AE. Racing Club
18 กุมภาพันธ์ 2568 15:18:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำมันเกียร์ออโต  (อ่าน 15048 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sirisak@
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 149


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554 15:07:36 »

อยากทราบว่า ae101 4a-fe auto ใช้น้ำมันเกียร์กี่ลิตรครับ แล้วถ้าใช้ Dexron III จะเป็นไรป่าวครับ เพราะที่ก้านวัดระบุ Dexron II ผมใช้น้ำมันเกียร์ของบางจากDexron III  เพิ่งเปลี่ยนเมื่อวานเอง..
บันทึกการเข้า
smilegames
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,978



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554 15:15:43 »

ใช้ประมาณ 3 ลิตร หน่อยๆ ครับ ผมก็เคยเปลี่ยน เป็น DIII เหมือนกัน แต่ผมว่าวิ่งสู้ ของ Toyota ที่เป็น D II ไม่ได้นะครับ หรือว่าคิดไปเองก็ไม่รู้
บันทึกการเข้า

BIG 92
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,790


นักรบเมืองลิง


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554 15:27:17 »

 Dexron II  กับ III    ผมว่าเป็นคำถาม  เหมือน ไก่ กับ ไข่  อะไรเกิดก่อนกันนะครับ   ตั้งแต่หาข้อมูลมาไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าใช้แท่นกันได้หรือไม่   ส่วนของผมที่ก้านวัดระบุ Dexron II  แต่ก็ใช้  III  เหมือนกันครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าระยะยาว ๆ เกียร์จะพังไวหรือไม่ เพราะ III  เขาทำมาเพื่อสำหรับเกียร์รถรุ่นใหม่ ๆ ครับ
บันทึกการเข้า
But@_Bless
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 521


AE again


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554 17:00:58 »

อุณหภูมิที่ไม่เหมือนกัน  ส่วนที่ว่าเกียร์จะเป็นอะไรไหม  ไม่เคยเห็นกับตาเลยไม่ตอบดีกว่า  เพราะก็มีเยอะไปที่ใช้ III มานานปี
ตอนที่ยังมีรถผมรู้แต่ว่าหาน้ำมันตามที่ระบุไว้ดีกว่า เพราะมันก็ยังหาได้ ยี่ห้อที่ผมใช้ 1 ลิตร  140 บาทซื้อจากปั๊มน้ำมันครับ
มีแบบแกลอนด้วย 5 ลิตร 650 บาท ที่ร้านอะไหล่ 


ยกตัวอย่าง  ยี่ห้อที่ผมใช้ โมบิล เอทีเอฟ 220 dexron II 

คุณสมบัติทั่วไป

ความหนืด , ASTM D 445   
cSt @ 40°C 37
cSt @100°C 7.0
ความหนืดบรูคฟิลด์, ASTM D 5293,-cP @ -40°C  33,000
ดัชนีความหนืด, ASTM D 2270 153
จุดไหลเท , °C, ASTM D 97 -44
จุดวาบไฟ, °C, ASTM D 92 200
ความหนาแน่น@ 15°C, kg/L,ASTM D 4052 0.870
สี แดง


เปรียบเทียบกับ  โมบิลมัลติเพอร์เพิส ATF Dexron III

คุณสมบัติทั่วไป


ความหนืด , ASTM D 445   
cSt @ 40°C 32
cSt @100°C 7.0
ความหนืดบรูคฟิลด์, ASTM D 2983, -cP @ -40ºC 16,200
ดัชนีความหนืด, ASTM D 2270 176
จุดไหลเท , °C, ASTM D 97 -51
จุดวาบไฟ, °C, ASTM D 92 182
ความหนาแน่น@ 15°C, kg/L,ASTM D 4052 0.860
สี แดง

บันทึกการเข้า
plew_ch
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,245


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554 20:19:06 »

เปลี่ยนวันนี้เหมือนกัน ลองใส่3ลิตรดู ขาดไปหน่อย ใช้ของ trand DEX II ลิตละ 90บาท
เวลาวัดน้ำมันเกียร์ พอใส่ใหม่ฯวัดดุไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะ ท่อน้ำมันมันที่เติม มันกลบ ทำให้ก้านวัดติดน้ำมันมาจนแยกไม่ออกว่าเกินหรือขาด ต้องไปวิ่งสักพัก ให้น้ำมันไหลลงไม่ติดผนังท่อ แล้ววัดอีกที่ 3 ลิตรได้แค่ ตรง cool ขีดล่าง ซึ่งแปลว่าน้อยไป มันต้องไม่ต่ำกว่าขีด HOT ล่าง คงต้องหามาเติม
บันทึกการเข้า
BUT_AE101 ~Lx~
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,796



ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554 21:44:06 »

ผมใช้ dexron II   ของโมบิลตลอดครับ
บันทึกการเข้า

ไปทุกที่.. ที่อยากจะไป
smilegames
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,978



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554 21:55:30 »

ผมว้ดน้ำมันเกียร ตอนสตาร์ท เครื่องสักพัก แล้วก็เปลี่ยนเกียรไปมา ทุกเกียร แล้วจึงค่อยมาวัดที่ก้านครับ ที่ช่วง Hot
บันทึกการเข้า

BIG 92
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,790


นักรบเมืองลิง


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554 22:05:46 »

ผมว้ดน้ำมันเกียร ตอนสตาร์ท เครื่องสักพัก แล้วก็เปลี่ยนเกียรไปมา ทุกเกียร แล้วจึงค่อยมาวัดที่ก้านครับ ที่ช่วง Hot
ให้ดูระดับน้ำมันเกียร์ถึงคำว่า Hot  เขาถึงจะเรียกว่าไม่เกินไม่ขาดใช้ไหมครับ 
บันทึกการเข้า
smilegames
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,978



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554 22:14:07 »

เจอพอดี http://www.phithan-toyota.com/th74/article/detail/185/7

การใช้เกียร์อัตโนมัติ
     1. การเลือกใช้ตำแหน่งคันเกียร์
        1.1 การเลือกใช้ตำแหน่ง N ไปที่ตำแหน่ง R และ P หรือเลื่อนคันเกียร์จากตำแหน่ง 2ไปที่ตำแหน่ง 1 (หรือ L) ดังที่แสดงด้วยลูกศร จะต้องกดปุ่มปลดล็อคที่คันเกียร์ก่อนจึงจะสามารถเลื่อนคันเกียร์ไปตามตำแหน่งที่กล่าวมาแล้วได้
        1.2. การเลื่อนคันเกียร์ระหว่าง N , D และ 2 ไม่จะเป็นต้องกดปุ่มปลดล็อคที่คันเกียร์
               หมายเหตุ รถยนต์บางยี่ห้ออาจต้องมีการปลดล็อคก็ได้



สำคัญ !
        1.3 การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จากเกียร์เดินหน้าไปเป็นเกียร์ถอยหลัง หรือจากเกียร์ถอยหลังไปเป็นเกียร์เดินหน้า ควรให้รถยนต์หยุดนิ่งเสียก่อน (เหยียบคันเหยียบเบรคไว้) จึงเปลี่ยน

        1.4 ควรเลือกใช้ตำแหน่งคันเกียร์ให้ตรงตามสภาพการขับขี่ และลักษณะของถนน
             - ตำแหน่ง P (parking) หมายถึงตำแหน่งเกียร์จอด ใช้สำหรับการจอดรถยนต์ ณ.ที่จอดรถโดยจะใช้พร้อมกับการดึงเบรคมือ
             - ตำแหน่ง R (reverse) หมายถึงตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง
             - ตำแหน่ง N (neutra) หมายถึงเกียร์ว่าง
             - ตำแหน่ง D (drive) หมายถึงตำแหน่งเกียร์เดินหน้าปกติ ในตำแหน่งนี้เกียร์จะเปลี่ยน ขึ้นหรือลงได้เองโดยอัตโนมัติ จากเกียร์ 1,2,3 และ 4 หรือจากเกียร์ 4,3,2 และ1ได้ตามลำดับ
             - ตำแหน่ง 2 หมายถึง ตำแหน่งเกียร์เดินหน้า ซึ่งเกียร์จะสามารถเปลี่ยนขึ้นหรือลงได้เพียง 2 ตำแหน่งเกียร์เท่านั้น 1 และเกียร์ 2 เหมาะสำหรับสภาพถนนที่เป็นทางลาดชัน ขึ้นหรือลงเขาในตำแหน่งเกียร์นี้จะอาศัยการเบรกด้วยเครื่องยนต์ได้
             - ตำแหน่ง L (low) หมายถึงเกียร์เดินหน้า ซึ่งเกียร์จะทำงานในตำแหน่งเกียร์ 1 เพียงเกียร์เดียวเท่านั้น เหมาะสำหรับการขับขี่ที่ต้องการแรงบิดจากเครื่องยนต์อย่างมาก หรือในสภาพถนนที่มีความลดชัน ขึ้นหรือลงเขา จะสามารถอาศัยการเบรกด้วยเครื่องยนต์ได้

     อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งคันเกียร์ของรถยนต์บางยี่ห้ออาจตำแหน่งนอกเหนือจากที่กล่าวมา แล้วก็มีเช่น
     ก. P,R,N,D,3,2 และ1
     ข. P,R,N,D4,D3 และ 2
     จากข้อ ก. จะมีตำแหน่ง 3 เพิ่มขึ้นมา ซึ่งหมายถึงตำแหน่งเกียร์สามารถเปลี่ยนขึ้นหรือลงได้โดยอัตโนมัติเพียง 3 ตำแหน่งเกียร์เท่านั้น คือจากเกียร์ 1,2 และ 3 หรือจากเกียร์ 3,2 และ 1 ตามลำดับส่วนตำแหน่ง 1 จะมีการทำงานเหมือนกับตำแหน่ง L
     จากข้อ ข. จะมีตำแหน่ง D3 เพิ่มขึ้นมา ซึ่งหมายถึงตำแหน่งเกียร์สามารถเปลี่ยนขึ้นหรือลงได้โดยอัตโนมัติเพียง 3 ตำแหน่งเกียร์เหมือนกับตำแหน่ง 3 ในข้อ ก. ส่วนตำแหน่ง D4จะมีการทำงานเหมือนกับตำแหน่ง D

      2. การใช้เกียร์อัตโนมัติอย่างถูกต้อง
          การใช้เกียร์อัตโนมัติอย่างถูกต้องควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
         2.1 ก่อนทำการติดเครื่องยนต์ ต้องเลื่อนคันเกียร์ให้มาอยู่ที่ตำแหน่ง N หรือ P เท่านั้นเพราะในตำแหน่งอื่น ๆ จะไม่สามารถบิดสวิตซ์กุญแจเพื่อเครื่องยนต์ให้หมุนได้ (เป็นระบบความปลอดภัยของการ ใช้เกียร์อัตโนมัติ)
         2.2. สวิตช์โอเวอร์ไดรฟ์ควรอยู่ในตำแหน่ง ON เสมอ ทั้งนี้เพื่อความประหยัดเชื้อเพลิงและช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ลงได้ (ในกรณีที่ขับขี่ในสภาพการจราจรปกติ)
         2.3. ไม่ควรเหยียบคันเร่งขณะที่กำลังเลื่อนคันเกียร์จากตำแหน่ง N ไปยังตำแหน่ง D
         2.4 ไม่ควรเลื่อนคันเกียร์จากตำแหน่ง D ไปยังตำแหน่ง 2 หรือ 1 ทันทีทันใด เมื่อรถยนต์กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงมาก ๆ (ประมาณ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป) เพราะอาจทำให้รถเสียการทรงตัว ล้อลื่นไถล และเกียร์อัตโนมัติอาจชำรุดเสียหายได้ (อายุการใช้งาน)
         2.5. เมื่อขับรถยนต์ขึ้นทางลาดชันหรือต้องใช้แรงฉุดมาก ๆ ให้เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง 2 หรือ L ตามความเหมาะสม แต่ควรเปลี่ยนตำแหน่งของคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง D บ้าง เพื่อป้องกันเกียร์อัตโนมัติิร้อนจัด อันเนื่องมาจากต้องทำงานหนักมาก
         2.6. ขณะที่เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง R ควรเหยียบคันเหยียบเบรกไว้ด้วยเพื่อป้องกันชิ้นส่วนภายในกระปุกเกียร์ชำรุดหรือสึกหรอเร็ว (บางกรณีรถอาจไม่หยุดนิ่ง)
         2.7. การจอดรถยนต์ ควรเหยียบคันเหยียบเบรกให้รถยนต์หยุดสนิท ดึงเบรกมือและเลื่อนคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง P อย่างไรก็ตาม ไม่ควรเลื่อนคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง P เมื่อรถยนต์กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงเพราะอาจทำให้ชิ้นส่วนภายในกระปุกเกียร์ชำรุด และเกิดอันตรายจากการที่ไม่สามารถควบคุมรถยนต์ได้
         2.8. ในกรณีที่เกียร์มีการเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นหรือลงกลับไปกลับมาระหว่างเกียร์ 3 และเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์บ่อย ๆ ครั้ง ควรกดสวิตช์โอเวอร์ไดรฟ์ให้อยู่ตำแหน่ง OFF
         2.9. ไม่ควรใช้ตำแหน่งเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ ( on ) เมื่อต้องมีการลากจูงรถยนต์อื่น
         2.10. ไม่ควรจอดรถยนต์ไว้บนทางลาดชัน โดยวิธีเหยียบคันเร่งไว้เล็กน้อย เมื่อคันเกียร์อยู่ในตำแหน่ง D เพราะอาจทำให้เกียร์อัตโนมัติร้อนจัดได้ ควรเปลี่ยนมาใช้วิธีเหยียบคันเหยียบเบรกหรือดึงเบรกมือแล้วเลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง N แทน
         2.11. ถ้าหลอดไฟเตือน O/D OFF กระพริบเตือน แสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นภายในเกียร์อัตโนมัติไม่ควรใช้รถยนต์ต่อไปในระยะทางที่ไกลมาก ๆ ควรตรวจหาสาเหตุหรือนำเข้าศูนย์บริการ
         2.12. ขณะจอดติดไฟแดง หรือจอดอยู่ที่อาจมีรถอื่นมาชนได้ ไม่ควรเข้าเกียร์ P เพราะถ้าถูกชนแล้วอาจทำให้เกียร์ชำรุดได้

