AE. Racing Club
18 พฤศจิกายน 2024 15:33:34 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: :] ใครพอมีทัวร์สิงค์โปร์แนะนำบ้างครับ  (อ่าน 4086 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
~ Funky_nu_NoO :
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,930


: ถ้าไม่รีบ ทำไมไม่ออกพรุ่งนี๊ !!!!


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 10 เมษายน 2012 08:46:35 »

ถึงเวลาดูงานแล้ว กลุ่ม ป.โท 10 คน ตั้งไว้ 3 วันครับ

เพื่อนหามาแล้วแพงไป 13,000 ไม่มีเที่ยวไหนเลย แค่พาเข้างาน Communic Asia ที่เหมือน Commart+Powerbuy บ้านเราทั้ง 3 วัน บ้าไปแล้ว 555+ (บิน Air Asia)

ใครมีกิจการส่วนตัวหรือรู้จักบริษัททัวร์ รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ Smiley
บันทึกการเข้า

TIT
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 885



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 10 เมษายน 2012 11:56:32 »

ผมไปกับแฟนสองคนไม่ได้ซื้อทัวร์ หาข้อมูลในเนทและซื้อหนังสือมาอ่าน ไปเองไม่ยากครับประเทศนี้ ระบบขนส่งเข้าดีไม่มีหลงแน่ๆ

อันนี้รายละเอียดที่แฟนทำไว้ 3วัน2คืน เผื่อจะมีประโยชบ้างครับ

วันที่ 1
            เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเช็คอินสักประมาณ 4.30 น. ถึงจะทันขึ้นเครื่อง ช่วงเช้าเที่ยวบินเยอะ คิว ตม.ยาว เราเผื่อเวลาไว้หน่อยดีกว่า (เครื่องออก 7.05 น.) ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินนานาชาติชางฮี (Changi Airport) เวลา 10.05 อย่าลืมปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชม.ด้วยนะ เดินไปตามป้าย Arrival ซึ่งจะไปที่เคานเตอร์ของตม.(Immigration) เพื่อตรวจ Passport และลงตราประทับเข้าเมือง โดยเราต้องแสดง 1.Passport 2.ใบ Singapore  Immigration ที่กรอกเรียบร้อยแล้ว 3.ใบยืนยันการจองโรงแรม 4. ตั๋วขาบินกลับ จากนั้นให้ดูประกาศที่บอร์ด จะบอกเลขสายพาน (Belt) ก็ไปรับกระเป๋าเดินทาง ตามหมายเลขที่เค้าบอก เมื่อได้กระเป๋าเรียบร้อยแล้วให้เดินผ่าน ด่านศุกกากรสีเขียว (Customs) หมายความว่า ไม่มีอะไรต้องแสดง หลังจากผ่านศุลกากรมาได้ก็อาจแวะไปตรง Singapore Visitors Centres เพื่อหยิบแผ่นพับ,แผนที่ หรือคูปองส่วนลดต่างๆที่เค้าแจกให้ฟรี จากนั้นก็ไปขึ้นรถไฟฟ้า MRT เข้าเมือง
ไปตามป้ายที่เขียนว่า Train to City ส่วนสายการบินที่จอดที่ Terminal 1&3 นั้นต้องนั่งรถไฟเชื่อมระหว่าง Terminal หรือ Skytrain มายัง Terminal2 แล้วก็แวะเติมเงินบัตร EZ-Link กันก่อนเลย การซื้อถ้าไม่ถึง 50$ ให้ซื้อกับห้องขายตั๋ว (ห้องนี้มีขายทั้ง EZ-Link Card, Net Flash Card และ Singapore Tourist Pass) เที่ยวครั้งนี้  บัตร EZ-Link เติมเงินไปสัก 10 $ (250 บาท) ออกเดินทางจากสนามบินชางฮีสู่ที่พักโดยรถไฟฟ้า MRT สายสีเขียวลงที่ Tenah Menah  เพื่อเปลี่ยนขบวนเข้าเมืองด้วยสายสีเขียวเหมือนเดิมมาลงที่


Exit D ตึก People Park Center ขึ้นไปชั้นสาม หาร้านชื่อ Sea Wheel ป้ายสีเขียวๆ ที่นั่นตั๋วเข้า USS ถูกมาก แล้วก็ตั๋วอื่นๆก็มี  พวก Song of the Sea, Sky Rouge, Singapore Flyer
ถ้า EXIT A เดินตรงไปนิดนึงแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Pagoda St.จะเจอร้านหมูแผ่นชื่อดังอยู่ด้านขวามือ คือ ร้าน Bee Cheng Hiang หมูแผ่นที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราตรงที่ชิ้นจะหนาๆ กว่า แล้วก็ไม่กรอบบาง รสชาติคล้ายๆ กุนเชียง ราคาขายอยู่ที่ 600 กรัม 28$ (700 บาท) หรือซื้อเป็นกิโลจะถูกกว่า คือ กิโลละ 40 $ (1,000 บาท) เดินตรงไปเรื่อยๆ สองข้างทางจะมีร้านขายของมากมาย ราคาถูก สำหรับซื้อไปฝาก อย่างเช่นพวก magnet ขาย 3 อัน 10$ (250 บาท) ถ้าไปซื้อตามสวนสัตว์ สวนนกจะขายอันละ 4.90$ (122.50 บาท) ถูกกว่ากันเยอะเลย   
เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆจะผ่านวัดแขกอยู่ทางขวามือ ชื่อ วัด Sri Mariamman เปิด 2 ช่วงเวลา ทุกวัน คือ 7.00 - 12.00 และ 18.00 - 21.00 น. การถ่ายรูปในวัดจะเสียค่าธรรมเนียมด้วย คือกล้องธรรมดา 3 $(75 บาท) ส่วนกล้องวีดีโอ 6 $ (150 บาท) จากวัดแขกให้เดินไปตามถนน South Bridge จะพบกับ วัดจีน Budha Tooth Relic and Museum  อยู่ทางด้านขวามือ แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นอกจากรูปทรงอาคารภายนอกที่มีความสวยงามตามสถาปัตยกรรมของราชวงศ์ถังแล้ว  สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว (ชั้น 4 ห้ามถ่ายรูป) และพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมพระพุทธรูปและเทพเจ้าต่างๆ ให้สักการะบูชาอีกด้วย เปิด 7.00 - 19.00 น.
จากนั้นให้ขึ้น MRT สายสีม่วงจาก Chaina Town ไปสถานี Dhoby Ghaut เพื่อต่อ MRT สายสีเหลืองไปลงสถานี Esplanade เดินตามป้ายบอกทางไปที่ตึก Suntec เมื่อขึ้นมาที่ทางออกเดินตรงไปเล็กน้อย ขวามือจะเห็นทางเข้า เดินเข้าไปแล้วเจอแยกในตึกเลี้ยวซ้ายเดินตรงต่อไปเรื่อยๆ สุดทางเลยค่ะจะเจอเคาท์เตอร์ค่ะ ตึกที่นี่จะเชื่อมต่อกันค่ะ อย่างที่กระทู้บนแจ้งคือส่วนนี้จะอยู่ที่ตึก 5 ด้านล่างจะเป็นเหมือน shopping mall มี Shop เยอะมากเดินกันเพลินค่ะไปซื้อที่เคาท์เตอร์ขายบัตรได้เลย ไม่ต้องจองล่วงหน้าก็ได้ค่ะ สำหรับ duck ก็มีเวลาวิ่ง น่าจะระยะห่างทุก 1 ชั่วโมง (ไม่แน่ใจ)จะมี duck + flyer / Hippo + flyer ที่ราคา 49 เหรียญ(1,225 บาท) เลือกทำอันไหนก่อนก็ได้ระหว่าง
Singapore Flyer นั้น เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ เปิดบริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008  ใช้เวลาหมุนครบรอบประมาณ 30 นาที ใน 1 ตู้นั้น สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ถึง 28 คน ค่อยๆหมุนขึ้นมาจากด้านล่างชมวิวเมืองสิงคโปร์แบบพาโนรามาได้ 360 องศาจนไปถึงด้านบนสุด ชมวิวกันพอสมควรประมาณ 30 นาทีเปิดบริการ 08.30 - 22.30 น.
จากนั้นลงมาเตรียมตัวไปเที่ยวชมเมืองกับ Duck Tour กันต่อ โดยรถ Duck Tour นี้จะพาชมบนบก 20 นาที ล่องน้ำอีก 40 นาที รวม 1 ชม.เต็มๆ ขึ้นมาแล้วจากหน้า Singapore Flyer ผ่านไปยัง Esplanade Park ศาลฎีกา (Supreme Court) โบสถ์ St .Andrew  Cathedral แล้วก็ลงน้ำกันเลย ดู  Merlion  แบบเต็มๆ อาคารทุเรียน Esplanade  จบจาก Duck Tour เปิด 9.00 – 18.00 น.
ให้เดินหรือหารถเมล์ไปลง City Link Mall ซึ่งเป็นห้างใต้ดิน แวะช็อป Charles and Keith นิดหน่อยก่อนนะ เชื่อมระหว่างสถานี City Hall กับ อาคาร One Raffles Link เดินไปประมาณ 10 นาทีจะไปโผล่ที่หน้าน้ำพุ Fountain of Wealth หรือน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง น้ำพุนี้สร้างตามหลักฮวงจุ้ย มีขั้นตอนการสัมผัสน้ำ คือ ให้ใช้มือขวาสัมผัสน้ำ ระหว่างที่สัมผัสก็ให้อธิษฐาน และเดินตามเข็มนาฬิกาให้ครบ 3 รอบ น้ำพุนี้จะเปิดเป็นรอบมีเวลาดังนี้ 09.00-12.00, 14.30-18.00, 19.00-19.45, 21.30-22.00
จากนั้นก็เดินเล่นแถว Hilex , Marina Bay Merlion 



