แสดงกระทู้
มาดู Code ไฟ Check Engine ด้วยตัวเองกันเถอะ
เคยสงสัยกันไหมครับว่า
ที่พูดกันบ่อยว่า wiring ครบ หรือ wiring ไม่ครบ เราจะรู้ได้อย่างไร?
เราสามารถตรวจสอบได้เองหรือไม่?
เราสามารถตอบคำถามนี้ได้ด้วยการดูไฟ Check Engine ครับ
การดูไฟ check engine เป็นวิธีการเบื้องต้นที่จะตรวจสอบได้ว่า
การ wiring สายไฟของเครื่องยนต์ครบหรือไม่?
รวมทั้งสามารถตรวจสอบได้ว่าบรรดา sensor ต่างๆที่อยู่ในเครื่องยนต์ยังทำงานได้ปกติ
หรือมีการเสื่อมสภาพไปบ้างแล้วหรือยัง?
วิธีการก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ลองทำตามขั้นตอนต่างๆเหล่านี้ดูครับ
1. หาขั้วปลั๊ก Diagnosis ให้เจอก่อน ส่วนใหญ่แล้วปลั๊กนี้จะอยู่ข้างๆท่อร่วมไอดี
หน้าตาเป็นกระปุกสี่เหลี่ยมเล็กๆ สีเทาหรือดำ มีตัวหนังสือ Diagnosis อยู่บนฝาปิด
2. หาสายไฟเส้นเล็กๆ เสียบจั๊มพ์ขั้ว TE1 เข้ากับ E1
โดยดูได้จากในฝาปิดว่า ขาไหนเป็นขาอะไร
3. เปิดสวิทช์กุญแจไปที่ On
4. ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ต้องกด Overdrive เป็น On (ไฟดับ)
อ่าน code ไฟที่กระพริบว่า เป็น code อะไร แล้วจึงนำไปเทียบกับตารางด้านล่าง
ถ้าไม่ได้ต่อไฟ check engine ไว้บนหน้าปัด ก็ต้องเปิดดู wiring diagram
แล้วหาสัญญาณของไฟ check engine ว่าออกมาจากสายเส้นไหนของกล่อง
เอาหลอดไฟมาต่อระหว่างขานั้น(ส่วนใหญ่จะเป็นขา w)กับขั้ว +batt เพื่อดู code ก็ได้
การอ่าน code สามารถอ่านได้ง่ายๆ ตามการกระพริบของหลอดไฟ
เช่นสมมติให้เลข 1 เป็นหลอดไฟติด และ _ หลอดไฟดับ
______1_1_1___1_________1_1_1_1___1_1________
ค่าที่อ่านจากการกระพริบชุดแรกจะเป็น 31และชุดหลังจะเป็น 42 เป็นต้น
ถ้ามีการผิดปกติหลายจุด
ไฟ code ก็จะขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด แล้ววนกลับมาเริ่มที่ code แรกใหม่
เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ถ้ามีเวลาให้ลองไปหาทางเช็คดู จะได้สบายใจว่า รถเราได้ทำมาแล้วอย่างสมบูรณ์
เวลาขับจะได้มั่นใจว่า รถคันเก่งของเรา กินน้ำมันเหมาะสม ไม่รวน เกเร
รวมถึงคงไม่ต้องไปนอนจอดเสียอยู่กลางทางแน่ๆครับ
:-)
.
..
.
