ผมทราบว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจ และไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้กันหรอกครับ แม้จะมีใครพูดจนปากเปียกก็ยังงั้นๆ ทั้งที่หากเป็นจริงแล้ว มันเกี่ยวข้องโดยตรงกับวิถีชีวิตของเราและส่วนรวมเป็นอันมาก อันหมายถึงคนทั้งประเทศที่เป็นคนจนเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังกระทบกับผมและท่านผู้อ่านทุกคนด้วยครับ ลองคิดดูสิ ว่าผลประโยชน์มหาศาล ไปตกอยู่กับคนแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น คิดเป็นเปอร์เซนต์แค่เศษหนึ่งส่วนล้านด้วยซ้ำมั๊ง เรียกว่าตกอยู่แค่ไม่กี่ตระกูลเท่านั้น นับได้ แต่สิทธิของเราเองกลับไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ สนใจแค่เรื่องอื่นที่เราเห็นว่าสำคัญกว่า หากเป็นประเทศอื่น ประชาชนเขาลุกฮือขึ้นมาทำการตรวจสอบแล้ว ว่าจริง มีมูลหรือไม่ หากเป็นจริง คนที่จะโดนคนแรกก็คือผู้ที่มีอำนาจวาสนาที่เกี่ยวข้อง แต่บ้านเรามันตรงกันข้ามไปหมดครับ เขาถึงไม่ยอมให้คนส่วนใหญ่ของประเทศมีความรู้ หรือฉลาดเท่าทันเขาไงครับ ผมให้การช่วยเหลือคนเหล่านี้มาตลอดในหน้าที่การงาน บางทีก็เหนื่อยแทน สิทธิของตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำครับ แม้แค่จะเดิน ผมต้องบอกว่าให้ก้าวเท้าซ้าย เท้าขวา เป็นอะไรที่เหมือนกับเริ่มต้นที่เลขศูนย์จริงๆ ผิดถูกเขาไม่รู้หรอก รู้อยู่อย่างเดียวคือตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินไปวันๆครับ เด๋วเช้านี้ก็ต้องออกไปช่วยคนที่ว่าอีก(มีมากมายครับ หากผมไม่เล่นการเมืองเท่านั้นเอง) ผมแค่ทำหน้าที่ในเวลาที่ยังพอมีกำลัง ให้การช่วยเหลือคนเหล่านี้เท่าที่จะทำได้ครับ หนักเข้าๆ ก็จะไม่มีอะไรขายแล้วครับ ตอนนี้คนพวกนี้ขายจนหมดประเทศแล้วล่ะ คงเหลือแต่จิตวิญญาณของท่าน จะให้เขาซื้อหรือไม่เท่านั้นเอง ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอมขายสมบัติของชาติอันเป็นส่วนรวม อันเป็นสาธารณะ แม้แต่จิตวิญญาณหากจะมีใครซื้อ ก็ขอแลกกับการเข้านิพพานแทนเงิน ผมเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าครับหากจะเอาจิตวิญญาณไปก็แลกมาด้วยนิพพาน แบบนี้เอา แต่จะเอาเงินมาเป็นแสนล้านก็ไม่ขายครับ ลองนึกดูสิว่า มีคนแค่หยิบมือ กอบโกยเอาทรัพยากรที่เป็นของส่วนรวมไปเป็นของตน ร่ำรวย(สมมุติเงินทอง) อยู่แค่หยิบมือเดียว(หมายถึงคนแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น) โกยใส่ท้องใส่พุงของตัวเองโดยไม่คิดที่จะแบ่งปันให้ใครเลยนอกจากตัวเองและพวกพ้อง คนที่ถูกปล้นก็คือท่าน ผม และคนส่วนใหญ่ทั้งหมดครับ แล้วคนที่ปล้นไปมันก็ตระหนี่ถี่เหนียวไม่รู้จักคำว่าแบ่งปัน หรือคำว่าให้ ด้วย มันรู้แค่คำเดียวว่า ต้องขึ้นราคาๆ ต้องตั้งเป้าว่าปีนี้ให้ได้เท่านี้ เหมือน ปอตอทวย มันตั้งเป้าไว้ น้ำมันลิตรละห้าสิบบาทนั่นล่ะ
