ผู้บริหาร ปตท.แจงการปรับขึ้นราคาน้ำมัน 60 สตางค์ เช้าวันนี้ ได้อานิสงค์จากเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้ต้นทุนลดลง ปตท.จึงไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นตามต้นทุนจริง 1.50 บาท พร้อมคาดราคาน้ำมันดิบโลก ยังมีโอกาสขยับขึ้นอีก 3-5 ดอลลาร์/บาเรล ในไตรมาส 4 ปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 80-81 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมีผลกระทบจากอากาศหนาวเย็น และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
นายสรัญ รังคสิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มราคาน้ำมันดิบไตรมาสที่ 4 ปีนี้ โดยมองว่า น่าจะมีโอกาสปรับตัวสูงกว่าราคาปัจจุบันอีก 3-5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากราคาขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 80-81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากไตรมาส 4 จะเป็นช่วงอากาศหนาว ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ยิ่งหากรัฐบาลสหรัฐฯ และยุโรป มีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่ความต้องการน้ำมันจะขยับขึ้นไปอีก
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก ปตท. ยังกล่าวชี้แจงกรณีเงินบาทที่แข็งค่า โดยยอมรับว่า เป็นผลดีต่อการปรับราคาน้ำมันครั้งล่าสุด ทำให้ต้นทุนลดลง เพราะหากคิดเฉพาะต้นทุนเนื้อน้ำมันแล้ว ราคาจะต้องขยับถึง 1.50 บาทต่อลิตร ไม่ใช่ 60 สตางค์ต่อลิตร และถึงแม้จะปรับราคาล่าสุดในเช้าวันนี้ ค่าการตลาดยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็น 30 สตางค์ต่อลิตร โดย ปตท.จะตรึงราคาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
โดยเช้าวันนี้ ปตท. ได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกประเภท 60 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นอี 85 ที่ขยับขึ้นเพียง 30 สตางค์ต่อลิตร หลังค่าการตลาดต่ำลงกว่า 1 บาท
สำหรับราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ของสหรัฐฯ วานนี้ (วันที่ 4 ตุลาคม 2553) ปรับตัวลดลง 11 เซนต์ ปิดที่ระดับ 81.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สวนทางกับราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ที่ขยับสูงขึ้น โดยข่าวการปิดท่าเรือประท้วงของคนงานในฝรั่งเศสที่ต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 8 ส่งผลให้ปริมาณส่งออกน้ำมันเบนซินจากยุโรปลดน้อยลง
ปล. สีข้างแมร๊งงงงง แดงเถือก