วันที่ 2
                ตื่นเช้า7.00 น.ไปเดินหาอะไรกินแล้วก็ไป USS โดยนั่ง MRT สายสีเขียว Kallang ไปถึงสถานี Outram Park เพื่อต่อ MRT สายสีม่วงไปลงสถานี  Harbour Front ก็ให้เดินไปตามป้ายบอกทาง Sentosa Express Vivocity L3 เลี้ยวเข้าตึก Vivocity แล้วขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 3 ซื้อบัตรกันก่อนราคาไป-กลับคนละ 3$(75 บาท) เพิ่มเติมอีกนิด ตอนนี้สามารถใช้ บัตร EZ-Link ได้แล้ว เจ้ารถ Sentosa Express ก็เป็นรถไฟฟ้า วิ่งบนรางเชื่อมระหว่างฝั่งสิงคโปร์กับเกาะ Sentosaแล้วก็ลงที่สถานีแรกกันเลยที่สถานี Waterfront Station ลงจาก Sentosa Express แล้วก็ เดินเข้ามาจะมีป้ายบอกทางตามรูป เดินตรงเลี้ยวขวาไปก็จะเจอ เจ้าลูกโลก สัญลักษณ์ของ Universl Studios ลูกโลกนี้หมุนไม่หยุด แล้วก็มีไอเย็นๆ ออกมาด้วย สามารถถ่ายจากมุมไหนก็ได้ เคาน์เตอร์ขายตั๋วสำหรับผู้ที่ Walk-in เข้ามาซื้อเลย ก่อนเข้าชมด้านใน เราก็ต้องดูแผนที่คร่าวๆ และรอบการแสดงของแต่ละโชว์ไว้ก่อน ว่าโซนอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ตอนกี่โมง จะได้วางแผนถูก
TIP.
ก่อนที่จะเข้าไปยังโซนเครื่องเล่น ผมขอแนะนำเทคนิคที่ทำให้เล่นเครื่องเล่นได้เร็วขึ้น ไม่ต้องต่อแถวนาน เกือบทุกเครื่องเล่นจะมีแถว Single Rider สำหรับคนที่มาคนเดียว หรือไม่จำเป็นจะต้องนั่งคู่กับใคร โดยปกติแล้วเมื่อเครื่องเล่นมา เค้าจะจัดคนแถวหลักเข้าไปนั่ง แล้วเหลือเศษ 1-2 เค้าก็จะเอาแถวของ Single Rider เข้าไปเติมเต็ม และแถว Single Rider คนจะมีไม่เยอะ ทำให้ได้เล่นเครื่องเล่นเร็วกว่าแถวปกติ
เอาโปรโมชั่นใหม่จาก USS มาฝากครับ ลด 10-15% จากราคาปกติ เพียงนำ Boarding Pass ของสายการบินต่อไปนี้ไปซื้อตั๋ว ที่ Counter Universal Studios Singapore
- สายการบิน Air asia ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 31 October 2011 ลด 10-15%
- สายการบิน Garuda Indonesia ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 May 2011 – 31 August 2011 ลด 10%
- สายการบิน Jet Airways ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 July 2011 – 31 October 2011 ลด 10%
- สายการบิน Thai ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 July 2011 – 30 September 2011 ลด 10%
- สายการบิน Philippine Airlines ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 30 October 2011 ลด 10%
- สายการบิน Cathay Pacific ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 18 November 2011 ลด 10%
เงื่อนไข
1. ซื้อตั๋วที่ทางเข้า USS
2. ใช้ Boarding Pass คู่กับ Passport ในการซื้อตั๋ว
3. 1  Boarding Pass ใช้ได้ 1 สิทธิ
4. โปรฯ ใช้ไม่ได้ในวัน BLACK-OUT DATES (วันหยุดเทศกาล)
รอบๆ สวนสนุกจะมีบริการ Locker ให้เช่าเก็บกระเป๋าสัมภาระชั่วโมงละ 4 $ หลังจากผ่านประตูเข้ามาแล้ว
1.โซนแรก  Hollywood โซนนี้เป็นโซนของร้านอาหาร ร้านค้าของที่ระลึกต่างๆ  จากโซน Hollywood
2.โซน Madagascar ครื่องเล่นในโซนนี้
 Madagascar : A Creat Adventure ล่องเรือไปกับ Alex, Marty, Melman และ Gloria เราจะต้องนั่งในเรือลำนึงก็ประมาณ 20-30 คน เรือก็จะไหลไปตามทางน้ำไหล ผ่านผืนป่ามาดากาสการ์ ในหนังภาคที่ 1 ข้างในสว่าง ไม่น่ากลัว เหมาะสำหรับเด็กๆ
King Julien ’s Beach Party-Go-Round ม้าหมุนสัตว์ชนิดต่างๆ ริมชายหาดจำลอง เหมือนจะเป็นของเล่นเด็กเล็ก แต่ก็แอบเห็นผู้ใหญ่มาเล่นเหมือนกัน
การแสดง King Jullien's Beach Party-Go-Round เหล่าดาราจากการ์ตูนเรื่อง Madagascar ออกมา Dance กระจาย
3.โซนแห่งเทพนิยาย ปราสาท Far Far Away เมื่อเดินเข้ามาในโซนนี้แล้วจะพบกับ
เครื่องเล่นชิ้นแรกด้านขวามือเลย เรียกว่า Enchanted Airways รถไฟเหาะขนาดย่อมๆ 
ทีเด็ดของโซนนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาดกับ การชมหนัง 4 มิติเรื่อง Shrek ตอนแรกเราจะเข้าไปอยู่ในห้องแรก เล่าเรื่องโดยกระจกวิเศษ หมูสามตัวที่อยู่ในกล่อง ให้เรายืนฟัง เป็นการเกริ่นเรื่อง อาจจไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ แต่อย่างเพิ่งออกนะ พอเกริ่นเสร็จจะเข้าไปในส่วนโรงหนัง 4Dเนื้อเรื่องจะเป็นตอนที่เจ้าหญิง Fiona ถูกจับตัวไป แล้ว Shrek เข้าไปช่วย คนดูต้องสวมแว่นตาสามมิติด้วย เมื่อใส่แว่นแล้ว ภาพจะเหมือนยื่นมาใกล้ตัวเรา มิติที่ 4 ของหนังเรื่องนี้อยู่ที่เก้าอี้ขยับได้ ในฉากที่ Shrek ควบม้า เก้าอี้จะโยกตามไปด้วย มีลมพัดมาจริง มีละอองน้ำ ทำให้เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ หนังเรื่องนี้ตื่นเต้นสุดตอนที่แมงมุมออกมา แนะนำว่าไม่ควรพลาด ดูจบแล้วให้ 10 เต็มไปเลย เจ๋งมากๆ ก่อนเข้าดูหนังเรื่องนี้เก็บโทรศัพท์ และกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงไว้ดีๆ นะ ระวังจะร่วงหล่นหาย
ออกมาก็จะเข้ามายังด้านในร้านขายของที่ระลึก
 จะมีของเล่นสำหรับเด็กเล็กเป็นชิงช้าสวรรค์ Magic Potion Spin
4.โซน แฟนๆ ไดโนเสาร์บริเวณด้านหน้า Food Court เป็นลานน้ำพุและรูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดเท่าของจริงประตูทางเข้า Jurassic Park สู่เครื่องเล่นมากมาย เริ่มแรกทางด้านซ้ายมือ
ล่องแก่ง  Jurassic Park Rapids Adventure เครื่องเล่นนี้รอคิวนานหน้า เทคนิคที่จะได้เล่นเร็วขึ้นก็คือ เข้าแถว Single Rider Lane แต่ก็ต้องทำใจหน่อยว่าคงไม่ได้เล่นพร้อมกับเพื่อน เครื่องเล่นนี้มีสิทธิ์เปียกสูง แนะนำให้ใส่เสื้อกันฝนเตรียมไว้เลย หากไม่มีให้ซื้อเอาที่ทางเข้า ราคา 2 SGD เข้าไปด้านในจะเป็นทางน้ำให้ล่องแก่ง เข้าไปในดินแดน Jurassic Park มีไดโนเสาร์อยู่ 2 ข้างทาง เราจะอยู่บนเครื่องทรงกลมคล้ายถ้วย นั่งได้ 8 คน น้ำจะไหลพาเราไปเขาตึกมืดๆ แล้วก็ออกมา แล้วก็ตกด้านล่าง แล้วแต่ดวงครับว่าฝั่งไหนจะเปียก น่าจะคล้ายกับ Grand canyon ที่ Dream world บ้านเรา
 Canopy Flyer เป็นที่นั่งแบบห้อยขา นั่งเป็นคู่ 2 คู่นั่งหันหลังชนกัน กระเช้าจะเคลื่อนที่ พาชมวิวในโซน The Lost World เลื่อนไปตามราง เหมาะสำหรับชมวิว ชิลๆ ไม่น่ากลัว ใครที่หอบของไป แล้วอยากจะเล่นเครื่อง กลัวว่าจะไม่สะดวก เค้ามีที่ให้ฝากของด้วยครับ เป็นล๊อคเกอร์สีเหลือง มีอยู่ทุกโซน
วิธีใช้ตู้ล๊อคเกอร์ ใส่ วัน/เดือน/ปี เกิด + สีที่ชอบ ที่เครื่องคอมพิวเตอร์สีเขียว แล้วจำเวลาที่ฝากได้ฟรีว่าถึงกี่โมง ฝากได้ฟรี 30 นาที เกินกว่านั้นก็เสียตังค์ตามเวลาที่เกิน อย่าลืมเอากระเป๋าตังค์ออกจากล๊อคเกอร์ด้วยนะ เอาไว้หยอดค่าล๊อคเกอร์ ส่วนมากจะเสียตังค์ค่าฝากกันทั้งนั้น กว่าจะรอเครื่องเล่น กว่าจะได้เล่น ก็เกิน 30 นาทีแล้ว และที่สำคัญอีกอย่าง ตู้ล๊อคเกอร์นี้ไม่ทอนเงินนะ พยายามหยอดเงินให้พอดีจะได้ไม่เสียตังค์ไปเปล่าๆ
ในโซน The Lost World จะมีโชว์อยู่ 1 โชว์ ชื่อ WaterWorld เป็นการแสดงโชว์สตั๊นแมน (Stunts) เปิดแสดงเพียง 2 รอบ คนมาดูเยอะมาก แนะนำให้ไปก่อนเวลาแสดง อย่างน้อย 15 นาที  โชว์ชุดนี้ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
โซนที่นั่งของ WaterWorld จะแบ่งเป็นสี ต้องเลือกนั่งให้ดีนะ
โซนสีฟ้า – นั่งโซนนี้เปียกแน่นอน   
โซนสีเขียว – เปียก แต่ไม่มาก ประมาณน้ำกระเด็น
โซนสีน้ำตาล – ปลอดภัย ไม่เปียก
5.โซน Ancuent Egypt (อียิปต์โบราณ) ทาง Universal Studios ทำออกมาได้เหมือนมาก บรรยากาศในเมืองอียิปต์ดีๆ นี่เอง ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้น ของตกแต่งต่างๆ  เครื่องเล่นยอดนิยมในโซนนี้ Revenge of the Mummy เป็นรถไฟวิ่งไปในความมืด หนีการล้างแค้าของมัมมี่ ความน่ากลัวอยู่ที่ไม่รู้ว่ารถไฟกำลังวิ่งไปในทิศทางไหน ข้างในทำเอฟเฟคสวยงาม มีหมอก มีควัน มีถอยหลังตีลังกาด้วย  แนะนำว่าไม่ควรพลาด ใครได้ลองเล่นแล้ว ส่วนมากจะต้องขอเบิ้ลอีกรอบ เครื่องเล่นนี้ต้องฝากของและกล้องถ่ายรูปด้วยนะ
มาถึงเครื่องเล่นแบบเด็กๆ บ้าง Treasure Hunters เป็นรถ Jeep นั่งได้คันละ 4 คน วิ่งไปตามราง เราไม่ต้องขับ ระหว่างทางจะเจอกับสัตว์ร้ายเช่นจระเข้ งู ฝูงแมลงนับร้อยตัว ซาก..เซนเซอร์..บ เครื่องใช้ต่างๆ 1 รอบประมาณ 5 นาที
6.โซนแห่งโลกอนาคต Sci-Fi City  รถไฟเหาะสายสีแดง และสายสีน้ำเงิน สูงเท่ากับตึก 14 ชั้น จัดว่าเป็นเครื่องเล่นที่ต้องมาเล่นให้ได้ เมื่อมา Universal Studios
 Battlestar Galactica HUMAN รถไฟเหาะสายสีแดง เป็นที่นั่งแบบเท้าติดพื้น วิ่งด้วยความเร็วสูงถึง 90 กิโลเมตร/ชม.จะวิ่งผ่านโค้งถึง 14 ชั้น แต่ไม่มีตีลังกา
Battlestar Galactica CYLON รถไฟเหาะสายสีน้ำเงิน นั่งห้อยขา ไม่มีที่วางเท้า วิ่งด้วยความเร็วบนรางโค้ง + ตีลังกา ควงสว่าน หวาดเสียวใช้ได้เลย ก่อนจะเล่นเครื่องเล่นนี้ต้องฝากของที่ Locker ก่อน
 Accelerator เครื่องเล่นรูปถ้วย เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นั่งได้ 2-5 คน จะหมุนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ ไม่น่ากลัวแต่จะเวียนหัวนิดหน่อย รอบนึงประมาณ 5 นาที
7.โซน New York โซนนี้เหมาะที่จะเดินเล่น หามุมถ่ายรูป มีรถคลาสสิค สวยๆ จอดให้ถ่ายรูปอยู่หลายคัน ตึก อาคารบ้านเรือนทำจำลอง สถาปัตยกรรม เหมือนอยู่ในนิวยอร์ค สิ่งที่น่าสนใจในโซนนี้ก็มี Lights, Camera, Action Hosted by Steven Spielberg  เป็นเบื้องหลังการถ่ายทำหนัง เข้าไปที่ห้องแรกจะฉายวีดีโอ Steven Spielberg เค้าจะมาพูดถึงเรื่องเทคนิคการถ่ายทำ มีจอทีวีหลายๆจอเหมือนในกองถ่าย เสร็จแล้วจะเดินไปเข้าห้องที่สอง ห้องนี้เหมือนเหมือนสตูดิโอ ฉากด้านหน้าเป็นเมืองนิวยอร์คที่ฝนกำลังตกหนัก มีลมพัดและละอองน้ำเหมือนจริง มีฟ้าผ่า ไฟไหม้ แท่นที่เรายืนอยู่ก็สั่นได้ด้วย ตอนจนทำเอาทุกคนตะลึงเมื่อเรือลำใหญ่โผล่มาจากไหนไม่รู้จะแล่นมาชมคนดู
ขออภัยที่โชว์นี้ไม่มีรูป เค้าติดป้ายไว้ว่าห้ามถ่ายรูป
ป.ล. ใครอยู่แถวหน้าระวังน้ำกระเด็นนะ
การแสดง The Rockafells เป็นการแสดง Street Entertainment การเต้น B-Boy ทุกคนเต้นเก่งมาก Entertain เป็นมีการชวนคนดูไปเต้นด้วย หนึ่งในนั้นมีคนไทยด้วย ฮาดี เดินเยอะก็เริ่มเหนื่อยและหิว มาดูร้านอาหารในโซนนิวยอร์คดีกว่า ร้านอาหารในโซนนิวยอร์คจะมีร้าน Mel ’s Drive-In เป็นร้านอาหาร อเมริกัน ตกแต่งร้านแนวคลาสสิค ขายแฮมเบอร์, ไส้กรอก, แซนวิช ไก่ ปลา เซตสำหรับ 2 คน ราคา 21.6 SGD ประมาณ 518 บาท ก็ถือว่าไม่แพงมาก
กินข้าวเสร็จก็มาเจอกับโชว์ของร้าน Mel ’s Drive-In
จาก Universal Studios ไปยัง Merlion ตัวใหญ่ให้นั่งอีก 1 สถานีไปลงที่ Imbiah Station ยืนไปประมาณ 2 นาทีก็ถึงแล้ว
Merlion ตัวนี้เป็น Merlion ตัวใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ด้านล่างของ Merlion เป็นร้านอาหาร และขายของที่ระลึก ตรงส่วนหัวเป็นที่ชมวิว ถ้าต้องการขึ้นไปชมวิวเสียค่าขึ้นคนละ 10 SGD  จะมีลิฟท์ขึ้นไปด้านบน สำหรัววิวด้านบนจะมองเห็นทะเลหาด Siloso เวทีแสดง Song of the sea และวิว Resort world บนเกาะ Sentosa
ที่สุดท้ายของเกาะ Sentosa ที่จะพาไปเที่ยวคือหาดซิโลโซ (Siloso beach) เราต้องนั่งรถไฟฟ้าไปอีก 1 สถานี ไปลงที่ Beach Station จากนั้นก็รอรถที่จะไปหาด จริงๆ เดินไปก็ได้นะ ไม่ไกล แต่ในเมื่อมีรถฟรีให้นั่งเราก็นั่งไปดีกว่า ลงสถานี Beach Station ก็เจอกับ สถานที่แสดงโชว์ Song of the Sea ถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน
รถสีม่วงด้านบนเป็นรถพาไปยังท้ายหาด Siloso แล้ววนกลับมาที่เดิม บริการฟรี ลักษณะรถจะคล้ายรถพ่วงมีที่นั่งที่ขบวนหน้า ส่วนขบวนหลังเป็นที่ยืน และที่นั่งแบบไม่มีหลังคา รถวิ่ผ่านเครื่องเล่น iFly Singapore เป็นเครื่องเล่นที่ทำให้เราเหมือนลอยได้ โดยเราจะต้องไปอยู่ในท่อกระจก ใสๆ ขนาดใหญ่ แล้วจะมีลมดันเราลอยขึ้นไป สำหรับค่าเครื่องเล่นอันนี้ ผู้ใหญ่ คนละ 89 SGD เท่านั้น!! (ประมาณ 2,200 บาท)
Luge & Skyride เป็นอีกหนึ่งเครื่องเล่นยอดนิยมของเกาะ Sentosa Luge จะเป็นรถเล็กๆ มีล้อ เราจะนั่งบน Luge แล้ว Luge ก็จะไหลลงมาตามทาง โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก เมื่อลงมาถึงที่สถานีด้านล่างก็นั่ง Skyride ขึ้นไปที่สถานีด้านบนใหม่ บรรยากาศบน Skyride ก็มองเห็นวิวหาด Siloso (มีตั๋วขายที่ Seawheel)
รถจะวิ่งมาจนวิ่งมาจนสุดหาด Silosa ระหว่างทางจะมีป้ายหยุดรถ 3 ป้าย ใครอยากจะลงตรงไหน ก็ลงได้เลยครับ ขากลับก็มารอรถคันใหม่ที่ป้ายเดิม
หาด Siloso ตัวอักษรที่เป็นชื่อหาดจะอยู่ในสุดเลย
ไม่ดู Songs Of The Sea ขากลับจาก เกาะ Sentosa ก็ใช้วิธีเดิมคือนั่งรถไฟรางระหว่างเกาะมาห้าง Vivo City ที่นี้ก็มี Charles and Keith แวะดูอีก
ห้างมุสตาฟา
 ชั้นล่างสุด ลงไปใต้ดิน ขายพวกเสื้อผ้าออกกำลัง รองเท้า และ accesories ต่าง ๆ
ชั้นหนึ่ง ขายพวกนาฬิกา, อุปกรณ์ มือถือ หูฟัง, กล้องถ่ายรูป, CD, DVD, น้ำหอม เครื่องสำอางและ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั้งหลาย แล้วก็มีพวกเครื่องประดับจิวเวลรี่ด้วย
ชั้นสอง ขายพวกสินค้าบริโภค ถั่ว ชอคโกแลต อาหารแห้ง ชา กาแฟ เครื่องดื่ม ผลไม้ ขนมปัง ข้าวสารยังมีเลย ส่วนใหญ่เป็นของแบบแขก พวกของที่ระลึก magnet พวกกุญแจ กระเป๋าถือ กระเป๋าเดินทาง
ชั้นสาม เป็นพวกอุปกรณ์ในครัวเรือน และเครื่องนอน
ส่วนชั้นสี่ ขายพวกหนังสือ อุปกรณ์ hardware ต่าง ๆ ถ้าซื้อพวกของแพงหน่อยที่นี่จะมีใบรับประกันสินค้าให้ด้วย และสามารถขอคืนภาษี GST โดยถ้าซื้อสินค้ารวมบิลแล้วเกิน 100 SGD /1 ใบเสร็จ โดยไปทำเรื่องขอ voucher ได้ที่ชั้นใต้ดิน B2 เอา Passport ไปด้วยนะ แล้วค่อยไปทำเรื่อง stamp ใบเสร็จ และ refund GST ที่สนามบินตอนขากลับ

วันที่ 3
เตรียมเก็บกระเป๋า ไม่รู้ว่าเค้าจะให้เช็คเอาท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ได้หรือป่าวไม่แน่ใจ แต่คิดว่าจะฝากแล้วไปถนน Somemerset ห้าง 313 ไปดู Charles and Keith  เดินเล่น ถนน Orchard อีกถึงประมาณ 16.00น. กลับไปเอากระเป๋าไปสนามบินแล้วก็ไปทำ GST Refund เดินเล่น Duty Free ในสนามบิน รอขึ้นเครื่องตอน 20.40 น.


เมื่อมาถึงสนามบินชางฮี สำหรับเพื่อนๆที่ใช้บีบี ต้องการซื้อซิม StarHub ไว้เล่นบีบี แนะนำให้ซื้อที่สนามบินได้เลยค่ะ ให้สังเกตป้ายนี้เคาน์เตอร์ธนาคาร UOB สามารถซื้อซิมได้ที่นี่ค่ะ
ซิม StarHub ราคา 15 SGD (ประมาณ 368 บ.) เปิดใช้ซิมแล้วจะแถมให้อีก 3 SGD ดังนั้นจะใช้ได้จริง 18 SGD เลยค่ะ
เปิดใช้ซิม: ที่สิงคโปร์เป็น 3G ได้ซิมมาแล้วแกะใส่เครื่อง รอ sms แจ้งข้อความต้อนรับ
จากนั้นสมัครแพคเกจบีบี โดยกด *122# โทรออก
เลือกใช้ BB สำหรับ 3 วัน ราคา 10 SGD (ใช้ BBM, FB, Twitter,internet 50MB)
ที่เหลือ 8 SGD ใช้เป็นค่าโทรได้ตลอด 3-4 วันเลยค่ะ ไม่ว่าจะโทรหากันเองในสิงคโปร์ หรือโทรกลับไทย ถูกมาก
เช็ค Status เงินเหลือได้ที่ กด *131# โทรออก ค่ะ
วิธีการของคืนภาษีค่ะ
1. ซื้อของในร้านค้าที่เข้าร่วม S$ 100 ขี้นไป (ไม่เกิน 3 slip / ร้าน)
2. ตอนจ่ายตังค์ บอกร้านค้าว่าให้ทำ tax refund ให้ด้วย พนักงานร้าน จะออก slip ให้เรา 1 ใบค่ะ มีรายละเอียดสินค้าจำนวนเงิน และ tax ที refund ได้ เก็บเอาไว้
3. เมื่อไปสนามบิน จะมี counter อยู่ทางซ้ายมือ ก่อน check-in ให้ลากกระเป๋าไป ขอ refund tax ก่อน เพราะบางทีเจ้าหน้าที่จะขอดูของ เมื่อไปถึง จนท จะถามว่าของ hand carry หรือ load ในกระเป๋า อย่าลืมเอาเอกสารที่ร้านค้าออกให้ไปด้วย พร้อม passport
ถ้า load ในกระเป๋า จะทำเอกสารให้ตรงนั้น เก็บเอกสารไว้ ไปเอาตังค์ข้างใน หลัง ตม
ถ้า hand carry จนท จะให้เข้าไปทำเอกสารข้างใน หลัง ตม ตรงนี้ จนท จะตรวจสินค้าด้วย เสร็จแล้วไปเอาตังค์ counter ข้าง ๆ กัน ที่เดียวกับ load
ตอนจ่ายเงินซื้อของ ถ้าซื้อเป็นเงินสด จะได้ตังค์คืนเป็นเงินสด
ถ้าเป็นบัตร จะคืนที่บัตร
แต่แล้วแต่ว่า พนง ร้านค้า ออก slip ให้เป็นอะไร บางคนจ่ายเงินสด คืนบัตร บางคนจ่ายบัตร คืนเงินสด ค่ะ
แนะนำให้ไปถึงสนามบินเร็วนิดนึง ไม่งั้นแถว tax refund จะยาวมาก ทั้งข้างใน ข้างนอก
ไม่ยุ่งยาก ได้ตังค์คืนไปshop ต่อในสนามบิน

บันทึกการเข้า
ปลายทาง
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 99


ผ ม เ พื่ อ น ใ ค ร ....


