AE. Racing Club
09 มกราคม 2025 21:36:45 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฒฒฒฒ รบกวนที่น้อง AE กับการตัดสินใจครั้งสุดท้ายหน่อยครับ >>>>  (อ่าน 4544 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Art_HD
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 259



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 17 ธันวาคม 2011 11:16:50 »

ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าจะเอานำ 20v ซึ่งเพิ่งวางใหม่ว่าไปทำแก๊สหัวฉีด AG ซึ่งมีอยู่แล้วครับยังไม่ได้ถอดออก  ตอนแรกคิดว่าจะไม่ใช้แก๊สแล้วครับจะถอดขายเลย
เพราะ กลัวเครื่องจะลาโลกซ้ำเพราะเครื่องตัวเก่า 5a ติดแก๊สได้ประมาน
เกือบ 2 ปี ครับ เครื่องโทรมมากครับ ยกฝาบน 2 รอบ ภายในเวลาไม่ถึงปีครับ  เลยกลัวซ้ำรอยครับ  เลยมาวาง 20v auto
 ตอนนี้ใช้น้ำมันตลอดขับค่อนข้างประทับใจ แต่ค่าน้ำมันค่อนข้างเพิ่มขึ้นมากครับ รับไม่ไหวครับ เลยอยากลองสอบถามน้า ๆๆ ที่ใช้ 20v auto ว่า
เครื่องตัวนี้ทนแก๊สได้แค่ใหนครับ กับการขับ ขับทางเรียบ สลับดอยครับ มีซัดบ้างครับ การบำรุงรักษาเป็นไงบ้างครับ 
ปกติผมออกต่างจังหวัดครับ วิ่ง  200 โล ครับ เฉลี่ย อาทิตล่ะ 2-3 วันครับ ที่เหลือก็วิ่ง ๆ ในเมืองครับ   รบกวนน้าด้วยครับ  ขอบคุณมากครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 ธันวาคม 2011 11:20:44 โดย Art_HD » บันทึกการเข้า
Art_HD
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 259



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2011 13:16:17 »

คถามดูปัญญาอ่อนนะครับ แต่ผมดันลังเลครับ เพราะงบที่วางเครื่องครั้งนี้เลยครับ....  ขอบคุณล่วงหน้าครับ ๆ
บันทึกการเข้า
( . )jab-ben( . )
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,179


น้องใหม่ ขอปั้นx


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2011 13:42:53 »

ผมเคยฟังเซียนแก็ซเค้าพูดไว้นะคับ แก็ซไม่ได้ทำให้รถพัง แต่คนจูน คนติดตั้ง(ไม่ดี)นั่นแหละที่ทำให้รถพังคับ เด๋วนี้ช่างส่วนมากไม่ได้มานั่งคำนวณหรอกคับว่าควรจะเจาะนอสเซิลตรงไหน ความยาวท่อยางไปหัวฉีดเท่าไหร่ แค่วิ่งได้ และได้โลละบาทก้อพอใจทั้ง2ฝ่ายลละคับ ผมเหนแท็กซี่วิ่งกันต่อเนื่อง ปีนึงก้อคงหลายพัน(หมื่น)กิโลอยู่คับ ถึงจะซ่อมใหญ่ๆครั้งนึง
บันทึกการเข้า

Oon_Resist .CZ
Web Administrator
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,524

มี Program จูน F-con S,SZ,IS,2.1,3.14,3.24 จำหน่าย


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2011 15:07:54 »

ติดตั้งไม่ดีคนจูนพอช่วยได้ แต่ติดตั้งดีเจอคนจูนไม่ดีก็พัง เจอติดตั้งไม่ดีแถมจูนไม่เป็น นรกของเจ้าของรถ

แก็สไม่น่ากลัวครับอยู่ที่ติดตั้งและปรับจูน
บันทึกการเข้า

Art_HD
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 259



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2011 15:26:21 »

ขอบคุณครับผม ๆๆ ตอนนี้น่าจะตัดสินใจติดตั้งล่ะครับ...รับค่าน้ำมันไม่ไหวครับออกทางไกลตลอดครับ...

