เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสายไฟที่ออกจาก O2 sensor
Last Updated On: 7 ตุลาคม 2552 - 20:31:00
O2 sensor ที่มีใช้กันอยู่ในรถยนต์ทุกวันนี้มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบ Narrow Band กับแบบ Wide Band มีข้อแตกต่างกันคือ
โดยทั่วไปแบบ Wide Band จะมีสายไฟ 5 เส้น ส่วนแบบ Narrow Band จะมีสายไฟตั้งแต่ 1 เส้น จนถึง 4 เส้น(ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละยี่ห้อ)
แบบ Wide Band สามารถต่อเข้ากับตัวควบคุมและตั้งโปรแกรมปรับปริมาณอัตราส่วนผสมเชื้อเพลิงกับอากาศได้ แต่แบบ Narrow Band ไม่สามารถตั้งโปรแกรมปรับปริมาณอัตราส่วนผสมเชื้อเพลิงกับอากาศได้
ดังนั้นรถยนต์(ส่วนใหญ่)ที่ใช้ O2 sensor แบบ Narrow Band จึงไม่สามารถโปรแกรมปรับตั้งปริมาณอัตราส่วนผสมเชื้อเพลิงกับอากาศให้หนาหรือบางกว่าค่าที่ถูกตั้งมาจากโรงงานได้ ถ้าเราต้องการปรับอัตราส่วนผสมเชื้อเพลิงกับอากาศก็ต้องใช้อุปกรณ์เสริมที่สามารถแปลงสัญญาณที่ออกจาก O2 sensor ไปยังกล่องควบคุมอิเลคโทรนิกส์(ECU) โดยไม่รบกวนการทำงาน ECU และECU จับไม่ได้ว่ามีอุปกรณ์นี้เพิ่มเข้ามาในระบบ
สำหรับสายไฟที่ออกมาจาก O2 sensor นั้นเราสามารถดูได้จากคู่มือของผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อหรือถามจากช่างเครื่องยนต์ในแต่ละศูนย์บริการ ก็จะรู้ได้ว่าสายเส้นใดเป็นสายไฟ,เส้นใดเป็นสายกราวด์และเส้นใดเป็นสายสัญญาณ แต่ถ้าเราต้องการจะตรวจหาด้วยตัวเองก็สามารถทำได้โดยมีหลักในการพิจารณาดังนี้
* สายไฟที่ออกจาก O2 sensor มีเส้นเดียว สายเส้นนั้นก็จะเป็นสายสัญญาณและตัวโครง(Body)จะเป็นกราวด์หรือ 0 V.
* สายไฟที่ออกมาจาก O2 sensor มี 2 เส้น เส้นหนึ่งจะเป็นสายสัญญาณ ส่วนอีกเส้นหนึ่งจะเป็นกราวด์หรือ 0 V.(ต้องใช้มัลติมิเตอร์ตรวจวัด)
* สายไฟที่ออกมาจาก O2 sensor มี 3 เส้น โดยปกติแล้วจะมีอยู่สองเส้นที่มีขนาดโตกว่า(เล็กน้อย)อีกเส้นที่เหลือ สายที่มีขนาดโตสองเส้นจะเป็นสายไฟและสายกราวด์ของฮีตเตอร์ที่อยู่ในตัว O2 sensor ส่วนสายที่มีขนาดเล็กจะเป็นสายสัญญาณ และตัวโครง(Body)จะเป็นกราวด์
* สายไฟที่ออกมาจาก O2 sensor มี 4 เส้น โดยสายที่มีขนาดสองเส้นจะเป็นสายไฟและสายกราวด์ของฮีตเตอร์ที่อยู่ในตัว O2 sensor ส่วนสายที่เหลืออีก 2 เส้นจะเป็นสายสัญญาณกับสายกราวด์
ในการหาหน้าที่ของสายแต่ละเส้น ต้องปิดสวิทช์กุญแจไว้ก่อน สำหรับ O2 sensor ที่มีสาย 3 เส้นหรือ 4 เส้น มีวิธีการตรวจวัดดังนี้
1. ถอดข้อต่อสาย(คอนเน็กเตอร์)ของO2 sensor ออกจากระบบไฟในรถยนต์ ปรับมัลติมิเตอร์ไปที่ย่านวัดแรงดันไฟตรง(D.C VOLT)ที่ค่าแรงดันเต็มสเกลไม่น้อยกว่า 15 โวลท์
2. เปิดสวิทช์กุญแจ แล้วนำหัววัดของมัลติมิเตอร์วัดหาสายไฟ 2 เส้นที่มีแรงดันไฟฟ้า 12 โวลท์ สองสายนี้คือสายไฟเลี้ยงและกราวด์ของฮีตเตอร์
3. ปิดสวิทช์กุญแจ แล้วต่อข้อต่อสาย(คอนเน็กเตอร์)ของO2 sensor เข้าที่เดิม สายไฟ 2 เส้นที่เหลือจะเป็นสายสัญญาณและสายกราวด์
4.ปอกฉนวนหุ้มสายไฟทั้ง 2 เส้นออกยาวประมาณ 1 ซ.ม.(ในขั้นตอนนี้ห้ามตัดสายให้ขาดออกจากกัน) ระวังการลัดวงจร อย่าให้สายทั้ง 2 เส้นนี้แตะกันเองหรือแตะกับตัวถัง
นำหัววัดของมัลติมิเตอร์ต่อเข้ากับสายไฟทั้ง 2 เส้น สตาร์ทเครื่องยนต์และอ่านค่าที่มิเตอร์วัดได้ เมื่อเครื่องยนต์ร้อนถึงอุณหภูมิทำงานแล้ว ค่าที่วัดได้จะแกว่งอยู่ระหว่าง 0 โวลท์ กับ 1 โวลท์ ถ้าค่าที่อ่านได้เป็นค่าลบ ก็ให้สลับสายวัดของมิเตอร์ ค่าที่อ่านได้จะเป็นค่าบวก สายไฟที่ต่อกับสายมิเตอร์สีดำ จะเป็นสายกราวด์ ส่วนสายไฟที่ต่อกับสายมิเตอร์สีแดง จะเป็นสายสัญญาณ
อี-เพาเวอร์ 656/7 หมู่ 4 เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520 Tel :081-3377908
เครดิตจาก
http://www.thaiblogonline.com/red07.blog?PostID=8711ซ้ำต้องขออภัยครับ