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 10 เมษายน 2012 12:36:24 »

ผมไปกับแฟนสองคนไม่ได้ซื้อทัวร์ หาข้อมูลในเนทและซื้อหนังสือมาอ่าน ไปเองไม่ยากครับประเทศนี้ ระบบขนส่งเข้าดีไม่มีหลงแน่ๆ

อันนี้รายละเอียดที่แฟนทำไว้ 3วัน2คืน เผื่อจะมีประโยชบ้างครับ

วันที่ 1
            เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเช็คอินสักประมาณ 4.30 น. ถึงจะทันขึ้นเครื่อง ช่วงเช้าเที่ยวบินเยอะ คิว ตม.ยาว เราเผื่อเวลาไว้หน่อยดีกว่า (เครื่องออก 7.05 น.) ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินนานาชาติชางฮี (Changi Airport) เวลา 10.05 อย่าลืมปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชม.ด้วยนะ เดินไปตามป้าย Arrival ซึ่งจะไปที่เคานเตอร์ของตม.(Immigration) เพื่อตรวจ Passport และลงตราประทับเข้าเมือง โดยเราต้องแสดง 1.Passport 2.ใบ Singapore  Immigration ที่กรอกเรียบร้อยแล้ว 3.ใบยืนยันการจองโรงแรม 4. ตั๋วขาบินกลับ จากนั้นให้ดูประกาศที่บอร์ด จะบอกเลขสายพาน (Belt) ก็ไปรับกระเป๋าเดินทาง ตามหมายเลขที่เค้าบอก เมื่อได้กระเป๋าเรียบร้อยแล้วให้เดินผ่าน ด่านศุกกากรสีเขียว (Customs) หมายความว่า ไม่มีอะไรต้องแสดง หลังจากผ่านศุลกากรมาได้ก็อาจแวะไปตรง Singapore Visitors Centres เพื่อหยิบแผ่นพับ,แผนที่ หรือคูปองส่วนลดต่างๆที่เค้าแจกให้ฟรี จากนั้นก็ไปขึ้นรถไฟฟ้า MRT เข้าเมือง
ไปตามป้ายที่เขียนว่า Train to City ส่วนสายการบินที่จอดที่ Terminal 1&3 นั้นต้องนั่งรถไฟเชื่อมระหว่าง Terminal หรือ Skytrain มายัง Terminal2 แล้วก็แวะเติมเงินบัตร EZ-Link กันก่อนเลย การซื้อถ้าไม่ถึง 50$ ให้ซื้อกับห้องขายตั๋ว (ห้องนี้มีขายทั้ง EZ-Link Card, Net Flash Card และ Singapore Tourist Pass) เที่ยวครั้งนี้  บัตร EZ-Link เติมเงินไปสัก 10 $ (250 บาท) ออกเดินทางจากสนามบินชางฮีสู่ที่พักโดยรถไฟฟ้า MRT สายสีเขียวลงที่ Tenah Menah  เพื่อเปลี่ยนขบวนเข้าเมืองด้วยสายสีเขียวเหมือนเดิมมาลงที่


Exit D ตึก People Park Center ขึ้นไปชั้นสาม หาร้านชื่อ Sea Wheel ป้ายสีเขียวๆ ที่นั่นตั๋วเข้า USS ถูกมาก แล้วก็ตั๋วอื่นๆก็มี  พวก Song of the Sea, Sky Rouge, Singapore Flyer
ถ้า EXIT A เดินตรงไปนิดนึงแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Pagoda St.จะเจอร้านหมูแผ่นชื่อดังอยู่ด้านขวามือ คือ ร้าน Bee Cheng Hiang หมูแผ่นที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราตรงที่ชิ้นจะหนาๆ กว่า แล้วก็ไม่กรอบบาง รสชาติคล้ายๆ กุนเชียง ราคาขายอยู่ที่ 600 กรัม 28$ (700 บาท) หรือซื้อเป็นกิโลจะถูกกว่า คือ กิโลละ 40 $ (1,000 บาท) เดินตรงไปเรื่อยๆ สองข้างทางจะมีร้านขายของมากมาย ราคาถูก สำหรับซื้อไปฝาก อย่างเช่นพวก magnet ขาย 3 อัน 10$ (250 บาท) ถ้าไปซื้อตามสวนสัตว์ สวนนกจะขายอันละ 4.90$ (122.50 บาท) ถูกกว่ากันเยอะเลย   
เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆจะผ่านวัดแขกอยู่ทางขวามือ ชื่อ วัด Sri Mariamman เปิด 2 ช่วงเวลา ทุกวัน คือ 7.00 - 12.00 และ 18.00 - 21.00 น. การถ่ายรูปในวัดจะเสียค่าธรรมเนียมด้วย คือกล้องธรรมดา 3 $(75 บาท) ส่วนกล้องวีดีโอ 6 $ (150 บาท) จากวัดแขกให้เดินไปตามถนน South Bridge จะพบกับ วัดจีน Budha Tooth Relic and Museum  อยู่ทางด้านขวามือ แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นอกจากรูปทรงอาคารภายนอกที่มีความสวยงามตามสถาปัตยกรรมของราชวงศ์ถังแล้ว  สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว (ชั้น 4 ห้ามถ่ายรูป) และพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมพระพุทธรูปและเทพเจ้าต่างๆ ให้สักการะบูชาอีกด้วย เปิด 7.00 - 19.00 น.
จากนั้นให้ขึ้น MRT สายสีม่วงจาก Chaina Town ไปสถานี Dhoby Ghaut เพื่อต่อ MRT สายสีเหลืองไปลงสถานี Esplanade เดินตามป้ายบอกทางไปที่ตึก Suntec เมื่อขึ้นมาที่ทางออกเดินตรงไปเล็กน้อย ขวามือจะเห็นทางเข้า เดินเข้าไปแล้วเจอแยกในตึกเลี้ยวซ้ายเดินตรงต่อไปเรื่อยๆ สุดทางเลยค่ะจะเจอเคาท์เตอร์ค่ะ ตึกที่นี่จะเชื่อมต่อกันค่ะ อย่างที่กระทู้บนแจ้งคือส่วนนี้จะอยู่ที่ตึก 5 ด้านล่างจะเป็นเหมือน shopping mall มี Shop เยอะมากเดินกันเพลินค่ะไปซื้อที่เคาท์เตอร์ขายบัตรได้เลย ไม่ต้องจองล่วงหน้าก็ได้ค่ะ สำหรับ duck ก็มีเวลาวิ่ง น่าจะระยะห่างทุก 1 ชั่วโมง (ไม่แน่ใจ)จะมี duck + flyer / Hippo + flyer ที่ราคา 49 เหรียญ(1,225 บาท) เลือกทำอันไหนก่อนก็ได้ระหว่าง
Singapore Flyer นั้น เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ เปิดบริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008  ใช้เวลาหมุนครบรอบประมาณ 30 นาที ใน 1 ตู้นั้น สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ถึง 28 คน ค่อยๆหมุนขึ้นมาจากด้านล่างชมวิวเมืองสิงคโปร์แบบพาโนรามาได้ 360 องศาจนไปถึงด้านบนสุด ชมวิวกันพอสมควรประมาณ 30 นาทีเปิดบริการ 08.30 - 22.30 น.
จากนั้นลงมาเตรียมตัวไปเที่ยวชมเมืองกับ Duck Tour กันต่อ โดยรถ Duck Tour นี้จะพาชมบนบก 20 นาที ล่องน้ำอีก 40 นาที รวม 1 ชม.เต็มๆ ขึ้นมาแล้วจากหน้า Singapore Flyer ผ่านไปยัง Esplanade Park ศาลฎีกา (Supreme Court) โบสถ์ St .Andrew  Cathedral แล้วก็ลงน้ำกันเลย ดู  Merlion  แบบเต็มๆ อาคารทุเรียน Esplanade  จบจาก Duck Tour เปิด 9.00 – 18.00 น.
ให้เดินหรือหารถเมล์ไปลง City Link Mall ซึ่งเป็นห้างใต้ดิน แวะช็อป Charles and Keith นิดหน่อยก่อนนะ เชื่อมระหว่างสถานี City Hall กับ อาคาร One Raffles Link เดินไปประมาณ 10 นาทีจะไปโผล่ที่หน้าน้ำพุ Fountain of Wealth หรือน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง น้ำพุนี้สร้างตามหลักฮวงจุ้ย มีขั้นตอนการสัมผัสน้ำ คือ ให้ใช้มือขวาสัมผัสน้ำ ระหว่างที่สัมผัสก็ให้อธิษฐาน และเดินตามเข็มนาฬิกาให้ครบ 3 รอบ น้ำพุนี้จะเปิดเป็นรอบมีเวลาดังนี้ 09.00-12.00, 14.30-18.00, 19.00-19.45, 21.30-22.00
จากนั้นก็เดินเล่นแถว Hilex , Marina Bay Merlion 