 แต่เจอราคาปัญหาอู่ที่ติดตั้งครับ   อู่้ที่เคยติดราคาค่อนข้างสูงเลยครับ  ขอบคุณมาก ๆๆ ครับ  สำหรับคำแนะนำครับ ..
บันทึกการเข้า
Ralphy
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,188


Solitary Man@Phukadueng


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2011 15:29:54 »

คถามดูปัญญาอ่อนนะครับ แต่ผมดันลังเลครับ เพราะงบที่วางเครื่องครั้งนี้เลยครับ....  ขอบคุณล่วงหน้าครับ ๆ

ไม่ปัญญาอ่อนหรอกครับรถใครๆ ก็รัก รถผมเครื่อง 4A-FE เดิมๆ ติดหัวฉีดอิตาลี 4 หมื่นไม่ยิ่งกว่าหรือครับ เดี๋ยวคงมีเพื่อนๆ ที่ใช้ฝาดำติด AG เข้ามาช่วยตอบ ว่าแต่เพิ่งวางเครื่องมาใหม่ต้องมั่นใจว่าไม่มีปัญหาขณะใช้น้ำมันนะครับ ไม่งั้นติดแก๊สไปเดี๋ยวเจอปัญหาทับซ้อนไล่แก้กันตายพอดี
บันทึกการเข้า

4A-FE LPG Sequential Injection Kit and Multivalve by LOVATO GAS S.p.A. Vicenza , Italia.
illusionx<NC.Z>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9,252


ปลวกคนเดิม


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2011 15:38:35 »

ผมติดมาปี พังไปตัวละ เพราะความตีนผีของตัวเองและ ไม่ไ่ด้เปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ครับ

ควรดูแลเรื่องระบบระบายความร้อนให้ดีแก๊สก็จะอยู่เครื่องเราไปอีกนาน
บันทึกการเข้า



https://www.facebook.com/stevesecondhandtire76.5shop
Steve 2nd tire racing & Termostat 76.5c
วาวน้ำอุณหภูมิต่ำ 76.5c / ยาง%ซิ่ง ขอบ17-20 / TE37ขอบ18 / ล้อยางป้ายแดงสั่ง
jamebau
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 778



ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2011 18:41:51 »

ผมเพิ่งใช้แก๊สได้ประมาณแปดเดือนครับ เลยไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้่าง
แต่เท่าที่อ่านในห้องรถติดแก๊สในเว็บเรา ก็ได้ความรู้เรื่องบำรุงรักษาเยอะแยะนะครับ
ว่างๆลองเข้าไปอ่านดูสิครับ พอเรามีความรู้แล้ว(จากคำบอกเล่าของคนอื่น) เราก็จะป้องกันปัญหา และดูแลรถที่เรารักได้ดีขึ้นนะครับ
บันทึกการเข้า
( . )jab-ben( . )
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,179


น้องใหม่ ขอปั้นx


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2011 18:54:29 »

ผมติดหัวฉีดbsmวิ่งมา2ปีและคับ ตอนนี้น่าจะแสนโลไปละ เครื่องยังไม่เปนไร แต่หม้อต้มจะไปละคับ
ปล.4เอ เออี เออี101คับ
บันทึกการเข้า

pom626
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 274



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2011 23:41:32 »

ติดแก็ส ผมว่าเครื่องพังไม่เร็วหลอกครับเหมือนหลายๆๆคนบอก
เครื่องรถผม 5A วิ่งจากมีนบุรี ไปพระราม2+สาย2 สาย3 ไปกลับ140+กิโล เกลือบทุกวัน
มา3ปีล่ะ เครื่องยังปรกตินะครับ อยู่ที่จูนแก็สกับดูแลทั่วไปนะครับ อย่าไปกลัวครับรถแก็ส

ลองดูค่าใช้จ่ายระหว่างน้ำมันกับแก็สนะครับ ว่าติดแล้วคุ้มไหม เพราะผมวิ่งถ้าเป็นน้ำมันตก600-800 แก็ส 200-300
3ปี คำนวนคราวๆๆๆ ผมวางเครื่อง 5A ได้ 2-3 รอบล่ะครับ
บันทึกการเข้า


