สาย Ground wire คืออะไร? และมีประโยชน์ยังไง? [ซ้ำขออภัยครับ พอดีไปเจอมาเลยเอามาฝาก] มันทำหน้าที่คล้ายๆสายดินล่ะมั้งผมว่า 55 อันนี้ผมไม่แน่ใจแต่ประโยชน์หลักของมันคือ ช่วยจัดการระบบไฟฟ้าภายในรถของเราให้ดีขึ้น...
ปัจจุบัน สาย Ground wire ที่ว่านี่มีหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเปน Split Fire, HKS, Hurricane และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งราคาตรงนี้ก็จะแตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่หลัก 2000 กว่าขึ้นไปจนถึง 9000 บาท(แพงที่สุดที่ผมทราบนะ) ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ที่ร้านที่จะติดตั้งว่าเค้าคิดราคาเท่าไหร่...
แต่!! วันนี้ผมมีวิธีทำสาย Grund wire เองง่ายๆ ในราคาที่ถูกกว่าที่คุณคิดครับ
มันเปนยังไง มาดูกัน ว่าต้องเตรียมอะไรกันบ้าง!
สาย Ground Wire ที่มีขายในท้องตลาดทั่วๆไป ทั้งที่เป็นของแท้และของ copy นั้นส่วนมากจะเป็นขนาดประมาณเบอร์ 8 (ประมาณนิ้วก้อยเรานี่เอง) ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่เล็กเกินไปครับ
เราสามารถ Upgrade ได้โดยเปลี่ยนขนาดของสายกราวน์เป็นเบอร์ 4 (ประมาณนิ้วชี้) หรือเบอร์ 0 (ประมาณนิ้วโป้ง ซึ่งผมใช้อยู่นี่เอง)
ใน เรื่องระบบ Ground นี้น คุณภาพของสายไม่ว่าจะเป็นทองแดงเกรดดีแค่ไหน หรือเป็นสายเงินแท้ๆ ก็ไม่แตกต่าง เพราะระบบ Ground นี้นต้องการมองเห็น Base ที่ใหญ่ที่สุด หมายความว่าการที่สามารถทำให้ตัวถังรถทั้งคันเป็นกราวน์ได้หมดทั้งคัน หรือระบบไฟสามารถมีที่ลงกราวน์ได้หลายๆที่ ทำให้ระบบไฟสมบูรณ์และครบวงจร
ทำไม สายขนาดใหญ่ถึงดีกว่า?� เพราะว่ากระแสไฟเดินทางบนผิวหน้าของทองแดง และขนาดของพื้นที่หน้าตัดของสายไฟเป็นตัวกำหนดกระแสที่จะวิ่งผ่าน หมายความว่าสายยิ่งใหญ่ กระแสยิ่งสูง ความต้านทานต่ำ
เราสามารถหา
ซื้อสายเบอร์ 0 ได้ที่บ้านหม้อร้าน VP เมตรละประมาณ 450-500 บาท แล้วก็หาซื้อหางปลาสีทองแดง (ตามแผงลอย) ตัวละ 10 บาท ขนาดใหญ่สุดอีกประมาณ 15-20 ตัว แล้วก็นำมาเข้าสายทำการบัดกรีด้วยหัวแร้ง ก็เป็นอันเสร็จพิธีครับ
หมายเหตุ ต้องบัดกรีสายนะครับ อย่าใช้แค่คีมหนีบ เพราะกระแสจะวิ่งได้ดีถ้ามีตะกั่วเป็นตัวนำ
จุด สำคัญที่ต้องลง Ground Wire ที่ดีมี 6 จุดครับ ข้อมูลนี้ได้จาก website ต่างประเทศ (ผมไม่ค่อยเก่งคำศัพท์ทางเครื่องยนต์นะครับ ถ้าผิดพลาดไปต้องขออภัย)1. ท่อไอดี (Intake Manifold)
2. ตัวถังเครื่องยนต์ (Engine Block)
3. ระบบไฟหน้าทั้งหมด (Head Lamp)
