เห็นบทความดีๆ เลยคัดลอกมาให้อ่านกันครับ
-----------------------------------
ทัศนวิสัยที่ดีทำให้ห่างไกลอุบัติเหตุ หน้าฝนก็ย่างกรายเข้ามาบ้านเราแล้ว ช่วงนี้ฝนก็ตกแทบจะทุกเย็น การขับรถยามฝนตกมักมีปัญหาหลายอย่าง ทำให้ไม่สามารถ ขับขี่ด้วยความรวดเร็ว และยังมีส่วนเกี่ยวข้อง กับเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งเกิดจากสภาพเส้นทาง ที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ อาจะทำให้ เห็นผิวถนนไม่ชัดเจน และยังเกิดการลื่นไถล เสียหลักได้ง่าย ที่สำคัญที่สุด คงเป็นเรื่องของทัศนวิสัย จากสายฝนที่ตกลงมาเป็นม่านบัง และน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามกระจกหน้ารถของเรา
นิสัยของคนบ้านเรา มีอยู่ไม่น้อยที่เกิดความประมาท เห็นว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นเรื่องเล็กน้อย จึงไม่มีการเตรียมตัว ล่วงหน้า มักปล่อยให้อะไรต่อมิอะไรมันเกิดขึ้นก่อน ซึ่งบางครั้ง มันอาจสายเกินไป และไม่สามารถย้อนกลับคืนได้ อันที่จริงถ้าจะยอม เสียเวลากัน ซักหน่อย มันจะช่วยให้การใช้รถ มีความสะดวกมากขึ้น สามารถสร้างความสบายใจในการขับขี่ รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัย ให้มีมากขึ้นด้วย
ที่ปัดน้ำฝน เรื่องของ "ที่ปัดน้ำฝน" ดูจะพูดมากและพูดถึงกันบ่อย แต่ก็ต้องว่า และ ตอกย้ำกันต่อไป เนื่องจากมันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในการช่วยเพิ่มทัศนวิสัย ของการขับขี่ยามฝนตก
ส่วนใหญ่มักจะละเลยและไม่นึกถึง จะมาเห็นความสำคัญก็ตอนที่ เจอฝน ซึ่งตอนนั้นมันอาจจะสายเกินไปแล้ว ส่วนประกอบ ของที่ปัดน้ำฝน มีไม่มากนัก เท่าที่สำคัญก็มีด้วยกัน 4 อย่าง คือ
- มอเตอร์ไฟฟ้า
- ขาคันชัก ก้านดึง และข้อต่อ
- ก้านที่ปัดน้ำฝน
- ยางใบปัดน้ำฝน
มอเตอร์ไฟฟ้า ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าหรือมอเตอร์ที่ปัดน้ำฝน ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานยาวนานมีความทนทานสูง ไม่ค่อยจะเกิดการเสียหาย ได้ง่ายนัก แต่ถ้าต้องการบำรุงรักษาอาจจะลำบากต้องออกแรงกันบ้าง อย่างแรกต้องหาตัวมันให้เจอก่อน
พวกที่ติดตั้งไว้ในห้องเครื่องก็เจอหน้าตากันง่าย ส่วนพวกที่ซุกไว้ใต้แผงปิดช่อง ระบายอากาศ ก็ต้องแคะคุ้ยกัน ถ้ามีฝีมือทางช่างอาจจะเปิดฝาประกับตัวเฟืองออกมา แล้วเติม จาระบีช่วยในการหล่อลื่นลดการสึกหรอของเฟือง เพราะเมื่อใช้งานมานาน จารบีมักจะแห้ง หายไปมั่ง แต่ถ้าไม่อยากออกแรงมาก ก็เพียงแค่ตรวจเช็คน็อตยึดต่างๆ และน็อตแกนกลาง ว่ามีการคลายตัวหรือไม่ แล้วใช้พวกสเปรย์กันความชื้น ฉีดตรงแกนกลาง เพื่อช่วยป้องกัน สนิม และช่วยหล่อลื่นตัวบู๊ช เพราะสเปรย์พวกนี้จะมีคุณสมบัติในการแทรกซึมสูง และสามารถ ช่วยในการหล่อลื่นได้ด้วย