 
ขาย บานพับหน้าต่าง มือจับ กลอน พุกเหล็ก พุกตะกั่ว อุปกรณ์ก่อสร้าง ราคาโรงงานคร้าบบบ
•—ชๅ€lxล้ๅต้ม<NC.Z>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,569



ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2011 00:06:55 »

ผมไม่มีความคิดอะไรครับ  เพราะผมก็ติดแก๊สให้ฝาดำเหมือนกัน  แต่อยากให้ลองอ่านตรงนี้ดู

หรือถ้าว่างลองอ่านตรงนี้ดูไหมครับ จะได้สบายใจ
ใช้แก๊สแล้วเครื่องพัง! เรื่อง เก่า ๆ ที่ยังลืออยู่....ใช้แก๊สแล้วเครื่องโทรมหรือพังเร็ว เมื่อพังแล้วก็ซ่อมไม่ได้ ต้องยกทิ้งแล้วเปลี่ยนเครื่อง (เชียงกง) ดูอย่างแท๊กซี่สิ 3 ปี...เครื่องพัง !ไม่เห็นมีเกิน 5 ปีสักคัน ก็ต้องเปลี่ยนเครื่อง! เรื่องราวเหล่านี้ จริงหรือไม่?...ตอบก่อนเลยว่า...‘จริง!’ รถแท็กซี่ใช้แก๊ส 3-5 ปีเครื่องต้องพัง! อ้าว...อย่างนี้จะสนับสนุนการใช้แก๊สในรถกันทำไม?
ทั้งแอลพีจีและเอ็นจีวี แล้วทำไมหลายประเทศทั่วโลกนิยมใช้แก๊สเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ?
เขาว่ากันว่า...
• เสียงเล่าลือบนโปรยข้างต้นเหล่านี้...จริงครับ!
แท๊กซี่ใช้แก๊ส 3 ปี เครื่องพัง น้อยคันที่จะอยู่ได้เกิน 5 ปี แต่คนที่ ‘เล่าลือ’ และ ‘รับทราบ’ มักไม่คิดคำนวณต่อเนื่อง อย่างละเอียดว่า รถแท็กซี่ใช้งานวันละกี่กิโลเมตร? มากกว่ารถบ้านรถส่วนตัวกี่เท่า?
ผมตอบให้อย่างชัดเจน โดยคุณไม่ต้องไปค้นหา เพราะบังเอิญ ว่าผมเคยถูกให้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานในโครงการแท็กซี่เอื้ออาทร ที่มี ระบบซ่อมฟรีรวมในเงินผ่อน ดังนั้นระยะทางที่ถูกใช้ต่อวันโดยเฉลี่ย จะต้องถูกค้นหาและสรุปอย่างชัดเจน ซึ่งตัวเลขออกมาที่ประมาณ 600 กิโลเมตรต่อวัน (อยู่ในช่วง 550-650 กิโลเมตรต่อวัน)
ถ้าใครไม่เชื่อ เสียเงิน 70 บาทขึ้นแท็กซี่สักคันสองคันแล้วถาม ว่า...กะหนึ่ง (12 ชั่วโมง รถคันหนึ่งต่อวันถูกใช้งาน 2 กะ) ขับได้กี่ กิโลเมตร ส่วนใหญ่ที่เป็นรถเช่า จะขับกันในระยะทาง 300 กิโลเมตร270-330 กิโลเมตร นั่นคือ 2 กะรวมแล้ว 600 กิโลเมตรต่อวัน หลายคนขี้เกียจคิดเลขในใจ คิดง่ายๆ ว่า 1 ปีรถถูกใช้ 300 วัน จะได้คิดสะดวก (เผื่อวันที่ต้องจอดซ่อมบ้าง แต่จริงๆ แล้วมักจะ ขาดหายจาก 365 วันไม่มากนัก)300 วัน...วันละ 600 กิโลเมตร รวม 1 ปีรถถูกใช้งานไป 180,000 กิโลเมตร ถ้าเครื่องหมดสภาพที่ 3 ปี คือ 180,000 กิโลเมตร x 3 ปี