*** กรณีที่จอดรถและให้มีการเลื่อนรถได้ขณะจอดรถทิ้งไว้ เช่น ห้างสรรพสินค้าโรงภาพยนต์ ควรปฎิบัติดังนี้ ควรเหยียบคันเหยียบเบรกให้รถยนต์หยุดสนิทเลื่อนคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง P ดับเครื่องยนต์ กดปุ่ม shift lock (บริเวณโคนเกียร์) เลื่อนตำแหน่ง เกียร์ P มายังตำแหน่ง N

 

     3. การตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
         การตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ควรตรวจสอบขณะที่กระปุกเกียร์และน้ำมันเกียร์มีอุณหภูมิการทำงานปกติ (ประมาณ 70 ถึง 80 องศาเซลเซียล) หรือให้รถยนต์วิ่งมาแล้วไม่น้อยกว่า15 ถึง 20 กก. แต่ถ้าวิ่งมาแล้วด้วยความเร็วสูงเป็นระยะเวลานาน ๆ สภาพการจราจรติดขัดอากาศร้อนจัด บรรทุกน้ำหนัก
มาก หรือลากจูงรถยนต์คันอื่นมา ก่อนทำการตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์ จะต้องดับเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีเสียก่อน หลังจากนั้นจึงเริ่มทำการตรวจสอบตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
         3.1. จอดรถยนต์ไว้บนพื้นราบและดึงเบรคมือไว้
         3.2. ทำการติดเครื่องยนต์ ให้ติดเดินเครื่องเบา และเหยียบเบรกไว้ แล้วเลื่อนคันเกียร์จากตำแหน่ง P ไปยังตำแหน่ง R,N,D,2 และ L  ตามลำดับและให้เลื่อนกลับมาที่ตำแหน่ง P ตามเดิมแล้วดึงก้านเหล็กวัดระดับน้ำมันเกียร์ออกมาตรวจสอบ ระดับน้ำมันเกียร์ควรจะอยู่ในช่วงขีด HOT และควรสังเกตสีของน้ำมัน
เกียร์ด้วยว่ามีสีผิดปกติหรือไม่

       

 

