AE. Racing Club
23 มกราคม 2568 21:44:28 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า:  «  1 2 [3]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 4AGE 16วาว เซ็ทโบแล้วลูกสูบแตกตรงร่องแหวน 2 ครั้งแล้วครับ  (อ่าน 15954 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
^^warriorball^^
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 540


เน้นใช้งาน..แต่ขับมันส์...


ดูรายละเอียด
« ตอบ #40 เมื่อ: 24 มกราคม 2552 06:52:05 »

ทำไมไม่ซื้อเครื่องที่เป็บโบสแตนดาร์ดมาเล่นเลยอ่ะครับ...แล้วอยากโมก็มาโมเอง...เล่นเอาเครื่อง n/a มาเซ็ตโบ ผมว่าไม่คุ้มทุนกะที่ทำนะครับบบบ...ก็แร้วแต่ท่านละกานคร๊าบบบบบบบบบบ...........ลองดู ลองดู.....
บันทึกการเข้า
wasabi
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #41 เมื่อ: 24 มกราคม 2552 10:09:20 »

ทำไมไม่ซื้อเครื่องที่เป็บโบสแตนดาร์ดมาเล่นเลยอ่ะครับ...แล้วอยากโมก็มาโมเอง...เล่นเอาเครื่อง n/a มาเซ็ตโบ ผมว่าไม่คุ้มทุนกะที่ทำนะครับบบบ...ก็แร้วแต่ท่านละกานคร๊าบบบบบบบบบบ...........ลองดู ลองดู.....

4A-GTE มันไม่มี ในสายการผลิต นะซิครับ น้องบอล  จะเอา 4A-GZE มาเซ็ท  ระบบไฟ ก็ ไม่ค่อยเวิร์ค

ก็ ต้อง เอา 4A-FE หรือ 4A-GE มาเซ็ท แหละครับ   เด๊วนี้ อุปกรณ์ ไฟฟ้า ต่างๆ ดีขึ้นมาก กล่อง ก็ ฉลาดขึ้นมากๆ  ถ้าเลือกใช้ ของให้เป็น แล้วรู้ลิมิตรถ ก็ ไม่พังกัน ง่ายๆ หรอกครับ  Smiley


มารออ่านต่อ ฝาลายโบ   หุหุ Smiley
บันทึกการเข้า
ae4348
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200


ดูรายละเอียด
« ตอบ #42 เมื่อ: 24 มกราคม 2552 17:30:11 »

รอนิดนึงครับ เดี๋ยวคืนนี้จัดให้ยาวๆครับ เข้าเวรพอดี
carboys ครับ ลูกผมไม่ง่วงหรอกครับ แต่ผมง่วงเองลองดูเวลาที่ผมเขียนซิว่ามันเป็นเวลาเท่าไหร่ครับ
บันทึกการเข้า
Nan Trueno
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,292


AE ช่างมัน บ้า Wagon R ดีกว่า


ดูรายละเอียด
« ตอบ #43 เมื่อ: 24 มกราคม 2552 21:02:46 »

 
บันทึกการเข้า




http://www.facebook.com/NanWagonR

ถ้าคุณชอบ K-Car กดเลยครับ
ae4348
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200


ดูรายละเอียด
« ตอบ #44 เมื่อ: 25 มกราคม 2552 00:06:35 »

มาต่อกันดีกว่าครับเอาเป็นว่าเราตั้งโจทย์ว่าเราต้องการทำ 4ag ฝาลายให้ได้ซัก 300 แรงม้าต้องเตรียมอะไรบ้างครับ

