AE. Racing Club
04 ธันวาคม 2024 21:07:56 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า:  «  1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: น้าๆ ท่านใดเคยเป็นไมเกรนหรือเป็นอยู่บ้างครับ  (อ่าน 3566 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
salaeh kumuda
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 640



ดูรายละเอียด
« ตอบ #20 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2011 17:48:22 »

ให้จิบน้ำบ่อยๆ ครับ  เนื่องจากบางครั้งเลือดเราข้นมากไป  ทำให้เวลาเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมอง
ทำให้ไหลไม่สะดวก  แล้วทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย
วิธีนี้ช่วยได้เยอะครับ  บางคนก็หายขาดด้วยวิธีนี้ครับ
ลองดูครับ
บันทึกการเข้า

<a href="http://image.ohozaa.com/view/1vbjs" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/6a5/Dpc0K.jpg" /></a>
AE.พาฝัน
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,910



ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2011 23:27:56 »

ให้จิบน้ำบ่อยๆ ครับ  เนื่องจากบางครั้งเลือดเราข้นมากไป  ทำให้เวลาเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมอง
ทำให้ไหลไม่สะดวก  แล้วทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย
วิธีนี้ช่วยได้เยอะครับ  บางคนก็หายขาดด้วยวิธีนี้ครับ
ลองดูครับ

 อ่านหนังสือ อ่านหนังสือ อ่านหนังสือ คำนับ คำนับ คำนับ
บันทึกการเข้า
carboys
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,571


ใช้สำหรับซิ่ง และ ซ่อม เท่านั้น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2011 23:48:05 »

อันที่จริงแล้ว ไมเกรน เป็นโรคที่รักษาไม่หายครับ เพราะมันโรคของเส้นเลือดครับ ที่เกิดการไม่ขยายตัว การเจ็บปวดจะเกิดขึ้น
เมื่อเส้นเลือดส่วนใหญ่ขยายตัว แต่มีบางส่วนไม่เป็นเช่นนั้น คนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อหลอดเลือดในสมองแตกด้วย จึงควรใส่ใจ
กับอาหารการกินเพื่อรักษาภาวะยืดหยุ่นของเส้นเลือดไว้ให้ได้นานที่สุด

ยาที่ใช้รักษาอาการ จะเป็นแนวทำให้เส้นเลือดหดตัว ซึ่งมันจะหดทั้งตัว มีผลทำให้ร่างกายบางส่วนอาจขาดเลือดหล่อเลี้ยงได้
เช่นปลายมือ ปลายเท้า เป็นต้น อาจมีผลทำให้เกิดอาการหวิว หรือมีผลข้างเคียงอื่นๆ จากการที่เลือดไปหล่อเลี้ยงไม่พอได้

และยาแก้ปวด ที่แล้วแต่ระดับความเจ็บปวดที่เราได้รับ ปวดมากอาจถึงขั้นฉีดมอร์ฟีนกันเลยทีเดียวในบางราย

การใช้ยาทั้งสองส่วน ไม่เป็นผลดี ถ้าทนได้ อย่าใช้อะไรพวกนั้นเลย ให้ดูแลสุขภาพและรู้ถึงสิ่งกระตุ้นซึ่งบางคนมีไม่เหมือนกัน
ซึ่งหมายถึงกิจกรรมหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่มีส่วนทำให้เส้นเลือดในสมองต้องขยายตัว เช่น
- การออกกำลังกาย
- การใช้ความคิดมาก เพราะสมองต้องการทั้ง Oxigen และสารอาหารอื่นๆ ไปใช้งานเพิ่มขึ้น
- ความเข้มข้นของเลือด ซึ่งยิ่งหนืดมาก จะทำให้ความเจ็บปวดนานกว่าเคสอื่นๆ