เท่ากับ 540,000 กิโลเมตร หรือคิดแบบแย่ๆ แค่ 2.5 ปีเครื่องพัง ก็ เท่ากับ 450,000 กิโลเมตร
ระยะทาง 450,000 กิโลเมตร สำหรับรถบ้าน กี่ปี? ส่วนใหญ่ใช้งานปี 30,000-40,000 กิโลเมตร 10 ปีเครื่องหลวม...โอเคไหม? รถบ้านทั่วไปที่ใช้น้ำมัน ก็เห็น 300,000-400,000 กิโลเมตรก็เครื่องหลวม ระยะทาง 450,000 กิโลเมตร ที่เครื่องของรถแท็กซี่พัง นั้นมาจากการใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพกลางๆ หรือต่ำ (ที่เรียกว่าน้ำมันถัง200 ลิตร เกรดแค่ เอพีไอ เอสจี หรือ เอสเอช) ไส้กรองอากาศเทียมและการขับอย่างไม่ค่อยทนุถนอม
ลองคิดดูว่า...ถ้าเป็นรถบ้านที่ดูแลดีกว่าทุกด้าน น้ำมันเครื่อง ดีๆ ไส้กรองอากาศดีๆ ระยะทางที่ทำได้ก่อนเครื่องจะหมดสภาพ น่าจะเกินหรือสั้นกว่า 450,000 กิโลเมตร? ทั้งหมดข้างต้นนี้เป็นบทพิสูจน์จากการใช้งานจริงว่า รถที่ใช้ แก๊สจะใช้งานได้ระยะทางไม่ได้สั้นอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด แต่ไม่ ได้ลงลึกถึงถึงหลักทางวิศวกรรมว่า แท้จริงแล้วเมื่อใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมันเบนซินแล้ว อายุการใช้งานของเครื่องจะสั้นลงจริง หรือไม่ และถึงแม้ว่าจะสั้นลง...ต้องถามต่ออีกว่า นั่นเพราะอะไร ? ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้
• อีกประเด็นหลักๆ ที่ร่ำลือกันว่าแก๊สทำร้ายเครื่อง ก็คือ ‘บ่า
วาล์ว’ หรือว่า ‘ร้อนจนกรอบไปหมด’ การทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างแท้จริง ผู้ที่ไม่ใช่ช่างยนต์ ต้องมี
จินตนาการตามไปด้วย ถ้ามโนภาพได้ จะเข้าใจได้แน่ๆ เชื้อเพลิงเครื่องยนต์ที่เราๆ ใช้กันอยู่นั้น มีชื่อเรียกจริงๆ ว่า‘GASOLINE’ ซึ่งเป็นอีกชื่อเรียกของ ‘น้ำมันเบนซิน’ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์หรือหัวฉีด (ไม่นับหัวฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้ จีดีไอ) การจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่กระบอกสูบ ‘ต้องทำจบก่อนวาล์วไอดีปิด’
ในจังหวะที่ลูกสูบเลื่อนขึ้นในจังหวะอัด เตรียมเจอกับประกาย ไฟของหัวเทียนในจังหวะระเบิด รูปทรงของหัวลูกสูบและห้องเผา ไหม้ของฝาสูบ รวมทั้งการเคลื่อนตัวของลูกสูบให้เกิดแรงดันสูง ย่อม