วันที่ 2
                ตื่นเช้า7.00 น.ไปเดินหาอะไรกินแล้วก็ไป USS โดยนั่ง MRT สายสีเขียว Kallang ไปถึงสถานี Outram Park เพื่อต่อ MRT สายสีม่วงไปลงสถานี  Harbour Front ก็ให้เดินไปตามป้ายบอกทาง Sentosa Express Vivocity L3 เลี้ยวเข้าตึก Vivocity แล้วขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 3 ซื้อบัตรกันก่อนราคาไป-กลับคนละ 3$(75 บาท) เพิ่มเติมอีกนิด ตอนนี้สามารถใช้ บัตร EZ-Link ได้แล้ว เจ้ารถ Sentosa Express ก็เป็นรถไฟฟ้า วิ่งบนรางเชื่อมระหว่างฝั่งสิงคโปร์กับเกาะ Sentosaแล้วก็ลงที่สถานีแรกกันเลยที่สถานี Waterfront Station ลงจาก Sentosa Express แล้วก็ เดินเข้ามาจะมีป้ายบอกทางตามรูป เดินตรงเลี้ยวขวาไปก็จะเจอ เจ้าลูกโลก สัญลักษณ์ของ Universl Studios ลูกโลกนี้หมุนไม่หยุด แล้วก็มีไอเย็นๆ ออกมาด้วย สามารถถ่ายจากมุมไหนก็ได้ เคาน์เตอร์ขายตั๋วสำหรับผู้ที่ Walk-in เข้ามาซื้อเลย ก่อนเข้าชมด้านใน เราก็ต้องดูแผนที่คร่าวๆ และรอบการแสดงของแต่ละโชว์ไว้ก่อน ว่าโซนอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ตอนกี่โมง จะได้วางแผนถูก
TIP.
ก่อนที่จะเข้าไปยังโซนเครื่องเล่น ผมขอแนะนำเทคนิคที่ทำให้เล่นเครื่องเล่นได้เร็วขึ้น ไม่ต้องต่อแถวนาน เกือบทุกเครื่องเล่นจะมีแถว Single Rider สำหรับคนที่มาคนเดียว หรือไม่จำเป็นจะต้องนั่งคู่กับใคร โดยปกติแล้วเมื่อเครื่องเล่นมา เค้าจะจัดคนแถวหลักเข้าไปนั่ง แล้วเหลือเศษ 1-2 เค้าก็จะเอาแถวของ Single Rider เข้าไปเติมเต็ม และแถว Single Rider คนจะมีไม่เยอะ ทำให้ได้เล่นเครื่องเล่นเร็วกว่าแถวปกติ
เอาโปรโมชั่นใหม่จาก USS มาฝากครับ ลด 10-15% จากราคาปกติ เพียงนำ Boarding Pass ของสายการบินต่อไปนี้ไปซื้อตั๋ว ที่ Counter Universal Studios Singapore
- สายการบิน Air asia ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 31 October 2011 ลด 10-15%
- สายการบิน Garuda Indonesia ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 May 2011 – 31 August 2011 ลด 10%
- สายการบิน Jet Airways ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 July 2011 – 31 October 2011 ลด 10%
- สายการบิน Thai ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 July 2011 – 30 September 2011 ลด 10%
- สายการบิน Philippine Airlines ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 30 October 2011 ลด 10%
- สายการบิน Cathay Pacific ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 18 November 2011 ลด 10%
เงื่อนไข
1. ซื้อตั๋วที่ทางเข้า USS
2. ใช้ Boarding Pass คู่กับ Passport ในการซื้อตั๋ว
3. 1  Boarding Pass ใช้ได้ 1 สิทธิ
4. โปรฯ ใช้ไม่ได้ในวัน BLACK-OUT DATES (วันหยุดเทศกาล)
รอบๆ สวนสนุกจะมีบริการ Locker ให้เช่าเก็บกระเป๋าสัมภาระชั่วโมงละ 4 $ หลังจากผ่านประตูเข้ามาแล้ว
1.โซนแรก  Hollywood โซนนี้เป็นโซนของร้านอาหาร ร้านค้าของที่ระลึกต่างๆ  จากโซน Hollywood
2.โซน Madagascar ครื่องเล่นในโซนนี้
 Madagascar : A Creat Adventure ล่องเรือไปกับ Alex, Marty, Melman และ Gloria เราจะต้องนั่งในเรือลำนึงก็ประมาณ 20-30 คน เรือก็จะไหลไปตามทางน้ำไหล ผ่านผืนป่ามาดากาสการ์ ในหนังภาคที่ 1 ข้างในสว่าง ไม่น่ากลัว เหมาะสำหรับเด็กๆ
King Julien ’s Beach Party-Go-Round ม้าหมุนสัตว์ชนิดต่างๆ ริมชายหาดจำลอง เหมือนจะเป็นของเล่นเด็กเล็ก แต่ก็แอบเห็นผู้ใหญ่มาเล่นเหมือนกัน
การแสดง King Jullien's Beach Party-Go-Round เหล่าดาราจากการ์ตูนเรื่อง Madagascar ออกมา Dance กระจาย
3.โซนแห่งเทพนิยาย ปราสาท Far Far Away เมื่อเดินเข้ามาในโซนนี้แล้วจะพบกับ
เครื่องเล่นชิ้นแรกด้านขวามือเลย เรียกว่า Enchanted Airways รถไฟเหาะขนาดย่อมๆ 
ทีเด็ดของโซนนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาดกับ การชมหนัง 4 มิติเรื่อง Shrek ตอนแรกเราจะเข้าไปอยู่ในห้องแรก เล่าเรื่องโดยกระจกวิเศษ หมูสามตัวที่อยู่ในกล่อง ให้เรายืนฟัง เป็นการเกริ่นเรื่อง อาจจไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ แต่อย่างเพิ่งออกนะ พอเกริ่นเสร็จจะเข้าไปในส่วนโรงหนัง 4Dเนื้อเรื่องจะเป็นตอนที่เจ้าหญิง Fiona ถูกจับตัวไป แล้ว Shrek เข้าไปช่วย คนดูต้องสวมแว่นตาสามมิติด้วย เมื่อใส่แว่นแล้ว ภาพจะเหมือนยื่นมาใกล้ตัวเรา มิติที่ 4 ของหนังเรื่องนี้อยู่ที่เก้าอี้ขยับได้ ในฉากที่ Shrek ควบม้า เก้าอี้จะโยกตามไปด้วย มีลมพัดมาจริง มีละอองน้ำ ทำให้เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ หนังเรื่องนี้ตื่นเต้นสุดตอนที่แมงมุมออกมา แนะนำว่าไม่ควรพลาด ดูจบแล้วให้ 10 เต็มไปเลย เจ๋งมากๆ ก่อนเข้าดูหนังเรื่องนี้เก็บโทรศัพท์ และกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงไว้ดีๆ นะ ระวังจะร่วงหล่นหาย
ออกมาก็จะเข้ามายังด้านในร้านขายของที่ระลึก
 จะมีของเล่นสำหรับเด็กเล็กเป็นชิงช้าสวรรค์ Magic Potion Spin
4.โซน แฟนๆ ไดโนเสาร์บริเวณด้านหน้า Food Court เป็นลานน้ำพุและรูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดเท่าของจริงประตูทางเข้า Jurassic Park สู่เครื่องเล่นมากมาย เริ่มแรกทางด้านซ้ายมือ
ล่องแก่ง  Jurassic Park Rapids Adventure เครื่องเล่นนี้รอคิวนานหน้า เทคนิคที่จะได้เล่นเร็วขึ้นก็คือ เข้าแถว Single Rider Lane แต่ก็ต้องทำใจหน่อยว่าคงไม่ได้เล่นพร้อมกับเพื่อน เครื่องเล่นนี้มีสิทธิ์เปียกสูง แนะนำให้ใส่เสื้อกันฝนเตรียมไว้เลย หากไม่มีให้ซื้อเอาที่ทางเข้า ราคา 2 SGD เข้าไปด้านในจะเป็นทางน้ำให้ล่องแก่ง เข้าไปในดินแดน Jurassic Park มีไดโนเสาร์อยู่ 2 ข้างทาง เราจะอยู่บนเครื่องทรงกลมคล้ายถ้วย นั่งได้ 8 คน น้ำจะไหลพาเราไปเขาตึกมืดๆ แล้วก็ออกมา แล้วก็ตกด้านล่าง แล้วแต่ดวงครับว่าฝั่งไหนจะเปียก น่าจะคล้ายกับ Grand canyon ที่ Dream world บ้านเรา
 Canopy Flyer เป็นที่นั่งแบบห้อยขา นั่งเป็นคู่ 2 คู่นั่งหันหลังชนกัน กระเช้าจะเคลื่อนที่ พาชมวิวในโซน The Lost World เลื่อนไปตามราง เหมาะสำหรับชมวิว ชิลๆ ไม่น่ากลัว ใครที่หอบของไป แล้วอยากจะเล่นเครื่อง กลัวว่าจะไม่สะดวก เค้ามีที่ให้ฝากของด้วยครับ เป็นล๊อคเกอร์สีเหลือง มีอยู่ทุกโซน
วิธีใช้ตู้ล๊อคเกอร์ ใส่ วัน/เดือน/ปี เกิด + สีที่ชอบ ที่เครื่องคอมพิวเตอร์สีเขียว แล้วจำเวลาที่ฝากได้ฟรีว่าถึงกี่โมง ฝากได้ฟรี 30 นาที เกินกว่านั้นก็เสียตังค์ตามเวลาที่เกิน อย่าลืมเอากระเป๋าตังค์ออกจากล๊อคเกอร์ด้วยนะ เอาไว้หยอดค่าล๊อคเกอร์ ส่วนมากจะเสียตังค์ค่าฝากกันทั้งนั้น กว่าจะรอเครื่องเล่น กว่าจะได้เล่น ก็เกิน 30 นาทีแล้ว และที่สำคัญอีกอย่าง ตู้ล๊อคเกอร์นี้ไม่ทอนเงินนะ พยายามหยอดเงินให้พอดีจะได้ไม่เสียตังค์ไปเปล่าๆ
ในโซน The Lost World จะมีโชว์อยู่ 1 โชว์ ชื่อ WaterWorld เป็นการแสดงโชว์สตั๊นแมน (Stunts) เปิดแสดงเพียง 2 รอบ คนมาดูเยอะมาก แนะนำให้ไปก่อนเวลาแสดง อย่างน้อย 15 นาที  โชว์ชุดนี้ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
โซนที่นั่งของ WaterWorld จะแบ่งเป็นสี ต้องเลือกนั่งให้ดีนะ
โซนสีฟ้า – นั่งโซนนี้เปียกแน่นอน   
โซนสีเขียว – เปียก แต่ไม่มาก ประมาณน้ำกระเด็น
โซนสีน้ำตาล – ปลอดภัย ไม่เปียก
5.โซน Ancuent Egypt (อียิปต์โบราณ) ทาง Universal Studios ทำออกมาได้เหมือนมาก บรรยากาศในเมืองอียิปต์ดีๆ นี่เอง ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้น ของตกแต่งต่างๆ  เครื่องเล่นยอดนิยมในโซนนี้ Revenge of the Mummy เป็นรถไฟวิ่งไปในความมืด หนีการล้างแค้าของมัมมี่ ความน่ากลัวอยู่ที่ไม่รู้ว่ารถไฟกำลังวิ่งไปในทิศทางไหน ข้างในทำเอฟเฟคสวยงาม มีหมอก มีควัน มีถอยหลังตีลังกาด้วย  แนะนำว่าไม่ควรพลาด ใครได้ลองเล่นแล้ว ส่วนมากจะต้องขอเบิ้ลอีกรอบ เครื่องเล่นนี้ต้องฝากของและกล้องถ่ายรูปด้วยนะ
มาถึงเครื่องเล่นแบบเด็กๆ บ้าง Treasure Hunters เป็นรถ Jeep นั่งได้คันละ 4 คน วิ่งไปตามราง เราไม่ต้องขับ ระหว่างทางจะเจอกับสัตว์ร้ายเช่นจระเข้ งู ฝูงแมลงนับร้อยตัว ซาก..เซนเซอร์..บ เครื่องใช้ต่างๆ 1 รอบประมาณ 5 นาที
6.โซนแห่งโลกอนาคต Sci-Fi City  รถไฟเหาะสายสีแดง และสายสีน้ำเงิน สูงเท่ากับตึก 14 ชั้น จัดว่าเป็นเครื่องเล่นที่ต้องมาเล่นให้ได้ เมื่อมา Universal Studios
 Battlestar Galactica HUMAN รถไฟเหาะสายสีแดง เป็นที่นั่งแบบเท้าติดพื้น วิ่งด้วยความเร็วสูงถึง 90 กิโลเมตร/ชม.จะวิ่งผ่านโค้งถึง 14 ชั้น แต่ไม่มีตีลังกา
Battlestar Galactica CYLON รถไฟเหาะสายสีน้ำเงิน นั่งห้อยขา ไม่มีที่วางเท้า วิ่งด้วยความเร็วบนรางโค้ง + ตีลังกา ควงสว่าน หวาดเสียวใช้ได้เลย ก่อนจะเล่นเครื่องเล่นนี้ต้องฝากของที่ Locker ก่อน
 Accelerator เครื่องเล่นรูปถ้วย เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นั่งได้ 2-5 คน จะหมุนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ ไม่น่ากลัวแต่จะเวียนหัวนิดหน่อย รอบนึงประมาณ 5 นาที
7.โซน New York โซนนี้เหมาะที่จะเดินเล่น หามุมถ่ายรูป มีรถคลาสสิค สวยๆ จอดให้ถ่ายรูปอยู่หลายคัน ตึก อาคารบ้านเรือนทำจำลอง สถาปัตยกรรม เหมือนอยู่ในนิวยอร์ค สิ่งที่น่าสนใจในโซนนี้ก็มี Lights, Camera, Action Hosted by Steven Spielberg  เป็นเบื้องหลังการถ่ายทำหนัง เข้าไปที่ห้องแรกจะฉายวีดีโอ Steven Spielberg เค้าจะมาพูดถึงเรื่องเทคนิคการถ่ายทำ มีจอทีวีหลายๆจอเหมือนในกองถ่าย เสร็จแล้วจะเดินไปเข้าห้องที่สอง ห้องนี้เหมือนเหมือนสตูดิโอ ฉากด้านหน้าเป็นเมืองนิวยอร์คที่ฝนกำลังตกหนัก มีลมพัดและละอองน้ำเหมือนจริง มีฟ้าผ่า ไฟไหม้ แท่นที่เรายืนอยู่ก็สั่นได้ด้วย ตอนจนทำเอาทุกคนตะลึงเมื่อเรือลำใหญ่โผล่มาจากไหนไม่รู้จะแล่นมาชมคนดู
ขออภัยที่โชว์นี้ไม่มีรูป เค้าติดป้ายไว้ว่าห้ามถ่ายรูป
ป.ล. ใครอยู่แถวหน้าระวังน้ำกระเด็นนะ
การแสดง The Rockafells เป็นการแสดง Street Entertainment การเต้น B-Boy ทุกคนเต้นเก่งมาก Entertain เป็นมีการชวนคนดูไปเต้นด้วย หนึ่งในนั้นมีคนไทยด้วย ฮาดี เดินเยอะก็เริ่มเหนื่อยและหิว มาดูร้านอาหารในโซนนิวยอร์คดีกว่า ร้านอาหารในโซนนิวยอร์คจะมีร้าน Mel ’s Drive-In เป็นร้านอาหาร อเมริกัน ตกแต่งร้านแนวคลาสสิค ขายแฮมเบอร์, ไส้กรอก, แซนวิช ไก่ ปลา เซตสำหรับ 2 คน ราคา 21.6 SGD ประมาณ 518 บาท ก็ถือว่าไม่แพงมาก
กินข้าวเสร็จก็มาเจอกับโชว์ของร้าน Mel ’s Drive-In
จาก Universal Studios ไปยัง Merlion ตัวใหญ่ให้นั่งอีก 1 สถานีไปลงที่ Imbiah Station ยืนไปประมาณ 2 นาทีก็ถึงแล้ว
Merlion ตัวนี้เป็น Merlion ตัวใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ด้านล่างของ Merlion เป็นร้านอาหาร และขายของที่ระลึก ตรงส่วนหัวเป็นที่ชมวิว ถ้าต้องการขึ้นไปชมวิวเสียค่าขึ้นคนละ 10 SGD  จะมีลิฟท์ขึ้นไปด้านบน สำหรัววิวด้านบนจะมองเห็นทะเลหาด Siloso เวทีแสดง Song of the sea และวิว Resort world บนเกาะ Sentosa
ที่สุดท้ายของเกาะ Sentosa ที่จะพาไปเที่ยวคือหาดซิโลโซ (Siloso beach) เราต้องนั่งรถไฟฟ้าไปอีก 1 สถานี ไปลงที่ Beach Station จากนั้นก็รอรถที่จะไปหาด จริงๆ เดินไปก็ได้นะ ไม่ไกล แต่ในเมื่อมีรถฟรีให้นั่งเราก็นั่งไปดีกว่า ลงสถานี Beach Station ก็เจอกับ สถานที่แสดงโชว์ Song of the Sea ถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน
รถสีม่วงด้านบนเป็นรถพาไปยังท้ายหาด Siloso แล้ววนกลับมาที่เดิม บริการฟรี ลักษณะรถจะคล้ายรถพ่วงมีที่นั่งที่ขบวนหน้า ส่วนขบวนหลังเป็นที่ยืน และที่นั่งแบบไม่มีหลังคา รถวิ่ผ่านเครื่องเล่น iFly Singapore เป็นเครื่องเล่นที่ทำให้เราเหมือนลอยได้ โดยเราจะต้องไปอยู่ในท่อกระจก ใสๆ ขนาดใหญ่ แล้วจะมีลมดันเราลอยขึ้นไป สำหรับค่าเครื่องเล่นอันนี้ ผู้ใหญ่ คนละ 89 SGD เท่านั้น!! (ประมาณ 2,200 บาท)
Luge & Skyride เป็นอีกหนึ่งเครื่องเล่นยอดนิยมของเกาะ Sentosa Luge จะเป็นรถเล็กๆ มีล้อ เราจะนั่งบน Luge แล้ว Luge ก็จะไหลลงมาตามทาง โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก เมื่อลงมาถึงที่สถานีด้านล่างก็นั่ง Skyride ขึ้นไปที่สถานีด้านบนใหม่ บรรยากาศบน Skyride ก็มองเห็นวิวหาด Siloso (มีตั๋วขายที่ Seawheel)
รถจะวิ่งมาจนวิ่งมาจนสุดหาด Silosa ระหว่างทางจะมีป้ายหยุดรถ 3 ป้าย ใครอยากจะลงตรงไหน ก็ลงได้เลยครับ ขากลับก็มารอรถคันใหม่ที่ป้ายเดิม
หาด Siloso ตัวอักษรที่เป็นชื่อหาดจะอยู่ในสุดเลย
ไม่ดู Songs Of The Sea ขากลับจาก เกาะ Sentosa ก็ใช้วิธีเดิมคือนั่งรถไฟรางระหว่างเกาะมาห้าง Vivo City ที่นี้ก็มี Charles and Keith แวะดูอีก
ห้างมุสตาฟา
 ชั้นล่างสุด ลงไปใต้ดิน ขายพวกเสื้อผ้าออกกำลัง รองเท้า และ accesories ต่าง ๆ
ชั้นหนึ่ง ขายพวกนาฬิกา, อุปกรณ์ มือถือ หูฟัง, กล้องถ่ายรูป, CD, DVD, น้ำหอม เครื่องสำอางและ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั้งหลาย แล้วก็มีพวกเครื่องประดับจิวเวลรี่ด้วย
ชั้นสอง ขายพวกสินค้าบริโภค ถั่ว ชอคโกแลต อาหารแห้ง ชา กาแฟ เครื่องดื่ม ผลไม้ ขนมปัง ข้าวสารยังมีเลย ส่วนใหญ่เป็นของแบบแขก พวกของที่ระลึก magnet พวกกุญแจ กระเป๋าถือ กระเป๋าเดินทาง
ชั้นสาม เป็นพวกอุปกรณ์ในครัวเรือน และเครื่องนอน
ส่วนชั้นสี่ ขายพวกหนังสือ อุปกรณ์ hardware ต่าง ๆ ถ้าซื้อพวกของแพงหน่อยที่นี่จะมีใบรับประกันสินค้าให้ด้วย และสามารถขอคืนภาษี GST โดยถ้าซื้อสินค้ารวมบิลแล้วเกิน 100 SGD /1 ใบเสร็จ โดยไปทำเรื่องขอ voucher ได้ที่ชั้นใต้ดิน B2 เอา Passport ไปด้วยนะ แล้วค่อยไปทำเรื่อง stamp ใบเสร็จ และ refund GST ที่สนามบินตอนขากลับ

วันที่ 3
เตรียมเก็บกระเป๋า ไม่รู้ว่าเค้าจะให้เช็คเอาท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ได้หรือป่าวไม่แน่ใจ แต่คิดว่าจะฝากแล้วไปถนน Somemerset ห้าง 313 ไปดู Charles and Keith  เดินเล่น ถนน Orchard อีกถึงประมาณ 16.00น. กลับไปเอากระเป๋าไปสนามบินแล้วก็ไปทำ GST Refund เดินเล่น Duty Free ในสนามบิน รอขึ้นเครื่องตอน 20.40 น.


เมื่อมาถึงสนามบินชางฮี สำหรับเพื่อนๆที่ใช้บีบี ต้องการซื้อซิม StarHub ไว้เล่นบีบี แนะนำให้ซื้อที่สนามบินได้เลยค่ะ ให้สังเกตป้ายนี้เคาน์เตอร์ธนาคาร UOB สามารถซื้อซิมได้ที่นี่ค่ะ
ซิม StarHub ราคา 15 SGD (ประมาณ 368 บ.) เปิดใช้ซิมแล้วจะแถมให้อีก 3 SGD ดังนั้นจะใช้ได้จริง 18 SGD เลยค่ะ
เปิดใช้ซิม: ที่สิงคโปร์เป็น 3G ได้ซิมมาแล้วแกะใส่เครื่อง รอ sms แจ้งข้อความต้อนรับ
จากนั้นสมัครแพคเกจบีบี โดยกด *122# โทรออก
เลือกใช้ BB สำหรับ 3 วัน ราคา 10 SGD (ใช้ BBM, FB, Twitter,internet 50MB)
ที่เหลือ 8 SGD ใช้เป็นค่าโทรได้ตลอด 3-4 วันเลยค่ะ ไม่ว่าจะโทรหากันเองในสิงคโปร์ หรือโทรกลับไทย ถูกมาก
เช็ค Status เงินเหลือได้ที่ กด *131# โทรออก ค่ะ
วิธีการของคืนภาษีค่ะ
1. ซื้อของในร้านค้าที่เข้าร่วม S$ 100 ขี้นไป (ไม่เกิน 3 slip / ร้าน)
2. ตอนจ่ายตังค์ บอกร้านค้าว่าให้ทำ tax refund ให้ด้วย พนักงานร้าน จะออก slip ให้เรา 1 ใบค่ะ มีรายละเอียดสินค้าจำนวนเงิน และ tax ที refund ได้ เก็บเอาไว้
3. เมื่อไปสนามบิน จะมี counter อยู่ทางซ้ายมือ ก่อน check-in ให้ลากกระเป๋าไป ขอ refund tax ก่อน เพราะบางทีเจ้าหน้าที่จะขอดูของ เมื่อไปถึง จนท จะถามว่าของ hand carry หรือ load ในกระเป๋า อย่าลืมเอาเอกสารที่ร้านค้าออกให้ไปด้วย พร้อม passport
ถ้า load ในกระเป๋า จะทำเอกสารให้ตรงนั้น เก็บเอกสารไว้ ไปเอาตังค์ข้างใน หลัง ตม
ถ้า hand carry จนท จะให้เข้าไปทำเอกสารข้างใน หลัง ตม ตรงนี้ จนท จะตรวจสินค้าด้วย เสร็จแล้วไปเอาตังค์ counter ข้าง ๆ กัน ที่เดียวกับ load
ตอนจ่ายเงินซื้อของ ถ้าซื้อเป็นเงินสด จะได้ตังค์คืนเป็นเงินสด
ถ้าเป็นบัตร จะคืนที่บัตร
แต่แล้วแต่ว่า พนง ร้านค้า ออก slip ให้เป็นอะไร บางคนจ่ายเงินสด คืนบัตร บางคนจ่ายบัตร คืนเงินสด ค่ะ
แนะนำให้ไปถึงสนามบินเร็วนิดนึง ไม่งั้นแถว tax refund จะยาวมาก ทั้งข้างใน ข้างนอก
ไม่ยุ่งยาก ได้ตังค์คืนไปshop ต่อในสนามบิน


สุดยอด สุดยอด
บันทึกการเข้า

ก ะ พ ล า ด  ฮ่ า ๆ ๆ
superchen
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 312


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 10 เมษายน 2012 13:05:35 »

สิงคโปร์ ไม่ยากครับ คนแนะนำดีดีมีเพียบ  ระวังอย่างเดียวครับ "ของฝาก" บางอย่าง ที่ไม่ใช่ของที่ทำในสิงคโปร์ มาจาก JJ บ้านเรา
บันทึกการเข้า
~ Funky_nu_NoO :
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,930


: ถ้าไม่รีบ ทำไมไม่ออกพรุ่งนี๊ !!!!


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 10 เมษายน 2012 17:28:36 »

^
^
ซวยละ ไม่เคยไป JJ  เอ่อ..


ผมไปกับแฟนสองคนไม่ได้ซื้อทัวร์ หาข้อมูลในเนทและซื้อหนังสือมาอ่าน ไปเองไม่ยากครับประเทศนี้ ระบบขนส่งเข้าดีไม่มีหลงแน่ๆ...

ขอบคุณมากๆ น้องทิต มีประโยชน์มากครับ เดี๋ยวจะดึงเพื่อนในกลุ่มให้มาอ่านด้วย  สุดยอด
บันทึกการเข้า

TIT
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 885



ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 10 เมษายน 2012 17:54:21 »

^
^
ซวยละ ไม่เคยไป JJ  เอ่อ..


ผมไปกับแฟนสองคนไม่ได้ซื้อทัวร์ หาข้อมูลในเนทและซื้อหนังสือมาอ่าน ไปเองไม่ยากครับประเทศนี้ ระบบขนส่งเข้าดีไม่มีหลงแน่ๆ...

