สำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง หรือ รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง 2 ระบบ (แก๊ส+น้ำมัน) การที่มีเกจบอกระดับน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นการแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบว่า น้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในระดับใด ซึ่งเกือบทุกคนการที่จะเติมเชื้อเพลิงในแต่ละครั้งนั้น เชื้อเพลิงอยู่ในระดับที่ต่ำ ก็มีอยู่บ้างที่เชื้อเพลิงยังเหลืออยู่มาก ก็ยังเติมให้จนเต็มถัง อันนี้ไม่ใช่เรื่องที่ถูกหรือเรื่องที่ผิด แต่มีอยู่พวกหนึ่งที่ขับรถยนต์จนดับไปเลยก็มี เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงหมดเกลี้ยงเลย สาเหตุนั้นเป็นเพราะว่าไม่สังเกตเกจวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงนั่นเอง ถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้คงจะเข็ดกันไปอีกนาน การป้องกันปัญหาลักษณะเช่นนี้ ผู้ขับขี่จะต้องฝึกฝนตนเองให้มีการสังเกตขณะขับขี่ตลอดการเดินทาง
การแจ้งระดับเชื้อเพลิงมีอยู่หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบเข็มที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดี หรือ อีกประเภทหนึ่ง แบบแท่งระดับ แบบนี้จะมีการกระพริบเมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้จะหมด แต่ส่วนใหญ่ที่น่าสังเกต คือ ไฟเตือนสีส้ม เมื่อน้ำมันใกล้หมดจะติดสว่างขึ้นมา ต้องรีบหาเติมโดยด่วน ในรถยนต์แต่ละรุ่นแต่ละแบบไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอนว่า เมื่อมีการเตือนจะวิ่งได้อีกกี่กิโลเมตร ดังนั้น ทางที่ดียามเชื้อเพลิงเหลือน้อย ก็ให้ทำการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ถ้าหาเติมไม่ได้และไม่รู้จักว่าสถานีบริการอยู่ไกลเท่าไร ผู้ขับขี่ควรขับขี่อย่างประหยัดที่สุด เช่น ปิดระบบปรับอากาศ, ใช้ความเร็วคงที่ (60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เป็นต้น
เป็นเรื่องจริงที่ว่า จะเติมน้ำมันเชื้อเพลิงตอนใกล้จะหมด ลองคิดดูว่า เกจเชื้อเพลิงจะเคลื่อนที่ขึ้นลง ช่วงระหว่างกลางของเกจวัด ซึ่งจะมีการสึกหรอมากกว่าตำแหน่งสูงสุดและต่ำสุด เมื่อเป็นเช่นนี้ ขดลวดของการชี้วัดจะสึก (ตัวส่งสัญญาณ) บวกกับการถูกใช้งานมานาน ก็อาจจะทำให้การแจ้งเตือนผิดปกติได้ หากมีการใช้รถยนต์อยู่เป็นประจำนั้น คงสังเกตได้ง่ายว่า ผิดปกติไปจากเดิมหรือไม่
มีตัวอย่างมาเล่าสู่กันฟัง มีลูกค้าท่านหนึ่งได้ซื้อรถใหม่ป้ายแดง ซึ่งเป็นธรรมดาที่รถออกจากโชว์รูม จะต้องรีบเติมน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะว่า จะมีมาจากโรงงานนิดเดียว ยกเว้นที่พนักงานขายจะแถมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถัง เมื่อเติมจนเต็มถังแล้ว ก็ได้นำไปใช้งานปกติ มีอยู่วันหนึ่ง เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น คือ ขณะรถวิ่งอยู่ดีๆดับไปเฉยๆ ต้องเข็นเข้าข้างทาง เบื้องต้นมีช่างมาตรวจสอบให้ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก เพราะเนื่องจากเป็นรถป้ายแดง จึงได้ติดต่อไปยังศูนย์บริการ เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงทำการตรวจสอบ พบว่า ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงเลย ที่น่าสังเกต คือ เกจน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงแจ้งว่ามีน้ำมันเชื้อเพลิงเหลืออยู่อีก ½ ถัง ถึงตอนนี้ผู้อ่านคงสงสัยกันสิครับว่า แล้วเป็นไปได้อย่างไร (อย่ามองว่าผลิตภัณฑ์ไม่ดีนะครับ) และแล้วสาเหตุมาจาก มีการกระแทกจากทางด้านล่างของถังน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ถังเชื้อเพลิงบุบ แล้วบังเอิญไปโดนเกจวัดระดับเชื้อเพลิงพอดี เลยทำให้การแจ้งเตือนค้างอยู่ตำแหน่งดังกล่าวตลอด
ผู้ขับขี่ขณะนั้น ถึงกับงง ในตอนแรกเจ้าหน้าที่มาถึงก็ถูกต่อว่ากันยกใหญ่ แต่พอตรวจเจอ ทำเอาหน้าเสียไปเลย สรุปว่า ลูกค้าขับรถไปกระแทกกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมา และไม่ตรวจสอบ เลยทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นห่างไกลชุมชน จะทำอย่างไร ขอความช่วยเหลือคงลำบาก ดังนั้น หากท่านใดใช้รถยนต์แล้วมีการกระแทกด้านล่างของรถ ควรทำการตรวจสอบเบื้องต้นก่อน อย่าลืมนะครับว่าถังน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ใต้ท้องรถ มีอีกตัวอย่างหนึ่ง เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เจ้าของรถท่านหนึ่ง มีรถยนต์เก่าแต่ไม่มาก เพื่อความประหยัดจึงได้นำรถไปติดแก๊ส และสามารถใช้เชื้อเพลิงได้ 2 ระบบ หลังจากนั้นก็นำไปใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา อยู่เกือบปี และแล้ว ก็เกิดปัญหาจนได้ คือ ได้ติดเครื่องเดินเบาเอาไว้ ปรากฏว่าเครื่องยนต์ดับโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ขณะนั้นใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงอยู่ เบื้องต้นผู้ขับขี่ก็ได้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ผลปรากฏว่าไม่ติดอีก (เครื่องยนต์หมุนดี) จึงได้ติดต่อไปยังศูนย์บริการ เจ้าหน้าที่ก็ได้เดินทางมาตรวจสอบ แต่ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ จึงได้ทำการลากรถไปยังศูนย์บริการ ซึ่งจะมีเครื่องมือและอุปกรณ์พร้อม หลังจากนั้นได้ลงมือตรวจสอบพบว่า ระบบแก๊สขัดข้องทั้งระบบ ศูนย์บริการไม่สามารถแก้ไขให้ได้ เพราะลูกค้าดัดแปลงมาเอง มีคำถามจากลูกค้าว่าเปลี่ยนมาใช้น้ำมันแล้วทำไม ไม่ติดอีกหล่ะ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่า ปั้มเชื้อเพลิงทำงานดี แต่ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงเลย กรณีนี้ก็เหมือนกับตัวอย่างที่ผ่านมา คือ เกจเชื้อเพลิงแจ้งว่ายังมีน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่นั่นเอง ต่อจากนั้นได้ซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงมาเติม แล้วทำการติดเครื่องยนต์ก็สตาร์ทติดได้ ส่วนระบบแก๊สให้ลูกค้าไปทำการแก้ไขเอง
เห็นไหมครับว่า ตัวอย่างที่ยกมานั้น เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนของเกจวัดทั้งสิ้น ดังนั้น หากรถยนต์ของท่านใช้งานมานานแล้ว ขอให้สังเกตเกจวัดเชื้อเพลิงบ้าง เมื่อพบว่าผิดปกติ ให้ทำการแก้ไขโดยช่างผู้เชี่ยวชาญต่อไปครับ
credit
http://www.phithan-toyota.com/th/articledetail.php?article_id=604&category_id=4&r=1บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด (กรุงเทพฯ)