1.)ท่อนล่าง( ประกอบใหม่เพื่อเช็คความพร้อมของท่อนล่างที่ต้องรับแรงม้าที่เพิ่มขึ้นครับ )
-เช็คกระบอกสูบว่ามีรอยไหม้หรือมีการกัดกร่อนจากสภาพการใช้งานเองว่าสภาพของเสื้อสูบนั้นดีมาก-น้อยแค่ไหนครับ ถ้าสภาพดีก็ทำความสะอาดกระบอกสูบด้วยกระดาษเบอร์ 1000 ก็พอครับ( ถ้าขยันน่ะ )หรือส่งโรงกลึงขัดเงาให้ก็ได้ครับ บอกว่าขัดเงาชักลายน้ำมันเครื่องอย่างเดียวนะครับ ถ้าเราไม่บอกเดียวโรงกลึงขัดมากเกินไป อาจทำให้กระบอกสูบหลวมได้ครับ งานจะเข้าน่ะครับ
-จากนั้นทำการล้างเสื้อสูบให้สะอาดครับ อย่าลืมน่ะครับต้องถอดน๊อต 6 เหลี่ยมเบอร์ 10ที่อยู่ทางด้านหน้าเครื่องตรงปั๊มน้ำมันเครื่องและทางด้านหลังเครื่องทางด้านฟลายวีลออกด้วยน่ะครับ มันเป็นทางเดินของรูน้ำมันเครื่องที่ทางผู้ผลิตเจาะเพื่อสร้างทางเดินของน้ำมันเครื่องพอเสร็จแล้วก็ปิด แต่มันมีการสะสมของเศษตะกอนของน้ำมันเครื่องที่ต้องผ่านทางนี้ แต่มันเข้าได้แต่ออกไม่ได้มันก็เกิดการสะสม แล้วลองคิดดูซิครับว่าแล้วถ้าเกิดชาร์ฟละลายหรือเกือบละลายมันก็จะมีการสะสมของเศษโลหะที่หลุดจากชาร์ฟสะสมที่ในช่องนี้ขึ้น คราวนี้ถ้าเราล้างไม่หมดแล้วประกอบเครื่องเข้าไปใหม่กับชาร์ฟอก,ชาร์ฟก้าน,ชาร์ฟกันรุน,แหวนลูกสูบ ใหม่เศษตะกอนที่สะสมก็จะปนหรือผสมเข้ามากับน้ำมันเครื่องที่ใส่เข้าไปใหม่ อะไรจะเกิดขึ้นอย่างน้อยที่สุดถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งต่อไปก็จะลดน้อยลง อย่างมากก็อาจจะเกิดการสึกหรอที่ชาร์ฟอก,ชาร์ฟก้าน,ชาร์ฟกันรุน,ข้อเหวี่ยง,ลูกสูบ,แหวนลูกสูบ รวมถึงตัวกระบอกสูบเองครับ อย่างมากที่สุดก็ชาร์ฟละลายอีกรอบนึงครับ
-ทำการปรับชาร์ฟอก,ชาร์ฟก้าน,กันรุน ให้ได้เคลียร์แรนซ์ตามสเปคที่กำหนดครับ ควรใช้พลาสติกเกจ์ทำการปรับช่องว่างของเคลียร์แรนซ์ชาร์ฟทั้งอกและก้านและทำการขันน๊อตด้วยประแจปอนด์ตามค่าแรงขันที่ระบุในคู่มือ หลังจากประกอบชาร์ฟข้อเหวี่ยงเสร็จแล้วลองหมุนข้อเหวี่ยงตัวเปล่าดูซิครับว่า มันหมุนได้ตามแรงเหวี่ยงแล้วค่อยๆหยุดลงหรือว่าหมุนๆอยู่แล้วมีการหยุดโดยการเบรคของข้อเหวี่ยงเอง ถ้ามันเบรคเองให้ทำการส่งโรงกลึงให้เช็คประกับของเมนชาร์ฟอกทั้ง 5 ตัวครับ
-ทำการประกอบลูกสูบและแหวน โดยการวัดปากแหวนที่ซื้อมาใหม่โดยเอาใส่ลงไปในกระบอกสูบแล้วใช้ลูกสูบดันลงไปประมาณ 3 นิ้วแล้วลองวัดปากแหวนดูว่าอยู่ในสเปคหรือเปล่า ถ้าได้ก็โอเคครับ ถ้าไม่ได้ก็ต้องคว้านเปลี่ยนไซด์ขนาดของลูกสูบใหม่ครับ หลังจากนั้นก็ทำการใส่แหวนลงในลูกสูบและทำการเรียงปากแหวนด้วยครับตามสเปคครับ
-ว่ากันถึงลูกสูบ เราจะทำการลดแรงอัดกระบอกสูบลง มีอยู่ด้วยกัน 3 วิธีครับ
1.เปลี่ยนมาใช้ลูกสูบ 4aze ด้วยเหตุผลที่ว่า หัวลูกสูบเว้าลงกว่าของฝาลายทำให้แรงอัดกระบอกสูบลดลงและมีการเคลือบเทฟล่อนจะมีความลื่นเมื่อถูกความร้อนและน้ำมันเครื่อง
2.เปลี่ยนประเก็นฝาสูบให้หนาขึ้น เพื่อเพิ่มปริมาตรห้องเผาไหม้ให้มากขึ้นทำให้แรงอัดกระบอกสูบลดลงตามขนาดความหนาของประเก็นครับ
3.ทำการขุดห้องเผาไหม้ในหลุมของฝาสูบให้ลึกลงตามรูปทรงของฝาสูบที่จะเอื้ออำนวยและเมื่อทำแล้วต้องมีความแข็งแรงด้วยในระดับนึง