         3.3. ทำความสะอาดก้านเหล็กวัดระดับน้ำมันเกียร์ด้วยผ้าสะอาดและไม่ควรมีขนหรือเศษใยผ้า
         3.4. นำก้านเหล็กวัดระดับน้ำมันเกียร์สอดเข้าที่เดิม และควรดันเข้าให้สุดเพื่อป้องกันน้ำเข้าได้
         3.5. การตรวจระดับน้ำมันเกียร์ขณะที่เครื่องยนต์เย็นก็สามารถทำได้ โดยให้ตรวจสอบที่ช่วงCOOLของก้านเหล็กวัด และเพื่อความแน่นอนควรตรวจขณะเครื่องยนต์ร้อนในช่วง HOT อีกครั้ง
         3.6. น้ำมันเกียร์ที่พร่องให้เติมเพิ่มโดยใช้กรวยที่สะอาดรองเติม น้ำมันเกียร์ที่ใช้ควรใช้ให้ถูกต้องตามคู่มือประจำรถยนต์แนะนำ
         3.7. ตรวจดูรอยรั่วของน้ำมันเกียร์รอบ ๆ กระปุกเกียร์ ซึ่งอาจเกิดจากซีลน้ำมันบางตัวหรือประเก็นชำรุด และตรวจหารอยร้าวของกระปุกเกียร์ซึ่งอาจเกิดจากการกระแทกกับของแข็งเช่นก้อนหินขนาดใหญ่ด้วย

      4. การติดเครื่องยนต์ด้วยวิธีเข็นรถยนต์
          การติดเครื่องยนต์ด้วยวิธีเข็นรถยนต์ ในกรณีที่แบตเตอรี่ (batterry) หมดประจุหรือ มอเตอร์สตาร์ต (motor start) ไม่ทำงาน สำหรับรถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดาจะสามารถทำได้ แต่ในรถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ การติดเครื่องยนต์ด้วยวิธีเข็นรถยนต์เหมือนกับรถยนต์ใช้เกียร์ธรรมดา กำลังงานจากล้อขับของรถยนต์จะไม่สามารถส่งผ่านชุดเฟืองเปลี่ยนอัตราทดไปยังทอร์คคอนเวอร์เตอร์ และเครื่องยนต์ได้ ทั้งนี้เพราะว่าเมื่อเครื่องยนต์ไม่ทำงาน ปั้มน้ำมันของระบบควบคุมไฮดรอลิกก็จะไม่ทำงาน ทำให้ไม่สามารถส่งกำลังงานจากล้อขับของรถยนต์ไปยังเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นการติดเครื่องยนต์ด้วยวิธีเข็นรถยนต์ สำหรับรถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติจึงไม่สามารถทำได้

      5. วิธีการลากจูงรถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ  วิธีการลากจูงรถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติในกรณีที่เครื่องยนต์เกิดขัดข้องไม่ทำงานปั๊มน้ำมันก็จะไม่ทำงานด้วย มีผลให้ระบบควบคุมไฮดรอลิกไม่สามารถทำงานได้ดังนั้นกำลังดันหล่อลื่นที่ใช้หล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเกียร์อัตโดนมัติจึงไม่มีจะมีเพียงแต่น้ำมันเกียร์บางส่วนที่ตกค้างหรือจับชิ้นส่วนเป็นฟิล์มบาง ๆ เป็นตัวช่วยหล่อลื่นชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นเมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องลากจูงรถยนต์จึงควรปฏิบัติตามวิธีการดังต่อไปนี้
          5.1 ให้ปลดเบรกมือของรถยนต์ที่ถูกลากจูง
          5.2 ปิดสวิตซ์กุญแจให้อยู่ตำแหน่ง OFF (ห้ามดึงลูกกุญแจออก) เพื่อป้องกันไม่ให้พวงมาลัยถูกล็อคและอาจจะปิดไปที่ตำแหน่ง ON บ้างเป็นบางครั้งคราวเมื่อต้องการเปิดไฟเลี้ยว
          5.3 ความเร็วของรถยนต์ที่ใช้ลากจูงไม่ควรเกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
          5.4 ระยะทางที่ลากจูงไปไม่ควร เกิน 60 ถึง 80 กิโลเมตร ถ้ามีระยะทางมากเกินไปควรปฏิบัติดังนี้
               - ถ้าเป็นรถยนต์ที่ขับด้วยล้อหลัง ควรถอดเพลากลางออก
               - ถ้าเป็นรถยนต์ที่ขับด้วยล้อหน้า ให้ใช้วิธีลากโดยการยกล้อหน้าให้ลอยพ้นพื้นถนน
บันทึกการเข้า

