AE. Racing Club
18 ตุลาคม 2024 06:55:15 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จะมานั่งเบื่อ...เซ็ง...อยู่ทำไม แค่ปรับมุมการคิด ชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว  (อ่าน 1852 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
AKE naja
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2007 15:45:57 »

จะมานั่งเบื่อ...เซ็ง...อยู่ทำไม แค่ปรับมุมการคิด ชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว  เอามาจาก FW เมล์ครับ

 
      ภาวะเบื่อ..เซ็ง มันเป็นกันได้หมดทุกคนแหละค่ะ สุดแต่จะเบื่อมาก เบื่อน้อย  ไม่ว่าจะเบื่องาน เบื่อเจ้านาย เบื่อสามี เบื่อภรรยา เบื่อสภาพแวดล้อมประจำวัน  เบื่อภาระความรับผิดชอบ เบื่อความจน  เบื่ออาการป่วย เบื่อสังคม เบื่ออารมณ์-ความรู้สึกตัวเอง เบื่อมันซะทุกเรื่องราว แม้กระทั่งเบื่อจนไม่มีอณูความรื่นรมย์แทรกอยู่เลยสักนิดเดียว

    เป็นเรื่องปกติค่ะ แต่ภาวะแบบนี้มันนำมาซึ่งอาการของความเครียดทางจิตใจ ต่อด้วยความไม่ยินดีต่อสิ่งรอบตัว  จะมองมุมไหนก็คับแคบ ตีบตัน มืดบอด  โลกทั้งโลกเป็นสีดำ ทึม ซึมเซาไปหมด   สิ่งนั้นก็เลวร้าย สิ่งนี้ก็ย่ำแย่ คนโน้นไม่ดี คนนี้ก็ไม่เอาไหน ใครๆ ก็ไม่ชื่นชม 

    นั่นเป็นเพราะ “ภาวะมองโลก   ในแง่ร้าย” ไงละคะ 

    “You are what the way you think” คุณคิดยังไง คุณก็จะเป็นอย่างนั้น

      มันเป็นเรื่องที่เรารู้และเข้าใจกันดี แต่มักลืมไปเสมอ ว่ามุมมองความคิดของตัวเราเองนั้นมันบังคับรูปแบบชีวิตเราได้    เอาง่ายๆ แค่การคิดทางลบ (Negative thinking) กับการคิดทางบวก (Positive thinking) เรื่องธรรมดาๆ ที่คนเรามักจะลืมนึกถึงมันไป การที่เราจะสร้างมุมมองความคิดต่อสิ่งใดนั้น เราเลือกได้อยู่แล้ว แต่ทำไมไม่เลือกคิด เลือกมองด้วยมุมที่ก่อให้เกิดความรื่นรมย์แก่ชีวิตกันล่ะ

    มีเรื่องจะเล่าให้ฟังค่ะ เป็นเรื่องที่เพื่อนได้ส่งต่อมาให้ทางอีเมล หาต้นเรื่องไม่ได้ว่ามาจากไหน แต่ก็ต้องขอขอบคุณ คุณคนแรกที่เล่าเรื่องนี้ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า



    “มีมหาเศรษฐีคนหนึ่ง สุดแสน จะภูมิใจที่ลูกชายวัยห้าขวบของเขากำลังจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้น   จึงจะมีปัญญาส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้ แต่โดยส่วนตัวของเขาเอง ก็อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริงในโลกควบคู่ไปกับการสอนทฤษฎีใน โรงเรียน

    ในวันหยุด เขาจะตระเวนพาลูก-ชายคนเดียวไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่อง “ความยากจน” เพราะเขามีความเชื่อว่าลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน เขาจึงพาลูกชายไปเยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน

    เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาแล้วในวันต่อมามหาเศรษฐีก็ทดสอบว่าลูกชายได้อะไร บ้างจากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจน ลูกชายตอบคำถามของผู้เป็นบิดาว่า เขาขอบคุณพ่อเป็นอย่าง-มากที่พาเขาไปพบกับชาวนา และพักแรมที่นั่น ซึ่งทำให้เขาได้พบว่า..

    ชาวนานั้น มีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่ ในขณะที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง แต่ก็ยังน้อยกว่าห้องทำงานของชาวนา และอาหารที่ชาวนากินนั้น สามารถหาได้ตลอดเวลา รอบๆ บริเวณบ้าน ไม่ต้องไปซื้อหา ในขณะที่บ้านของเรามีเพียงตู้เย็นเท่านั้นที่เป็นที่เก็บใส่อาหาร…..