2.)ฝาสูบ ทำการเจียร์บ่า,เจียร์วาวล์ เช็คไกด์วาวล์ทั้งไอดี-ไอเสีย เปลี่ยนยางตีนวาวล์ ดูสีของยางตีนวาวล์ด้วยนะครับว่าสีไหนเป็นไอดี สีไหนไอเสียเดี๋ยวเวลาใช้งานจริงมันจะทนความร้อนได้ไม่เหมือนกันครับ ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ไอดีสีน้ำตาล ไอเสียสีดำ แล้วทำการตั้งชิมวาวล์ด้วยครับ ไอดี 8 ไอเสีย 10

3.)ระบบส่งกำลัง
-ชุดครัช เลือกเอาเลยครับว่าอยากใช้แบบไหน TRD,OS และอีกหลายๆยี่ห้อครับ
-เกียร์ เลือกอัตราทดเอาเลยครับว่าต้องการต้น,กลาง,ปลาย จัดจ้านหรือแบบเดินยาวแบบไม่เหนื่อยทีให้เลือกทั้ง 4afe,4age,4ag20vฝาดำ,4af

4.)หัวฉีด ที่ต้องใช้ให้มีความเหมาะสมกับแรงม้าที่ต้องการตามโจทย์ก็ต้องใช้หัวฉีดประมาณ 440-480 cc.ที่แรงดันเบนซิล 2.55 บาร์ ถ้าแรงดันเบนซิลที่ซัก 3 บาร์หัวฉีด 440cc. ก็น่าจะอยู่ที่ 460 cc น่าจะได้ครับ

    โดยมีที่มาจาก   460ccx0.85/5 = 78แรงม้า/1 หัวฉีด
                              0.85x4 = 312 แรงม้า

460cc. = ปริมาตรของหัวฉีด
0.85    = อัตราการฉีดของหัวฉีดที่ 85%จาก100%ของปริมาตรการฉีดทั้งหมด ทำไมต้อง 85%ก็ในทั้งปฏิบัติที่ทดลองทำการฉีดในหลอดของบิ๊กเกอร์ พิสูจน์ทราบได้ว่าถ้าฉีดที่ 100% น้ำมันจะไม่เป็นฝอยละอองเท่าที่ควร ทำให้การแตกตัวไม่ดีพอมีผลต่อการจุดระเบิดที่เหลือเขม่าบนหัวลูกสูบ ทำให้การจุดระเบิดเป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์และมีผลพวงต่อเนื่องถึงหัวฉีดในเรื่องของความร้อนสะสมที่เกิดขึ้นกับหัวฉีดกับกระแสที่ต้องจ่ายมากขึ้นเพราะหัวฉีดทำงานเต็ม100%  ทำให้หัวฉีดเสื่อมสภาพเร็ว เกินไปครับ
5 = ในทางทฤษฎีได้กำหนดไว้ว่า น้ำมันที่ 5cc.เท่ากับ 1 แรงม้า
4 = ก็คือจำนวนสูบครับ

เดี๋ยวมาต่อครับ


                
บันทึกการเข้า
Hunter_JIK.CZ48
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,158


3S-GE Doraemonster 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #45 เมื่อ: 25 มกราคม 2552 00:41:19 »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

__Da__
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,849


ทีมงาน Brok-in


ดูรายละเอียด
« ตอบ #46 เมื่อ: 25 มกราคม 2552 01:23:53 »

กำลังสนุกเลยครับพี่โย อยากให้พี่โยพูดถึง 4e-fte บ้างอะครับ เอาแค่บูสๆ สนุกๆ ไม่ต้องทำเยอะ แบบว่าแค่นี้ก็พอแล้ว อะไรประมารนี้อะครับ อยากได้ข้อมูลครับ
บันทึกการเข้า

▓▒ น้องกะทิ ▒▓
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,817



ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: 25 มกราคม 2552 13:50:24 »

 
บันทึกการเข้า


พลังงานซากอ้อย
PonD
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,554


zc72s


ดูรายละเอียด
« ตอบ #48 เมื่อ: 26 มกราคม 2552 00:15:03 »

รออยู่ครับบ
บันทึกการเข้า
ae4348
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200


ดูรายละเอียด
« ตอบ #49 เมื่อ: 26 มกราคม 2552 07:33:13 »