ขอบคุณมากๆ น้องทิต มีประโยชน์มากครับ เดี๋ยวจะดึงเพื่อนในกลุ่มให้มาอ่านด้วย  สุดยอด

ถ้างงตรงไหนถามได้นะครับไม่ต้องเกรงใจ พวกตั๋วที่เที่ยวต่างๆเราซื้อเองแถว Chaina Town ส่วนใหญ่จะถูกกว่าซื้อที่หน้างานนะครับ
บันทึกการเข้า
tobizaru_x
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 534



ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 10 เมษายน 2012 18:43:24 »

เรื่องสายการบินถ้าไม่ซีเรียสลองดูของ Jet Star ครับ เดี๋ยวนี้ดีกว่าแต่ก่อนพอสมควรเลย (บริการตามราคา) นั่งเครื่องไป 2 ชม. ก็ถึงแล้ว ไม่ต้องแวะพักก็ได้ครับ

http://www.jetstar.com/th/th/home
บันทึกการเข้า
รักคนอ่าน ㋡™
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,326


DORAEMONSTER 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 10 เมษายน 2012 19:05:04 »

ผมพึ่งไปมาเมื่อเดือนที่แล้วเองแต่ไม่ได้ซื้อทัวร์ไปพอดีน้องสาวผมเรียนอยู่ที่นั้นที่พักก็พักที่ห้องน้องถ้าจะไปแนะนำให้ไปกันเองจะสนุกกว่าไปทัวร์นะ
ตามที่ท่องเทียวที่สิงค์โปผมเจอคนไทยเยอะมากลองหาข้อมูลที่เวบนี้ดูนะครับน่าจะมีประโยน์ชมากๆ
http://www.singaporefanclub.com/index.php
บันทึกการเข้า
อิชิตัน underbrain
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,658


มาแว้วววว...คร๊าบบบบบ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 10 เมษายน 2012 19:06:24 »

ผมไปกับแฟนสองคนไม่ได้ซื้อทัวร์ หาข้อมูลในเนทและซื้อหนังสือมาอ่าน ไปเองไม่ยากครับประเทศนี้ ระบบขนส่งเข้าดีไม่มีหลงแน่ๆ

อันนี้รายละเอียดที่แฟนทำไว้ 3วัน2คืน เผื่อจะมีประโยชบ้างครับ

วันที่ 1
            เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเช็คอินสักประมาณ 4.30 น. ถึงจะทันขึ้นเครื่อง ช่วงเช้าเที่ยวบินเยอะ คิว ตม.ยาว เราเผื่อเวลาไว้หน่อยดีกว่า (เครื่องออก 7.05 น.) ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินนานาชาติชางฮี (Changi Airport) เวลา 10.05 อย่าลืมปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชม.ด้วยนะ เดินไปตามป้าย Arrival ซึ่งจะไปที่เคานเตอร์ของตม.(Immigration) เพื่อตรวจ Passport และลงตราประทับเข้าเมือง โดยเราต้องแสดง 1.Passport 2.ใบ Singapore  Immigration ที่กรอกเรียบร้อยแล้ว 3.ใบยืนยันการจองโรงแรม 4. ตั๋วขาบินกลับ จากนั้นให้ดูประกาศที่บอร์ด จะบอกเลขสายพาน (Belt) ก็ไปรับกระเป๋าเดินทาง ตามหมายเลขที่เค้าบอก เมื่อได้กระเป๋าเรียบร้อยแล้วให้เดินผ่าน ด่านศุกกากรสีเขียว (Customs) หมายความว่า ไม่มีอะไรต้องแสดง หลังจากผ่านศุลกากรมาได้ก็อาจแวะไปตรง Singapore Visitors Centres เพื่อหยิบแผ่นพับ,แผนที่ หรือคูปองส่วนลดต่างๆที่เค้าแจกให้ฟรี จากนั้นก็ไปขึ้นรถไฟฟ้า MRT เข้าเมือง
ไปตามป้ายที่เขียนว่า Train to City ส่วนสายการบินที่จอดที่ Terminal 1&3 นั้นต้องนั่งรถไฟเชื่อมระหว่าง Terminal หรือ Skytrain มายัง Terminal2 แล้วก็แวะเติมเงินบัตร EZ-Link กันก่อนเลย การซื้อถ้าไม่ถึง 50$ ให้ซื้อกับห้องขายตั๋ว (ห้องนี้มีขายทั้ง EZ-Link Card, Net Flash Card และ Singapore Tourist Pass) เที่ยวครั้งนี้  บัตร EZ-Link เติมเงินไปสัก 10 $ (250 บาท) ออกเดินทางจากสนามบินชางฮีสู่ที่พักโดยรถไฟฟ้า MRT สายสีเขียวลงที่ Tenah Menah  เพื่อเปลี่ยนขบวนเข้าเมืองด้วยสายสีเขียวเหมือนเดิมมาลงที่


Exit D ตึก People Park Center ขึ้นไปชั้นสาม หาร้านชื่อ Sea Wheel ป้ายสีเขียวๆ ที่นั่นตั๋วเข้า USS ถูกมาก แล้วก็ตั๋วอื่นๆก็มี  พวก Song of the Sea, Sky Rouge, Singapore Flyer
ถ้า EXIT A เดินตรงไปนิดนึงแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Pagoda St.จะเจอร้านหมูแผ่นชื่อดังอยู่ด้านขวามือ คือ ร้าน Bee Cheng Hiang หมูแผ่นที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราตรงที่ชิ้นจะหนาๆ กว่า แล้วก็ไม่กรอบบาง รสชาติคล้ายๆ กุนเชียง ราคาขายอยู่ที่ 600 กรัม 28$ (700 บาท) หรือซื้อเป็นกิโลจะถูกกว่า คือ กิโลละ 40 $ (1,000 บาท) เดินตรงไปเรื่อยๆ สองข้างทางจะมีร้านขายของมากมาย ราคาถูก สำหรับซื้อไปฝาก อย่างเช่นพวก magnet ขาย 3 อัน 10$ (250 บาท) ถ้าไปซื้อตามสวนสัตว์ สวนนกจะขายอันละ 4.90$ (122.50 บาท) ถูกกว่ากันเยอะเลย    
เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆจะผ่านวัดแขกอยู่ทางขวามือ ชื่อ วัด Sri Mariamman เปิด 2 ช่วงเวลา ทุกวัน คือ 7.00 - 12.00 และ 18.00 - 21.00 น. การถ่ายรูปในวัดจะเสียค่าธรรมเนียมด้วย คือกล้องธรรมดา 3 $(75 บาท) ส่วนกล้องวีดีโอ 6 $ (150 บาท) จากวัดแขกให้เดินไปตามถนน South Bridge จะพบกับ วัดจีน Budha Tooth Relic and Museum  อยู่ทางด้านขวามือ แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นอกจากรูปทรงอาคารภายนอกที่มีความสวยงามตามสถาปัตยกรรมของราชวงศ์ถังแล้ว  สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว (ชั้น 4 ห้ามถ่ายรูป) และพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมพระพุทธรูปและเทพเจ้าต่างๆ ให้สักการะบูชาอีกด้วย เปิด 7.00 - 19.00 น.
จากนั้นให้ขึ้น MRT สายสีม่วงจาก Chaina Town ไปสถานี Dhoby Ghaut เพื่อต่อ MRT สายสีเหลืองไปลงสถานี Esplanade เดินตามป้ายบอกทางไปที่ตึก Suntec เมื่อขึ้นมาที่ทางออกเดินตรงไปเล็กน้อย ขวามือจะเห็นทางเข้า เดินเข้าไปแล้วเจอแยกในตึกเลี้ยวซ้ายเดินตรงต่อไปเรื่อยๆ สุดทางเลยค่ะจะเจอเคาท์เตอร์ค่ะ ตึกที่นี่จะเชื่อมต่อกันค่ะ อย่างที่กระทู้บนแจ้งคือส่วนนี้จะอยู่ที่ตึก 5 ด้านล่างจะเป็นเหมือน shopping mall มี Shop เยอะมากเดินกันเพลินค่ะไปซื้อที่เคาท์เตอร์ขายบัตรได้เลย ไม่ต้องจองล่วงหน้าก็ได้ค่ะ สำหรับ duck ก็มีเวลาวิ่ง น่าจะระยะห่างทุก 1 ชั่วโมง (ไม่แน่ใจ)จะมี duck + flyer / Hippo + flyer ที่ราคา 49 เหรียญ(1,225 บาท) เลือกทำอันไหนก่อนก็ได้ระหว่าง
Singapore Flyer นั้น เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ เปิดบริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008  ใช้เวลาหมุนครบรอบประมาณ 30 นาที ใน 1 ตู้นั้น สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ถึง 28 คน ค่อยๆหมุนขึ้นมาจากด้านล่างชมวิวเมืองสิงคโปร์แบบพาโนรามาได้ 360 องศาจนไปถึงด้านบนสุด ชมวิวกันพอสมควรประมาณ 30 นาทีเปิดบริการ 08.30 - 22.30 น.
จากนั้นลงมาเตรียมตัวไปเที่ยวชมเมืองกับ Duck Tour กันต่อ โดยรถ Duck Tour นี้จะพาชมบนบก 20 นาที ล่องน้ำอีก 40 นาที รวม 1 ชม.เต็มๆ ขึ้นมาแล้วจากหน้า Singapore Flyer ผ่านไปยัง Esplanade Park ศาลฎีกา (Supreme Court) โบสถ์ St .Andrew  Cathedral แล้วก็ลงน้ำกันเลย ดู  Merlion  แบบเต็มๆ อาคารทุเรียน Esplanade  จบจาก Duck Tour เปิด 9.00 – 18.00 น.
ให้เดินหรือหารถเมล์ไปลง City Link Mall ซึ่งเป็นห้างใต้ดิน แวะช็อป Charles and Keith นิดหน่อยก่อนนะ เชื่อมระหว่างสถานี City Hall กับ อาคาร One Raffles Link เดินไปประมาณ 10 นาทีจะไปโผล่ที่หน้าน้ำพุ Fountain of Wealth หรือน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง น้ำพุนี้สร้างตามหลักฮวงจุ้ย มีขั้นตอนการสัมผัสน้ำ คือ ให้ใช้มือขวาสัมผัสน้ำ ระหว่างที่สัมผัสก็ให้อธิษฐาน และเดินตามเข็มนาฬิกาให้ครบ 3 รอบ น้ำพุนี้จะเปิดเป็นรอบมีเวลาดังนี้ 09.00-12.00, 14.30-18.00, 19.00-19.45, 21.30-22.00
จากนั้นก็เดินเล่นแถว Hilex , Marina Bay Merlion  