ขาคันชัก ก้านดึง และข้อต่อ ลักษณะของที่ปัดน้ำฝนมีหลายอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นใบปัดแบบ 2 อัน ยกเว้นรถบางรุ่นก็ใช้ใบปัดน้ำฝนเพียงอันเดียวก็มี ยกเว้นพวกที่ใช้ใบปัดคู่ แล้วอยากเท่ จึงถอดใบปัดออกทิ้งไปอันนึง พวกนี้ต้องอยู่ในพวกใบปัดคู่ และเมื่อเป็นแบบใบปัดคู่แล้ว ก็ต้องมี ก้านต่อเพื่อโยงการทำงานให้สอดคล้องกัน
โดยมีพวกข้อต่อและจุดหมุนต่างๆ เพื่อให้การทำงาน ของที่ปัดน้ำฝนเรียบลื่น ควรทำการหล่อลื่น พวกข้อต่อเหล่านี้ บ้าง โดยการใช้น้ำมันเครื่อง จาระบี (ยิ่งเป็นแบบจาระบีกันน้ำ ด้วยยิ่งดี) หรือน้ำยากันความชื้น เพราะเมื่อใช้งานไประยะ หนึ่ง น้ำมันที่เคยหล่อลื่นเอาไว้จะละลายหายไป มันอาจเกิด เป็นสนิมทำให้การหมุนไม่ราบเรียบ เกิดอาการกระตุกเป็น จังหวะ และที่สำคัญ จะกินแรงมอเตอร์ ทำให้มอเตอร์ที่ ปัดน้ำฝน อายุสั้นหรือเกิดการช็อต ไหม้ไปเลยก็เคยเจอกัน มาแล้ว
ก้านที่ปัดน้ำฝน ตัวก้านที่ปัดน้ำฝนดูจะเป็นจุดที่ถูกละเลยมากที่สุด ทั้งๆ ที่ตัวมันมีความสำคัญไม่น้อย รับหน้าที่เป็นตัวถ่ายทอดการทำงานจาก มอเตอร์ และเป็นตัวกดตัวยางใบปัดให้แนบไปกับกระจก ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยจะมีอะไรเสียหาย แต่ความเป็นจริง มันก็สามารถ ก่อเรื่องได้เช่นกัน จุดที่ควรดูแลตรวจเช็คกันบ้าง อย่างแรก คือ จุดยึดโคนก้านปัดเข้ากับปุ่มหมุนจากมอเตอร์ ซึ่งมักจะมีตัวน็อตยึด ตัวนี้ด้วย รวมทั้งตรวจเช็คข้อต่อของใบปัดที่ยึดเข้ากับก้านปัด ว่ามันยังคงแน่นหนาดีหรือไม่
ยางใบปัดน้ำฝน ลักษณะของยางใบปัดน้ำฝน จะเป็นแผ่นยางบางๆ โดยแนบด้านที่มี ความคม เข้ากับกระจก ทำการกวาดน้ำออกจากแผ่นกระจก จากแรงกด และการ ขยับของก้านปัดน้ำฝน ซึ่งตัวยางใบปัด จะถูกยึดเอาไว้ด้วยโครงโลหะ ที่ออกแบบ ให้เป็นรูปร่างต่างๆ โดยมีจุดมุ่งหมาย ทำหน้าที่เป็นสปริงกด ให้ตัวยาง สามารถ แนบตัว ไปตามความโค้งของกระจกได้สนิททั้งใบ ดังนั้นเวลาซื้อใบปัดน้ำฝน อันใหม่มาเปลี่ยน ควรจะพิจารณารูปทรงของเจ้าโครงตัวนี้ด้วย
โดยเฉพาะพวกรถที่มีส่วนโค้งของกระจกมากเป็นพิเศษ มันอาจไม่สามารถกดใบปัดให้แนบสนิทไปกับความโค้งของกระจกได้ หรือพวกที่นิยมของถูก โดยการเปลี่ยนเฉพาะส่วนของยางใบปัดไม่ได้เปลี่ยนทั้งโครง ความเป็นสปริง หรือรูปทรงอาจเสื่อมไป ตามอายุการใช้งาน ทำให้ไม่สามารถแนบสนิทไปกับกระจกได้ดีพอ และก่อปัญหาว่าปัดน้ำได้ไม่เกลี้ยง