_
4A FE 4A GE 4E FE 7A FE
แบบ 2 ตัวเลข เช่น 12 หมายถึง กระพริบ 1 ครั้ง เว้น 1 วิ กระพริบ 2 ครั้ง เว้น 3 วิ กระพริบ 1 ครั้ง เว้น 1 วิ กระพริบ 2 ครั้ง เว้น 3 วิ จะเป็นอย่างนี้ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ
ถ้ามีปัญหา 2 code ขึ้นไป เช่น 14, 16 หมายถึง กระพริบ 1 ครั้ง เว้น 1 วิ กระพริบ 4 ครั้ง เว้น 2 วิ กระพริบ 1 ครั้ง เว้น 1 วิ กระพริบ 6 ครั้ง เว้น 3 วิ กระพริบ 1 ครั้ง เว้น 1 วิ กระพริบ 4 ครั้ง จะเป็นอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ
12 สัญญาณความเร็วรอบ
13 สัญญาณความเร็วรอบ
14 สัญญาณการจุดระเบิด
16 สัญญาณควมคุม ECT
21 สัญญาณตรวจจับปริมาณออกซิเจน
22 สัญญาณการตรวจจับอุณหภูมิน้ำ
24 สัญญาณการตรวจจับอุณหภูมิอากาศ
25 สัญญาณส่วนผสมบาง
31 สัญญาณตัวตรวจจับสูญญากาศ
41 สัญญาณการตรวจจับตำแหน่งลิ้นเร่ง
42 สัญญาณการตรวจจับความเร็วรถยนต์
43 สัญญาณการสตาร์ด
52 สัญญาณการตรวจจับการน็อก
51 สัญญาณสวิตช์
4A GE มีสองอันน่ะครับ อันนี้เป็นแบบ 1 ตัวเลข
2 สัญญาณแรงดันอากาศ
3 สัญญาณการจุดระเบิด
4 สัญญาณตัวตรวจอุณหภูมิน้ำ
6 สัญญาณความเร็วรอบเครื่องยนต์
7 สัญญาณตัวตรวจจับตำแหน่งลิ้นเร่ง
8 สัญญาณตัวตรวจจับอุณหภูมิอากาศ
9 สัญญาณตัวตรวจจับความเร๋วรถยนต์
10 สัญญาณการสตาร์ต
11 สัญญาณสวิตช์
โค้ดดังกล่าวจะกระพริบเป็นจังหวะๆ ครับผม ลองเช็ครถตัวเองด้วยแล้วกันครับ
ถ้าปรกติจะกระพริบ ติดต่อกันไม่มีเว้นช่วงครับ
เคยสงสัยกันไหมครับว่า
ที่พูดกันบ่อยว่า wiring ครบ หรือ wiring ไม่ครบ เราจะรู้ได้อย่างไร?
เราสามารถตรวจสอบได้เองหรือไม่?
เราสามารถตอบคำถามนี้ได้ด้วยการดูไฟ Check Engine ครับ
การดูไฟ check engine เป็นวิธีการเบื้องต้นที่จะตรวจสอบได้ว่า
การ wiring สายไฟของเครื่องยนต์ครบหรือไม่?
รวมทั้งสามารถตรวจสอบได้ว่าบรรดา sensor ต่างๆที่อยู่ในเครื่องยนต์ยังทำงานได้ปกติ
หรือมีการเสื่อมสภาพไปบ้างแล้วหรือยัง?
วิธีการก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ลองทำตามขั้นตอนต่างๆเหล่านี้ดูครับ
1. หาขั้วปลั๊ก Diagnosis ให้เจอก่อน ส่วนใหญ่แล้วปลั๊กนี้จะอยู่ข้างๆท่อร่วมไอดี
หน้าตาเป็นกระปุกสี่เหลี่ยมเล็กๆ สีเทาหรือดำ มีตัวหนังสือ Diagnosis อยู่บนฝาปิด
2. หาสายไฟเส้นเล็กๆ เสียบจั๊มพ์ขั้ว TE1 เข้ากับ E1
โดยดูได้จากในฝาปิดว่า ขาไหนเป็นขาอะไร
3. เปิดสวิทช์กุญแจไปที่ On
4. ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ต้องกด Overdrive เป็น On (ไฟดับ)
อ่าน code ไฟที่กระพริบว่า เป็น code อะไร แล้วจึงนำไปเทียบกับตารางด้านล่าง
ถ้าไม่ได้ต่อไฟ check engine ไว้บนหน้าปัด ก็ต้องเปิดดู wiring diagram
แล้วหาสัญญาณของไฟ check engine ว่าออกมาจากสายเส้นไหนของกล่อง
เอาหลอดไฟมาต่อระหว่างขานั้น(ส่วนใหญ่จะเป็นขา w)กับขั้ว +batt เพื่อดู code ก็ได้
การอ่าน code สามารถอ่านได้ง่ายๆ ตามการกระพริบของหลอดไฟ
เช่นสมมติให้เลข 1 เป็นหลอดไฟติด และ _ หลอดไฟดับ
______1_1_1___1_________1_1_1_1___1_1________
ค่าที่อ่านจากการกระพริบชุดแรกจะเป็น 31และชุดหลังจะเป็น 42 เป็นต้น
ถ้ามีการผิดปกติหลายจุด
ไฟ code ก็จะขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด แล้ววนกลับมาเริ่มที่ code แรกใหม่
เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ถ้ามีเวลาให้ลองไปหาทางเช็คดู จะได้สบายใจว่า รถเราได้ทำมาแล้วอย่างสมบูรณ์
เวลาขับจะได้มั่นใจว่า รถคันเก่งของเรา กินน้ำมันเหมาะสม ไม่รวน เกเร
รวมถึงคงไม่ต้องไปนอนจอดเสียอยู่กลางทางแน่ๆครับ
:-)
.