มันก็ขึ้นของมันไปได้เรื่อยๆ โดยอ้างโน่นอ้างนี่สารพัด ก็เขาซื้อประเทศเราไปหมดแล้วครับ แถมกว่าครึ่งได้ซื้อจิตวิญญาณไปอีก ทั้งสื่อแทบทุกสื่อเป็นของคนพวกนี้หมด มันบอกว่านกเป็นไม้ มันบอกว่าไม้เป็นนก คนส่วนใหญ่ที่ถูกกระบวนการนี้ล้างสมองโดยขาดปัญญาไตร่ตรองพินิจพิจารณาโดยถ่องแท้ ก็ต้องเชื่อมันตามมันไปทุกทีครับ คงไม่ต่างจากกรณีสอระยวย กรรมกรข่าว ที่มันบอกว่า เอ็นจีวี ดีกว่าปลอดภัยกว่าแอลพีจีนั่นล่ะ แต่มันไม่เคยพูดถึงข้อเสียของเอ็นจีวี กับนายอะไรไม่จำชื่อที่บอกว่าเครื่องสี่เอมีแค่สิบหกวาวล์ไม่มียี่สิบวาวล์นั่นล่ะ คนที่ไม่มีความรู้ ก็ต้องพลอยเชื่อผิดๆ ไปกับมัน คนเหล่านี้เป็นกระบวนการมีทุกหนทุกแห่งครับ คนดีๆต้องกลับไปอยู่ในป่า ต้องหลบๆซ่อนๆ เหมือนคำทำนายโบราณที่ว่าไว้นั่นล่ะ ยุคกาขาว ยุคขี้ข้าครองเมือง คนดีเดินก้มหน้าตามตรอกตามซอย ยุคข้าวยากหมากแพง ข้าวสารแทบนับเม็ดขาย ก็คือยุคนี้ครับ ผมเกิดมาทันได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ จากขาวมาเป็นเทาและกำลังจะดำมืด ตั้งแต่เดิมยุคที่ผู้คนส่วนใหญ่ ยังมีศีลครองใจอยู่ แต่ด้วยเวลาอันน้อยนิดที่เขาต้อง เกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดา คนเหล่านั้นก็ละขันธ์ไปเกือบหมดแล้วในยุคนี้ วิถีชีวิตเมื่อห้าหกสิบปีที่ผ่านมา กับวิถีชีวิตในวันนี้ต่างกันฟ้ากับเหว แต่หากย้อนเวลากลับได้ ผมกับชอบที่จะใช้ชีวิตเหมือนเช่นบรรพบุรุษเมื่อซักห้าหกสิบปีที่ผ่านมามากกว่าวันนี้ครับ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งดีๆที่เคยมีมา นั้นจะถูกละลายหายสิ้นไปจากแผ่นดิน คลับนี้ยังพอมีเหลือล่ะพอมีอะไรที่เราน่าจะแบ่งปันได้บ้าง จึงมีบทความเล็กๆ เท่าที่เวลาจะเอื้อกับโอกาสจะเอื้อให้เข้ามาเขียนแบ่งปันให้พิจารณากันครับ ไม่ได้ให้เชื่อตามที่บอก แต่ให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองว่าที่บอกนั้นจริงหรือไม่ แล้วเราในฐานะคนไทยคนหนึ่ง หากจริง ควรทำอย่างไรครับ สิ่งดีๆได้ถูกลบ ถูกลืมไปเกือบหมดสิ้นแล้วในวันนี้