คุณภาพของยางใบปัดถือว่ามีความสำคัญที่สุด ลักษณะของยางใบปัดที่ดีต้องประกอบด้วย - ทนทานต่อสิ่งสกปรก และสภาวแวดล้อม เช่น ควัน ไอเสีย ฝนกรด
- ทนทานต่อการสึกหรอมีอายุการใช้งานยาวนาน
- ทนทานต่อการเปลี่ยนรูป ไม่แข็งตัว หรืออ่อนตัวจากความร้อน
- ไม่มีเสียงเสียดสีกับกระจกเวลาเลื่อนตัวไปมา
ดังนั้นการเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนอย่าเห็นแก่ของถูกเพียงประการเดียว เพราะเมื่อเป็นของถูกคุณภาพมักจะด้อยลงไป ทำให้มีปัญหา กับการปัดและอายุการใช้งานหรือแม้แต่การเลือกคบกับยี่ห้อดังๆ ก็ต้องดูสถานที่ผลิตจากหลายประเทศ ซึ่งแต่ละแห่ง ก็มักจะมีคุณภาพ ที่ต่างกัน และพวกที่ชอบของถูกก็ต้องดูว่าไอ้ที่เค้าเอามาขายลดราคานั้น มันเป็นของใกล้จะหมดอายุหรือเปล่า
การใช้งาน ส่วนสำคัญของที่ปัดน้ำฝนจะอยู่ที่ยางใบปัด ซึ่งทำมาจาก ยางธรรมชาติ หรือยางสังเคราะห์ผสมกับสารเคมี เพื่อให้มีคุณสมบัติสูงขึ้น เหมาะแก่การใช้งาน สามารถคงรูปอยู่ได้ มีความทนทานต่อการใช้งาน และ ทนทานต่อสภาพอากาศ ถึงกระนั้นมันก็ย่อมมีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา แต่ถ้าใช้งานกันไม่ถูกวิธีก็ทำให้อายุการใช้งานสั้นลงไปกว่าเดิมเยอะ จึงควร ใช้งาน และบำรุงรักษาใบปัดให้ถูกต้องด้วย
ตัวการที่บั่นทอนสุขภาพของยางใบปัดได้มากที่สุด คือการใช้ที่ปัดน้ำฝนอีตอนที่มีฝุ่น โคลนเหนียว หรือโคลนแห้งเกาะที่กระจก การใช้งานควรฉีดน้ำล้างกระจก เพื่อให้ฝุ่นที่กระจกเปียก ลดความเหนียวของโคลน หรือทำให้โคลนแห้งอ่อนตัวลงก่อน วิธีนี้จะช่วย ลดความฝืดของกระจก นอกจากเป็นการช่วยให้ใบปัดไม่เสียหายเกิดการชำรุดฉีกขาดแล้ว ยังช่วยไม่ให้กระจกเป็นรอย และยังทำให้ มอเตอร์ ตลอดจนข้อต่อต่างๆ ไม่ต้องออกแรงมากจนเกินไป โดยเฉพาะพวกชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติค ไม่ว่าจะเป็นเฟืองทด หรือบู๊ชข้อต่อ ก็ตาม ซึ่งง่ายต่อการเสียหาย
การใช้ที่ปัดน้ำฝน ต้องเลือกสปีดให้เหมาะสม กับลักษณะของฝน และความเร็วของรถ เดี๋ยวนี้ที่ปัดน้ำฝนสามารถ ปรับตั้งจังหวะการใช้งาน ได้ ก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์บ้าง ไม่ใช่ว่าฝนตกเป็นละอองเพียงนิดหน่อย แต่ใช้สปีดเร็ว แบบนี้ยางใบปัดย่อม ไม่อยู่ให้รับใช้กันนานนัก ต้องมีการทำ ความสะอาดยางใบปัดกันบ้าง เพราะตอนใช้งานนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำฝน หรือ น้ำโคลนที่มาเกาะกระจก อาจจะมีพวกสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อยางติดมา ด้วย ถ้าปล่อยให้มันเกาะค้างคาเอาไว้จะทำให้เกิดการเสื่อมสภาพได้ สำหรับ การทำความสะอาดยางใบปัดน้ำฝน ให้ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำ แล้วบิดพอ หมาดๆ เช็ดรูดไปตามความยาวของยางใบปัด หรือแม้จะไม่ได้ใช้งาน ใบปัดเลย ก็ควรทำทุกครั้งที่มีการล้างรถ ข้อสำคัญคือ ไม่ควรใช้ผงซักฟอกผสมน้ำ ทำความสะอาดอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้ยางเสื่อม สภาพแล้ว ยังทำให้สีรถเสียหายได้ด้วย
เวลาจอดรถตากแดดไว้นานๆ เราอาจใช้วิธีดึงก้านที่ปัดน้ำฝนออกจากกระจกบังลม เพื่อไม่ให้ยางใบปัดสัมผัสแนบอยู่กับกระจก เพราะตัวแผ่นกระจกจะร้อนกว่าบรรยากาศรอบๆ ซึ่งความร้อนของกระจกจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
ปัญหาและการแก้ไข ใบปัดอยู่ไม่ตรงตำแหน่ง ปกติที่ปัดน้ำฝน จะมีการกำหนดตำแหน่งเอาไว้ว่า อีตอนปัด และหยุดจะอยู่ตรงใหน ทั่วไปเวลาหยุด มันจะอยู่เหนือขอบกระจกล่าง เล็กน้อย กรณีที่พบว่าเมื่อมันหยุดแล้วไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ถ้าพวกเล่นหยุด อยู่กลางกระจกเลย อันนี้แสดงว่าชุดควบคุมกลับบ้านแล้ว ต้องหาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ หรือแวะเข้าร้านที่รับซ่อมไดก็ได้ ช่างเค้าจะช่วยจัดการให้เอง
แต่ควรทราบเอาไว้ว่าปัญหาอยู่ที่ชุดควบคุมไม่ใช่ตัวมอเตอร์ เดี๋ยวจะถูก ช่างชวนเปลี่ยนมอเตอร์กันอีก ทำให้ต้องควักกระเป๋า จ่ายแพงกว่าความเป็นจริง หรือให้ลองขยับที่ตัวก้านปัดน้ำฝน บางครั้งเกิดจากน็อตยึดก้านปัดหลุดหลวม หรือฟันที่โคนก้านปัดเกิดรูดขึ้นมา
บางครั้งจังหวะหยุดของก้านปัดตอนปิดสวิทซ์ อยู่สูงเลยขอบล่างของกระจกบังลมหน้าขึ้นมามากเกินไป อันนี้เราควรจะปรับ ตำแหน่งให้ถูกต้อง เพราะตำแหน่งของมันที่อยู่สูงกว่าปกติ อาจจะบดบังทัศนวิสัยด้านหน้า หรือก้านที่ปัดน้ำฝน อาจเกิดการสะท้อน แสงเข้าตายามขับขี่
ถ้าพบว่ายามที่ปัดน้ำฝนทำงาน มันจะปัดเลยขอบกระจกด้านล่าง ลงไปจนกระทั่งไปเกยกับคิ้ว หรือยางขอบกระจก ลักษณะเช่นนี้ ก็ต้องมีการ ปรับตั้งที่ปัดกระจกใหม่ เนื่องจากการเลย แนวขอบกระจกลงไปนั้น จะทำ ให้ตัวยางใบปัดชำรุดเสียหายเร็วกว่าที่ควร และมีประสิทธิภาพในการ ทำงานลดลง จากการเสียดสีของใบปัดกับคิ้วหรือยางขอบกระจก ซึ่งมัก ทำให้ปลายใบเกิดการฉีกขาด