..
.
_
4A FE 4A GE 4E FE 7A FE
แบบ 2 ตัวเลข เช่น 12 หมายถึง กระพริบ 1 ครั้ง เว้น 1 วิ กระพริบ 2 ครั้ง เว้น 3 วิ กระพริบ 1 ครั้ง เว้น 1 วิ กระพริบ 2 ครั้ง เว้น 3 วิ จะเป็นอย่างนี้ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ
ถ้ามีปัญหา 2 code ขึ้นไป เช่น 14, 16 หมายถึง กระพริบ 1 ครั้ง เว้น 1 วิ กระพริบ 4 ครั้ง เว้น 2 วิ กระพริบ 1 ครั้ง เว้น 1 วิ กระพริบ 6 ครั้ง เว้น 3 วิ กระพริบ 1 ครั้ง เว้น 1 วิ กระพริบ 4 ครั้ง จะเป็นอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ
12 สัญญาณความเร็วรอบ
13 สัญญาณความเร็วรอบ
14 สัญญาณการจุดระเบิด
16 สัญญาณควมคุม ECT
21 สัญญาณตรวจจับปริมาณออกซิเจน
22 สัญญาณการตรวจจับอุณหภูมิน้ำ
24 สัญญาณการตรวจจับอุณหภูมิอากาศ
25 สัญญาณส่วนผสมบาง
31 สัญญาณตัวตรวจจับสูญญากาศ
41 สัญญาณการตรวจจับตำแหน่งลิ้นเร่ง
42 สัญญาณการตรวจจับความเร็วรถยนต์
43 สัญญาณการสตาร์ด
52 สัญญาณการตรวจจับการน็อก
51 สัญญาณสวิตช์
4A GE มีสองอันน่ะครับ อันนี้เป็นแบบ 1 ตัวเลข
2 สัญญาณแรงดันอากาศ
3 สัญญาณการจุดระเบิด
4 สัญญาณตัวตรวจอุณหภูมิน้ำ
6 สัญญาณความเร็วรอบเครื่องยนต์
7 สัญญาณตัวตรวจจับตำแหน่งลิ้นเร่ง
8 สัญญาณตัวตรวจจับอุณหภูมิอากาศ
9 สัญญาณตัวตรวจจับความเร๋วรถยนต์
10 สัญญาณการสตาร์ต
11 สัญญาณสวิตช์
โค้ดดังกล่าวจะกระพริบเป็นจังหวะๆ ครับผม ลองเช็ครถตัวเองด้วยแล้วกันครับ
ถ้าปรกติจะกระพริบ ติดต่อกันไม่มีเว้นช่วงครับ
ถ้าในกรณีที่วายสายมาไม่ครบที่ปลั็กที่เราจะจั็มนั้นมีสายต่อมาไม่ครบ เรามีวีธีไหนบ้างครับที่จะเช็คดูครับหรือไปจั็มที่กล่องECUที่เส้นไหนบ้างครับ รบกวนด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