มาต่อครับ หลังจากที่เราได้หัวฉีดแล้ว สิ่งสำคัญปั๊มแรงดันเบนซิลครับต้องดีครับ( เน้นว่าต้องดีนะครับ ) เพราะว่าไม่ว่าหัวฉีดจะใหญ่แค่ไหน ถ้าปั๊มแรงดันเบนซิลดันได้ไม่พอไปไม่ถึงดวงดาวครับ
-แนะนำว่าควรเดินเบาอยู่ที่ประมาณซัก 3 บาร์ครับ สมมุติว่าเรา ต้องการบูสที่ 1 บาร์ ถ้าเรามีเกจ์วัดแรงดันเบนซิลเราก็จะรู้ได้ว่าขณะที่เราบูสที่ 1 บาร์ แรงดันที่เกจ์วัดต้องวัดได้ที่ 4 บาร์ครับ ในกรณ์ที่เป็นเรคกูเรเตอร์เดิมๆก็ได้ครับถ้าปั๊มเราดี เช่นเดินเบาอยู่ที่ 2.8 เวลาบูสที่ 1 บาร์ก็ต้องเท่ากับ 3.8 บาร์ครับ
-ทำไมต้อง 3 บาร์ครับ เพราะว่าในกรณีที่แรงดันเบนซิลเดิมๆมักจะเดินเบาที่ประมาณ 2.5-2.8 บาร์โดยเฉลี่ย แล้วเรามาเปลี่ยนหัวฉีดที่โตขึ้นมันทำให้ปริมาณน้ำมันที่ต้องจ่ายมากขึ้นที่ปลายหัวฉีดที่โตขึ้นมันไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากมันมีตัวแปรอย่างอื่นด้วย คือ ท่อน้ำมันไหลเข้า-ท่อน้ำมันไหลกลับ ที่ถูกออกแบบมาเป็นเครื่องแบบ na มีขนาดท่อที่เล็กกว่าเครื่องเทอร์โบครับ อีกตัวแปรนึงคือในกรณีที่เดินเบา 2.5 บาร์แล้วเอาเครื่องที่เป็น na มาเซ็ตเทอร์โบ อย่างที่บอกอ่ะครับว่า ถ้าบูส 1 บาร์แรงดันเบนซิลต้องวัดได้ที่ 3.5 บาร์ แล้วถ้าขณะที่มันเดินเบาอยู่ที่ 2.5 บาร์แล้วช่วงที่เทอร์โบเริ่มบูสมันต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงบูส แล้วปั๊มติ๊กเกิดถอยหรือแรงดันตก อะไรจะเกิดขึ้นครับอย่างน้อยก็เขกกระจาย เราก็ทำการลดไฟเพราะนึกว่าเขกมาจากไฟ จริงๆแล้วมันมาจากส่วนผสมที่บางลงของปริมาตรน้ำมันครับ/ไฟจุดระเบิดครับ รถก็ไม่วิ่ง เขกสะสมบ่อยๆก็ไม่ดีนะครับ
-ร่องแหวนลูกสูบจะเริ่มร้าว
-ลูกสูบบิดหรือเสียทรงจากการบิดตัวของร่องแหวนครับและก็จะไถลกับข้างเสื้อสูบเป็นรอยและก็จะลึกลงไปในเสื้อสูบเรื่อยๆ ถ้ายังเขกต่อเนื่องแบบสะสม
-ชาร์ฟก็จะเริ่มมีปัญหา เพราะว่ามีการหมุนของลูกสูบที่ไม่ลื่นเหมือนเดิม เพราะมีการเบรคเป็นช่วงๆจากการที่มีการเบียดของลูกสูบกับข้างเสื้อสูบ
-เครื่องเริ่มกินน้ำมันเครื่อง เนื่องจากแหวนลูกสูบและลูกสูบเริ่มจะเสียหายจากที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้แรงอัดกระบอกสูบล็อดลอดลงสู่แคร้งน้ำมันเครื่องได้ครับบางทีน้ำมันเครื่องถูกดันออกมาอยู่ในถังดักไอแบบว่าเยอะมากครับ กว่าที่ควรจะเป็นครับ
-ถ้าเป็นมากๆเดี๋ยวต้องทิ้งเครื่องทั้งตัวนะครับ ลูกสูบก็เบียดข้าง,เสื้อสูบก็เสียจากการเบียดข้าง,ชาร์ฟก็ละลาย,ข้อเหวี่ยงเสียที่เกิดจากชาร์ฟละลาย,ฝาสูบเสียและแคมและประกับแคมสึกหรอเนื่องมาจากชาร์ฟเริ่มสึกหรอและมีเศษของชาร์ฟที่สึกหรอปนกับน้ำมันเครื่องแล้วน้ำมันเครื่องก็ต้องหล่อเลี้ยงเครื่องทั้งตัวครับ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็ทิ้งทั้งตัว แก้ไขได้มั๊ย ถ้าไม่มากก็พอได้ครับ ถ้ามากก็ไม่คุ้มครับเอาเดิมๆมาทำใหม่ดีกว่าครับ

