อ้างอิงจากเอกสาร
http://www.dede.go.th/dede/images/stories/file/executive_summary.pdfผมมองว่าเอกสารเป็นการทดลองอุปกรณ์ที่ทางผู้เขียนเอกสารสร้างขึ้นมามากกว่าครับ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือทางวิชาการนะครับ (งานทางวิชาการต้องมีการทบทวนวรรณกรรม และต้องมีเอกสารอ้างอิงครับผม)
ผมไม่แน่ใจว่า FFV ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีกี่วิธี แต่ที่ผมทราบเกียวกับการเพิ่มปริมาณเชื้อเพลิงตอนนี้มี 2 วิธีครับ
1. เพิ่มระยะเวลาในการฉีดน้ำมันให้นานขึ้น โดยใช้หัวฉีดน้ำมันเดิม
2. ใช้เวลาในการฉีดน้ำมันเท่าเดิม แต่เพิ่มขนาดของหัวฉีดให้สามารถฉีดน้ำมันได้มากขึ้น
ซึ่งทั้งสองวิธีมีทั้งข้อดี และข้อเสียครับ
อย่างเช่นในข้อ 1 สามารถใช้อุปกรณ์หัวฉีดเดิมของรถได้ ส่วนในข้อ 2 คงต้องซื้อหัวฉีดใหม่
ถ้าข้อความของผมขัดใจใครผมต้องขอโทษด้วยนะครับ
เรื่องการทดสอบ ผมไม่ขอออกความเห็นครับ Paper ที่ทำมา ก็อ่านไม่ค่อยเข้าใจ อาจจะทำจริง ๆ แต่ Visualization ไม่ดี ที่มาที่ไปไม่อธิบาย ควรเลือก Sample ที่มีอยู่จริง
และใช้วิธีการพื้น ๆ ที่เข้าใจได้ง่าย ตัวเลขเยอะ ควรเอาไว้ดูเอง แล้ว Summarize ออกมาให้ได้เนื้อจริง ๆ 1-2 แผ่น เป็นตาราง มี Rating เปรียบเทียบ ก็เพียงพอ
ส่วนการดัดแปลงเป็น FFV ทั้งสองวิธี นั้นไม่ได้พูดถึงในกรณี ที่จะต้องจูนปรับแต่งองศาไฟจุดระเบิดใหม่
ถ้าไม่ได้ปรับไฟจุดระเบิด
1. วิธีแรก: การยืดเวลาหัวฉีด มีความเสี่ยงที่จะยืดจนเต็ม 100% Duty แล้ว A/F ยังบางอยู่ครับ
2. วิธีที่สอง: หัวฉีดเปลี่ยนใหญ่เคยไป จูนควบคุมลำบาก
เอา 1+2 ลงตัวที่สุดครับ คือ เปลี่ยนหัวฉีดไม่ใหญ่จนเกินไป แล้วจูนยืดระยะเวลาฉีด หรือ ลดเวลาฉีดลง ในกรณีที่บางจุด A/F หนาไป
แต่ประเด็นสำคัญคือ เมื่อปรับองศาจุดระเบิดใหม่ ให้เรียกแรงม้า และแรงบิด จำเป็นจะต้องปรับ A/F ใหม่ด้วย โดยมีแนวโน้ว จะต้องจ่ายน้ำมันมากขึ้น
ซึ่งวิธีการ ไม่เปลี่ยนหัวฉีด จะทำให้มีปัญหาตามมาครับ
** ไหน ๆ ก็จะทำ E85 แล้ว ผมสนับสนุน ให้ทำรถให้แรงขึ้นไปเลยครับ จะได้คุ้ม ๆ กับการลงมือเปลี่ยนระบบเชื่อเพลิงครับ
อย่ามองแค่ทดแทน เพราะ E85 มันได้มากกว่าคำว่า "ทดแทน"