4. ฝาวาล์ว (Cylinder Head)
5. ไดชาร์จ (Altenator)
6. เกียร์ (Transmission)
รับรอง ว่าเพื่อนๆจะเห็นความแตกต่างชนิดที่เรียกว่า นรกกับสวรรค์เลยครับ เราไม่จำเป็นต้องไปเสียรู้ซื้อ Ground Wire มียี่ห้อชุดละหลายพันบาท สิ้นเปลืองโดยไม่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ เพราะผมถือคติที่ว่า เสียเงินไม่ว่าแต่อย่าเสียรู้
เพราะเมื่อวุฒิภาวะเราสูงขึ้น เราต้องบาดเจ็บให้น้อยที่สุด หรือถ้าจะให้ดีต้องไม่บาดเจ็บเลยครับ ดังนี้นแต่ละบาทที่จ่ายออกไป ถึงจะไม่คุ้มค่าเต็ม 100% ก็ขอให้ได้สัก 70% ถือว่าเรายังมีกึ๋น แต่ถ้าเราแต่งรถด้วยอารมณ์พาไป ไม่ว่าจะแต่งแข่งกับเพื่อน หรือแรงยุจากเพื่อน โดยไม่คำนึงถึงกระเป๋าตังเอง ก็จะทำให้เราอยู่ในกลุ่ม โดนรถเล่น ไม่ใช่พวกเล่นรถ
เพราะผมถือว่าพวกแต่งรถที่รู้จักข้อจำกัดของรถและของตนเองนั้น เป็นผู้เล่นรถที่ดีครับ ไม่เดือดร้อนตัวเองครับ
จุด Ground ที่ดีที่สุดในรถแต่ละคันนั้นแตกต่างกันครับ และอาจจะไม่ได้อยู่ในห้องเครื่องเลยก็เป็นได้ อาจจะไปอยู่ที่ท้ายรถ หรืออยู่แถวๆเบาะหลังก็ได้ครับ
ดังนั้นในรถผมจึงเดิน Ground Wire กระจายทั้งสี่ทิศในห้องเครื่องเพียงเพื่อต้องการให้ Ground ที่อยู่ใกล้จุด Ground ที่ดีที่สุดในรถ เดินทางได้เต็มที่และเร็วที่สุด จึงเกิดความเสถียรสูงสุด (ขี้เกียจทำเครื่องวัด เสียเวลา เพราะถ้าวัดแล้วมันเกิดไปอยู่ท้ายรถ จะให้ทำอย่างไร ก็เลยไม่รู้ดีกว่า)
ตัวอย่างง่ายของความสำคัญของ Groundมี คนเล่าให้ผมฟังว่า เขาได้ทำการติดตั้งเครื่องยนต์ในห้องเครื่อง โดยสายทุกอย่างติดตั้งอย่างถูกต้อง แต่ปรากฏว่า strat ไม่ติดครั้ง ไล่สายใหม่หมด ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เขาจะเอะใจ เลยเอาสายพ่วง battery สีดำ (ขั้วลบ) หนีบไปที่ตัวถังเครื่อง แล้วลอง start ปรากฏว่าสามารถ start ติดได้ในบัดดล
เหตุการณ์นี้เรียกว่า อาการ กิน (..หม่ำ.. ซด) ground หรือ รับประทาน ground นั่นเองครับ) อย่างเช่นวิทยุบางเครื่องมีสาย ground สีดำมาให้เรียบร้อยแล้ว แต่พอเดินสายเรียบร้อยปรากฏว่า เปิดไม่ติด ลองยังงัยก็ไม่ติดครับ พอเอาสาย ground มีแตะที่ตัวถังวิทยุเท่านั้นแหละ ติดเองโดยอัตโนมัติเลยครับ
จุดที่ผมลง ground ลองสังเกตรูปจากกระทู้ที่แล้วนะครับ (ผมใช้สายเบอร์ 0 ทั้งหมดเลยนะครับ)1.� �ที่ขั้วลบของ battery นั้น ผมลง ground ที่ตัวถังรถยนต์ใกล้ๆขั้วแบตนนั่นเองครับ (อันนี้กระจาย ground ไปริมขวาด้านนอก)
