ต่างจังหวัดตามถนนสายหลักๆก็มีเกือบทุกเส้นละ เร็วบ้าง-ไม่เร็วบ้างแต่ถ้าเจ้าหน้าที่เค๊าโบก
ก็ต้องจอดละครับ พอพี่แกเดินมาหาก็พูดเพราะๆหน่อย ถ้าเค๊าขอใบขับขี่ก็ส่งให้ทั้งกระเป๋าตังค์เลย
เค๊าไม่กล้าเปิดกระเป๋าเพื่อเอาใบขับขี่หรอก หรือไม่ก็ถ่ายเอกสารใบขับขี่ไว้ในรถ(ใช้แทนได้ตาม
กฎหมาย)ส่งให้เค๊าไป พูดกับเค๊าเพราะๆเร็วเกินไม่เกินอันนี้ก็อยู่ที่เค๊า เค๊่าก็ต้องกินต้องใช้...น่าจะฉลุย
ถ้ารถฝั่งตรงข้างดิฟไฟให้(ส่วนมากจะเป็นรถใหญ่)ถ้ามองทันก็ดีไปมองไม่ทันก็นะ..เคลียร์เอาเอง
ส่วนเรื่องกล้องจับความเร็วเท่าที่อ่านในหนังสือพิมพ์เมื่อสองสามวันที่ผ่านมามันคนละแบบกัน
เค๊าจะเน้นทางด่วนเกือบทุกเส้น รวมทั้งทางเชื่อมต่อระหว่างวงแหวนกับทางด่วน วิธีจับตามที่อ่านคร่าวๆ
เค๊าจะตั้งกล้องตัวแรก(ตำแหน่งA) แล้วทิ้งช่วงไปสักระยะนึงเพื่อตั้งกล้องตัวที่2(ตำแหน่งB) โดยใช้
ระยะทางมาคำนวนกับเวลาเมื่อรถเคลื่อนผ่านจุดA ไปถึงจุดB ลองสังเกตุเส้นบูรพาวิถี ถ้าเรามุ่งหน้า
ออกชลบุรี เราจะเห็นกล้องตัวแรกหันตูดกล้องมาให้เราขับไปสักพักจะเจอกล้องอีกตัวหันมาทางเรา
นั่นละเข้าทางการคำนวนของพี่แกที่ด่านเก็บตังค์เป๊ะ เอาง่ายก็สังเกตุถ้าวิ่งมาเร็วๆเจอตูดกล้องก็ยก
เลยครับช้าๆไปเลื่อยๆจนเจอด้านหน้ากล้องอีกตัว พอหลุดมาก็ซัดไป เส้นเชียงรากก็ทำแบบนี้....
ส่วนการจับความเร็วอีกแบบคือระบบ RFID กรมการขนส่งทางบกบังคับให้รถตู้โดยสารสาธารณะ
ทุกคัน ใช้เครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีแบบ Smart RFID มันประกอบด้วยอุปกรณ์ 2 ชิ้น คือ
1. เครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีรูปแบบใหม่ หรือที่เรียกว่าป้ายวงกลม (smart tag)
2. สติ๊กเกอร์ใสบรรจุชิพ RFID ที่ใช้ติดที่โคมไฟหน้ารถ เพื่อจัดเก็บข้อมูล และการอ่านข้อมูล
เมื่อรถที่ติดตั้งระบบ RFID ผ่านจุดควบคุมความเร็วที่ติดตั้งอุปกรณ์บนท้องถนน ระบบจะบันทึก
ข้อมูลความเร็วเฉลี่ยของรถแต่ละคัน และรายงานผลกลับไปที่กรมการขนส่งทางบก เพื่อให้เจ้าหน้าที่
ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป
แล้วกล้องจับความเร็วอีกแบบ เลเซอร์อินฟาเรด ตัวนี้แพงคงมีไม่กี่ตัวต้องมีเจ้าหน้าที่ประจำกล้อง
มอเตอร์เวย์อะมีแน่ แต่ดวงคงไม่ซวยวันที่เค๊ามาตั้งหรอก
ก็อย่างว่า..ใกล้สงกรานต์"วัวหายล้อมคอก" หลังจากนั้นก็เข้าอีหรอบเดิม แต่ขับไม่ประมาทเป็นดีคร๊าบบ....