-ทำการแก้ไขแรงดันเบนซิลให้ดีกว่าเดิมครับ โดยการเพิ่มรีเลย์เข้าไปที่ปั๊มแรงดันเบนซิลพร้อมกับใช้สายไฟที่ค่อนข้างใหญ่หน่อยครับแล้วต่อไฟเลี้ยงเมนรีเลย์ทั้งบวก-ลบมาจาก batt เลยครับ ถ้าแก้ไขได้นะครับแรงดันเบนซิลเพิ่มขึ้นให้เห็นเลยครับ ลองดูแบบง่ายเลยครับต่อเกจ์วัดแรงดันเบนซิลดูครับว่าปกติเดินเบาเท่าไหร่ สมมุติว่า 2.5 บาร์ แล้วลองหาสายไฟเส้นใหญ่หน่อยมาต่อที่ขั้ว batt แล้วลองต่อจิ้มเข้าที่ขั้วบวกของปั๊มติ๊กดูครับ ขณะที่ต่อเข้าลองดูที่เกจ์วัดได้เลยครับแรงดันจะกระดิกขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ อย่าลืมต่อกราวด์ด้วยครับ ( จะขึ้นมาก-น้อยก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิ์ภาพของปั๊มติ๊กครับ )

   แค่นี้ก่อนครับ โชคดีทุกคนครับ
บันทึกการเข้า
Random
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207


ดูรายละเอียด
« ตอบ #50 เมื่อ: 26 มกราคม 2552 11:18:23 »

ขอบคุณมากครับสำหรับคำชม ยินดีครับที่จะพูดคุยกันโดยผ่านทางสื่ออินเตอร์เนตของ aeracingclub มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่าครับ 4agฝาลายนะครับ
-เช็คแรงอัดกระบอกสูบทั้ง 4 สูบว่าเท่ากันหรือไม่ โดยปกติแล้วฝาลาย จะอยู่ที่ประมาณ 200-220 psi และแต่ละสูบไม่ควรห่างกันเกิน 25-40 psi ครับ ในกรณีที่ไม่อยู่ในสเปคควรแก้ไขก่อนครับ อาจมาจากแหวนลูกสูบตาย,บ่าวาวล์และหน้าสัมผัสของวาวล์รั่ว ทำการแก้ไขให้เรียบร้อยครับ
-ลองเช็คแรงดันเบนซิลดูครับว่าเดินเบาอยู่ที่ 2.9-3.1 บาร์หรือเปล่าครับเพราะว่าเครื่อง 4a ฝาลายเป็นเครื่องตัวเดียวที่ต้องการแรงดันเบนซิลเดินเบาที่ค่อนข้างสูงครับ เช็คกรองแรงดันเบนซิลตามไปด้วยครับ
-ทำการปรับแต่งลิ้นปีกผีเสื้อและองศาของ tps sensor ให้ได้ค่าที่ต้องการตามสเปคด้วยครับ คือ ขณะเดินเบา ขั้ว idl ต้องเป็น 0v และช่วงที่เรากดคันเร่งลงไปต้องเปลี่ยนแปลงค่าเป็นประมาณ 10-12 v ครับและขั้ว vta ต้องเดินเบาอยู่ที่ประมาณ 0.50-0.70 v และขณะที่เรากดคันเร่งลงไปเรื่อยๆ โวลท์ต้องเปลี่ยนแปลงไปทางค่าที่เป็นบวกขึ้นเรื่อย จนลิ้นปีกผีเสื้อเปิดสุดค่าที่ได้น่าจะอยู่ที่ 3.75-4.2 โวลท์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงจากค่าที่กำหนดซักเล็กน้อยก็ไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร่ครับ อาจเกิดขึ้นได้จากค่าความต้านทานของสายไฟที่เริ่มเก่าและตัวเซ็นเซอร์ tps เองก็ได้ครับ
-ทำการเช็คองศาไฟจุดระเบิดให้ได้ค่าที่ toyota กำหนดครับคือ 10 องศา ณ.ศูนย์ตายบน อย่าลืมว่าต้องทำการเข้าสู่test mode โดยการจั๊มปลั๊ก test  ที่ขั้ว te1 กับ e1 แล้วใช้เครื่องมือที่เรียกว่า timeing light ทำการตรวจเช็คที่มาร์คของพู่เลย์หน้าของข้อเหวี่ยง ว่าได้ 10 องศาหรือเปล่า ในกรณีที่องศาไฟอ่อนหรือแก่ไปก็ให้ทำการปรับที่ตัวเรือนของจานจ่ายโดยทำการคลายน๊อตแล้วก็ทำการหมุนจานจ่าย โดยในขณะที่เราหมุนจานจ่ายก็ยิงไฟตามไปด้วยครับ จะได้รู้ว่าถึงตำแหน่งขององศาไฟที่เราต้องการหรือยัง เมื่อได้แล้วก็ทำการล๊อคน๊อตที่จานจ่ายได้เลยครับ ( แนะนำว่าเราควรหาสีหรือเหล็กขีดมาทำตำหนิไว้ เพื่อใครมาปรับไป เราจะได้ทำการปรับคืนตำแหน่งเดิมได้ครับ )