เกิดความปั่นป่วนของอากาศและเชื้อเพลิงที่ ‘ผสม’ กันอยู่ ให้เกิดการคลุกเคล้าเป็น ‘ไอดี’
นั่นคือเป็นไอของอากาศที่ผสมเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เป็นอากาศที่มีเม็ดเชื้อเพลิงผสมอยู่เป็นหยดๆ
ไม่ว่าจะใช้เชื้อเพลิงอะไรก็ตาม ในจังหวะอัด ผู้ผลิตเครื่องล้วนพยายามทำให้เป็น...ไอดี มีสถานะเป็นไอ ที่พร้อมจุดไฟติดจนลุกไหม้ได้รวดเร็ว เครื่องยนต์ ‘รังเกียจ’ ไอดีที่ผสมระหว่างอากาศกับเชื้อ
เพลิงที่มีสภาพเป็นหยดของเหลวผสมอยู่ ดั้งนั้นแม้การจ่ายเข้าไปจะเป็นของเหลว อย่างน้ำมันเบนซิน
แต่ในจังหวะอัดที่เตรียมจุดระเบิด ก็จะกลายเป็น...ไอ! ไม่ว่าเชื้อเพลิงใด เดิมจะเป็นของเหลวจับต้องได้อย่างเบนซิน หรือเป็นไออย่างแก๊ส เมื่อเข้าไปในกระบอกสูบ และในจังหวะอัดก็ ต้องถูกคลุกเคล้าให้เป็น...ไอดี ที่พร้อมจุดระเบิด ดังนั้นเครื่องยนต์และหัวเทียนจึง ‘ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของสถานะเชื้อเพลิงในช่วงจ่ายเข้ามา’ เพราะยังไงก็ต้องคลุกเคล้าจนเป็นไอวาล์วไอดีที่เชื้อเพลิงต้องถูกฉีดหรือไหลผ่าน มีความร้อนต่ำ
เพราะมีอากาศและเชื้อเพลิงไหลผ่านบ่อยๆ ทุกครั้งที่เป็นจังหวะดูด ของเครื่อง ดังจะเห็นได้ว่า...ราคาของวาล์วไอดีที่มีขนาดใหญ่กว่า จะถูกกว่าวาล์วไอเสียที่ขนาดเล็กกว่าอยู่เสมอ นั่นเพราะไม่ต้องทำให้ทนทานเท่า การที่เชื้อเพลิงจะเป็นไอหรือ ละอองของเหลว ไหลผ่านวาล์วและบ่าวาล์วไอดี จึงไม่ได้มีความแตกต่างด้านการสึกหรอของบ่าวาล์วเลย
ประเด็นที่เข้าใจผิดว่า ‘ใช้แก๊สแล้วแห้ง ส่งผลให้บ่าวาล์วแห้ง และสึกหรอเร็วขึ้น’ จึงไม่ใช่ บ่าวาล์วไอดี ที่ภาระน้อย ไม่ต้องการเบาะกันกระแทกระหว่างวาล์วกับบ่า บ่าวาล์วไอเสีย เป็นชิ้นส่วนที่ถูกเพ่งเล็งว่า เมื่อใช้แก๊ส
แล้วบ่าวาล์วจะสึกเร็วลองคิดดูว่า เมื่อเผาไหม้แล้ว ไม่ว่าเชื้อเพลิงอะไรก็ต้องมีความร้อนสูงและกลายเป็นไอเสียไหลผ่านบ่าและวาล์วไอเสีย
ซึ่งนั่นเป็น ที่มาของภาระที่หนักกว่าวาล์วและบ่าวาล์วไอดี หนีไม่พ้นที่จะมี
ความแห้งในตัวเอง ไม่ว่าจะใช้เชื้อเพลิงของเหลวหรือแก๊สถ้าจะมีอะไรที่เปียกหรือสามารถทำตัวเป็นเบาะ นั่นคือ ‘สารตะกั่ว’ ซึ่งในไทยกับน้ำมันเบนซินไม่มีสารตะกั่วมากว่า 15 ปีแล้ว