AE.พาฝัน
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,910



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554 22:35:23 »

 
บันทึกการเข้า
[[Badd]]
Web Administrator
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: มากเกินบรรยาย


トヨタ カローラ 1.6 GTi


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554 23:34:58 »

ผมใช้ dexron II   ตามสเปคครับ

เคยใส่  dexIII ครั้งเดียวไม่รู้สึกอะไร รู้แต่ว่าน้ำมันเกียร์ใช้ตามสเปคดีก่า
บันทึกการเข้า

"ขำขำคลับ"
Lee Racing 086-063-7714
จะจบไหม
http://www.facebook.com/aeracingclub
totti สายเลี้ยว.
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,998


7a fe twin coil


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2554 05:00:21 »

เปลี่ยนมะวานเอง.......................3ลิตรหน่องๆ...............
บันทึกการเข้า

Mart AE100 ™
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,573


4e bo ...


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2554 06:10:26 »

ออยข้างหน้าแตก มีน้ำมันสีแดงๆไหลออกมา มันเป็นน้ำมันเกียร์ใช่หรือเปล่าครับ ตอนนี้ผมอุดแล้ว แต่ยังไม่ได้เช็คดูเลยว่าขาดหรือเปล่า แล้วจะมีผมอะไรมั้ย ท่าน้ำมันเกียร์ขาดครับ ?
บันทึกการเข้า

plew_ch
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,245


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2554 06:40:44 »

ออยข้างหน้าแตก มีน้ำมันสีแดงๆไหลออกมา มันเป็นน้ำมันเกียร์ใช่หรือเปล่าครับ ตอนนี้ผมอุดแล้ว แต่ยังไม่ได้เช็คดูเลยว่าขาดหรือเปล่า แล้วจะมีผมอะไรมั้ย ท่าน้ำมันเกียร์ขาดครับ ?
ใช่ น้ำมันเกียร์แน่นอนสีแดงฯ น้ำมันเพาเวอร์ก็สีแดง
ก็เสียหายได้ในอนาคต เช็คระดับแล้วดูว่าขาดหรือไม่ ซื้อเติมได้ ทำเองได้ง่ายฯ น้ำมันเกียร์วัดตอนติดเครื่องอยู่นะครับ
บันทึกการเข้า
Mart AE100 ™
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,573


4e bo ...


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2554 06:58:11 »

ออยข้างหน้าแตก มีน้ำมันสีแดงๆไหลออกมา มันเป็นน้ำมันเกียร์ใช่หรือเปล่าครับ ตอนนี้ผมอุดแล้ว แต่ยังไม่ได้เช็คดูเลยว่าขาดหรือเปล่า แล้วจะมีผมอะไรมั้ย ท่าน้ำมันเกียร์ขาดครับ ?
ใช่ น้ำมันเกียร์แน่นอนสีแดงฯ น้ำมันเพาเวอร์ก็สีแดง
ก็เสียหายได้ในอนาคต เช็คระดับแล้วดูว่าขาดหรือไม่ ซื้อเติมได้ ทำเองได้ง่ายฯ น้ำมันเกียร์วัดตอนติดเครื่องอยู่นะครับ

รถไม่ค่อยได้ออกไปใช้งาน นานๆที แฟนจะเอาออกไปใช้ ตัวผมยังอยู่ต่างประเทศ จะบอกให้แฟนเช็คคงจะดูไม่เป็น คงไม่เป็นอะไรมั้งครับ หรือว่าจะเป็น ยังห่วงๆเหมือนกันครับ ...
บันทึกการเข้า

Rong Fuel-Up
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,276



ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2554 11:54:57 »

รถคนที่รู้จักกันพังไป2คันเพราะใช้น้ำมันเกียร์ dexIII ครับ
รถพี่บ้านเบนซ์โบราณ พังเหมือนกันเพราะใช้ไม่ตรงครับ

ไม่รู้ว่ามีผลอะไร แต่ปัจจุบัน รถเบนซ์โบราณที่บ้านใช้น้ำมันเกียร์ ถูกๆ  และเอ็กซิเออร์ 4afe ก็ใช้น้ำมันเกียร์ถูกๆ  แต่ตรงตามก้านวัด
ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!