นอกจากคุยโทรศัพท์ระหว่างขับแล้ว พฤติกรรมอื่นๆ ก็สามารถทำให้เกิดอันตรายได้ เรามาสำรวจดูว่าเราเคยทำพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่ เพราะสิ่งเหลื่อนี้จะทำให้เราขาดสมาธิ และการตัดสินใจได้ช้าลงกว่าเดิม
การทานอาหารระหว่างขับรถ อันนี้เห็นบ่อยบางคันในชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้า ออกจากบ้านแล้วมากินข้าวระหว่างขับรถ บางครั้งต้องใช้มือทั้งสองข้างรับประทานอาหาร ทำให้มือเราละจากพวงมาลัย อีกทั้งต้องตามองจานสลับมองถนน ตักเข้าปาก บางคนกินของเปื้อนมือ และจับพวงมาลัยเพียงแตะๆ เพราะกลัวพวงมาลัยเปื้อน ทำให้บังคับพวงมาลัยไม่ถนัด ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ แถมการกินของบนรถส่งผลต่อกลิ่นอับในรถอีกด้วยแถมถ้าเศษอาหารตกค้างมดแมลงก็อาจมาเยี่ยมเยือนรถของเราได้อีก
พาเด็กเล็กโดยสารไปด้วย ตามประสาพ่อแม่มือใหม่วัยทำงาน บางทีเดินทางไปก็พาลูกน้อยตามลำพังยิ่งวัยกำลังซน 3-4 ขวบ วัยอยากรู้อยากเห็นไม่อยู่กับที่ ทำให้คนขับต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของลูกอยู่ตลอดเพราะเด็กกำลังซน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น อุ้มเด็กนั่งตักขับรถ ทำให้ผู้ขับขี่บังคับพวงมาลัยไม่ถนัด และต้องละสายตาจากถนนเป็นระยะ อีกทั้งเด็กอาจนั่งบดบังทัศนวิสัย หากเด็กซุกซนหมุน แย่งพวงมาลัย เปลี่ยนคันเกียร์ยิ่งถ้าเป็นออโต้ยิ่งอันตราย จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องเอาลูกไปด้วยควร หาเบาะนั่งล็อคตัวหรือสอนให้เขานั่งให้เรียบร้อย หรือมีกิจกรรมอะไรให้เขาทำไม่ให้รบกวนเราระหว่างขับรถ และยังรวมถึงสัตว์เลี้ยงด้วยก็สามารถเกิดเหตุได้ในกรณีเช่นเดียวกัน
การดูโทรทัศน์ ดูหนังระหว่างขับรถ สมัยนี้หมดยุคนั่งฟังเพลงบนรถเฉยๆอย่างเดียวแล้ว
เสียงกับภาพจะดึงดูดสมาธิเราจากการขับรถ ทำให้ละสายตามาอยู่ที่โทรทัศน์ ทำให้ความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมภายนอกลดลง ยังรวมบางคนเปิดแบบเสียงดังกระหึ่มพาไม่ได้ยินเสียงแตรเสียงภายนอกโดยด้วยซ้ำ
สมาธิและสติคือสิ่งสำคัญอย่างมากในการขับรถต่อให้คุณขับรถมานาน ชำนาญมากแค่ไหนก็มีสิทธิ์พลาดกันได้ทั้งนั้น บางครั้งแค่การละสายตาจากการขับรถไม่กี่วินาทีก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้เลย
ที่มา
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=350ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/