   หลังนี้ควรต้องพึ่งพาอุปกรณ์ electronices ก็คือกล่องที่ปรับแต่งได้ทั้ง อากาศ,น้ำมัน,ไฟ ที่แนะนำก็มี e-manage,f-conv version 2.1,3.0,3.1
-ถูกตังค์ กับความสามารถที่ได้ ถ้าเปลี่ยนหัวฉีดไม่เกิน 100 % จากของเดิม เช่น 4ag ฝาลาย หัวฉีดขนาด235 cc.( 235x2= 470 cc ) ไม่ควรเกินจากนี้ครับความสามารถของกล่องจะควบคุมได้ไม่ดีแล้วครับ,ปลดล็อค 180 ไม่ได้,ปลดล็อครอบไม่ได้ครับ,ปลดบูสได้ในระดับนึงครับ,ทำ data loging ได้,ปรับองศาไฟได้ แต่ปรับค่า ดเวลไทม์ไม่ได้ครับ สามารถใช้ได้กับรถหลายรุ่นครับ ใช้กับ 4ag ได้ไม่มีปัญหาครับ  กล่องนี้ต้องยกให้ e-manage ครับ
-ราคาสูงหน่อยครับ แต่ความสามารถเกินราคาครับ ใช้หัวฉีดที่กี่ซีซีก็ได้ครับ,ปลดบูส,ปลดความเร็ว,ปลดรอบที่ต้องการได้ ปรับไฟได้ค่อนข้างละเอียดปรับได้ทั้งองศาและค่า coil chargtime รวมถึงลูกเล่นต่างๆ midfighting ออกตัวแบบล็อครอบได้ที่ระเบิดแบบ ปั้งๆๆๆๆ รวมถึงเปลี่ยนคอยล์จุดระเบิดแบบ คอยล์เดี่ยวเป็น คอยล์คู่และแบบไดเร็คคอยล์และยังมีตาราง data logingและ auto tuneing อีกหลากหลายลูกเล่นครับ ต้องยกให้ f-conv ครับ


      แค่นี้ก่อนง่วงอีกแล้วครับ เดี๋ยวค่อยมาว่ากันต่อเรื่อง เทอร์โบ,ขนาดของหัวฉีดที่ต้องเปลี่ยน,เบอร์หัวเทียน รวมถึงการคุมบูสเทอร์โบว่าควรจะบูสอยู่ที่เท่าไหร่ เครื่องตัวที่เราทำมันถึงจะอยู่กับเรานานๆครับ อาจมีทริคอีกนิดหน่อย เช่นการเพิ่มรีเลย์ให้ปั๊มติ๊กเพื่อให้ได้น้ำมันที่อิ่มขึ้น จากของเดิมครับ โชคดีครับ
อ่านแล้วมีข้อสงสัยครับก็เลยจะถามพี่โยเรื่องเกี่ยวกับการตั้งไฟองศาการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ว่า
1. ตัวเลขค่าไฟองศาการจุดระเบิดที่ 10 องศานั้นมันตายตัวสำหรับเครื่องยนต์ทุกบล็อคเลยหรือเปล่าครับ
2. การตั้งองศาไฟจุดระเบิด ถ้าจะตั้งไฟอ่อนหรือไฟแก่จะอยู่ค่าตัวเลขเท่าใดครับ ที่จะไม่ทำให้เครื่องยนต์เสียหาย
3. ถ้าไฟองศาการจุดระเบิดไฟอ่อนหรือไฟแก่เกินไปจะทำให้เกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์อย่างไรบ้างครับ
บันทึกการเข้า
carboys
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,571