ส่วนพวกที่เข้าใจผิดใส่น้ำมันออโต้ลูปสำหรับเครื่องยนต์ 2จังหวะมาใส่ในเครื่องที่ใช้แก๊ส ก็เป็น ‘ความเข้าใจผิด และมีผลเสียล้วนๆ’ เพราะห้องเผาไหม้ หัวลูกสูบ และหัวเทียนจะเลอะเปียกไปหมด ในขณะที่ตัวน้ำมันออโตลูป ก็ไม่ได้ทำตัวเป็นเบาะรองบ่าวาล์วได้ดีนัก จึงไม่จำเป็นต้องใส่ดังนั้นการที่บอกว่า ‘ใช้แก๊สแล้ว บ่าวาล์วสึก เพราะความแห้ง จึงไม่เป็นจริง’และที่เข้าใจผิดกันว่า ‘ใช้แก๊สแล้วเครื่องยนต์ร้อน เพราะแก๊สร้อนกว่า...ก็ไม่จริง’ เพราะถ้าแก๊สให้ความร้อนกว่าจริง การใช้แก๊สก็ต้องให้พลังงานแรงขึ้น มีแรงม้า-แรงบิด มากว่าตอนใช้น้ำมันเบนซิน เพราะความร้อนก็คือพลังงานที่จะดันลูกสูบหลังการเผาไหม้ ถ้าไม่ได้ทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้น ก็แสดงว่าแก๊สไม่ได้ร้อนกว่าน้ำมันเบนซิน
ต้องคำนึงถึงปัจจัยที่ ‘เป็นจริง’
• การใช้แก๊สก็มีโอกาสที่เครื่องยนต์จะร้อนกว่าได้ใน 2 กรณี คือมีการปรับจูนให้จ่ายแก๊สบาง โดยเน้นความประหยัด จนค่าไอเสียวัดได้สูงกว่าแลมบ์ดา 1.0 ตามที่ควรจะเป็น และอีกกรณีคือ ค่าออกเทนของแก๊สที่มีมากกว่าเบนซิน (แอลพีจี ออกเทน 105-110 และเอ็นจีวี 120)เมื่อนำมาใช้ โดยไม่มีการปรับไฟจุดระเบิดให้ ‘แก่’ กว่าเดิม
(จุดล่วงหน้า) ก็จะเป็นการทำงานด้วยไฟจุดระเบิด ‘อ่อน’ (ล่าช้า)ทำให้การลามของไฟไม่ได้ถีบลูกสูบเต็มที่ แต่ลามไปสู่ช่วงวาล์วไอเสียเปิดในจังหวะคายด้วย ความร้อนที่ไม่ถูกใช้ถีบลูกสูบเต็มที่ถ่ายทอดผ่านวาล์วไอเสีย ต่อไปยังบ่าวาล์วและฝาสูบอย่างต่อเนื่องในกรณีจูนให้จ่ายแก๊สบางกว่าปกติ มีผลทำให้เครื่องร้อนและ
แรงตก มากกว่าในกรณีที่แก๊สมีออกเทนสูงกว่าเบนซิน แล้วต้องการไฟแก่ เพราะอย่างแอลพีจีก็มีออกเทนสูงกว่าเบนซิน 95 อยู่ประมาณ 10 เท่านั้น ไฟจุดระเบิดเดิมๆ ก็รองรับได้ โดยรวมคือ แท็กซี่อายุ 3-5 ปีล้วนเครื่องพัง...จริง แต่พวกเขาขับกันวันละ 600 กิโลเมตร...ปีละ 180,000 กิโลเมตรรวมแล้วล้วนเกิน 400,000 กิโลเมตรถึงจะพัง ทั้งยังใช้น้ำมันเครื่องและไส้กรองด้อยคุณภาพ ยังทนได้ขนาดนี้ แล้วรถบ้านใช้งานวันละไม่ถึง 100 กิโลเมตร ปีละ 30,000 กิโลเมตร ถ้าเครื่องจะพังที่ 300,000 กิโลเมตร กี่ปีจึงจะพัง? ใช้ไป 7-12 ปีระยะทางและนานขนาดนั้น ไม่ต้องใช้แก๊ส...ก็พังครับ