2.� �ที่ขั้วลบของ battery ผมมีสาย ground ของเดิมติดรถที่วิ่งไปลงที่ตัวเครื่อง ด้านล่างสุดของไดสตาร์ท และผมได้ทำการเบิ้ลสายเบอร์ 0 เดินคู่ตามไปอีก 1 เส้นครับ (อันนี้จะวิ่งตามอันแรกไปที่ตัวถังรถริมขวาด้านนอกเหมือนกันครับ)
3.� �ที่ด้านบนของไดชาร์จ ผมเดินไปลงที่ขั้วยึดหม้อน้ำ ฝั่งไดชาร์จนั่นเอง (อันนี้กระจาย ground ไปที่ด้านหน้า คานหน้าของรถ)
4.� �เปลี่ยนสาย ground เดิมติดรถ ที่ข้างฝาวาล์วด้านสายพาน ลงไปยางแท่นเครื่องเป็นเบอร์ 0
5.� �ที่ตัวถังเครื่องใต้จานจ่าย มีน็อตเบอร์ 10 ว่างอยู่� ผมเดินสาย ground ลงไปที่ตัวถังเกียร์ แล้ววิ่งขึ้นไปติดที่ใต้ที่ค้ำโช๊คด้านกล่องฟิวส์ (อันนี้กระจาย ground ไปที่ริมขวาด้านใน)
6.� �ที่สายคันเร่ง มีน็อตเบอร์ 10 ว่างอยู่เหมือนกัน ก็พ่วงจากจุดนี้ ลงไปยังตัวถังด้านในตรงขาที่ยึดกรองเบนซิน & MSD (อันนี้กระจาย ground ไปที่ตัวถังรถด้านใน)
7.� �ที่ฝาวาล์ว เดินสาย ground วิ่งลงไปที่ใต้ที่ค้ำโช๊คฝั่งสายพาน (อันนี้กระจาย ground ไปที่ริมซ้ายด้านใน)
สาย ground ทั่วๆไปนั้นเบอร์ 8 ถึงเบอร์ 4 ก็ถือว่าดีพอสมควร
แต่ถ้าได้ลองเปลี่ยนเป็นเบอร์ 0 รับรองว่าเห็นความแตกต่าง ทั้งในตอน start และตอนขับ
Ground wire สำคัญฉะไหนทำมั๊ยถึงต้องทำ1.ถ้าท่านเห็นไฟหน้าจอไมล์ของท่านวูบบ่อยในเวลาที่คอมฯแอร์ Start
2.ถ้าในกรณีที่ติดเครื่องเสียงมาแล้วทำให้กระแสไฟฟ้าในรถรู้สึกตก
3.เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ
4.ไฟหน้ารถเดียวสว่างเดียวไม่สว่าง
5.ต้องการเพิ่มแรงมานิดหน่อย ในกรณีนี้ต้องบอกว่าไม่ได้มากมายอะไร
6.เสริมอุปกรณ์ลูกเล่นให้กับรถ
7.อื่นๆ
สายGround ยี่ห้อ พายุ ยี่ห้อหนึ่ง โฆษณา ไว้ว่าอย่างนี้ครับ1 เพิ่มอัตราแร่งของรอบเครื่องยนต์
2 ยืออัตราแร่งของรอบเครื่องยนต์ (ลากรอบได้นานขึ้น)
3 ลดกระแสไฟฟ้าสถิตที่มีอยู่กับตัวถังรถยนต์ขณะเครื่องทำงาน
4 ระบบไฟฟ้ารถยนต์ มีประสิทธิภาพดีขึ้น
5 ระบบความเย็นภายในรถยนต์ สม่ำเสมอ
6 ระบบไฟส่องสว่างทำงานได้ดียิ่งขึ้น
7 ยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
8 ประหยัดน้ำมัน
9 ลดการกระชากกระแสไฟ สำหรับเครื่องเสียงในรถ
10 เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ เกียร์ AUTO
Copy...จาก
http://www.thaihlc.com/forum2/forum_posts.aspTID=5797&PN=1&TPN=1เหตุผลเหล่านี้น่าพอที่ท่านจะทำ Ground wire ให้กับรถท่านได้หรือยัง
ที่มา: ข้อความ มาจาก ACCORD Club/ Wish-Club/Altis ClubDIY : Ground Wire โมดิฟายเองง่ายๆ !! โดย tadtoนะครับ ขอบคุณครับ