กรณีที่รถเราสตาร์ทไม่ติดหรือว่าดับกลางทาง มันมี 2 อย่างคือ ไม่น้ำมันก็คือไฟ  เริ่มอย่างแรกกันเลย ไล่ระบบน้ำมันกันก่อน...   
ให้คุณไปที่หน้ารถเปิดฝากระโปรง หากล่อง ไดโนสิต เปิดฝามันมา  หาขั่ว FP  กะขั่ว B+   มันจะอยู่แถวแรก อันบนสุดกะล่างสุด นั้นแหละ พอเจอก็ ให้เอาสายไฟเส้นเล็กๆ จิ้มเข้าหากันเลยจากนั้นก็ไปเปิดกุญแจในตำแหน่ง ON เมื่อครบดังนี้ก็ให้เรามาที่หน้ารถ จับสายท่อน้ำมันดูว่ามีการวิ่งของน้ำมันไหม หรืออีกวิธี เอาหูไปแนบกับเบาะหลัง ตรงที่นั่งแล้วฟังเสียงเอา  ถ้ามีการวิ่งของน้ำมันแสดงว่า รีเลย์ปั้มติ๊กเสีย  แต่ถ้าน้ำมันไม่วิ่ง
  มี 2 อย่างคือ
 1..ปั้มติ๊กเสีย กรณีนี้ลองถอดเบาะหลังตรงชิ้นที่นั่งออกมา..... ถ้าของ92 อย่าทำเลยเสียเวลาเพราะของ92 ปั้มติ๊กอยู่ฝั่งหลังรถมองไม่เห็น  แต่ถ้า 101 ยังทำได้ ถอดเบาะมาเสร็จหาปั้มติ๊ก จากนั้นก็เอามือหรือหาอะไรแข็งๆเคาะที่ฝามันแล้วไปสตาร์ทดู เผื่อว่าโชคเข้าข้างมันทำงานต่อ     
 2..รถคุณเดินระบบไฟมาไม่ครบ สายเส้นสีฟ้าคาดดำ ไม่ได้พ่วงจากรีเลย์ปั้มติ๊กมาเข้าที่กล่อง ใดโนสิต นี้..............

ปล. กรณีถ้ารีเลย์ปั้มติ๊กเสีย  แก้ไขก่อนคือ ไม่ต้องเอาสายไฟที่จิ้มนั้นออก ถ้าสตาร์ทรถเราแล้วติดก็วิ่งต่อไปได้เลยครับ   แล้วค่อยไปหาเปลี่ยนเอาข้างหน้าครับ     

ขอบคุณมากครับ

แต่กำลัง งง นิดนึงตรงที่ขีดเส้นใต้หน่ะครับ
ว่าถ้ารีเลย์ปกติ ปั๊มติ๊กปกติ อาการจะเป็นอย่างไรครับ

เจ๋งดีครับ

ผมว่าติดแอบไว้หน้ารถ แล้วดูดอากาศเย็นเข้ามาในห้องเครื่อง น่าจะเวิคดีเหมือนกันนะครับ

ขดลวดที่อยู่ใน resistance แต่ละเส้นมีความต้านทานแตกต่างกันมั๊ยครับ

แทนที่จะพับเข้า พับออกแหงนไปเลย ไม่รู้จะโดนไหมครับเนี่ย

เป็นไปได้ไหม ที่จะใช้ capa 12v ตัวใหญ่หน่อย คร่อมเลย
พอปิดปุ๊บ ไฟใน คาปา ยังคงเก็บไว้แป็บนึุง แล้วค่อยๆหมดไป ก็จะดับไป
พอเปิดประตูไฟมา ก็ติดเร็วตามปกติ

ขอบคุณครับ