    เวลากินอาหารก็มีเพื่อนคุยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่และลูก ในขณะที่ตัวเองก็ต้องนั่งกินอาหารโดด-เดี่ยวกับโต๊ะอาหารที่ยาวเกือบสิบ เมตรและมีเก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองด้าน..ลูกของชาวนาที่ซ้อนท้ายจักรยานของ พ่อเขาต้องกอดเอวพ่อให้แน่นๆ เพื่อจะได้ไม่ตกจากจักรยาน ตัวเขาเองต้องนั่งในรถยนต์ที่ใหญ่โตอยู่ข้างหลังเพียงลำพังโดยมีคนขับรถพา ไปทุกที่....

    ชาวนามีแสงดาว แสงจันทร์เป็นโคมไฟส่องสว่างอยู่ตลอดเวลาในตอน กลางคืน โดยไม่ขาดแคลน แต่เขามีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อหามาด้วยเงิน..ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่ น้ำ ภูเขา  ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่เขาเองกลับมีเพียงแค่กำแพงอิฐบล็อกที่คลุมพื้นที่ไม่กี่ไร่…..

    ลูกชาวนามีเพื่อนเล่นมากมาย  เป็นจิ้งหรีด หิ่งห้อยนับร้อยนับพันตัว    แต่เขาเองกลับไม่มีใครเป็นเพื่อนเลย… เขาขอขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า...จริงๆ แล้ว...เรายากจนกว่าชาวนามาก”




    เป็นไงคะ...คุณแอบยิ้มในใจบ้างหรือยัง ?

    ความรู้สึกนึกคิดของเราเองนั้น มาจากแก้วตาดวงใจของเราเอง ที่จะเลือกมอง เลือกรู้สึกด้วยมุมไหน เราเลือกได้ อยู่แล้วนี่นา

    กลับมาที่อาการเบื่อโลกของเรา กันต่อ เมื่อรู้สึกตัวว่าเป็นโรคเบื่อเข้าแล้วให้รีบจัดการกับตัวเองทันที ปรับ หมุน หันมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยองศาที่ต่างออกไป พยายามมองหาในส่วนดี คือให้มองในทางบวกนั่นเอง แล้วความรื่นรมย์มันก็จะมา เอากันง่ายๆ ก็คือ ถ้ารู้สึกตัวว่าจ่อมจมอมเศร้าเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ ให้รีบสะบัดความคิด พลิกมุมมองของคุณทันที  อนุญาตให้ตวาดตัวเองได้ว่า “ทำไม ถึงได้มองโลกในแง่ร้ายจังนะ” แล้วมุมมอง  ก็จะทำการเริ่มหมุน จูนหาคลื่นทางบวกทันทีโดยอัตโนมัติ เราจะมองเห็นถึงความเป็นไปได้ ในความเป็นไปไม่ได้เหล่านั้น

    ยามมีปัญหาที่คิดว่าหนักหนาสุดๆ ให้ลองนึกถึงวันที่ผ่านมา ที่เราได้เคยผ่านเรื่องหนักหนามาแล้วไม่รู้    กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ที่ตอนนั้นคิดว่าครั้งนี้มันแย่ที่สุดแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องที่ว่าหนักหนาเป็นที่สุดนั้น ก็เป็นแค่อุปสรรคธรรมดาๆ ที่เราก็ผ่านมาได้ มาเจอเรื่องใหม่ที่เป็นทุกข์ใหญ่กว่า เรื่องเมื่อวันนั้นก็ขี้ปะติ๋วไปเลย แล้วเรื่องในวันนี้มันก็คงจะผ่านไปได้อีกแน่นอน

    เมื่อใดที่เริ่มหดหู่ ซึมเศร้า วิตก-กังวล ซังกะตาย กระสับกระส่าย หายใจ-กระแทกกระทั้น กอดเข่า เท้าคาง ให้รีบสะบัดความคิดเหล่านั้นไปไกลๆ แล้วเตือนให้ตัวเองคิด โดยการหันมองด้วยมุมใหม่ในทางบวกแทน เช่น 

    เมื่อถูกเจ้านายต่อว่า ตำหนิมาแทนที่จะโมโห ซึมเศร้า โกรธ เกลียด ก็ให้คิดเสียว่า นี่เป็นข้อควรระวังในการทำงานครั้งต่อไป ที่จะไม่ให้เกิดการบกพร่องซ้ำอีก

    เงินไม่พอจ่าย คิดใหม่ว่า นี่คือข้อควรประจักษ์ถึงการที่ว่า เราไม่ได้มีการวางแผนการใช้จ่ายเงิน ควรอย่างยิ่งที่เราจะทำการใช้จ่ายเงินให้รอบคอบมากขึ้นกว่าเดิม

    เบื่องาน ก็พึงคิดว่า ดีแค่ไหนแล้วที่เรามีงานทำ ซึ่งยังมีอีกหลายคนที่กำลังกากบาทตามกรอบโฆษณาประกาศรับสมัครงานตามหน้า หนังสือพิมพ์อยู่ หรือบางคนก็ยังถือซองเอกสารย่ำต๊อกๆ ไปเร่สมัครงาน

