟจึงต้องปรับให้แก่ขึ้นไปอีก (ช่างแต่ละคน รถแต่ละคัน สันดานมันไม่เหมือนกัน ) ที่เคยเจอนะบางคันปรับไฟไปจนแก่สุดๆ จนเวลาวิ่งน้ำมันแล้วมันเขก แต่ใช้แก็สเวลาเร่งวิ่งดีมาก แต่เวลาเจอรถติดทีไรแตะเบรคค้างไว้ สั่นเป็นเจ้าเข้าเลย ก็เลยต้องตั้งรอบเดินเบาที่ 1000 -1200 เพื่อฝืนเกียร์ไว้ ข้อดีของการตั้งไฟแก่ๆแบบนี้คือ รอบมาเร็ว แค่สะกิดก็กระโดด แต่ข้อเสียคือมักจะมีเจ้ามาคอยเข้าทรงอยู่เรื่อยเวลารถติด คันเกียร์ก็แข็ง เข้าแต่ละที่ดัง ครึกๆ เวลาขับใช้งานในชีวิตประจำวันมันไม่สมูธเอาเสียเลย แต่ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาผลกระทบจะไม่มากเท่าเกียร์ออโต้
วิธีแก้ก็คือปรับไฟใหม่ให้อ่อนลงอีกทีละหน่อย ปรับแต่ละครั้งต้องจูนแก็สใหม่ทุกครั้ง ค่อยๆทำ ใจเย็นๆ เมื่อทำแต่ละครั้งผลที่เห็นคือ การโหลดจะลดลง ทำจนได้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด เพราะปกติใช้น้ำมันมันก็มีโหลดอยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องไม่สั่นแบบเจ้าเข้านะ แบบนั้นไม่เอา สุดท้ายเมื่อเรียบร้อยแล้ว ผลคือ เครื่องจะลดอาการกระชากลงเวลาแตะคันเร่ง มันจะวิ่งด้วยอาการที่แท้จริงของเครื่องยนต์ ไปแบบนิ่มๆ ดึงแบบนิ่มๆ แซงสบาย ลากมันๆได้ยาวๆ และประหยัด
ผมว่าถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเหนื่อยกับการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงในการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วเราคาดหวังว่าจะได้โลละบาท จงอย่าติด ที่บอกอย่างนี้เพราะคนทั่วไปเป็นแบบนี้จิงๆ คิดดูดีๆนะครับ
1. จูนแก็สบางไป ผลคือ ออกตัวอืด โดนtaxi บีบแตรไล่กลางไฟแดง จะแซงแต่ละทีต้องนิมนต์หลวงพ่อมาช่วย ( เสี่ยงชีวิตจิงป๊ะ )
บางทีพอจะเร่งออกก็เกิดแบคไฟออกมา แล้วผลของการแบคที่เคยเห็นกับตามาแล้วที่รุนแรงที่สุดก็คือ ก้านคดจนกระแทกเสื้อทะลุออกมา แล้วเวลาขับมันก็น่าอึดอัดมาก เหมือนขับอัลติสวางเครื่องมิร่าเลย แล้วมันทำให้เปลื่องกว่าอีกนะ ระบบต่างๆก็ไม่เสถียร โอ๊ยเลิกเหอะแบบบางๆหน่ะ เอาพอดีดีกว่า แล้วจะเห็นสวรรค์ของการขับรถแก็สเลย
2. จูนหนาไปวิ่งก็ไม่ออก เปลืองก็เปลือง เหม็นก็เหม็น
สรุปแล้วท่านลองปรับจูนใหม่ เอาแบบว่าเวลาวิ่งให้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด ทั้งรอบเดินเบา รอบวิ่งกลางๆจนถึงการซิ่ง เพราะนั้นคือจุดที่ท่านจะได้คำว่าที่สุดในทุกๆด้านของแก็ส ( กำลังเครื่องยนต์ ความทนทาน ความปลอดภัย และประหยัด มันจะมาครบทุกด้าน ) แล้วปัญหาของท่านจะหายไปเอง
9
AE Racing Club - Knowledge Sharing
/
รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส
/
Re: ตัดแก็สทีไร หัวทิ่มทุกที
เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2010 00:14:33
ผมว่าถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเหนื่อยกับการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วทำให้เราต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงในการขับมากขึ้น จงอย่าติด ถ้าติดแก็สแล้วเราคาดหวังว่าจะได้โลละบาท จงอย่าติด ที่บอกอย่างนี้เพราะคนทั่วไปเป็นแบบนี้จิงๆ คิดดูดีๆนะครับ
1. จูนแก็สบางไป ผลคือ ออกตัวอืด โดนtaxi บีบแตรไล่กลางไฟแดง จะแซงแต่ละทีต้องนิมนต์หลวงพ่อมาช่วย ( เสี่ยงชีวิตจิงป๊ะ )
บางทีพอจะเร่งออกก็เกิดแบคไฟออกมา แล้วผลของการแบคที่เคยเห็นกับตามาแล้วที่รุนแรงที่สุดก็คือ ก้านคดจนกระแทกเสื้อทะลุออกมา แล้วเวลาขับมันก็น่าอึดอัดมาก เหมือนขับอัลติสวางเครื่องมิร่าเลย แล้วมันทำให้เปลื่องกว่าอีกนะ ระบบต่างๆก็ไม่เสถียร โอ๊ยเลิกเหอะแบบบางๆหน่ะ เอาพอดีดีกว่า แล้วจะเห็นสวรรค์ของการขับรถแก็สเลย
2. จูนหนาไปวิ่งก็ไม่ออก เปลืองก็เปลือง เหม็นก็เหม็น
สรุปแล้วท่านลองปรับจูนใหม่ เอาแบบว่าเวลาวิ่งให้ใกล้เคียงน้ำมันที่สุด ทั้งรอบเดินเบา รอบวิ่งกลางๆจนถึงการซิ่ง เพราะนั้นคือจุดที่ท่านจะได้คำว่าที่สุดในทุกๆด้านของแก็ส ( กำลังเครื่องยนต์ ความทนทาน ความปลอดภัย และประหยัด มันจะมาครบทุกด้าน ) แล้วปัญหาของท่านจะหายไปเอง ดีลงดีเลย์อะไรไม่ต้องไปใส่ให้วุ่นวายหรอกเอาของที่ท่านมีอยู่แล้วนั้นหล่ะมาปรับเซ็ตใหม่ก็จบแร้ว
10
AE Racing Club - Knowledge Sharing
/
รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส
/
Re: มาร่วมด้วยช่วยกัน บอกข้อมูลการวิ่งแก๊ส ของรถเพื่อนๆ กันดีกว่า
เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2010 23:32:34
ระบบแก๊สที่ติดตั้ง lpg fixingmixer & tomasato super & 26 mm.mixer & pg autoswitch
เครื่องยนต์ 7a-fe จานจ่าย เกียร์automaticจากdirect coil [ เกียร์ 8 เม็ด ]
รอบเดินเบาแก๊ส 700 ไม่แอร์ 800 แอร์
ความเร็วที่ใช้เฉลี่ย เฉลี่ยไม่ถูกแฮะ
อัตราการขับในเมือง : ขับนอกมือง 95 : 5
คำนวณอัตราสิ้นเปลือง (บาท/กิโลเมตร) = 1.50 $ แต่ถ้ากลับบ้านนอกก็ตกไม่น่าเกิน 1.20 $ ที่ความเร็วเฉลี่ย 600 กม. / 6 ชม.
คำนวณอัตราสิ้นเปลือง (กิโลเมตร/ลิตร) = จั่งหว่าเด้อ
เพิ่มเติม รถผมวิ่งในเมืองแทบจะตลอด บางถังก็วิ่งได้ 330 โล บางถังก็ได้ 280 โล ที่ความเร็วเฉลี่ยไม่น่าเกิน 40 เพราะงานที่ทำต้อง ใช้รถตลอดทั้งวัน จะใช้ 3 วัน 2 ถัง บางวันก็วันละถัง แต่ละถังจะเติมประมาณ 400-450 บาท
หน้า: [
1
]
กำลังโหลด...