ใกล้ถึงวันสำคัญอีกวันหนึ่งของชาวไทย นั่นคือ "วันแม่แห่งชาติ" ช่วงนี้จึงได้เห็นดอกมะลิเต็มไปหมด มารู้จักพรรณไม้ชนิดนี้ให้มากขึ้นกันเถอะ
มะลิเป็นพรรณไม้ยืนต้น และเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงกลาง บางชนิดก็มีลำต้นแบบเถาเลื้อย ขอบใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม ขนาดใบกว้างประมาณ 2-3 ซม. ยาว 3-5 ซม. ออกดอกเป็นช่อ ที่ส่วนยอดหรือตามง่ามใบ ลักษณะของดอกเล็กสีขาวมีกลีบดอกประมาณ 6-8 กลีบ เรียงกันเป็นวงกลมหรือซ้อนกันเป็นชั้นแล้วแต่ชนิดพันธุ์ ขนาดดอกบานเต็มที่ประมาณ 2-3 ซม. โดยปกติดอกจะเริ่มบานในเวลาบ่ายแล้วร่วงในวันรุ่งขึ้น มะลิจะให้ดอกมากในฤดูร้อนและฤดูฝน ตามความเชื่อต้นมะลิควรปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และปลูกในวันพุธ หากผู้ปลูกเป็นสุภาพสตรีที่สูงอายุด้วย ก็จะยิ่งเป็นสิริมงคลมากขึ้น
คนโบราณเชื่อว่าการปลูกต้นมะลิไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดความรักความคิดถึงแก่บุคคลทั่วไป
เพราะดอกมะลิเป็นดอกไม้ประจำวันแม่แห่งชาติซึ่งเป็นสัญลักณณ์แสดงถึงความรักของลูกต่อแม่และผู้ที่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ นอกจากนั้นต้นมะลิยังเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เพราะดอกมะลิมีสีขาวสะอาด มีกลิ่นหอม จึงนิยมนำไปร้อยมาลัยใช้เป็นดอกไม้บูชาพระ ชนิดของมะลิที่นิยมปลูกเป็นไม้มงคล ได้แก่ มะลิซ้อน มะลิวัลย์ มะลิฉัตร มะลิพวง และพุทธชาติ ส่วนพันธุ์มะลิที่เกษตรกรนิยมปลูกกันมากที่สุดก็คือ มะลิลา
มะลิเป็นไม้ดอกเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ นอกจากนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยแล้ว ยังสามารถทำเป็นดอกไม้แห้ง หรือนำมาสกัดทำน้ำมันหอมระเหยก็ได้
คนสมัยก่อนนิยมนำมาลอยน้ำเย็นไว้ดื่มทำให้ชื่นใจ นอกจากนั้นยังเป็นพืชสมุนไพรอีกด้วย เพราะดอกสดใช้รักษาโรคตาเจ็บ แก้ไข้ตัวร้อน แก้หวัด ได้ ดอกแห้งก็ใช้ปรุงเป็นสารแต่งกลิ่น ใบเมื่อนำมาตำให้ละเอียดจะช่วยรักษาแผลพุพองและแผลฝีดาษ ต้นใช้รักษาโรคคุดทะราด ขับเสมหะและโลหิต แม้กระทั่งรากก็นำมาฝนใช้แก้ปวด รักษาโรคร้อนในและอาการเสียดท้องได้ด้วย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ที่มา :
http://variety.teenee.com/foodforbrain/37978.html