ใช้สำหรับซิ่ง และ ซ่อม เท่านั้น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #51 เมื่อ: 26 มกราคม 2552 15:47:04 »

Ignition timing นั้นไม่มีตายตัวครับว่าเท่าไหร่ มันขึ้นกับการ setup เพราะเครื่องเราไม่ standard อีกต่อไป
จะไปอ้าง standard อีกคงไม่ได้
10BTDC นั้นเป็นค่า initial สำหรับการติดเครื่องครับ หลังจากนั้น ก็ไม่มีความสำคัญเท่าไหร่ นอกจากใช้เดินเบา
ซึ่งหลังจากติดเครื่องได้แล้ว หายังคงใช้ค่านี้อยู่ต่อไป ไม่แน่เครื่องอาจจะดับก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราไปทำอะไรกับเครื่อง
มาแค่ไหน ดังนั้น Ignition Timing นั้น เป็นลักษณะของเครื่องเป็นยี่ห้อ ไปครับ เครื่อง Toyota ก็มักจะอยู่ในช่วง
10-15BTDC ครับ แต่โดยมากก็อยู่กันระหว่างนี้เหมือนกัน

การตั้งจังหวะการจุดระเบิด Advance (แก่) หรือ Retard (อ่อน) นั้นทำไม่ได้เลยถ้าคุณไม่มีของเล่นที่แก้ไข
โปรแกรมการจุดระเบิดได้ และการ เพิ่ม/ลด องศา การจุดระเบิดนั้น ก็ขึ้นกับ condition ของเครื่องยนต์ที่ถูก
ปรับแต่งมาแล้ว แต่พอมีแนวโน้มในการปรับแต่งให้ครับ เช่น ถ้าอยู่ในระหว่าง boost up อยู่กำลังไต่ Boost
เลยละก็ มีแนวโน้ม ที่องศาจุดระเบิดจะลดลง (retard) ครับ เพราะกำลังอัดในห้องเผาไหม้ค่อนข้างสูง ทำให้
การติดเชื้อเพลิงง่ายขึ้นหากจุดระเบิดไม่ถูกต้อง เชื้อเพลิงจะลุกไหม้และระเบิดก่อน ถึงจุดศูนย์ตายบน (TDC)
ทำให้เครื่องยนต์เขก แต่หากเป็นช่วงที่ยังไม่ติด Boost เรามักจะเรียกกำลังจากสภาพ NA โดยการเพิ่มครับ
ก็จะออกไปแนว Advance ครับ

ความเสียหายที่เกิดจากการตั้งองศาไม่เหมาะสม ถ้าเป็นพวก Turbo ค่อนข้างรุนแรง เช่น Advance มากไป
และไม่ Retard หรือว่า Knock Sensor เสีย ก็จะทำให้เครื่องมีอาการตั้งแต่ Ping จนไปถึง Knock ซึ่งจะ
ก่อให้เกิดความเสียหายตั้งแต่ สะสม ไปจนถึง เฉียบพลัน พวกสะสมก็จะออกมาแนวคด งอ ร้าว ส่วนแบบเฉียบ
พลัน ก็จะออกมาในแนวเครื่องแตก ทะลุ เป็นต้น
พวกที่ retard มากไป ก็ออกแนวตัวร้อนครับ เครื่องไม่มีแรงเป็นต้น อาจจะเสียชาติเกิด turbo ก็มีครับ
บันทึกการเข้า


Step Ahead with MasterCRAFT
Random
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 207


ดูรายละเอียด
« ตอบ #52 เมื่อ: 26 มกราคม 2552 19:20:20 »

Ignition timing นั้นไม่มีตายตัวครับว่าเท่าไหร่ มันขึ้นกับการ setup เพราะเครื่องเราไม่ standard อีกต่อไป
จะไปอ้าง standard อีกคงไม่ได้
10BTDC นั้นเป็นค่า initial สำหรับการติดเครื่องครับ หลังจากนั้น ก็ไม่มีความสำคัญเท่าไหร่ นอกจากใช้เดินเบา
ซึ่งหลังจากติดเครื่องได้แล้ว หายังคงใช้ค่านี้อยู่ต่อไป ไม่แน่เครื่องอาจจะดับก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราไปทำอะไรกับเครื่อง
มาแค่ไหน ดังนั้น Ignition Timing นั้น เป็นลักษณะของเครื่องเป็นยี่ห้อ ไปครับ เครื่อง Toyota ก็มักจะอยู่ในช่วง
10-15BTDC ครับ แต่โดยมากก็อยู่กันระหว่างนี้เหมือนกัน

