ก่อนอื่นต้องกล่าวย้อนไปช่วงที่ฟิลม์เข้ามาแรกๆ สมัยนั้นจะมีเบอร์ฟิล์มอยู่น้อย คือ 05, 20, 35, 50 ซึ่ง
- เบอร์ 05 หมายถึง แสงผ่านได้ 5 % ฟิล์มเข้ม 95 %
- เบอร์ 20 หมายถึง แสงผ่านได้ 20 % ฟิล์มเข้ม 80 %
- เบอร์ 35 หมายถึง แสงผ่านได้ 35 % ฟิล์มเข้ม 65 %
- เบอร์ 50 หมายถึง แสงผ่านได้ 50 % ฟิล์มเข้ม 50 %
แต่ที่เข้าใจผิดของบ้านเรามาจนบัดนี้คือ- ฟิลม์เบอร์ 05 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 80 %
- ฟิล์มเบอร์ 20 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 60 %
- ฟิล์มเบอร์ 50 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 40 %
รวมถึงการโฆษณาเกินจริงว่ากันรังสีได้ 99 % แท้จริงเป็นข้อมูลที่บอกไม่หมด เพราะรังสีจากแสงแดดมีอยู่ 3 ส่วนที่จะให้ความร้อนและมีสัดส่วนไม่เท่ากันดังนี้
ความร้อนจากแสงสว่าง 44%
ความร้อนจากรังสีอินฟาเรด 53% (IR)
ความร้อนจากรังสียูวี 3%(UV)
จะเห็นได้ว่า ความร้อนนั้นมาจากทั้งรังสีและแสงสว่าง ซึ่งค่าจากการป้องกันรังสี เพียงอย่างเดียวไม่สามารถเอามาตัดสินใจได้จริง
และการดูคุณสมบัติการกันความร้อนของฟิล์ม ควรดูที่ ค่าการกันความร้อนโดยรวม (TSER) ซึ่งค่านี้จะเป็นค่าที่สรุปการกันความร้อนทั้งหมดของฟิลม์แล้วการปฎิบัติหลังติดฟิล์มกรองแสง- ห้ามเลื่อนกระจกขึ้น - ลง หรือ เช็ด ถูฟิล์ม ภายใน 7 วัน หลังจากติดตั้ง เนื่องจากกาวของฟิล์มกรองแสงจะใช้ระยะเวลาในการอยู่ตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม เช่น การถูกแสงแดด ควรจะรอให้ครบระยะเวลาก่อนจึงเลื่อนหรือเช็ดกระจกได้
- หากมีปัญหาอื่นใด เช่น มีฟองอากาศ หรือ ฟิล์มอ้า ฯลฯ ให้รีบติดต่อศูนย์บริการภายในระยะเวลารับประกัน
- ในการทำความสะอาดฟิล์มกรองแสง ควรใช้ผ้าสะอาด ผ้านุ่มหรือฟองน้ำ ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดฟิล์ม เพื่อกำจัดคราบมัน และไม่ควรนำวัสดุที่ลักษณะเป็นของแข็งหรือผิวไม่เรียบเช็ดถูที่กระจกเป็นอันขาด
- ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกหรือสารเคมีที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย ( NH4) เพราะอาจทำให้ ชั้นกันรอยของฟิล์มเสียหายได้
- ควรหมั่นดูแลรักษาร่องกระจก ไม่ให้มีเศษทรายหรือก้อนกรวดค้างอยู่ในราง เพราะจะทำให้ฟิล์มกรองแสงเกิดความเสียหายได้
ข้อมูลจาก
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=91http://www.toyotanon.com