วันที่ 2
                ตื่นเช้า7.00 น.ไปเดินหาอะไรกินแล้วก็ไป USS โดยนั่ง MRT สายสีเขียว Kallang ไปถึงสถานี Outram Park เพื่อต่อ MRT สายสีม่วงไปลงสถานี  Harbour Front ก็ให้เดินไปตามป้ายบอกทาง Sentosa Express Vivocity L3 เลี้ยวเข้าตึก Vivocity แล้วขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 3 ซื้อบัตรกันก่อนราคาไป-กลับคนละ 3$(75 บาท) เพิ่มเติมอีกนิด ตอนนี้สามารถใช้ บัตร EZ-Link ได้แล้ว เจ้ารถ Sentosa Express ก็เป็นรถไฟฟ้า วิ่งบนรางเชื่อมระหว่างฝั่งสิงคโปร์กับเกาะ Sentosaแล้วก็ลงที่สถานีแรกกันเลยที่สถานี Waterfront Station ลงจาก Sentosa Express แล้วก็ เดินเข้ามาจะมีป้ายบอกทางตามรูป เดินตรงเลี้ยวขวาไปก็จะเจอ เจ้าลูกโลก สัญลักษณ์ของ Universl Studios ลูกโลกนี้หมุนไม่หยุด แล้วก็มีไอเย็นๆ ออกมาด้วย สามารถถ่ายจากมุมไหนก็ได้ เคาน์เตอร์ขายตั๋วสำหรับผู้ที่ Walk-in เข้ามาซื้อเลย ก่อนเข้าชมด้านใน เราก็ต้องดูแผนที่คร่าวๆ และรอบการแสดงของแต่ละโชว์ไว้ก่อน ว่าโซนอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ตอนกี่โมง จะได้วางแผนถูก
TIP.
ก่อนที่จะเข้าไปยังโซนเครื่องเล่น ผมขอแนะนำเทคนิคที่ทำให้เล่นเครื่องเล่นได้เร็วขึ้น ไม่ต้องต่อแถวนาน เกือบทุกเครื่องเล่นจะมีแถว Single Rider สำหรับคนที่มาคนเดียว หรือไม่จำเป็นจะต้องนั่งคู่กับใคร โดยปกติแล้วเมื่อเครื่องเล่นมา เค้าจะจัดคนแถวหลักเข้าไปนั่ง แล้วเหลือเศษ 1-2 เค้าก็จะเอาแถวของ Single Rider เข้าไปเติมเต็ม และแถว Single Rider คนจะมีไม่เยอะ ทำให้ได้เล่นเครื่องเล่นเร็วกว่าแถวปกติ
เอาโปรโมชั่นใหม่จาก USS มาฝากครับ ลด 10-15% จากราคาปกติ เพียงนำ Boarding Pass ของสายการบินต่อไปนี้ไปซื้อตั๋ว ที่ Counter Universal Studios Singapore
- สายการบิน Air asia ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 31 October 2011 ลด 10-15%
- สายการบิน Garuda Indonesia ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 May 2011 – 31 August 2011 ลด 10%
- สายการบิน Jet Airways ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 July 2011 – 31 October 2011 ลด 10%
- สายการบิน Thai ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 July 2011 – 30 September 2011 ลด 10%
- สายการบิน Philippine Airlines ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 30 October 2011 ลด 10%
- สายการบิน Cathay Pacific ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 18 November 2011 ลด 10%
เงื่อนไข
1. ซื้อตั๋วที่ทางเข้า USS
2. ใช้ Boarding Pass คู่กับ Passport ในการซื้อตั๋ว
3. 1  Boarding Pass ใช้ได้ 1 สิทธิ
4. โปรฯ ใช้ไม่ได้ในวัน BLACK-OUT DATES (วันหยุดเทศกาล)
รอบๆ สวนสนุกจะมีบริการ Locker ให้เช่าเก็บกระเป๋าสัมภาระชั่วโมงละ 4 $ หลังจากผ่านประตูเข้ามาแล้ว
1.โซนแรก  Hollywood โซนนี้เป็นโซนของร้านอาหาร ร้านค้าของที่ระลึกต่างๆ  จากโซน Hollywood
2.โซน Madagascar ครื่องเล่นในโซนนี้
 Madagascar : A Creat Adventure ล่องเรือไปกับ Alex, Marty, Melman และ Gloria เราจะต้องนั่งในเรือลำนึงก็ประมาณ 20-30 คน เรือก็จะไหลไปตามทางน้ำไหล ผ่านผืนป่ามาดากาสการ์ ในหนังภาคที่ 1 ข้างในสว่าง ไม่น่ากลัว เหมาะสำหรับเด็กๆ
King Julien ’s Beach Party-Go-Round ม้าหมุนสัตว์ชนิดต่างๆ ริมชายหาดจำลอง เหมือนจะเป็นของเล่นเด็กเล็ก แต่ก็แอบเห็นผู้ใหญ่มาเล่นเหมือนกัน
การแสดง King Jullien's Beach Party-Go-Round เหล่าดาราจากการ์ตูนเรื่อง Madagascar ออกมา Dance กระจาย
3.โซนแห่งเทพนิยาย ปราสาท Far Far Away เมื่อเดินเข้ามาในโซนนี้แล้วจะพบกับ
เครื่องเล่นชิ้นแรกด้านขวามือเลย เรียกว่า Enchanted Airways รถไฟเหาะขนาดย่อมๆ  
ทีเด็ดของโซนนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาดกับ การชมหนัง 4 มิติเรื่อง Shrek ตอนแรกเราจะเข้าไปอยู่ในห้องแรก เล่าเรื่องโดยกระจกวิเศษ หมูสามตัวที่อยู่ในกล่อง ให้เรายืนฟัง เป็นการเกริ่นเรื่อง อาจจไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ แต่อย่างเพิ่งออกนะ พอเกริ่นเสร็จจะเข้าไปในส่วนโรงหนัง 4Dเนื้อเรื่องจะเป็นตอนที่เจ้าหญิง Fiona ถูกจับตัวไป แล้ว Shrek เข้าไปช่วย คนดูต้องสวมแว่นตาสามมิติด้วย เมื่อใส่แว่นแล้ว ภาพจะเหมือนยื่นมาใกล้ตัวเรา มิติที่ 4 ของหนังเรื่องนี้อยู่ที่เก้าอี้ขยับได้ ในฉากที่ Shrek ควบม้า เก้าอี้จะโยกตามไปด้วย มีลมพัดมาจริง มีละอองน้ำ ทำให้เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ หนังเรื่องนี้ตื่นเต้นสุดตอนที่แมงมุมออกมา แนะนำว่าไม่ควรพลาด ดูจบแล้วให้ 10 เต็มไปเลย เจ๋งมากๆ ก่อนเข้าดูหนังเรื่องนี้เก็บโทรศัพท์ และกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงไว้ดีๆ นะ ระวังจะร่วงหล่นหาย
ออกมาก็จะเข้ามายังด้านในร้านขายของที่ระลึก
 จะมีของเล่นสำหรับเด็กเล็กเป็นชิงช้าสวรรค์ Magic Potion Spin
4.โซน แฟนๆ ไดโนเสาร์บริเวณด้านหน้า Food Court เป็นลานน้ำพุและรูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดเท่าของจริงประตูทางเข้า Jurassic Park สู่เครื่องเล่นมากมาย เริ่มแรกทางด้านซ้ายมือ
ล่องแก่ง  Jurassic Park Rapids Adventure เครื่องเล่นนี้รอคิวนานหน้า เทคนิคที่จะได้เล่นเร็วขึ้นก็คือ เข้าแถว Single Rider Lane แต่ก็ต้องทำใจหน่อยว่าคงไม่ได้เล่นพร้อมกับเพื่อน เครื่องเล่นนี้มีสิทธิ์เปียกสูง แนะนำให้ใส่เสื้อกันฝนเตรียมไว้เลย หากไม่มีให้ซื้อเอาที่ทางเข้า ราคา 2 SGD เข้าไปด้านในจะเป็นทางน้ำให้ล่องแก่ง เข้าไปในดินแดน Jurassic Park มีไดโนเสาร์อยู่ 2 ข้างทาง เราจะอยู่บนเครื่องทรงกลมคล้ายถ้วย นั่งได้ 8 คน น้ำจะไหลพาเราไปเขาตึกมืดๆ แล้วก็ออกมา แล้วก็ตกด้านล่าง แล้วแต่ดวงครับว่าฝั่งไหนจะเปียก น่าจะคล้ายกับ Grand canyon ที่ Dream world บ้านเรา
 Canopy Flyer เป็นที่นั่งแบบห้อยขา นั่งเป็นคู่ 2 คู่นั่งหันหลังชนกัน กระเช้าจะเคลื่อนที่ พาชมวิวในโซน The Lost World เลื่อนไปตามราง เหมาะสำหรับชมวิว ชิลๆ ไม่น่ากลัว ใครที่หอบของไป แล้วอยากจะเล่นเครื่อง กลัวว่าจะไม่สะดวก เค้ามีที่ให้ฝากของด้วยครับ เป็นล๊อคเกอร์สีเหลือง มีอยู่ทุกโซน
วิธีใช้ตู้ล๊อคเกอร์ ใส่ วัน/เดือน/ปี เกิด + สีที่ชอบ ที่เครื่องคอมพิวเตอร์สีเขียว แล้วจำเวลาที่ฝากได้ฟรีว่าถึงกี่โมง ฝากได้ฟรี 30 นาที เกินกว่านั้นก็เสียตังค์ตามเวลาที่เกิน อย่าลืมเอากระเป๋าตังค์ออกจากล๊อคเกอร์ด้วยนะ เอาไว้หยอดค่าล๊อคเกอร์ ส่วนมากจะเสียตังค์ค่าฝากกันทั้งนั้น กว่าจะรอเครื่องเล่น กว่าจะได้เล่น ก็เกิน 30 นาทีแล้ว และที่สำคัญอีกอย่าง ตู้ล๊อคเกอร์นี้ไม่ทอนเงินนะ พยายามหยอดเงินให้พอดีจะได้ไม่เสียตังค์ไปเปล่าๆ
ในโซน The Lost World จะมีโชว์อยู่ 1 โชว์ ชื่อ WaterWorld เป็นการแสดงโชว์สตั๊นแมน (Stunts) เปิดแสดงเพียง 2 รอบ คนมาดูเยอะมาก แนะนำให้ไปก่อนเวลาแสดง อย่างน้อย 15 นาที  โชว์ชุดนี้ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
โซนที่นั่งของ WaterWorld จะแบ่งเป็นสี ต้องเลือกนั่งให้ดีนะ
โซนสีฟ้า – นั่งโซนนี้เปียกแน่นอน  
โซนสีเขียว – เปียก แต่ไม่มาก ประมาณน้ำกระเด็น
โซนสีน้ำตาล – ปลอดภัย ไม่เปียก
5.โซน Ancuent Egypt (อียิปต์โบราณ) ทาง Universal Studios ทำออกมาได้เหมือนมาก บรรยากาศในเมืองอียิปต์ดีๆ นี่เอง ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้น ของตกแต่งต่างๆ  เครื่องเล่นยอดนิยมในโซนนี้ Revenge of the Mummy เป็นรถไฟวิ่งไปในความมืด หนีการล้างแค้าของมัมมี่ ความน่ากลัวอยู่ที่ไม่รู้ว่ารถไฟกำลังวิ่งไปในทิศทางไหน ข้างในทำเอฟเฟคสวยงาม มีหมอก มีควัน มีถอยหลังตีลังกาด้วย  แนะนำว่าไม่ควรพลาด ใครได้ลองเล่นแล้ว ส่วนมากจะต้องขอเบิ้ลอีกรอบ เครื่องเล่นนี้ต้องฝากของและกล้องถ่ายรูปด้วยนะ
มาถึงเครื่องเล่นแบบเด็กๆ บ้าง Treasure Hunters เป็นรถ Jeep นั่งได้คันละ 4 คน วิ่งไปตามราง เราไม่ต้องขับ ระหว่างทางจะเจอกับสัตว์ร้ายเช่นจระเข้ งู ฝูงแมลงนับร้อยตัว ซาก..เซนเซอร์..บ เครื่องใช้ต่างๆ 1 รอบประมาณ 5 นาที
6.โซนแห่งโลกอนาคต Sci-Fi City  รถไฟเหาะสายสีแดง และสายสีน้ำเงิน สูงเท่ากับตึก 14 ชั้น จัดว่าเป็นเครื่องเล่นที่ต้องมาเล่นให้ได้ เมื่อมา Universal Studios
 Battlestar Galactica HUMAN รถไฟเหาะสายสีแดง เป็นที่นั่งแบบเท้าติดพื้น วิ่งด้วยความเร็วสูงถึง 90 กิโลเมตร/ชม.จะวิ่งผ่านโค้งถึง 14 ชั้น แต่ไม่มีตีลังกา
Battlestar Galactica CYLON รถไฟเหาะสายสีน้ำเงิน นั่งห้อยขา ไม่มีที่วางเท้า วิ่งด้วยความเร็วบนรางโค้ง + ตีลังกา ควงสว่าน หวาดเสียวใช้ได้เลย ก่อนจะเล่นเครื่องเล่นนี้ต้องฝากของที่ Locker ก่อน
 Accelerator เครื่องเล่นรูปถ้วย เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นั่งได้ 2-5 คน จะหมุนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ ไม่น่ากลัวแต่จะเวียนหัวนิดหน่อย รอบนึงประมาณ 5 นาที
7.โซน New York โซนนี้เหมาะที่จะเดินเล่น หามุมถ่ายรูป มีรถคลาสสิค สวยๆ จอดให้ถ่ายรูปอยู่หลายคัน ตึก อาคารบ้านเรือนทำจำลอง สถาปัตยกรรม เหมือนอยู่ในนิวยอร์ค สิ่งที่น่าสนใจในโซนนี้ก็มี Lights, Camera, Action Hosted by Steven Spielberg  เป็นเบื้องหลังการถ่ายทำหนัง เข้าไปที่ห้องแรกจะฉายวีดีโอ Steven Spielberg เค้าจะมาพูดถึงเรื่องเทคนิคการถ่ายทำ มีจอทีวีหลายๆจอเหมือนในกองถ่าย เสร็จแล้วจะเดินไปเข้าห้องที่สอง ห้องนี้เหมือนเหมือนสตูดิโอ ฉากด้านหน้าเป็นเมืองนิวยอร์คที่ฝนกำลังตกหนัก มีลมพัดและละอองน้ำเหมือนจริง มีฟ้าผ่า ไฟไหม้ แท่นที่เรายืนอยู่ก็สั่นได้ด้วย ตอนจนทำเอาทุกคนตะลึงเมื่อเรือลำใหญ่โผล่มาจากไหนไม่รู้จะแล่นมาชมคนดู
ขออภัยที่โชว์นี้ไม่มีรูป เค้าติดป้ายไว้ว่าห้ามถ่ายรูป
ป.ล. ใครอยู่แถวหน้าระวังน้ำกระเด็นนะ
การแสดง The Rockafells เป็นการแสดง Street Entertainment การเต้น B-Boy ทุกคนเต้นเก่งมาก Entertain เป็นมีการชวนคนดูไปเต้นด้วย หนึ่งในนั้นมีคนไทยด้วย ฮาดี เดินเยอะก็เริ่มเหนื่อยและหิว มาดูร้านอาหารในโซนนิวยอร์คดีกว่า ร้านอาหารในโซนนิวยอร์คจะมีร้าน Mel ’s Drive-In เป็นร้านอาหาร อเมริกัน ตกแต่งร้านแนวคลาสสิค ขายแฮมเบอร์, ไส้กรอก, แซนวิช ไก่ ปลา เซตสำหรับ 2 คน ราคา 21.6 SGD ประมาณ 518 บาท ก็ถือว่าไม่แพงมาก
กินข้าวเสร็จก็มาเจอกับโชว์ของร้าน Mel ’s Drive-In
จาก Universal Studios ไปยัง Merlion ตัวใหญ่ให้นั่งอีก 1 สถานีไปลงที่ Imbiah Station ยืนไปประมาณ 2 นาทีก็ถึงแล้ว
Merlion ตัวนี้เป็น Merlion ตัวใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ด้านล่างของ Merlion เป็นร้านอาหาร และขายของที่ระลึก ตรงส่วนหัวเป็นที่ชมวิว ถ้าต้องการขึ้นไปชมวิวเสียค่าขึ้นคนละ 10 SGD  จะมีลิฟท์ขึ้นไปด้านบน สำหรัววิวด้านบนจะมองเห็นทะเลหาด Siloso เวทีแสดง Song of the sea และวิว Resort world บนเกาะ Sentosa
ที่สุดท้ายของเกาะ Sentosa ที่จะพาไปเที่ยวคือหาดซิโลโซ (Siloso beach) เราต้องนั่งรถไฟฟ้าไปอีก 1 สถานี ไปลงที่ Beach Station จากนั้นก็รอรถที่จะไปหาด จริงๆ เดินไปก็ได้นะ ไม่ไกล แต่ในเมื่อมีรถฟรีให้นั่งเราก็นั่งไปดีกว่า ลงสถานี Beach Station ก็เจอกับ สถานที่แสดงโชว์ Song of the Sea ถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน
รถสีม่วงด้านบนเป็นรถพาไปยังท้ายหาด Siloso แล้ววนกลับมาที่เดิม บริการฟรี ลักษณะรถจะคล้ายรถพ่วงมีที่นั่งที่ขบวนหน้า ส่วนขบวนหลังเป็นที่ยืน และที่นั่งแบบไม่มีหลังคา รถวิ่ผ่านเครื่องเล่น iFly Singapore เป็นเครื่องเล่นที่ทำให้เราเหมือนลอยได้ โดยเราจะต้องไปอยู่ในท่อกระจก ใสๆ ขนาดใหญ่ แล้วจะมีลมดันเราลอยขึ้นไป สำหรับค่าเครื่องเล่นอันนี้ ผู้ใหญ่ คนละ 89 SGD เท่านั้น!! (ประมาณ 2,200 บาท)
Luge & Skyride เป็นอีกหนึ่งเครื่องเล่นยอดนิยมของเกาะ Sentosa Luge จะเป็นรถเล็กๆ มีล้อ เราจะนั่งบน Luge แล้ว Luge ก็จะไหลลงมาตามทาง โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก เมื่อลงมาถึงที่สถานีด้านล่างก็นั่ง Skyride ขึ้นไปที่สถานีด้านบนใหม่ บรรยากาศบน Skyride ก็มองเห็นวิวหาด Siloso (มีตั๋วขายที่ Seawheel)
รถจะวิ่งมาจนวิ่งมาจนสุดหาด Silosa ระหว่างทางจะมีป้ายหยุดรถ 3 ป้าย ใครอยากจะลงตรงไหน ก็ลงได้เลยครับ ขากลับก็มารอรถคันใหม่ที่ป้ายเดิม
หาด Siloso ตัวอักษรที่เป็นชื่อหาดจะอยู่ในสุดเลย
ไม่ดู Songs Of The Sea ขากลับจาก เกาะ Sentosa ก็ใช้วิธีเดิมคือนั่งรถไฟรางระหว่างเกาะมาห้าง Vivo City ที่นี้ก็มี Charles and Keith แวะดูอีก
ห้างมุสตาฟา
 ชั้นล่างสุด ลงไปใต้ดิน ขายพวกเสื้อผ้าออกกำลัง รองเท้า และ accesories ต่าง ๆ
ชั้นหนึ่ง ขายพวกนาฬิกา, อุปกรณ์ มือถือ หูฟัง, กล้องถ่ายรูป, CD, DVD, น้ำหอม เครื่องสำอางและ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั้งหลาย แล้วก็มีพวกเครื่องประดับจิวเวลรี่ด้วย
ชั้นสอง ขายพวกสินค้าบริโภค ถั่ว ชอคโกแลต อาหารแห้ง ชา กาแฟ เครื่องดื่ม ผลไม้ ขนมปัง ข้าวสารยังมีเลย ส่วนใหญ่เป็นของแบบแขก พวกของที่ระลึก magnet พวกกุญแจ กระเป๋าถือ กระเป๋าเดินทาง
ชั้นสาม เป็นพวกอุปกรณ์ในครัวเรือน และเครื่องนอน
ส่วนชั้นสี่ ขายพวกหนังสือ อุปกรณ์ hardware ต่าง ๆ ถ้าซื้อพวกของแพงหน่อยที่นี่จะมีใบรับประกันสินค้าให้ด้วย และสามารถขอคืนภาษี GST โดยถ้าซื้อสินค้ารวมบิลแล้วเกิน 100 SGD /1 ใบเสร็จ โดยไปทำเรื่องขอ voucher ได้ที่ชั้นใต้ดิน B2 เอา Passport ไปด้วยนะ แล้วค่อยไปทำเรื่อง stamp ใบเสร็จ และ refund GST ที่สนามบินตอนขากลับ

วันที่ 3
เตรียมเก็บกระเป๋า ไม่รู้ว่าเค้าจะให้เช็คเอาท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ได้หรือป่าวไม่แน่ใจ แต่คิดว่าจะฝากแล้วไปถนน Somemerset ห้าง 313 ไปดู Charles and Keith  เดินเล่น ถนน Orchard อีกถึงประมาณ 16.00น. กลับไปเอากระเป๋าไปสนามบินแล้วก็ไปทำ GST Refund เดินเล่น Duty Free ในสนามบิน รอขึ้นเครื่องตอน 20.40 น.


เมื่อมาถึงสนามบินชางฮี สำหรับเพื่อนๆที่ใช้บีบี ต้องการซื้อซิม StarHub ไว้เล่นบีบี แนะนำให้ซื้อที่สนามบินได้เลยค่ะ ให้สังเกตป้ายนี้เคาน์เตอร์ธนาคาร UOB สามารถซื้อซิมได้ที่นี่ค่ะ
ซิม StarHub ราคา 15 SGD (ประมาณ 368 บ.) เปิดใช้ซิมแล้วจะแถมให้อีก 3 SGD ดังนั้นจะใช้ได้จริง 18 SGD เลยค่ะ
เปิดใช้ซิม: ที่สิงคโปร์เป็น 3G ได้ซิมมาแล้วแกะใส่เครื่อง รอ sms แจ้งข้อความต้อนรับ
จากนั้นสมัครแพคเกจบีบี โดยกด *122# โทรออก
เลือกใช้ BB สำหรับ 3 วัน ราคา 10 SGD (ใช้ BBM, FB, Twitter,internet 50MB)
ที่เหลือ 8 SGD ใช้เป็นค่าโทรได้ตลอด 3-4 วันเลยค่ะ ไม่ว่าจะโทรหากันเองในสิงคโปร์ หรือโทรกลับไทย ถูกมาก
เช็ค Status เงินเหลือได้ที่ กด *131# โทรออก ค่ะ
วิธีการของคืนภาษีค่ะ
1. ซื้อของในร้านค้าที่เข้าร่วม S$ 100 ขี้นไป (ไม่เกิน 3 slip / ร้าน)
2. ตอนจ่ายตังค์ บอกร้านค้าว่าให้ทำ tax refund ให้ด้วย พนักงานร้าน จะออก slip ให้เรา 1 ใบค่ะ มีรายละเอียดสินค้าจำนวนเงิน และ tax ที refund ได้ เก็บเอาไว้
3. เมื่อไปสนามบิน จะมี counter อยู่ทางซ้ายมือ ก่อน check-in ให้ลากกระเป๋าไป ขอ refund tax ก่อน เพราะบางทีเจ้าหน้าที่จะขอดูของ เมื่อไปถึง จนท จะถามว่าของ hand carry หรือ load ในกระเป๋า อย่าลืมเอาเอกสารที่ร้านค้าออกให้ไปด้วย พร้อม passport
ถ้า load ในกระเป๋า จะทำเอกสารให้ตรงนั้น เก็บเอกสารไว้ ไปเอาตังค์ข้างใน หลัง ตม
ถ้า hand carry จนท จะให้เข้าไปทำเอกสารข้างใน หลัง ตม ตรงนี้ จนท จะตรวจสินค้าด้วย เสร็จแล้วไปเอาตังค์ counter ข้าง ๆ กัน ที่เดียวกับ load
ตอนจ่ายเงินซื้อของ ถ้าซื้อเป็นเงินสด จะได้ตังค์คืนเป็นเงินสด
ถ้าเป็นบัตร จะคืนที่บัตร
แต่แล้วแต่ว่า พนง ร้านค้า ออก slip ให้เป็นอะไร บางคนจ่ายเงินสด คืนบัตร บางคนจ่ายบัตร คืนเงินสด ค่ะ
แนะนำให้ไปถึงสนามบินเร็วนิดนึง ไม่งั้นแถว tax refund จะยาวมาก ทั้งข้างใน ข้างนอก
ไม่ยุ่งยาก ได้ตังค์คืนไปshop ต่อในสนามบิน



สวดยอดครับ ช่วยผมได้เยอะเลย ผมขอ Copy ไปเป็นข้อมูลหน่อยนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 เมษายน 2012 20:01:29 โดย อิชิตัน underbrain » บันทึกการเข้า

อิชิตัน underbrain
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,658


มาแว้วววว...คร๊าบบบบบ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 10 เมษายน 2012 19:32:32 »

ใช่ ครับมันมีสิงค์โปร์แฟนคลับครับ  ไปวันไหนอะครับ ผมไปหลังสงกรานต์เนี่ย วันที่ 21 - 24 เนี่ยครับ

ผมไปกันเองไม่มีทัวร์ครับ 14 คนมีเด็กด้วยแต่มันอังกฤษพอได้กันกะไปมั่วๆกันมัน  
สิงค์โปรมันเป็นเกาะเท่าภูเก็ตเนี่ยครับ  มันมีสองเกาะ เกาะแรกเป็นเมือง เกาะที่สองเขาเรียกเซ็นโตซ่า  มีที่เที่ยวมากมายครับ
การไปเที่ยวสิงค์โปรมี ทริปครับ เราสามารถไปเองได้ครับ เขามี Singaporefanclub เข้าไปศึกษาดูครับพี่
สิงค์โปรเขาจะมีรถไฟฟ้าวิ่งรอบเกาะ เราสามารถยืมบัตรรถไฟฟ้าจากเพื่อนๆที่ไปมาแล้วเหลือได้ครับ หรือจะซื้อจากที่กรุงเทพได้เลย น่าจะ 360บาท ต่อวัน ไม่ก็ใช้เดินเอา ผมก็เดินกัน
ส่วนที่พักที่สิงค์โปร์ส่วนมากห้องพักจะพักแบบสองคนเตียงคู่ แบบสามก็มีประหยัดด้วยแต่ต้องค่อยหาในเน็ตครับมันจะมีโปรโมชั่น นอนสามแต่ราคาเท่ากับนอนสอง
ส่วนที่เที่ยวบานเลยจะมีเหมือนดิสนี่แลนด์มั่ง  พี่ผมจองไปและ คนละ 1500 บาท  เล่นกี่ครั้งก็ได้ทั้งวันอยู่ในนั้น  
กระเฉ้าข้ามเกาะ คนละประมาณ 750 ครับ


สรุปนะของผมอะครับพี่ผมจัดการให้หมดเลย
1.ค่าเครื่องบิน 1240 บาทต่อเที่ยว ไปกลับรวมนู้นนี่ ภาษีอะไรประมาณเนี่ย  3200 บาท (Air Asia/ ต้องค่อยหามั่งจะมีโปรถูกๆแต่ต้องจองล่วงน่า)
2.ค่า Passpost ไปทำมาครับ 3 วันได้  1000 บาท ใช้ได้ 5 ปี  ไม่อยากมารับเองก็เสียค่าส่งเพิ่ม 40 บาท
3.ค่าเครื่องเล่น ผ่านประตูทั้งหมดอะ คนละ 1500 บาท
4.ค่าโรงแรมเอาไว้นอน คนละ 1200 ต่อคืน ครับ
5.ค่ากินอะครับ เราเตรียมไปเองครับ แลกจากที่กรุงเทพไปเลยครับ ผมแลกไป 5000 บาท  (อัตราการแลกเห้นพี่ผมบอกว่า 25บาทต่อ 1 เหรียญเขาครับ
พี่รองคำนวนดูว่าไปต้องใช้เท่าไหร่ครับ ผมกำลังจะไปมั่วอีกไม่กี่อาทิตย์นี่แล้ว  ไปพร้อมกันไหม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 เมษายน 2012 19:36:21 โดย อิชิตัน underbrain » บันทึกการเข้า

~ Funky_nu_NoO :
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,930


: ถ้าไม่รีบ ทำไมไม่ออกพรุ่งนี๊ !!!!