การตั้งจังหวะการจุดระเบิด Advance (แก่) หรือ Retard (อ่อน) นั้นทำไม่ได้เลยถ้าคุณไม่มีของเล่นที่แก้ไข
โปรแกรมการจุดระเบิดได้ และการ เพิ่ม/ลด องศา การจุดระเบิดนั้น ก็ขึ้นกับ condition ของเครื่องยนต์ที่ถูก
ปรับแต่งมาแล้ว แต่พอมีแนวโน้มในการปรับแต่งให้ครับ เช่น ถ้าอยู่ในระหว่าง boost up อยู่กำลังไต่ Boost
เลยละก็ มีแนวโน้ม ที่องศาจุดระเบิดจะลดลง (retard) ครับ เพราะกำลังอัดในห้องเผาไหม้ค่อนข้างสูง ทำให้
การติดเชื้อเพลิงง่ายขึ้นหากจุดระเบิดไม่ถูกต้อง เชื้อเพลิงจะลุกไหม้และระเบิดก่อน ถึงจุดศูนย์ตายบน (TDC)
ทำให้เครื่องยนต์เขก แต่หากเป็นช่วงที่ยังไม่ติด Boost เรามักจะเรียกกำลังจากสภาพ NA โดยการเพิ่มครับ
ก็จะออกไปแนว Advance ครับ

ความเสียหายที่เกิดจากการตั้งองศาไม่เหมาะสม ถ้าเป็นพวก Turbo ค่อนข้างรุนแรง เช่น Advance มากไป
และไม่ Retard หรือว่า Knock Sensor เสีย ก็จะทำให้เครื่องมีอาการตั้งแต่ Ping จนไปถึง Knock ซึ่งจะ
ก่อให้เกิดความเสียหายตั้งแต่ สะสม ไปจนถึง เฉียบพลัน พวกสะสมก็จะออกมาแนวคด งอ ร้าว ส่วนแบบเฉียบ
พลัน ก็จะออกมาในแนวเครื่องแตก ทะลุ เป็นต้น
พวกที่ retard มากไป ก็ออกแนวตัวร้อนครับ เครื่องไม่มีแรงเป็นต้น อาจจะเสียชาติเกิด turbo ก็มีครับ
ขอบคุณครับสำหรับคำตอบ ทำให้กระจ่างดีครับ แต่
แล้วในกรณี เครื่อง 4AFE 5AFE 7AFE ที่เป็นจานจ่ายหล่ะครับ
เห็นช่างจะปรับไฟอ่อน ไฟแก่ ก็แค่คลายน็อตเบอร์ 12 ใต้กะลาจานจ่ายแล้วหมุนตั้งไฟเอา
พร้อมทั้งดูที่timminglight จะเอาอ่อนเอาแก่แค่ไหนก็หมุนขึ้นๆลงๆนี่แหละครับ
มันเป็นวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่าครับ เห็นโดยเฉพาะรถที่ติดแก็สครับช่างที่ติดแก็ส
พอติดตั้งแก็สให้ลูกค้าเสร็จก็จะมาปรับที่จ่านจ่ายอีกทีหล่ะครับ
ส่วนรถรุ่นใหม่ๆช่างบอกว่าตั้งไฟไม่ได้ก็ทำได้เท่านี้แหละครับ ผมก็เลยอึ้ง
ของผม 7A จานจ่ายแบบขาเดียวก็ปรับไม่ได้เช่นกันครับ
บันทึกการเข้า
ass111
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 168


ทางตรงไม่แรง แต่ทางโค้งก็ไม่เบา!!!


ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2552 11:23:02 »

ขอบคุณพี่มากครับ ได้ความรู้อีกมากเลย
บันทึกการเข้า

jen@171
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,966


Wanna be...!!!


ดูรายละเอียด
« ตอบ #54 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2552 13:09:54 »

โอ้ววว   ไม่ได้เข้ามาอ่านสักที     
ที่แท้ขุมทรัพย์ทางปัญญาก็มากองอยู๋นี่นี่เอง   หุหุหุ
บันทึกการเข้า

TunedByJen
พรชัย เฮดเดอร์
CORONA CLUB
Club JZ
Mercedes Mania
กะเรกะราด
หน้า:  «  1 2 [3]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!