วิชา หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ถูกยกเลิก ไม่มีในหลักสูตรไปนานจนไม่จำแล้วว่ากี่ปี เราถูกนักวิชาเกิน ที่ไปร่ำเรียนมา ใช้แค่ปัญญาจากการท่องจำ จากการอ่าน มากำหนดวิถีใหม่หมด หากแต่ของเดิมก็ถูกตัดทิ้งไป ทั้งที่ของเดิมนั้นดีอยู่แล้วครับ รุ่นผม และน้องๆทั้งสาม ได้เรียนตำราเดียวกันเล่มเดียวกันครับ เราพี่น้องสี่คนยังใช้หนังสือแทนกันได้ ผมเรียนจบ พอน้องขึ้นชั้นตามมา ก็ใช้ตำราเดิมเรียนกันได้เลย แต่ยุคนี้ มันเป็นยุคมืดมน เป็นยุคของผลประโยชน์ ตำรา แมร่งมันเปลี่ยนได้ทุกเทอมเลยครับไม่เคยซักครั้งที่จะเอาของเก่ามาให้ลูกๆคนที่สองที่สามเรียนได้ ซื้อใหม่สถานเดียว หากไม่มีบารมีเดิมที่สั่งสมมากับบารมีใหม่ ก็คงลำบากมาก แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาครับ ผมก็แค่ใช้เงินตามที่จำเป็นต้องใช้ แต่ไม่ได้สะสมเท่านั้น เกินไปก็คืนกลับมาให้กับสาธารณะ เลยอยู่ตรงกลางๆมาโดยตลอด ไม่ว่ายุคไหน ยกเว้นตอนช่วงวัยเด็ก จะจนมากครับ เคยเก็บเศษเหล็กเศษทองแดงไปขาย ตอนนั้นเหล็กกิโลละห้าสิบสตางค์ เดินทีเป็นสิบๆกิโล รถเมลล์ขึ้นครั้งละห้าสิบสตางค์ยังไม่ยอมขึ้นเดินเอา เกิดทันรถรางสองชั้น ชั้นล่างค่าโดยสารสิบสตางค์ ชั้นบนหนึ่งสลึงแต่ว่างตลอด คนส่วนใหญ่จะเบียดกันอยู่ที่ชั้นล่างครับ สามสิบกว่าปีที่แล้วเงินเดือนข้าราชการเริ่มต้นป.ตรีพันกว่าบาท ผมเริ่มทำงานอิสระมาตลอดชีวิตมีปณิธานว่า มีรายได้เดือนละ สามหมื่นห้าพันบาท ก็น่าจะเพียงพอแก่การสร้างบุญกุศลในขณะนั้น(๓๐ปีที่ผ่านมา) ผมทำงานแค่ไม่ถึงปีก็ทำได้ลุปณิธานที่ตั้งไว้แล้ว แต่วันนี้เงินเดือนข้าราชการเดือนละเป็นแสนหรือหลายแสน ก็เพราะเป็นยุคที่คนชั่วครองเมืองไง ครั้งหนึ่งเรามียุคอันธพาลครองเมือง รัฐตำรวจ รัฐทหาร รัฐนักการเมืองชั่ว แต่วันนี้สำหรับผมแล้วกล่าวได้เต็มปากเลยว่า เป็นยุคคนชั่วครองเมือง บ้านเมืองเราเปลี่ยนไปมากครับ จิตใจคนก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน สี่ห้าวันที่ผ่านมาไม่เคยรู้จักกัน ก็เอามีดไปสับหัวกันแล้ว กำจริงๆ แต่ละวันๆ มีเรื่องมีราวเข้ามาหาไม่หยุดหย่อนครับ สื่อที่จขกท.เอามาให้เราดู คนเหล่านี้ เป็นคนดีอีกกลุ่มหนึ่ง เป็นอีกสังคมหนึ่ง ซึ่งผมเคยไปศึกษาวิถีชีวิตของพวกเขาครับ ที่บ้านผม ใช้ชื่อว่า บ้านราชเมืองเรือครับ ชื่อเต็มราชธานีอโศก วันนี้พรุ่งนี้น่าจะมีงานนะ คนพวกนี้มุ่งมาจนอย่างเดียว ไม่สะสม ไม่ถือเงิน ไม่ใช้เงิน แรกๆก็งงเหมือนกัน เขาอยู่ได้อย่างไร พอเข้าไปศึกษาวิถีชีวิตของเขา เป็นอะไรที่น่ายกย่องครับ ผมไปสัมผัสมาแล้ว อ้อ ผมไม่ได้เป็นสมาชิกหรือสาวกของสันติอโศกนะครับ แค่อยากรู้ว่าเขาอยู่ได้อย่างไรกัน คนพวกนี้อยู่ในที่น้ำท่วมแทบจะทุกปี โดยไม่ทุกข์ร้อน ไม่เดือดร้อน ปีไหนน้ำท่วมหนักๆ คนเหล่านี้ซึ่งไม่มีเงินเดือน กลับออกมาช่วยชาวบ้านเฉย เป็นอะไรที่ เราต้องให้เครดิตพวกเขามากกว่าสื่ออื่นครับ ที่บอกว่าฟังหูไว้หูก็ลองเปิดใจดูหน่อย หากมันจริงอย่างที่เขาให้ข้อมูลมา ทำไมเราไม่คิดที่จะทวงคืนประเทศไทยเรากลับคืนมา ส่งเสริมให้คนดีๆ ที่ไม่หวังเงินทองลาภยศ ให้เขาได้ปกครองบ้านเมือง จะลดการเบียดเบียนลงมากกว่าที่เป็นหลายร้อยเท่าครับ ผมเดินทางตลอด ที่สนามบินกระบี่ หากเข้าไปก็เหมือนกับถูกขัง ต้องไปซื้อข้าวแสนแพง น้ำอัดลมแสนแพงในนั้นครับ สุวรรณภูมิก็เช่นกัน การเอารัดเอาเปรียบ ค้าขายกำไรเกินควรไปเป็นหลายเท่า อดีตสังคมไทยไม่เคยมีในส่วนนี้ครับ เพราะผมเกิดทันยุคที่ว่าดังได้กราบเรียนเพื่อนๆสมาชิกไว้แต่แรก แต่วันนี้เราเห็นกันจนเป็นเรื่องที่ผิดปรกติจนกลายเป็นเรื่องปรกติไปแล้วครับ คนโบราณในอดีต ค้าขาย เขาแค่กำไรเป็นสตางค์เท่านั้นเอง แต่วันนี้ บริษัทห้างร้าน แม้แต่ธุรกิจที่ครอบครัวผมทำ ต้นทุนมันไม่กี่ตังค์ แต่ตั้งราคาขายสูงลิบ แต่เราก็จำเป็นต้องทำเพราะรายได้ส่วนหนึ่งเราได้คืนกลับให้กับสังคม(ตรงนี้ไม่ต้องติดใจนะ ผมทำตามกำลังของผม ทำเสมอๆไม่เคยขาด) ให้กับคนที่รู้จักรับ แบ่งปันคืนกลับให้กับพระพุทธศาสนาและสาธารณะ เท่าที่กำลังจะทำได้โดยที่เราไม่เดือดร้อนเลย เช้านี้คุยแค่นี้ เดือนหน้าน้องๆเขามีโครงการ จักรยานจากพี่เพื่อน้อง ตั้งเป้าไว้น่าจะครบแล้วมั๊ง น้องเขาใช้เวปบรอดส่วนตัวของครอบครัว สนใจก็ตามไปดูโลดครับ หากอยากสร้างบารมีให้กับตนเองเด้อ ตามนี้เลย แหะๆ แนะนำเวปส่วนตัวเสร็จ อิอิ
http://richywayubon.com/webboard-th-85690-1553885-โครงการ+จักรยานจากพี่+เพื่อน้อง.html
เช้านี้คุยแค่นี้ก่อนครับ ต้องไปเตรียมตัวทำงานต่อ โชคดีครับ ขอให้ดวงตาเห็นธรรมกันทุกๆท่านครับ
แต่อยากฝากไว้ให้คิดว่า เราจะช่วยประเทศของเรา แทนคุณให้แก่แผ่นดินได้ยังไง ทำยังไงถึงจะทวงคืนสมบัติชาติกลับคืนมาเป็นของแผ่นดิน แบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่มหาชน ในแผ่นดินเกิดนี้ อันถือเป็นการแทนคุณแผ่นดินเกิด เรียกว่าเกิดมาก็ไม่เสียชาติเกิด ผมไม่ยืนยันหรอกว่าคลิปนี้จริงหรือไม่ แต่ผมคงบอกได้ว่ามีมูลครับ ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะต้องเฝ้าติดตามดู ศึกษาให้ละเอียดถ่องแท้ ว่ามันมีการปล้นประเทศไทยมานานมากแล้วหรือไม่ แต่สำหรับผมกล้าพูดอย่างเต็มปากว่า มีมาแทบทุกยุคที่มีรัฐบาลเห็นแก่ตัวปกครองบ้านเมืองโดยไม่เป็นธรรม เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ของส่วนรวมหรือเพื่อนร่วมชาติครับ