เมื่อเกิดความเจ็บปวด อย่าแสดงความเจ็บปวดออกทางใบหน้ามากนัก ผมรู้ว่าเราเจ็บ แต่เมื่อทำมันบ่อยๆ ใบหน้าคุณจะปรับรูป
และเป็นร่องรอยในสิ่งที่ผ่านมาอย่างแก้ไขไม่ได้ในอนาคต (อันนี้เป็นคำแนะนำในการแสดงอารมณ์ทางใบหน้า ในเวลาอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ใบหน้าของคุณวันนี้ สะท้อนสิ่งที่คุณเคยเป็นในอดีต)
บันทึกการเข้า


Step Ahead with MasterCRAFT
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2011 04:13:09 »

ลองทาน น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว ที่มีสารละลายลิ่มเลือด ระดับต้นๆหรือดีที่สุดดูครับ น่าจะดีขึ้นหรือหายเลยหากไม่เป็นมากหรือเรื้อรังมานาน อันนี้ต้องลองครับ ไม่ได้ขายของเพราะผมขายอยู่เลยไม่ได้ระบุยี่ห้อ ทานประจำอยู่กันทั้งครอบครัว แต่ประโยชน์มันอนันต์ครับ แค่แนะนำเฉยๆ ที่เหลือก็ผู้ถามแล้วครับ  เต้น สุดยอด ตาปริบๆ เหอๆๆ
บันทึกการเข้า

ballcrma
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 533



ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2011 11:36:13 »

ลองทาน น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว ที่มีสารละลายลิ่มเลือด ระดับต้นๆหรือดีที่สุดดูครับ น่าจะดีขึ้นหรือหายเลยหากไม่เป็นมากหรือเรื้อรังมานาน อันนี้ต้องลองครับ ไม่ได้ขายของเพราะผมขายอยู่เลยไม่ได้ระบุยี่ห้อ ทานประจำอยู่กันทั้งครอบครัว แต่ประโยชน์มันอนันต์ครับ แค่แนะนำเฉยๆ ที่เหลือก็ผู้ถามแล้วครับ  เต้น สุดยอด ตาปริบๆ เหอๆๆ
เห็นด้วยใช้อยู่เหมือนกัน หลับสบายด้วย ตื่นมาไม่ง่วง
บันทึกการเข้า

ต่อหน้าข้าศึก ข้าคือพยัคฆ์  ต่อหน้าเมียรัก ข้าคือ "แมว"
nui007
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,025



ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2011 12:51:47 »

ผมก็เป็น  เดือนละครั้งเลยอย่างน้อย    ปัจจัยที่ผมเป็นคือ  ถ้าเจอแสงแดดจ้าๆ  หรือเครียด  จะเริ่มปวดกระบอกตาข้างขวาตึบๆ จับขมับตรงที่มีเส้นเลือดนี่รู้เลยว่าเต้นตุ๊บๆแรงมาก ปวดตึงลงมาที่คอและบริเวณรอบๆใกล้เคียงในซีกเดียวกับที่ปวด    ก้มหัวลงเร็วๆไม่ได้เลย   กินยาพารา2เม็ดแล้วหาผ้ามาปิดตาไว้แล้วนอนพักก็หาย    แต่ถ้านอนพักไม่ได้เพราะต้องทำงาน  ก็ต้องหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่ทำให้เป็น เช่นถ้าเกิดจากแสงจ้าแบบผม   ผมก็จะพยายามใช้ตาให้น้อยที่สุด  พยายามใช้ความคิดให้น้อยที่สุด  ช่วยได้เยอะ    บางครั้งต้องกินยา2รอบหลังจากรอบแรก2ชม.  เคยเป็นหนักๆกินยา2รอบแล้วไม่หาย  ก็กินยา  เฉพาะของไมเกรน  ชื่อยา  คาฟอก๊อต   (มั้งนะ)  เม็ดเล็กๆสีเหลือง    ปล.ไมเกรนไม่มียากินแล้วหายขาดนะครับ  กำลังหาวิธีอยู่เหมือนกัน  เพราะสิ่งเร้าบางอย่างมันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ  เป็นทีไรทรมานมาก
บันทึกการเข้า

