AE. Racing Club
09 กรกฎาคม 2024 06:09:11 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มารู้จักความหมายของเบอร์ ฟิลม์กรองแสงกัน  (อ่าน 1473 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
toyotanon
มือใหม่หัดขับ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 36



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 16 สิงหาคม 2013 09:05:43 »

ก่อนอื่นต้องกล่าวย้อนไปช่วงที่ฟิลม์เข้ามาแรกๆ สมัยนั้นจะมีเบอร์ฟิล์มอยู่น้อย คือ 05, 20, 35, 50 ซึ่ง



  • เบอร์ 05 หมายถึง แสงผ่านได้ 5 % ฟิล์มเข้ม 95 %
  • เบอร์ 20 หมายถึง แสงผ่านได้ 20 % ฟิล์มเข้ม 80 %
  • เบอร์ 35 หมายถึง แสงผ่านได้ 35 % ฟิล์มเข้ม 65 %
  • เบอร์ 50 หมายถึง แสงผ่านได้ 50 % ฟิล์มเข้ม 50 %
แต่ที่เข้าใจผิดของบ้านเรามาจนบัดนี้คือ
  • ฟิลม์เบอร์ 05 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 80 %
  • ฟิล์มเบอร์ 20 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 60 %
  • ฟิล์มเบอร์ 50 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 40 %
รวมถึงการโฆษณาเกินจริงว่ากันรังสีได้ 99 % แท้จริงเป็นข้อมูลที่บอกไม่หมด เพราะรังสีจากแสงแดดมีอยู่ 3 ส่วนที่จะให้ความร้อนและมีสัดส่วนไม่เท่ากันดังนี้
ความร้อนจากแสงสว่าง 44%
ความร้อนจากรังสีอินฟาเรด 53% (IR)
ความร้อนจากรังสียูวี 3%(UV)

จะเห็นได้ว่า ความร้อนนั้นมาจากทั้งรังสีและแสงสว่าง ซึ่งค่าจากการป้องกันรังสี เพียงอย่างเดียวไม่สามารถเอามาตัดสินใจได้จริง และการดูคุณสมบัติการกันความร้อนของฟิล์ม ควรดูที่ ค่าการกันความร้อนโดยรวม (TSER) ซึ่งค่านี้จะเป็นค่าที่สรุปการกันความร้อนทั้งหมดของฟิลม์แล้ว

การปฎิบัติหลังติดฟิล์มกรองแสง

  • ห้ามเลื่อนกระจกขึ้น - ลง หรือ เช็ด ถูฟิล์ม ภายใน 7 วัน หลังจากติดตั้ง เนื่องจากกาวของฟิล์มกรองแสงจะใช้ระยะเวลาในการอยู่ตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม เช่น การถูกแสงแดด ควรจะรอให้ครบระยะเวลาก่อนจึงเลื่อนหรือเช็ดกระจกได้
  • หากมีปัญหาอื่นใด เช่น มีฟองอากาศ หรือ ฟิล์มอ้า ฯลฯ ให้รีบติดต่อศูนย์บริการภายในระยะเวลารับประกัน
  • ในการทำความสะอาดฟิล์มกรองแสง ควรใช้ผ้าสะอาด ผ้านุ่มหรือฟองน้ำ ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดฟิล์ม เพื่อกำจัดคราบมัน และไม่ควรนำวัสดุที่ลักษณะเป็นของแข็งหรือผิวไม่เรียบเช็ดถูที่กระจกเป็นอันขาด
  • ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกหรือสารเคมีที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย ( NH4) เพราะอาจทำให้ ชั้นกันรอยของฟิล์มเสียหายได้
  • ควรหมั่นดูแลรักษาร่องกระจก ไม่ให้มีเศษทรายหรือก้อนกรวดค้างอยู่ในราง เพราะจะทำให้ฟิล์มกรองแสงเกิดความเสียหายได้

