ปรับเกลียว 1 ชุดเลยฮับ
ขอตังค์หน่อย ผ่อนคืนวันล่ะ 20 บาท
โอเคม่ะค๊าบ
ปรับ เกลียว หรือ สปริง แวน หรือ สปริง ST191
ST191 กับ AT191 ต่างกันอย่างไรครับ งง!!!!
ได้ล่ะ
CORONA 190-191
โตโยต้า โคโรน่า โฉมล่าสุดในไทย ขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นที่ 3 เริ่มทำตลาดในไทยเมื่อต้นปี 1993 มีตัวถังเดียว คือ ซีดาน 4 ประตู เครื่องยนต์ทวินแคม 16 วาล์ว หัวฉีดล้วนๆ แบ่งเป็น 2 รุ่นหลัก 1.6 และ 2.0 ตามบล็อกเครื่องยนต์ที่ใช้ คือ รหัสตัวถัง AT190 ใช้เครื่องยนต์ 4A-FE 1,600 ซีซี และรหัสตัวถัง ST191 ใช้เครื่องยนต์ 3S-FE 2,000 ซีซี
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิงจุ 60 ลิตร
รหัสตัวถังของโคโรน่า คือ T เสมอ โดยตัวอักษรที่นำหน้าสุด เช่น A หรือ S นั่นคือ รหัสเครื่องยนต์ที่ใช้ ส่วนตัวเลข 2 หลักแรกจะเปลี่ยนเมื่อโมเดลเชนจ์ครั้งละหลัก 10 เป็นอย่างน้อย เช่น 190 จะใหม่กว่า 170 ส่วนเลขหลักท้ายสุดเป็นรุ่นย่อย ไม่ต้องสนใจนักเดี๋ยวจะงง
รูปลักษณ์ภายนอกฉีกแนวจากโฉมเก่าที่เรียกกันว่าหน้ายิ้มอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนจากทรงแบนกว้างมาเน้นความกลมและอ้วนป่องตลอดคัน ด้านหน้าลาดต่ำ ด้านท้ายยกสูง จนเป็นที่มาของชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า 'โคโรน่า-ท้ายโด่ง'
ด้านหน้าเป็นกระจังโครเมียมติดโลโก้ 3 ห่วงตรงกลาง รับกับไฟหน้าทรงเฉียงและไฟเลี้ยวขาวตามสมัยนิยม มุมกันชนหน้าด้านล่างฝังไฟเลี้ยวสีเหลืองทรงเพรียว รุ่น 2.0 เพิ่มสปอตไลต์ในกันชน
ตัวถังด้านข้างช่วงบนมีลอนบุ๋มยาวตลอดแนว ตรงกลางมีคิ้วกันกระแทก รุ่น 1.6 ให้กระทะล้อเหล็กและฝาครอบแบบเต็ม พร้อมยางขนาด 185/65/14 รุ่น 2.0 ให้ล้อแม็กลาย 6 ก้าน พร้อมยางขนาด 195/60/14 ชุดไฟท้ายแบบไฟเลี้ยวขาวซึ่งใช้มาตั้งแต่รุ่นหน้ายิ้ม ตรงกลางเป็นแผงทับทิม แผ่นป้ายทะเบียนติดตั้งในกันชนหลัง รุ่น 2.0 มีสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรก
รุ่น 1.6 แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย คือ 1.6 XLi และ 1.6 GLi ใช้เครื่องยนต์ 4A-FE แบบเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ความกว้างกระบอกสูบ 81 มิลลิเมตร ช่วงชัก 77 มิลลิเมตร ความจุ 1,587 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.5 : 1 กำลังสูงสุด 116 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบ/นาที ทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบเบรกแบบหน้าดิสก์/หลังดรัม
รุ่น 2.0 แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย คือ 2.0 GLi เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ 2.0 GLi 4 AUTO เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ใช้เครื่องยนต์รหัส 3S-FE แบบเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ความกว้างกระบอกสูบและช่วงชักเท่ากันที่ 86 มิลลิเมตร ความจุ 1,998 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.8 : 1 กำลังสูงสุด 134 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.7 กก.-ม. ที่ 4,600 รอบ/นาที
ระบบพวงมาลัยแบบแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ พร้อมเอบีเอสเป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้งพิเศษ ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังดูอัลลิงก์
ไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก
หลังทำตลาดได้เกือบ 2 ปี ก็ปรับโฉมเป็นครั้งแรก ด้านหน้าเปลี่ยนกระจังใหม่เป็นแบบพ่นสีเดียวกับตัวรถ เปลี่ยนกันชนหน้าเป็นแบบมีคิ้วกันกระแทก รุ่น 2.0 รวมไฟเลี้ยวเหลืองและสปอตไลต์สีขาวไว้ในกรอบเดียวกันติดตั้งมุมกันชนหน้าด้านล่าง ส่วนรุ่น 1.6 เป็นไฟเลี้ยวสีเหลือง
ย้ายแผ่นป้ายทะเบียนหลังมาติดตั้งระหว่างชุดไฟท้าย จากเดิมที่อยู่ในช่องของกันชน กันชนหลังเปลี่ยนใหม่มีคิ้วกันกระแทก และเป็นแบบเต็มเพราะไม่ต้องมีช่องใส่ป้ายทะเบียน บางคนเรียกว่ารุ่น �โคโรน่า ท้ายโด่ง ไฟท้ายแยก� ทำตลาดระหว่างปลายปี 1994-กลางปี 1996
เครื่องยนต์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย คือ 1.6 GLi, 1.6 GLi 4 ECT, 2.0 GLi, 2.0 GLi ABS และ 2.0 GLi ABS 4 ECT (เพิ่มรุ่น 1.6 เกียร์อัตโนมัติ GLi 4 ECT และ 2.0 เกียร์ธรรมดา GLi พร้อมตัดรุ่น 1.6 เกียร์ธรรมดา XLi ออกไป)
ไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่ 2
ปรับโฉมครั้งที่ 2 ครั้งใหญ่ ที่ทำให้ดูแปลกตาไปมาก พร้อมระบุชื่อรุ่นอย่างชัดเจนต่อท้ายว่า เอ็กซ์ซิเออร์ จึงไม่มีชื่อแสลงแบบรุ่นอื่น ถ้าจะพูดถึงโคโรน่าโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่ 2 นี้ก็มักเรียกกันว่า �โคโรน่า-เอ็กซ์ซิเออร์� ก็เป็นที่เข้าใจกัน โดยชื่อรุ่นมีการเปลี่ยนใหม่ แบ่งเป็น 5 รุ่น คือ 1.6 GXi, 1.6 GXi 4 ECT, 2.0 GXi, 2.0 SE-G และ 2.0 SE-G 4 ECT
ด้านหน้าเปลี่ยนกระจังใหม่เป็นรูปตัว T กรอบนอกพ่นสีเดียวกับตัวรถ ย้ายโลโก้ 3 ห่วงไปติดตั้งบนฝากระโปรง กันชนหน้าเปลี่ยนใหม่กลับไปคล้ายรุ่นแรก เป็นแบบเรียบไม่มีคิ้วกันกระแทก ด้านข้างเพิ่มคิ้วโครเมียมล้อมกรอบกระจก
ด้านหลังเปลี่ยนชุดไฟท้ายใหม่ ย้ายไฟเลี้ยวและไฟถอยหลังมาไว้ด้านล่าง โดยแถบไฟเลี้ยวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง กันชนหลังเปลี่ยนใหม่เป็นแบบเรียบไม่มีคิ้วกันกระแทก ภายในเพิ่มความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยฝั่งผู้ขับ
จากนั้นในปี 1998 ก็ปรับโฉมอีกครั้ง เปลี่ยนไฟหน้าเป็นแบบตาเพชรใสแวววาว ไฟเลี้ยวที่ติดกับไฟหน้าและไฟเลี้ยวในกันชนเปลี่ยนเป็นสีขาว เพิ่มไฟเลี้ยวสีเหลืองขนาดเล็กด้านข้างตัวถังหลังล้อหน้า รุ่น 1.6 เปลี่ยนฝาครอบล้อเป็นลาย 7 ก้านแบบไม่มีรูนอต รุ่น 2.0 เปลี่ยนล้อแม็กเป็นลาย 7 ก้านเฉียง ภายในรุ่น 2.0 เพิ่มถุงลมนิรภัยฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า
(PCD 5รู100 ออฟเซต +45 กว้าง 5.5 นิ้ว)
ตัวถังนี้ในรุ่นเอ็กซ์ซิเออร์ เป็นรุ่นสุดท้ายของโคโรน่าในเมืองไทยซึ่งเลิกผลิตไปแล้ว เพราะไม่มีช่องว่างในตลาด จากการที่ราคาของโคโรน่ากับคัมรีชิดกันเกินไป
Exsior ได้เปลี่ยนวัสดุกันเสียงใต้พรม ทำให้เงียบขึ้น รวมทั้งเสริมคานเหล็กที่กันชน ทำให้น้ำหนักรถเพิ่มขึ้นมาก
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
http://www.coronathailand.com/board/index.php?topic=4502.0