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 11 เมษายน 2012 08:43:42 »

เดี๋ยวไล่อ่านก่อน Grin

ไปช่วง มิ.ย. ครับ Smiley
บันทึกการเข้า

TIT
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 885



ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 11 เมษายน 2012 09:30:06 »

ผมไปกับแฟนสองคนไม่ได้ซื้อทัวร์ หาข้อมูลในเนทและซื้อหนังสือมาอ่าน ไปเองไม่ยากครับประเทศนี้ ระบบขนส่งเข้าดีไม่มีหลงแน่ๆ

อันนี้รายละเอียดที่แฟนทำไว้ 3วัน2คืน เผื่อจะมีประโยชบ้างครับ

วันที่ 1
            เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเช็คอินสักประมาณ 4.30 น. ถึงจะทันขึ้นเครื่อง ช่วงเช้าเที่ยวบินเยอะ คิว ตม.ยาว เราเผื่อเวลาไว้หน่อยดีกว่า (เครื่องออก 7.05 น.) ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินนานาชาติชางฮี (Changi Airport) เวลา 10.05 อย่าลืมปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชม.ด้วยนะ เดินไปตามป้าย Arrival ซึ่งจะไปที่เคานเตอร์ของตม.(Immigration) เพื่อตรวจ Passport และลงตราประทับเข้าเมือง โดยเราต้องแสดง 1.Passport 2.ใบ Singapore  Immigration ที่กรอกเรียบร้อยแล้ว 3.ใบยืนยันการจองโรงแรม 4. ตั๋วขาบินกลับ จากนั้นให้ดูประกาศที่บอร์ด จะบอกเลขสายพาน (Belt) ก็ไปรับกระเป๋าเดินทาง ตามหมายเลขที่เค้าบอก เมื่อได้กระเป๋าเรียบร้อยแล้วให้เดินผ่าน ด่านศุกกากรสีเขียว (Customs) หมายความว่า ไม่มีอะไรต้องแสดง หลังจากผ่านศุลกากรมาได้ก็อาจแวะไปตรง Singapore Visitors Centres เพื่อหยิบแผ่นพับ,แผนที่ หรือคูปองส่วนลดต่างๆที่เค้าแจกให้ฟรี จากนั้นก็ไปขึ้นรถไฟฟ้า MRT เข้าเมือง
ไปตามป้ายที่เขียนว่า Train to City ส่วนสายการบินที่จอดที่ Terminal 1&3 นั้นต้องนั่งรถไฟเชื่อมระหว่าง Terminal หรือ Skytrain มายัง Terminal2 แล้วก็แวะเติมเงินบัตร EZ-Link กันก่อนเลย การซื้อถ้าไม่ถึง 50$ ให้ซื้อกับห้องขายตั๋ว (ห้องนี้มีขายทั้ง EZ-Link Card, Net Flash Card และ Singapore Tourist Pass) เที่ยวครั้งนี้  บัตร EZ-Link เติมเงินไปสัก 10 $ (250 บาท) ออกเดินทางจากสนามบินชางฮีสู่ที่พักโดยรถไฟฟ้า MRT สายสีเขียวลงที่ Tenah Menah  เพื่อเปลี่ยนขบวนเข้าเมืองด้วยสายสีเขียวเหมือนเดิมมาลงที่


Exit D ตึก People Park Center ขึ้นไปชั้นสาม หาร้านชื่อ Sea Wheel ป้ายสีเขียวๆ ที่นั่นตั๋วเข้า USS ถูกมาก แล้วก็ตั๋วอื่นๆก็มี  พวก Song of the Sea, Sky Rouge, Singapore Flyer
ถ้า EXIT A เดินตรงไปนิดนึงแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Pagoda St.จะเจอร้านหมูแผ่นชื่อดังอยู่ด้านขวามือ คือ ร้าน Bee Cheng Hiang หมูแผ่นที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราตรงที่ชิ้นจะหนาๆ กว่า แล้วก็ไม่กรอบบาง รสชาติคล้ายๆ กุนเชียง ราคาขายอยู่ที่ 600 กรัม 28$ (700 บาท) หรือซื้อเป็นกิโลจะถูกกว่า คือ กิโลละ 40 $ (1,000 บาท) เดินตรงไปเรื่อยๆ สองข้างทางจะมีร้านขายของมากมาย ราคาถูก สำหรับซื้อไปฝาก อย่างเช่นพวก magnet ขาย 3 อัน 10$ (250 บาท) ถ้าไปซื้อตามสวนสัตว์ สวนนกจะขายอันละ 4.90$ (122.50 บาท) ถูกกว่ากันเยอะเลย   
เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆจะผ่านวัดแขกอยู่ทางขวามือ ชื่อ วัด Sri Mariamman เปิด 2 ช่วงเวลา ทุกวัน คือ 7.00 - 12.00 และ 18.00 - 21.00 น. การถ่ายรูปในวัดจะเสียค่าธรรมเนียมด้วย คือกล้องธรรมดา 3 $(75 บาท) ส่วนกล้องวีดีโอ 6 $ (150 บาท) จากวัดแขกให้เดินไปตามถนน South Bridge จะพบกับ วัดจีน Budha Tooth Relic and Museum  อยู่ทางด้านขวามือ แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นอกจากรูปทรงอาคารภายนอกที่มีความสวยงามตามสถาปัตยกรรมของราชวงศ์ถังแล้ว  สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว (ชั้น 4 ห้ามถ่ายรูป) และพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมพระพุทธรูปและเทพเจ้าต่างๆ ให้สักการะบูชาอีกด้วย เปิด 7.00 - 19.00 น.
จากนั้นให้ขึ้น MRT สายสีม่วงจาก Chaina Town ไปสถานี Dhoby Ghaut เพื่อต่อ MRT สายสีเหลืองไปลงสถานี Esplanade เดินตามป้ายบอกทางไปที่ตึก Suntec เมื่อขึ้นมาที่ทางออกเดินตรงไปเล็กน้อย ขวามือจะเห็นทางเข้า เดินเข้าไปแล้วเจอแยกในตึกเลี้ยวซ้ายเดินตรงต่อไปเรื่อยๆ สุดทางเลยค่ะจะเจอเคาท์เตอร์ค่ะ ตึกที่นี่จะเชื่อมต่อกันค่ะ อย่างที่กระทู้บนแจ้งคือส่วนนี้จะอยู่ที่ตึก 5 ด้านล่างจะเป็นเหมือน shopping mall มี Shop เยอะมากเดินกันเพลินค่ะไปซื้อที่เคาท์เตอร์ขายบัตรได้เลย ไม่ต้องจองล่วงหน้าก็ได้ค่ะ สำหรับ duck ก็มีเวลาวิ่ง น่าจะระยะห่างทุก 1 ชั่วโมง (ไม่แน่ใจ)จะมี duck + flyer / Hippo + flyer ที่ราคา 49 เหรียญ(1,225 บาท) เลือกทำอันไหนก่อนก็ได้ระหว่าง
Singapore Flyer นั้น เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ เปิดบริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008  ใช้เวลาหมุนครบรอบประมาณ 30 นาที ใน 1 ตู้นั้น สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ถึง 28 คน ค่อยๆหมุนขึ้นมาจากด้านล่างชมวิวเมืองสิงคโปร์แบบพาโนรามาได้ 360 องศาจนไปถึงด้านบนสุด ชมวิวกันพอสมควรประมาณ 30 นาทีเปิดบริการ 08.30 - 22.30 น.
จากนั้นลงมาเตรียมตัวไปเที่ยวชมเมืองกับ Duck Tour กันต่อ โดยรถ Duck Tour นี้จะพาชมบนบก 20 นาที ล่องน้ำอีก 40 นาที รวม 1 ชม.เต็มๆ ขึ้นมาแล้วจากหน้า Singapore Flyer ผ่านไปยัง Esplanade Park ศาลฎีกา (Supreme Court) โบสถ์ St .Andrew  Cathedral แล้วก็ลงน้ำกันเลย ดู  Merlion  แบบเต็มๆ อาคารทุเรียน Esplanade  จบจาก Duck Tour เปิด 9.00 – 18.00 น.
ให้เดินหรือหารถเมล์ไปลง City Link Mall ซึ่งเป็นห้างใต้ดิน แวะช็อป Charles and Keith นิดหน่อยก่อนนะ เชื่อมระหว่างสถานี City Hall กับ อาคาร One Raffles Link เดินไปประมาณ 10 นาทีจะไปโผล่ที่หน้าน้ำพุ Fountain of Wealth หรือน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง น้ำพุนี้สร้างตามหลักฮวงจุ้ย มีขั้นตอนการสัมผัสน้ำ คือ ให้ใช้มือขวาสัมผัสน้ำ ระหว่างที่สัมผัสก็ให้อธิษฐาน และเดินตามเข็มนาฬิกาให้ครบ 3 รอบ น้ำพุนี้จะเปิดเป็นรอบมีเวลาดังนี้ 09.00-12.00, 14.30-18.00, 19.00-19.45, 21.30-22.00
จากนั้นก็เดินเล่นแถว Hilex , Marina Bay Merlion 