ข้อมูลจาก
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=91
http://www.toyotanon.com
บันทึกการเข้า

cm142
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 55


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2013 09:48:53 »

 สุดยอด สุดยอด
บันทึกการเข้า
playboy
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,307



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2013 00:24:39 »

ก่อนอื่นต้องกล่าวย้อนไปช่วงที่ฟิลม์เข้ามาแรกๆ สมัยนั้นจะมีเบอร์ฟิล์มอยู่น้อย คือ 05, 20, 35, 50 ซึ่ง



  • เบอร์ 05 หมายถึง แสงผ่านได้ 5 % ฟิล์มเข้ม 95 %
  • เบอร์ 20 หมายถึง แสงผ่านได้ 20 % ฟิล์มเข้ม 80 %
  • เบอร์ 35 หมายถึง แสงผ่านได้ 35 % ฟิล์มเข้ม 65 %
  • เบอร์ 50 หมายถึง แสงผ่านได้ 50 % ฟิล์มเข้ม 50 %
แต่ที่เข้าใจผิดของบ้านเรามาจนบัดนี้คือ
  • ฟิลม์เบอร์ 05 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 80 %
  • ฟิล์มเบอร์ 20 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 60 %
  • ฟิล์มเบอร์ 50 เรียกผิดว่า ฟิล์ม 40 %
รวมถึงการโฆษณาเกินจริงว่ากันรังสีได้ 99 % แท้จริงเป็นข้อมูลที่บอกไม่หมด เพราะรังสีจากแสงแดดมีอยู่ 3 ส่วนที่จะให้ความร้อนและมีสัดส่วนไม่เท่ากันดังนี้
ความร้อนจากแสงสว่าง 44%
ความร้อนจากรังสีอินฟาเรด 53% (IR)
ความร้อนจากรังสียูวี 3%(UV)

จะเห็นได้ว่า ความร้อนนั้นมาจากทั้งรังสีและแสงสว่าง ซึ่งค่าจากการป้องกันรังสี เพียงอย่างเดียวไม่สามารถเอามาตัดสินใจได้จริง และการดูคุณสมบัติการกันความร้อนของฟิล์ม ควรดูที่ ค่าการกันความร้อนโดยรวม (TSER) ซึ่งค่านี้จะเป็นค่าที่สรุปการกันความร้อนทั้งหมดของฟิลม์แล้ว

การปฎิบัติหลังติดฟิล์มกรองแสง

  • ห้ามเลื่อนกระจกขึ้น - ลง หรือ เช็ด ถูฟิล์ม ภายใน 7 วัน หลังจากติดตั้ง เนื่องจากกาวของฟิล์มกรองแสงจะใช้ระยะเวลาในการอยู่ตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม เช่น การถูกแสงแดด ควรจะรอให้ครบระยะเวลาก่อนจึงเลื่อนหรือเช็ดกระจกได้
  • หากมีปัญหาอื่นใด เช่น มีฟองอากาศ หรือ ฟิล์มอ้า ฯลฯ ให้รีบติดต่อศูนย์บริการภายในระยะเวลารับประกัน
  • ในการทำความสะอาดฟิล์มกรองแสง ควรใช้ผ้าสะอาด ผ้านุ่มหรือฟองน้ำ ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดฟิล์ม เพื่อกำจัดคราบมัน และไม่ควรนำวัสดุที่ลักษณะเป็นของแข็งหรือผิวไม่เรียบเช็ดถูที่กระจกเป็นอันขาด
  • ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกหรือสารเคมีที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย ( NH4) เพราะอาจทำให้ ชั้นกันรอยของฟิล์มเสียหายได้
  • ควรหมั่นดูแลรักษาร่องกระจก ไม่ให้มีเศษทรายหรือก้อนกรวดค้างอยู่ในราง เพราะจะทำให้ฟิล์มกรองแสงเกิดความเสียหายได้

ข้อมูลจาก
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=91
http://www.toyotanon.com
สุดยอด คำนับ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!