Project Vacuum Carbon Fender coming soon !!!
carboys
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,571


ใช้สำหรับซิ่ง และ ซ่อม เท่านั้น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2011 15:45:52 »

ข้อบ่งชี้การใช้ยา cafergot ให้ระวังไว้ด้วยนะครับ มีผลแบบที่บอกจริง อย่างที่ผมบอกไว้แต่ข้างบน ผมจึงไม่ใช้แล้ว

http://th.wikipedia.org/wiki/Cafergot
บันทึกการเข้า


Step Ahead with MasterCRAFT
NANA.
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 117


BT .20V


ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2011 20:29:21 »

ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว
เป็นน้ำมันที่ได้จากกระบวนการพิเศษในการสกัดเอาสารสำคัญที่มี

ประโยชน์นานาชนิด ซึ่งมีอยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (Seed Membrane Layer) และจมูกข้าว (Rice Germ) จึงอุดมด้วยสารสำคัญทางธรรมชาติ และมีคุณค่าสูงต่อร่างกายหลายชนิด เช่น
• กลุ่มสารฟอสโฟไลฟิด (Phospholipids) เช่น เลซิติน (Lecithin) เซฟฟาลิน (Cephalin) ไลโซเลซิติน (Lysolecithin) ซึ่งมีความสำคัญในการนำไปสร้าง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ประสาทสมอง และช่วยป้องกันเซลล์ประสาท จากสารที่เป็นพิษและอนุมูลอิสระต่างๆ ช่วยลดความเครียด และช่วยเสริมสร้างในด้านความจำ

• กลุ่มเซราไมด์ (Ceramide) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น การเสริมสร้างเซราไมด์ให้เพียงพอ ทั้งโดยการรับประทานหรือการให้ทางผิวหนังในรูปการทาครีม หรือโลชัน จะช่วยรักษาผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่ง ปราศจากริ้วรอยย่นก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้เซราไมด์ยังมีคุณสมบัติเป็นไวท์เทนเนอร์ (Whitener) ซึ่งสามารถยับยั้งการสังเคราะห์เมลานิน อันเป็นสาเหตุให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิวพรรณได้ดี และยังเป็นมอยเจอไรเซอร์ (Moisturizer) ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวอีกด้วย

• กลุ่มคอลโทคอล (Tocols) วิตามินอีธรรมชาติ ในรูปของโทโคเฟอรอล(Tocopherol) และโทโคไทรอีนอล (Tocotrienol) มีประโยชน์ต่อร่างกายในการสร้าง และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ของร่างกายและยังช่วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง

• กลุ่มกรดไขมันไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 6 และกรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 3 ที่เป็นกรดไขมันจำเป็น โดยมีอยู่ประมาณ33%

• กลุ่มวิตามิน B – Complex ซึ่งช่วยให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น

• กลุ่มแกมมา – ออไรซานอล มีฤทธิ์ในการลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ทำให้ลดการตีบตันของหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และยังมีฤทธิ์ในการลดความเครียด และรักษาอาการผิดปกติของสตรีวัยทอง นอกจากนี้ยังเป็นสารอนุมูลอิสระ และยังป้องกันแสงยูวีได้ เมื่อใช้กินหรือใช้ทา ทำให้ผิวหนังชุ่มชื่นและต้านการอักเสบ สารชนิดนี้มีความปลอดภัยสูงมาก

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว
เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สามารถดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดย รศ.ดร. สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณะบดีคณะแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และ 1 ใน 12 ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรของสหประชาชาติ ผู้วิจัยน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวจนโด่งดังขายดีมากใน U.S.A. และยุโรป โดยสรุปน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวดูแลสุขภาพ 4 เรื่อง ดังนี้