    ทะเลาะกับแฟน ก็มองเสียใหม่ว่า นี่คือสัญญาณเตือนที่จะต้องหยุดนิ่งมองปัญหาที่เกิดขึ้น ว่าควรจะหาทางแก้ด้วยวิธีไหน ดีกว่าจะมาเอาชนะกันเอง

    รำคาญคนในครอบครัวจู้จี้จุกจิกให้มองในมุมที่ว่า นั่นคือความห่วงใยจากคนที่เขารักเราจริง

    เจ็บป่วยเล็กน้อย ให้คิดใหม่ซะว่า ดีแค่ไหนแล้วที่เราไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ แล้วมองว่านั่นคือสัญญาณเตือนไม่ให้เราประมาทในการดูแลสุขภาพ

    ลูกหลานไม่ได้ดั่งใจ คิดอีกทีว่าเราควรจะเข้าใจเขา ไม่ใช่ให้คนเกิดทีหลังเรา รู้จักโลกเพียงไม่กี่ปี มาเข้าใจในตัวเรา

    เพื่อนไม่มีเวลาให้ ก็คิดมองว่า เขาก็ต้องมีภาระ มีปัญหาของตัวเองให้รับผิดชอบมากพอแล้ว และนี่เป็นโอกาสดีที่เราจะได้มีเวลาเป็นของตัวเอง มีอิสระทางความคิด ฝึกความเข้มแข็งในการใช้ชีวิตด้วยตัวเองตามลำพัง 

    เมื่อทำเรื่องผิดพลาด แทนที่จะมานั่งรู้สึกผิด แล้วเศร้าหมอง จ่อมจมกับทุกข์ ให้มองเสียว่า เราได้บทเรียนที่มีค่ายิ่ง ที่จะทำให้เราจดจำและไม่ทำพลาดอีกในคราวต่อไป


    มาคิดทางบวกกันเข้าไว้เถอะค่ะ  อะไรที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ ถ้ามาเลือกมอง เลือกคิดในทางที่ดี   

    ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะลังเลอยู่ว่าการมองโลกในแง่ดีกับอีเดีย ตห่างกันไม่ถึงเส้นขนแมวก็ตาม แต่การคิดทางบวกก็นำความสุขมาให้เราได้มากกว่า เพราะว่า   “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” มุมของการคิดจะกำหนดตามรูปแบบความคิด ส่งต่อคุณสมบัติในตัวของบุคคล เพียงแค่เราปรับเปลี่ยนมุมแห่งการคิด สภาพจิตใจเราก็เปลี่ยนด้วย จะสุขจะทุกข์นั้นอยู่ที่ใจ  เป็นเรื่องที่เรารู้ๆ กันดีอยู่ แล้วทำไมจะ ต้องปล่อยให้ตัวเองเป็นคนไม่มีความสุขด้วยล่ะ   

เศร้าเพราะความเบื่อเมื่อไหร่ ให้ใช้วิธีเปลี่ยนมุมการคิดดีกว่า...เพราะเมื่อเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว ก็ควรปรับดวงตา  ดวงใจของตัวเราเองแทน จะบันดาลความรื่นรมย์ เสกสรรความสุข ละลายความทุกข์ ความเครียด ความเศร้า ความเหงา  ความเบื่อแค่ไหน...เราก็เลือกได้ค่ะ.
บันทึกการเข้า
yotsky
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 274



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2007 16:56:15 »

 คำนับ
บันทึกการเข้า
ตี๋ใหญ่-พระนคร
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,375


คบคนพาล ถ้าจริงใจก็ไม่ผิดคบบัณฑิต ไม่จริงใจก็ไร้ผล


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2007 15:21:08 »

คำนับ
บันทึกการเข้า

wirot29
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 600



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2007 22:01:45 »

ขอบพระคุณมากครับ
บันทึกการเข้า
โอ๋AE101.PZ
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 864



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2007 07:16:02 »

 สุดยอด คำนับ
บันทึกการเข้า
nulekk
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2007 07:52:45 »

 คำนับ
บันทึกการเข้า
เพียว@พระนคร
Moderator
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,554


Tel Me 081-689-5113


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2007 10:15:49 »

 เต้น
บันทึกการเข้า

DragonG75
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2007 01:11:54 »

กอล์ฟอ่านไม่เคยจบสักทีเลยอ่ะพี่เอก ขอโทดครับ ฮืออออ สมาธิสั้น(แต่อย่างอื่นไม่สั้น..........ค........."คอ"นั้นเอง ตะ ลึง ตึง โป๊ะ) ตรบมือ
บันทึกการเข้า
IT-SYSTEM
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2007 16:04:16 »

ยาวจังอะตาลายเลย หุหุ
บันทึกการเข้า
TK
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2007 16:51:58 »

 คำนับ คำนับ คำนับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!