วันที่ 2
                ตื่นเช้า7.00 น.ไปเดินหาอะไรกินแล้วก็ไป USS โดยนั่ง MRT สายสีเขียว Kallang ไปถึงสถานี Outram Park เพื่อต่อ MRT สายสีม่วงไปลงสถานี  Harbour Front ก็ให้เดินไปตามป้ายบอกทาง Sentosa Express Vivocity L3 เลี้ยวเข้าตึก Vivocity แล้วขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 3 ซื้อบัตรกันก่อนราคาไป-กลับคนละ 3$(75 บาท) เพิ่มเติมอีกนิด ตอนนี้สามารถใช้ บัตร EZ-Link ได้แล้ว เจ้ารถ Sentosa Express ก็เป็นรถไฟฟ้า วิ่งบนรางเชื่อมระหว่างฝั่งสิงคโปร์กับเกาะ Sentosaแล้วก็ลงที่สถานีแรกกันเลยที่สถานี Waterfront Station ลงจาก Sentosa Express แล้วก็ เดินเข้ามาจะมีป้ายบอกทางตามรูป เดินตรงเลี้ยวขวาไปก็จะเจอ เจ้าลูกโลก สัญลักษณ์ของ Universl Studios ลูกโลกนี้หมุนไม่หยุด แล้วก็มีไอเย็นๆ ออกมาด้วย สามารถถ่ายจากมุมไหนก็ได้ เคาน์เตอร์ขายตั๋วสำหรับผู้ที่ Walk-in เข้ามาซื้อเลย ก่อนเข้าชมด้านใน เราก็ต้องดูแผนที่คร่าวๆ และรอบการแสดงของแต่ละโชว์ไว้ก่อน ว่าโซนอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ตอนกี่โมง จะได้วางแผนถูก
TIP.
ก่อนที่จะเข้าไปยังโซนเครื่องเล่น ผมขอแนะนำเทคนิคที่ทำให้เล่นเครื่องเล่นได้เร็วขึ้น ไม่ต้องต่อแถวนาน เกือบทุกเครื่องเล่นจะมีแถว Single Rider สำหรับคนที่มาคนเดียว หรือไม่จำเป็นจะต้องนั่งคู่กับใคร โดยปกติแล้วเมื่อเครื่องเล่นมา เค้าจะจัดคนแถวหลักเข้าไปนั่ง แล้วเหลือเศษ 1-2 เค้าก็จะเอาแถวของ Single Rider เข้าไปเติมเต็ม และแถว Single Rider คนจะมีไม่เยอะ ทำให้ได้เล่นเครื่องเล่นเร็วกว่าแถวปกติ
เอาโปรโมชั่นใหม่จาก USS มาฝากครับ ลด 10-15% จากราคาปกติ เพียงนำ Boarding Pass ของสายการบินต่อไปนี้ไปซื้อตั๋ว ที่ Counter Universal Studios Singapore
- สายการบิน Air asia ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 31 October 2011 ลด 10-15%
- สายการบิน Garuda Indonesia ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 May 2011 – 31 August 2011 ลด 10%
- สายการบิน Jet Airways ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 July 2011 – 31 October 2011 ลด 10%
- สายการบิน Thai ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 July 2011 – 30 September 2011 ลด 10%
- สายการบิน Philippine Airlines ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 30 October 2011 ลด 10%
- สายการบิน Cathay Pacific ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 August 2011 – 18 November 2011 ลด 10%
เงื่อนไข
1. ซื้อตั๋วที่ทางเข้า USS
2. ใช้ Boarding Pass คู่กับ Passport ในการซื้อตั๋ว
3. 1  Boarding Pass ใช้ได้ 1 สิทธิ
4. โปรฯ ใช้ไม่ได้ในวัน BLACK-OUT DATES (วันหยุดเทศกาล)
รอบๆ สวนสนุกจะมีบริการ Locker ให้เช่าเก็บกระเป๋าสัมภาระชั่วโมงละ 4 $ หลังจากผ่านประตูเข้ามาแล้ว
1.โซนแรก  Hollywood โซนนี้เป็นโซนของร้านอาหาร ร้านค้าของที่ระลึกต่างๆ  จากโซน Hollywood
2.โซน Madagascar ครื่องเล่นในโซนนี้
 Madagascar : A Creat Adventure ล่องเรือไปกับ Alex, Marty, Melman และ Gloria เราจะต้องนั่งในเรือลำนึงก็ประมาณ 20-30 คน เรือก็จะไหลไปตามทางน้ำไหล ผ่านผืนป่ามาดากาสการ์ ในหนังภาคที่ 1 ข้างในสว่าง ไม่น่ากลัว เหมาะสำหรับเด็กๆ
King Julien ’s Beach Party-Go-Round ม้าหมุนสัตว์ชนิดต่างๆ ริมชายหาดจำลอง เหมือนจะเป็นของเล่นเด็กเล็ก แต่ก็แอบเห็นผู้ใหญ่มาเล่นเหมือนกัน
การแสดง King Jullien's Beach Party-Go-Round เหล่าดาราจากการ์ตูนเรื่อง Madagascar ออกมา Dance กระจาย
3.โซนแห่งเทพนิยาย ปราสาท Far Far Away เมื่อเดินเข้ามาในโซนนี้แล้วจะพบกับ
เครื่องเล่นชิ้นแรกด้านขวามือเลย เรียกว่า Enchanted Airways รถไฟเหาะขนาดย่อมๆ 
ทีเด็ดของโซนนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาดกับ การชมหนัง 4 มิติเรื่อง Shrek ตอนแรกเราจะเข้าไปอยู่ในห้องแรก เล่าเรื่องโดยกระจกวิเศษ หมูสามตัวที่อยู่ในกล่อง ให้เรายืนฟัง เป็นการเกริ่นเรื่อง อาจจไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ แต่อย่างเพิ่งออกนะ พอเกริ่นเสร็จจะเข้าไปในส่วนโรงหนัง 4Dเนื้อเรื่องจะเป็นตอนที่เจ้าหญิง Fiona ถูกจับตัวไป แล้ว Shrek เข้าไปช่วย คนดูต้องสวมแว่นตาสามมิติด้วย เมื่อใส่แว่นแล้ว ภาพจะเหมือนยื่นมาใกล้ตัวเรา มิติที่ 4 ของหนังเรื่องนี้อยู่ที่เก้าอี้ขยับได้ ในฉากที่ Shrek ควบม้า เก้าอี้จะโยกตามไปด้วย มีลมพัดมาจริง มีละอองน้ำ ทำให้เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ หนังเรื่องนี้ตื่นเต้นสุดตอนที่แมงมุมออกมา แนะนำว่าไม่ควรพลาด ดูจบแล้วให้ 10 เต็มไปเลย เจ๋งมากๆ ก่อนเข้าดูหนังเรื่องนี้เก็บโทรศัพท์ และกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงไว้ดีๆ นะ ระวังจะร่วงหล่นหาย
ออกมาก็จะเข้ามายังด้านในร้านขายของที่ระลึก
 จะมีของเล่นสำหรับเด็กเล็กเป็นชิงช้าสวรรค์ Magic Potion Spin
4.โซน แฟนๆ ไดโนเสาร์บริเวณด้านหน้า Food Court เป็นลานน้ำพุและรูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดเท่าของจริงประตูทางเข้า Jurassic Park สู่เครื่องเล่นมากมาย เริ่มแรกทางด้านซ้ายมือ
ล่องแก่ง  Jurassic Park Rapids Adventure เครื่องเล่นนี้รอคิวนานหน้า เทคนิคที่จะได้เล่นเร็วขึ้นก็คือ เข้าแถว Single Rider Lane แต่ก็ต้องทำใจหน่อยว่าคงไม่ได้เล่นพร้อมกับเพื่อน เครื่องเล่นนี้มีสิทธิ์เปียกสูง แนะนำให้ใส่เสื้อกันฝนเตรียมไว้เลย หากไม่มีให้ซื้อเอาที่ทางเข้า ราคา 2 SGD เข้าไปด้านในจะเป็นทางน้ำให้ล่องแก่ง เข้าไปในดินแดน Jurassic Park มีไดโนเสาร์อยู่ 2 ข้างทาง เราจะอยู่บนเครื่องทรงกลมคล้ายถ้วย นั่งได้ 8 คน น้ำจะไหลพาเราไปเขาตึกมืดๆ แล้วก็ออกมา แล้วก็ตกด้านล่าง แล้วแต่ดวงครับว่าฝั่งไหนจะเปียก น่าจะคล้ายกับ Grand canyon ที่ Dream world บ้านเรา
 Canopy Flyer เป็นที่นั่งแบบห้อยขา นั่งเป็นคู่ 2 คู่นั่งหันหลังชนกัน กระเช้าจะเคลื่อนที่ พาชมวิวในโซน The Lost World เลื่อนไปตามราง เหมาะสำหรับชมวิว ชิลๆ ไม่น่ากลัว ใครที่หอบของไป แล้วอยากจะเล่นเครื่อง กลัวว่าจะไม่สะดวก เค้ามีที่ให้ฝากของด้วยครับ เป็นล๊อคเกอร์สีเหลือง มีอยู่ทุกโซน
วิธีใช้ตู้ล๊อคเกอร์ ใส่ วัน/เดือน/ปี เกิด + สีที่ชอบ ที่เครื่องคอมพิวเตอร์สีเขียว แล้วจำเวลาที่ฝากได้ฟรีว่าถึงกี่โมง ฝากได้ฟรี 30 นาที เกินกว่านั้นก็เสียตังค์ตามเวลาที่เกิน อย่าลืมเอากระเป๋าตังค์ออกจากล๊อคเกอร์ด้วยนะ เอาไว้หยอดค่าล๊อคเกอร์ ส่วนมากจะเสียตังค์ค่าฝากกันทั้งนั้น กว่าจะรอเครื่องเล่น กว่าจะได้เล่น ก็เกิน 30 นาทีแล้ว และที่สำคัญอีกอย่าง ตู้ล๊อคเกอร์นี้ไม่ทอนเงินนะ พยายามหยอดเงินให้พอดีจะได้ไม่เสียตังค์ไปเปล่าๆ
ในโซน The Lost World จะมีโชว์อยู่ 1 โชว์ ชื่อ WaterWorld เป็นการแสดงโชว์สตั๊นแมน (Stunts) เปิดแสดงเพียง 2 รอบ คนมาดูเยอะมาก แนะนำให้ไปก่อนเวลาแสดง อย่างน้อย 15 นาที  โชว์ชุดนี้ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
โซนที่นั่งของ WaterWorld จะแบ่งเป็นสี ต้องเลือกนั่งให้ดีนะ
โซนสีฟ้า – นั่งโซนนี้เปียกแน่นอน   
โซนสีเขียว – เปียก แต่ไม่มาก ประมาณน้ำกระเด็น
โซนสีน้ำตาล – ปลอดภัย ไม่เปียก
5.โซน Ancuent Egypt (อียิปต์โบราณ) ทาง Universal Studios ทำออกมาได้เหมือนมาก บรรยากาศในเมืองอียิปต์ดีๆ นี่เอง ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้น ของตกแต่งต่างๆ  เครื่องเล่นยอดนิยมในโซนนี้ Revenge of the Mummy เป็นรถไฟวิ่งไปในความมืด หนีการล้างแค้าของมัมมี่ ความน่ากลัวอยู่ที่ไม่รู้ว่ารถไฟกำลังวิ่งไปในทิศทางไหน ข้างในทำเอฟเฟคสวยงาม มีหมอก มีควัน มีถอยหลังตีลังกาด้วย  แนะนำว่าไม่ควรพลาด ใครได้ลองเล่นแล้ว ส่วนมากจะต้องขอเบิ้ลอีกรอบ เครื่องเล่นนี้ต้องฝากของและกล้องถ่ายรูปด้วยนะ
มาถึงเครื่องเล่นแบบเด็กๆ บ้าง Treasure Hunters เป็นรถ Jeep นั่งได้คันละ 4 คน วิ่งไปตามราง เราไม่ต้องขับ ระหว่างทางจะเจอกับสัตว์ร้ายเช่นจระเข้ งู ฝูงแมลงนับร้อยตัว ซาก..เซนเซอร์..บ เครื่องใช้ต่างๆ 1 รอบประมาณ 5 นาที
6.โซนแห่งโลกอนาคต Sci-Fi City  รถไฟเหาะสายสีแดง และสายสีน้ำเงิน สูงเท่ากับตึก 14 ชั้น จัดว่าเป็นเครื่องเล่นที่ต้องมาเล่นให้ได้ เมื่อมา Universal Studios
 Battlestar Galactica HUMAN รถไฟเหาะสายสีแดง เป็นที่นั่งแบบเท้าติดพื้น วิ่งด้วยความเร็วสูงถึง 90 กิโลเมตร/ชม.จะวิ่งผ่านโค้งถึง 14 ชั้น แต่ไม่มีตีลังกา
Battlestar Galactica CYLON รถไฟเหาะสายสีน้ำเงิน นั่งห้อยขา ไม่มีที่วางเท้า วิ่งด้วยความเร็วบนรางโค้ง + ตีลังกา ควงสว่าน หวาดเสียวใช้ได้เลย ก่อนจะเล่นเครื่องเล่นนี้ต้องฝากของที่ Locker ก่อน
 Accelerator เครื่องเล่นรูปถ้วย เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นั่งได้ 2-5 คน จะหมุนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ ไม่น่ากลัวแต่จะเวียนหัวนิดหน่อย รอบนึงประมาณ 5 นาที
7.โซน New York โซนนี้เหมาะที่จะเดินเล่น หามุมถ่ายรูป มีรถคลาสสิค สวยๆ จอดให้ถ่ายรูปอยู่หลายคัน ตึก อาคารบ้านเรือนทำจำลอง สถาปัตยกรรม เหมือนอยู่ในนิวยอร์ค สิ่งที่น่าสนใจในโซนนี้ก็มี Lights, Camera, Action Hosted by Steven Spielberg  เป็นเบื้องหลังการถ่ายทำหนัง เข้าไปที่ห้องแรกจะฉายวีดีโอ Steven Spielberg เค้าจะมาพูดถึงเรื่องเทคนิคการถ่ายทำ มีจอทีวีหลายๆจอเหมือนในกองถ่าย เสร็จแล้วจะเดินไปเข้าห้องที่สอง ห้องนี้เหมือนเหมือนสตูดิโอ ฉากด้านหน้าเป็นเมืองนิวยอร์คที่ฝนกำลังตกหนัก มีลมพัดและละอองน้ำเหมือนจริง มีฟ้าผ่า ไฟไหม้ แท่นที่เรายืนอยู่ก็สั่นได้ด้วย ตอนจนทำเอาทุกคนตะลึงเมื่อเรือลำใหญ่โผล่มาจากไหนไม่รู้จะแล่นมาชมคนดู
ขออภัยที่โชว์นี้ไม่มีรูป เค้าติดป้ายไว้ว่าห้ามถ่ายรูป
ป.ล. ใครอยู่แถวหน้าระวังน้ำกระเด็นนะ
การแสดง The Rockafells เป็นการแสดง Street Entertainment การเต้น B-Boy ทุกคนเต้นเก่งมาก Entertain เป็นมีการชวนคนดูไปเต้นด้วย หนึ่งในนั้นมีคนไทยด้วย ฮาดี เดินเยอะก็เริ่มเหนื่อยและหิว มาดูร้านอาหารในโซนนิวยอร์คดีกว่า ร้านอาหารในโซนนิวยอร์คจะมีร้าน Mel ’s Drive-In เป็นร้านอาหาร อเมริกัน ตกแต่งร้านแนวคลาสสิค ขายแฮมเบอร์, ไส้กรอก, แซนวิช ไก่ ปลา เซตสำหรับ 2 คน ราคา 21.6 SGD ประมาณ 518 บาท ก็ถือว่าไม่แพงมาก
กินข้าวเสร็จก็มาเจอกับโชว์ของร้าน Mel ’s Drive-In
จาก Universal Studios ไปยัง Merlion ตัวใหญ่ให้นั่งอีก 1 สถานีไปลงที่ Imbiah Station ยืนไปประมาณ 2 นาทีก็ถึงแล้ว
Merlion ตัวนี้เป็น Merlion ตัวใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ด้านล่างของ Merlion เป็นร้านอาหาร และขายของที่ระลึก ตรงส่วนหัวเป็นที่ชมวิว ถ้าต้องการขึ้นไปชมวิวเสียค่าขึ้นคนละ 10 SGD  จะมีลิฟท์ขึ้นไปด้านบน สำหรัววิวด้านบนจะมองเห็นทะเลหาด Siloso เวทีแสดง Song of the sea และวิว Resort world บนเกาะ Sentosa
ที่สุดท้ายของเกาะ Sentosa ที่จะพาไปเที่ยวคือหาดซิโลโซ (Siloso beach) เราต้องนั่งรถไฟฟ้าไปอีก 1 สถานี ไปลงที่ Beach Station จากนั้นก็รอรถที่จะไปหาด จริงๆ เดินไปก็ได้นะ ไม่ไกล แต่ในเมื่อมีรถฟรีให้นั่งเราก็นั่งไปดีกว่า ลงสถานี Beach Station ก็เจอกับ สถานที่แสดงโชว์ Song of the Sea ถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน
รถสีม่วงด้านบนเป็นรถพาไปยังท้ายหาด Siloso แล้ววนกลับมาที่เดิม บริการฟรี ลักษณะรถจะคล้ายรถพ่วงมีที่นั่งที่ขบวนหน้า ส่วนขบวนหลังเป็นที่ยืน และที่นั่งแบบไม่มีหลังคา รถวิ่ผ่านเครื่องเล่น iFly Singapore เป็นเครื่องเล่นที่ทำให้เราเหมือนลอยได้ โดยเราจะต้องไปอยู่ในท่อกระจก ใสๆ ขนาดใหญ่ แล้วจะมีลมดันเราลอยขึ้นไป สำหรับค่าเครื่องเล่นอันนี้ ผู้ใหญ่ คนละ 89 SGD เท่านั้น!! (ประมาณ 2,200 บาท)
Luge & Skyride เป็นอีกหนึ่งเครื่องเล่นยอดนิยมของเกาะ Sentosa Luge จะเป็นรถเล็กๆ มีล้อ เราจะนั่งบน Luge แล้ว Luge ก็จะไหลลงมาตามทาง โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก เมื่อลงมาถึงที่สถานีด้านล่างก็นั่ง Skyride ขึ้นไปที่สถานีด้านบนใหม่ บรรยากาศบน Skyride ก็มองเห็นวิวหาด Siloso (มีตั๋วขายที่ Seawheel)
รถจะวิ่งมาจนวิ่งมาจนสุดหาด Silosa ระหว่างทางจะมีป้ายหยุดรถ 3 ป้าย ใครอยากจะลงตรงไหน ก็ลงได้เลยครับ ขากลับก็มารอรถคันใหม่ที่ป้ายเดิม
หาด Siloso ตัวอักษรที่เป็นชื่อหาดจะอยู่ในสุดเลย
ไม่ดู Songs Of The Sea ขากลับจาก เกาะ Sentosa ก็ใช้วิธีเดิมคือนั่งรถไฟรางระหว่างเกาะมาห้าง Vivo City ที่นี้ก็มี Charles and Keith แวะดูอีก
ห้างมุสตาฟา
 ชั้นล่างสุด ลงไปใต้ดิน ขายพวกเสื้อผ้าออกกำลัง รองเท้า และ accesories ต่าง ๆ
ชั้นหนึ่ง ขายพวกนาฬิกา, อุปกรณ์ มือถือ หูฟัง, กล้องถ่ายรูป, CD, DVD, น้ำหอม เครื่องสำอางและ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั้งหลาย แล้วก็มีพวกเครื่องประดับจิวเวลรี่ด้วย
ชั้นสอง ขายพวกสินค้าบริโภค ถั่ว ชอคโกแลต อาหารแห้ง ชา กาแฟ เครื่องดื่ม ผลไม้ ขนมปัง ข้าวสารยังมีเลย ส่วนใหญ่เป็นของแบบแขก พวกของที่ระลึก magnet พวกกุญแจ กระเป๋าถือ กระเป๋าเดินทาง
ชั้นสาม เป็นพวกอุปกรณ์ในครัวเรือน และเครื่องนอน
ส่วนชั้นสี่ ขายพวกหนังสือ อุปกรณ์ hardware ต่าง ๆ ถ้าซื้อพวกของแพงหน่อยที่นี่จะมีใบรับประกันสินค้าให้ด้วย และสามารถขอคืนภาษี GST โดยถ้าซื้อสินค้ารวมบิลแล้วเกิน 100 SGD /1 ใบเสร็จ โดยไปทำเรื่องขอ voucher ได้ที่ชั้นใต้ดิน B2 เอา Passport ไปด้วยนะ แล้วค่อยไปทำเรื่อง stamp ใบเสร็จ และ refund GST ที่สนามบินตอนขากลับ

วันที่ 3
เตรียมเก็บกระเป๋า ไม่รู้ว่าเค้าจะให้เช็คเอาท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ได้หรือป่าวไม่แน่ใจ แต่คิดว่าจะฝากแล้วไปถนน Somemerset ห้าง 313 ไปดู Charles and Keith  เดินเล่น ถนน Orchard อีกถึงประมาณ 16.00น. กลับไปเอากระเป๋าไปสนามบินแล้วก็ไปทำ GST Refund เดินเล่น Duty Free ในสนามบิน รอขึ้นเครื่องตอน 20.40 น.


เมื่อมาถึงสนามบินชางฮี สำหรับเพื่อนๆที่ใช้บีบี ต้องการซื้อซิม StarHub ไว้เล่นบีบี แนะนำให้ซื้อที่สนามบินได้เลยค่ะ ให้สังเกตป้ายนี้เคาน์เตอร์ธนาคาร UOB สามารถซื้อซิมได้ที่นี่ค่ะ
ซิม StarHub ราคา 15 SGD (ประมาณ 368 บ.) เปิดใช้ซิมแล้วจะแถมให้อีก 3 SGD ดังนั้นจะใช้ได้จริง 18 SGD เลยค่ะ
เปิดใช้ซิม: ที่สิงคโปร์เป็น 3G ได้ซิมมาแล้วแกะใส่เครื่อง รอ sms แจ้งข้อความต้อนรับ
จากนั้นสมัครแพคเกจบีบี โดยกด *122# โทรออก
เลือกใช้ BB สำหรับ 3 วัน ราคา 10 SGD (ใช้ BBM, FB, Twitter,internet 50MB)
ที่เหลือ 8 SGD ใช้เป็นค่าโทรได้ตลอด 3-4 วันเลยค่ะ ไม่ว่าจะโทรหากันเองในสิงคโปร์ หรือโทรกลับไทย ถูกมาก
เช็ค Status เงินเหลือได้ที่ กด *131# โทรออก ค่ะ
วิธีการของคืนภาษีค่ะ
1. ซื้อของในร้านค้าที่เข้าร่วม S$ 100 ขี้นไป (ไม่เกิน 3 slip / ร้าน)
2. ตอนจ่ายตังค์ บอกร้านค้าว่าให้ทำ tax refund ให้ด้วย พนักงานร้าน จะออก slip ให้เรา 1 ใบค่ะ มีรายละเอียดสินค้าจำนวนเงิน และ tax ที refund ได้ เก็บเอาไว้
3. เมื่อไปสนามบิน จะมี counter อยู่ทางซ้ายมือ ก่อน check-in ให้ลากกระเป๋าไป ขอ refund tax ก่อน เพราะบางทีเจ้าหน้าที่จะขอดูของ เมื่อไปถึง จนท จะถามว่าของ hand carry หรือ load ในกระเป๋า อย่าลืมเอาเอกสารที่ร้านค้าออกให้ไปด้วย พร้อม passport
ถ้า load ในกระเป๋า จะทำเอกสารให้ตรงนั้น เก็บเอกสารไว้ ไปเอาตังค์ข้างใน หลัง ตม
ถ้า hand carry จนท จะให้เข้าไปทำเอกสารข้างใน หลัง ตม ตรงนี้ จนท จะตรวจสินค้าด้วย เสร็จแล้วไปเอาตังค์ counter ข้าง ๆ กัน ที่เดียวกับ load
ตอนจ่ายเงินซื้อของ ถ้าซื้อเป็นเงินสด จะได้ตังค์คืนเป็นเงินสด
ถ้าเป็นบัตร จะคืนที่บัตร
แต่แล้วแต่ว่า พนง ร้านค้า ออก slip ให้เป็นอะไร บางคนจ่ายเงินสด คืนบัตร บางคนจ่ายบัตร คืนเงินสด ค่ะ
แนะนำให้ไปถึงสนามบินเร็วนิดนึง ไม่งั้นแถว tax refund จะยาวมาก ทั้งข้างใน ข้างนอก
ไม่ยุ่งยาก ได้ตังค์คืนไปshop ต่อในสนามบิน



สวดยอดครับ ช่วยผมได้เยอะเลย ผมขอ Copy ไปเป็นข้อมูลหน่อยนะครับ

จัดไปครับ
บันทึกการเข้า
bank-cz
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,176


ตัวเวณกรรมความลับจากสวรรค์


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 11 เมษายน 2012 10:02:59 »

 ตรบมือ
บันทึกการเข้า

4ทุ่มท่าพระ MAI SET OOP TUNING  ไก่ชิม
ก็แค่ NA ..สงสัย.ให้ถาม.อย่าเดา.

オーナードライバー จัดได้ทุกที่ WHITE RACE...
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!