ขออณุญาติคนพิมด้วยครับ  เนื่องจากก๊อปมาอ่านใน word
บันทึกการเข้า

http://www.facebook.com/#!/profile.php?id=100000603573246
jamebau
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 778



ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2011 20:53:09 »

 คำนับ คำนับ
ขอบคุณคุณ ชๅ€lxล้ๅต้ม<NC.Z> มากๆครับ สำหรับข้อมูลดีๆ
สุดยอดครับ สุดยอด สุดยอด
ผมอ่านแล้วได้ความรู้มากมายครับ ตรบมือ ตรบมือ
บันทึกการเข้า
ガレージ7 タカラショップ¥¥¥んーーーー
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,265


アンパンマン


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2011 21:19:04 »

ถ้าพูดถึงการสึกหรอของเครื่องยนต์จนเป็นเหตุให้เครื่องยนต์ พังในเวลาอันรวดเร็ว ก็หนี้ไม่พ้นปัญหาจากความร้อนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจากเชื้อเพลิง น้ำมันหรือแก็ส

ถ้าคุมความร้อนได้ รับลองความสึกหรอแทบไม่ต่างกับน้ำมันครับ

ผมทดลองมาแล้วละครับ ระยะ 1 ปี ใช้ไป 6 หมื่นกว่า โล ลอกถอดมาดู ปกติเหมื่อนเครื่องน้ำมันเลย เพราะแค่อับระบบระบายความร้อนให้ดีกว่าของโรงงาน เท่านั้น

คุมความร้อนที่เกิดขึ้นได้ ก็คุมการสึกหรอได้แล้วละครับ


บ้านเรานี้มักง่ายคิดง่าย ไม่เคยคำนวณค่าความร้อน เอาแค่วิ่งได้ใช้ได้ ก็ลุย สุดท้าย ติดแก็สได้เชื้อเพลิงราคาถูกมาใช้ แต่ก็ต้องเสียเงินมาซื้อเครื่องใหม่เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้นเอง

บันทึกการเข้า

ガレージ7 タカラショップ¥¥¥んーーーー
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,265


アンパンマン


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2011 21:25:11 »

ติดตั้งไม่ดีคนจูนพอช่วยได้ แต่ติดตั้งดีเจอคนจูนไม่ดีก็พัง เจอติดตั้งไม่ดีแถมจูนไม่เป็น นรกของเจ้าของรถ

แก็สไม่น่ากลัวครับอยู่ที่ติดตั้งและปรับจูน

ผมคิดเพิ่มจากน้านะครับ หากจูนแล้วบางค่าความร้อนก็จะสูง เป็นเหตุให้เครื่องสึกหรอเร็ว แต่ถ้าบ้างแล้วระบายความร้อนออกมาได้การสึกหรอก็จะน้อยลง  ตัวการจริงๆ อยู่ที่ความร้อนนั้นละครับ  จูนให้บางแค่ไหนแต่ไม่ร้อน ก็ไม่มีพังแน่นอน

ลองคิดตามนะครับ

ชาร์ปละลายเกิดจากอะไร
วาร์วสึกเกิดจากอะไร
ลูกละลาย เกิดจากอะไร

ทั้งหมดนี้ เกิดจากความร้อนเป็นผลให้พังทั้งนั้น

สาเหตุที่หลายๆคนติดแก็สแล้วมีปัญหากับเครื่องยนต์บ่อยๆ ก็ เพราะ การปรับจูนทุกรอบการขับขี่นั้นคงไม่ดีเสมอกันหมด มีหนา มีบาง ผสมกันไป ยิ่งระบบระบายความร้อนเดิม ก็คงคุมยาก


ลองหาวิธี ทำให้ระบบระบายความร้อนดีกว่าของเดิมซัก 2 เท่าซิครับรับลองแทบไม่เจอปัญหาเลยละครับ
บันทึกการเข้า

TAOTAO-TZ#056-
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9,805


ไอ๊หย่ะ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2011 22:37:31 »

วาวล์น้ำเปิดเร็วขึ้นน่าจะช่วยได้ครับ
อย่าจูนบางไปด้วยเด้อ
บันทึกการเข้า

ย่องเบา....นินจา..ผลุบ..โผล่KENG SERVICE & MODIFY อู่เล็กๆเด็กๆทำถิ่นพระประแดง-คู่สร้าง แว๊นนนน KYB SR 3,999 บาท http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=144724.msg3137300#msg3137300
TU AE101
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 433


083-0055729


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2011 23:32:20 »

 สุดยอดความรู้ทั้งน้าน.... สุดยอด
บันทึกการเข้า
ガレージ7 タカラショップ¥¥¥んーーーー
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,265


アンパンマン


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 22 ธันวาคม 2011 21:53:08 »

วาวล์น้ำเปิดเร็วขึ้นน่าจะช่วยได้ครับ
อย่าจูนบางไปด้วยเด้อ

วาร์วน้ำเปิดเร็ว แต่ไม่สามารถระบายความร้อนให้ออกไปได้เร็ว สุดท้ายความร้อนกยังคงตกค้างอยู่นะครับ ต้องระบายได้เร็วด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!