และเมื่อใช้ต่อไปรอยฉีกจะเพิ่มขึ้นจนไม่เหมาะกับการใช้งาน นอกจากนี้ส่วนยางของใบปัดที่เกยทับกับขอบล่างของกระจก เมื่อปล่อยทิ้งไว้ระยะหนึ่งตัวยางใบปัดจะบิดเป็นรอยตามคิ้วหรือยางขอบกระจก ทำให้การปัดน้ำบนกระจกไม่เกลี้ยง หรืออาจทำให้ กระจกเป็นรอยได้
กรณีปัดน้ำไม่หมด ใบปัดสะดุด หรือใบปัดสั่น บริเวณที่ยางใบปัด ใช้กวาดน้ำบนกระจก จะเป็นเพียงยางบางๆ เท่านั้น ซึ่งจะมีความคม และ ยืดหยุ่น สามารถรีดตัวแนบไปกับกระจกได้ดี แต่เมื่อใช้ไปนานๆ จะเกิดการ แข็งตัว และส่วนที่คมก็จะสึกหรอ ทำให้การเลื่อนตัวไปตามกระจกทำได้ ไม่ดีพอ ปัดน้ำได้ไม่หมด ใบปัดมีอาการสะดุดเป็นจังหวะ หรือเกิดเป็นอาการ สั่น ถ้าพบว่าเกิดอาการเช่นนี้และใบปัดผ่านการใช้งานมานานปี ก็สมควรซื้อ ใบปัดมาเปลี่ยนใหม่
และควรเลือกยางใบปัดที่มีขนาดความยาวเท่าเดิม เพราะถ้าใบปัดสั้นกว่าของเก่า รัศมีการปัดจะสั้นลง ทำให้พื้นที่ส่วนของ การปัดน้อย และเช่นเดียวกันถ้าใบปัดยาวเกิน จะไปถูกับยางหรือคิ้วขอบกระจก ทำให้ใบปัดเสียหาย ถ้าตัวกระจกมีสิ่งสกปรกเกาะอยู่ ก็ทำให้เกิดความฝืดเพิ่มขึ้น หรือเป็นตัวที่ทำให้ใบปัดสะดุด
การทำงานของใบปัดจะมีปัญหาปัดไม่เกลี้ยง สะดุด สั่น รวมทั้งเกิดการเสียหายของยาง ใบปัด ควรทำความสะอาดกระจกเป็นประจำ โดยการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์พับเป็นแผ่นเล็กๆ ขนาดประมาณฝ่ามือ แล้วใช้น้ำยาฉีดกระจกฉีดไปที่กระดาษ (ไม่ใช่ฉีดไปบนกระจก) ต่อจากนั้น ก็เช็ดจนเห็นว่ากระจกสะอาด
บางครั้งปัญหาอาจอยู่ที่ตัวล็อคใบปัดกับก้านใบปัด เช่น ตัวล็อคชำรุด ขนาดของตัวล็อค ไม่พอดีกัน หรือแม้กระทั่งมีสิ่งสกปรกเข้าไปในตัวล็อค ทำให้การล็อคไม่แน่นตัวใบปัดขยับได้ และบางครั้งก็เป็นที่ตัวของก้านใบปัดเอง เกิดการบิดของก้านเล็กน้อย ทำให้มุมของใบปัดไม่ ตั้งฉากกับกระจก เวลาใบปัดขยับไปด้านหนึ่งก็ราบเรียบดี แต่เวลาลากกลับจะสะดุดเป็นจังหวะ ซึ่งผลมาจากการเอียง ไปยังด้านที่สะดุดมากเกินไปนั่นเอง ต้องทำการบิดกลับโดยใช้ผ้าหนาๆ รองที่ก้านปัดน้ำฝน แล้วใช้คีมจับบิดกลับเล็กน้อย ค่อยๆ ทำทีละนิด สลับกับการทดลองเปิดที่ปัด น้ำฝนเพื่อดูผลงาน
ก็คงจะเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย สำหรับหน้าฝนนี้ ในการดูแลรักษารถยนต์ หากเราใส่ใจสักเล็กน้อย ในการ ดูแลรักษารถยนต์ ก็จะทำให้เราประหยัดทรัพย์ในกระเป๋า และมีความสุขได้ โดยไม่เดือดร้อน ถึงผู้อื่นอีกด้วยครับ
ขอขอบคุณ: สำนักพิมพ์นิตยสารยานยนต์ เอื้อเฟื้อข้อมูล
ที่มา :
http://www.carvariety.com/car2005/view.php?id=265