1. เรื่องเกี่ยวกับสมอง ช่วยลดอาการเครียด ปวดหัว ไมเกรน นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม เสริมสร้างเซลล์สอง โดยรับประทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล,เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหาร ภายใน 1-2 วันจะเห็นผลชัดเจนในเรื่องของความเครียด นอนไม่หลับ

*หากใครทาน 4 แคปซูลต่อวันแล้วมีอาการมืนงง ให้ลดเหลือ 2 แคปซูล เนื่องจากคนๆนั้นตอบสนองต่อน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวดีมากจนเส้นเลือดในสมองขยายตัวมากเกินไป จนเลือดไปเลี้ยงสมองมากเกินไป (แต่จำนวนน้อยมากๆที่มีอาการเช่นนี้)

2. โรคเสื่อม เช่น ไขมันในเส้นเลือด ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ เก๊า อัมพฤต มือเท้าชา อาการวัยทอง ให้ทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล, เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหารใน 7 วันแรก หากยังไม่เห็นผล ให้เพิ่มเป็น 6 แคปซูลต่อวัน (เช้า,กลางวัน,เย็น)โรคมะเร็งขั้นที่ 1-2 รับประทานเป็น 9 แคปซูลในสัปดาห์ที่ 2

3. โรคอักเสบ เกี่ยวกับข้ออักเสบ ผิวหนังอักเสบ อื่นๆ รับประทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล, เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหารใน 7 วันแรก หากยังไม่เห็นผล ให้เพิ่มเป็น 6 แคปซูลต่อวัน (เช้า,กลางวัน,เย็น)

4. การต้านอนุมูลอิสระ จะมีความสามารถต้านอนุมูลอิสระดีกว่าพวกน้ำมันตับปลาถึง 60 เท่า ทำให้อาการที่เกิดจากอนุมูลอิสระไปทำลายจนโรคเสื่อมเกิดน้อยลง เช่น หากอนุมูลอิสระไปทำลายเซลล์ตับอ่อน ทำให้การสร้างอินซูลินบกพร่อง จึงเกิดเบาหวาน หากไปทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดรอยแผลที่ผิวหลอดเลือด ทำให้ไขมันไปเกาะง่าย จึงเกิดไขมันอุดตัน
บันทึกการเข้า
Nu MaI <RZ>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,196


ปู๊ น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #28 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2011 20:49:25 »

ผมก็เปนครับ ได้แต่กินยาไห้ บรรเทาลง ตอนนี้อาการไม่ค่อยกำเริบ พยายามหลีกเลี่ย ความเครียด ครับ

แต่ก็ยังมีอาการอยุ่ แต่ก่นกำเริบทุกวัน ไม่รู้เครียดไรนักหนา  แหะ.. แหะ..
บันทึกการเข้า
wansiri
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 166


ขอเป็นส่วนหนึ่งของสังคม


ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2011 21:04:13 »

ขอเสนออีกวิธีหนึ่งครับ ไมเกรน ส่วนใหญ่น่าจะมาจากความเครียด ครับ ลองนั่งทำสมาธิดูครับจิตใจสงบลงความเครียดก็หายไมอาการไมเกรนก็จะดีขึ้นครับ
เคยเป็นสมัยเรียนถึงกับต้องฉีดยาเลยครับ..แบบว่าอาการหนัก ..แต่ลองวิธีนี้ดูรู้สึกว่าดีขึ้นจนหายไป...และไม่อยากกลับไปเป็นอีกเข็ดเลย เอ๋อ
บันทึกการเข้า
AE.พาฝัน
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,910



ดูรายละเอียด
« ตอบ #30 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2011 15:00:41 »

ผมขอขอบคุณน้าๆทุกท่านมากครับ ทุกวิธีที่น้าๆแนะนำมาผมจะนำไปปฎิบัติและแนะนำแฟนผมครับ   คำนับ คำนับ คำนับ   
บันทึกการเข้า
หน้า:  «  1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!