ดำรงค์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เฉียบขาดระดม จนท.ป่าไม้ทั่วประเทศกว่า 3 พันนาย บุกจู่โจมลุยรื้อทะเลหมอกรีสอร์ท ที่รุกพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ขณะเจ้าของรีสอร์ทเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท ด้านอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติไม่หวั่น เย้ยชาติหน้าถึงมาใช้คืน จากกรณีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่บุกรีสอร์ท์เพื่อยึดป่าไม้คืน ซึ่งเริ่มในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี นั้น ล่าสุด
เมื่อวันที่ 28 ก.ค.เวลา 01.00 น. มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั่วประเทศประมาณ 3,000 นาย ทยอยไปรวมตัวอยู่ที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ก่อนรับคำสั่งจาก นายดำรง พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าทำการรื้อถอนรีสอร์ทผิดกฎหมายที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ในเขตรอยต่อ จ.ปราจีนบุรี และ จ.นครราชสีมา จำนวน 9 แห่ง ที่ศาลมีคำสั่งให้รื้อถอน ซึ่งรีสอร์ทดังกล่าวอยู่ในเขต อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จำนวน 7 แห่ง และอยู่ในเขต อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี จำนวน 2 แห่ง ซึ่งในจำนวน 2 แห่ง นี้ มีรีสอร์ทหรู คือบ้านทะเลหมอก ซึ่งเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ มีห้องพักไม่ต่ำกว่า 200 ห้อง
ทั้งนี้ ขณะที่มีการเคลื่อนกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้จู่โจมเข้ารื้อถอนของเจ้าหน้า ได้มีการต่อต้านจากผู้ประกอบการและกลุ่มมวลชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ๆ ทำงานในรีสอร์ท โดยมีกลุ่มชาวบ้านประมาณ 30 คน นำยางรถยนต์มาจุดไฟเผาขวางเส้นทางที่จะขึ้นรีสอร์ทบ้านทะเลหมอก และอีกส่วนหนึ่งกว่า 100 คนก่อนถึงรีสอร์ท โดยการนำรถยนต์มาจอดขวางทาง พร้อมทั้งตรวจตรารถที่จะผ่านเข้า-ออก ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ๆ แบ่งออกเป็น 9 ชุด ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่รีสอร์ท
ด้าน นายดำรง พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นำเครื่องจักรกลหนักทั้ง รถแบ็กโฮ ตีนตะขาบ เข้าทำลายทันที ทั้งที่ขณะนั้น นายสมชาย เพ็ญป้อนกุล และนางวไลลักษณ์ วิชชาบุญศิริ เจ้าของรีสอร์ทะเลหมอก พยายามที่จะเข้ามาชี้แจงกับ นายดำรง และนำหนังสือที่ขออนุญาตเข้าไปดำเนินกิจการท่องเที่ยวเมื่อครั้ง นายดำรง เป็นรองอธิบดีกรมป่าไม้ รักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ มาให้ดู แต่นายดำรง ก็ยืนยันคำสั่งรื้อถอน โดยนายดำรง ย้ำว่า การเข้ารื้อรีสอร์ท บ้านทะเลหมอก และรีสอร์ทอื่นๆ เป็นการทำหน้าที่ตามคำสั่งศาล ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งใคร เมื่อบุกรุกก็ต้องเอาที่ดินคืน นางวไลลักษณ์ กล่าวด้วยว่า ระหว่างมีการบุกเข้ารื้อถอนอยู่นั้น ได้มีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งคน ขับรถฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ออกไปจากบริเวณรีสอร์ท ซึ่งนักท่องเที่ยวดังกล่าวเดินทางมาจาก จ.กาญจนบุรี เพื่อพักผ่อนในรีสอร์ท ซึ่งเป็นครอบครัวเดียวที่ยังพักอยู่วันนี้
นายสมชาย เพ็ญป้อนกุล เจ้าของรีสอร์ทะเลหมอก กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวซื้อต่อมาจากชาวบ้านที่หลักฐานแสดงชัดเจน จนมารู้ภายหลังว่าอยู่ในพื้นที่อุทยานที่มีการผ่อนปรน ไม่ได้อยู่เลยเขตอุทยาน ซึ่งต่อมาได้มีการตรวจความเป็นมาถึงเรื่องการก่อสร้างอาคาร ต่อมาอธิบดีเก่าแนะนำว่าให้รีบมอบอาคารให้กรมป่าไม้ เพื่อจะได้มีการพิจารณาให้เช่า และจะไม่บังคับคดีต่อ โดยจะไม่ใช้ มาตรา 22 ในการรื้อถอน แต่หลังจากที่ นายดำรง มาเป็นอธิบดี กลับยกเลิกทั้งหมดพร้อมกับอ้างคำสั่งศาลถึงที่สุด ไม่ยอมรับพิจารณาที่ผู้ประกอบการยื่นศาลปกครองให้ไต่สวนฉุกเฉินเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 55 และนัดฟังคดีวันที่ 14 ส.ค.55 แต่ก็มาถูกรื้อถอนดังกล่าว ทั้งนี้ จะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากกรมอุทยานฯ รวมค่าเสียหายและค่าเสียโอกาสทั้งหมดประมาณ 500 ล้านบาท และฟ้องร้องผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่ นายดำรงค์ ให้สัมภาษณ์ว่า การดำเนินการรื้อถอนทะเลหมอกรีสอร์ทเป็นการดำเนินการตามคำสั่งศาลที่คดีถึงที่สุดแล้ว และที่ผ่านมาก็เปิดโอกาสให้เจ้าของรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศสู้คดีจนถึงที่สุด เมื่อถามว่าเจ้าของทะเลหมอกรีสอร์ทจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกรมอุทยานฯ 500 ล้านบาท นายดำรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้คดีสิ้นสุดแล้ว แม้ว่าจะเป็นแค่ศาลชั้นต้น แต่จำเลยไม่อุทธรณ์และไม่ฟ้องศาลปกครองตามเวลาที่กำหนด และถึงแม้ฟ้องแล้วแต่ศาลก็ยังไม่ได้มีคำสั่งใดๆ ออกมา ส่วนที่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 500 ล้านนั้น ชาติหน้าถึงมาใช้คืน
อ้างอิง >>>
http://goo.gl/2fx73