jedee
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 04:49:31 » |
|
เห็นใจจริงๆครับ เข้าใจ และมาให้กำลังใจครับ ก่อนนั้นผมไม่เคยรู้เรื่องเครื่องยนต์แม้แต่น้อย แต่ความที่ใช้รถยุโรปแล้วแสนจะจุกจิกของมัน ทำให้เราจำเป็นต้องเป็นช่างไปโดยไม่รู้ตัวครับ ผมเริ่มสะสมเครื่องมือทีละชิ้นสองชิ้น ตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา จนวันนี้เครื่องมือช่างเต็มบ้านไปหมดเลยครับ น่าจะเกินบางอู่ด้วยซ้ำ เรียกว่าทำรถเองได้ทุกคัน ไล่มาตั้งแต่ยกเครื่อง วางเครื่อง ซ่อมแอร์ แทบทุกอย่างล่ะ แต่ไม่เคยปล่อยให้เจ้าเจดีย์คู่บุญ กับเจ้าเจมส์บรอนด์คู่แฝด ป่วยจนถึงขั้นเรื้อรังแบบจขกท.ครับ ว่างๆก็นั่งดูอะไหล่ที่ประกาศขาย ชอบก็โอนตังค์ซื้อเก็บไว้โลด แต่ไม่เคยประกาศขายกะเค้าซักที ผลก็คือ อะไหล่เต็มบ้านเกือบสองหลังครับ บางทีเวลาเสียขึ้นมา นึกได้ว่าเคยซื้อมานี่หว่า แต่ดันหาไม่เจอก็บ่อยครับเพราะมันเยอะจัด นี่หากอยู่อุบล จะบอกให้แวะมาเด๋วจัดให้ แต่ให้จขกท.เป็นลูกมือเด้ กลับไปก็ได้วิชาปราบแอร์ไม่เย็นสู้แดดไม่ได้กลับบ้านไป มีแต่บ่นว่าทำไมมันหนาวจังชัวร์ไม่มั่วนิ่มครับ กะจะะได้รู้ทุกซอกทุกมุมของเจ้าคู่ชีพ ว่ามันไม่ยากอย่างที่ท้อและคิดเลย ค่อยทำ ค่อยๆเก็บงานไปครับ อย่าปล่อยให้มันเรื้อรัง ไม่งั้นงานก็จะเข้าพร้อมๆกันครับ ทริ๊ปที่แล้วผมก็ได้เครื่องมือใหม่มาอีกชิ้นครับ หากจะเห็นในทีวีไดเรค เลื่อยไฟฟ้าใบมีดคู่ครับ ที่เขาสาธิตตัดรถทั้งคันให้ดูนั่นล่ะ เมื่อวานได้เอามาลองใช้ ตัดเหล็กยังกะตัดขนมครับ เนียนเหมือนคลิปโฆษณาจริงๆ ไม่ได้โม้ แหะๆๆ คนมันชอบสะสม อิอิ ทริ๊ปที่แล้ว ผมเดินทางมาทำงานที่กรุงเทพครับ ๑๙ ถึง ๒๔ รถผมมันคู่บุญจริงๆ วิ่งไปทั่วไทย ยางก็โล้นไม่มีดอก เพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อวานนี้ครับ เช้านี้ก็เดินจะทางเข้าโคราชต่ออีก ตั้งแต่กลับมา วันที่ ๒๕ ก็เดินทางไปทำงานที่ต่างอำเภอ ขากลับ คิดว่าแอร์มันไม่ค่อยเย็น(จะเช็คดูหน่อย) ก็เลยเห็นน้ำมันเครื่องไหลนองเต็มพื้นโรงรถ ทีแรกก็คิดว่า หากมันหกตอนก่อนไปกรุงเทพ ฝนตกหนักขนาดนั้น มันยังอยู่ได้ยังไง ก็ลองเอาไฟฉายส่องดู สวิทแรงดันน้ำมันเครื่องข้างกรองรั่วครับ ติดเครื่องก็ไหลออกมาเลย ที่บอกว่าคู่บุญก็คือเวลาเดินทางไม่เสียหรอกแต่เวลาถึงบ้านถึงโรงรถเสียโลด แหะๆๆ ผมก็แค่สลับรถ เอาเจ้าเจมส์บรอนด์ออกมาใช้(น่าจะจอดเป็นเดือนแล้วปลดแบตไว้) แล้วเอาเจ้าเจดีย์สลับแทน ใช้เจมส์บรอนด์อยู่สามวัน เมื่อวานว่างนิดหนึ่งเลยจัดการเองเลย พอดีเจ้าตัวเล็กไปสอบตอนบ่าย ผมก็จัดตอนเช้าให้เจ้าตัวเล็กเป็นลูกมือ ปรากฎว่าเครื่องมือไม่มี เจ้าสวิทที่ว่า เอาเวอร์เนียจับดูตามประแจเลื่อนที่เราถอดออกจากเครื่องที่ซื้อมาหลายปี ขนาดมัน ๒๗ มิลที่มีก็ ๓๐ ไม่ก็ ๓๒ ไปเลย ก่อนนั้นก็แค่ ๒๔ เลยต้องจัดเครือ่งมือใหม่อีกชิ้น ไม่มีช่องที่จะถอดออก งานนี้เอาเรื่องเหมื่อนกัน ต้องถอดไดชาร์ท ถอดกรองเครื่อง ถอดฝาปิดกันความร้อนท่อไอเสีย(ไม่อยากถอดมากกว่านี้เวลาก็น้อย แถมตอนบ่ายนัดร้านยางเอาไว้เพื่อเปลี่ยนยางใหม่) ก็เลยออกมาหาเครื่องมือ ปรากฎว่าลูกบล็อกเบอร์ ๒๗ มันไม่มี มีก็แบบตื้น ขันไม่ได้ เลยซื้อประแจแหวน โดยเอาของเก่าที่ถอดจากเครื่องยนต์ที่ซื้อเก็บไว้หลายลูกไปเป็นแบบ พอเป็นแหวนดันเบอร์ ๒๖ ซะงั้น ๒๗ ดันหลวม ก็ได้มา มีช่องขันแค่นิดเดียวก็ขันออกแล้วเปลี่ยนใหม่ ทีนี้ก่อนเปลี่ยนก็เอาเบนซินล้างซะ แล้วใช้โบเวอร์เป่า ลองสตาร์ทดู เหอะๆๆ แห้งสนิทเลยทีนี้ งานนี้หมดเงินแค่ ๗๐ บาทเองครับ ค่าเครื่องมือ ประแจแหวนเบอร์ ๒๖ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจครับ ว่างๆก็ลองทำเองดูกะรถที่เรารักและดูแลมันครับ ไม่ว่าหากมีหลายคันแบบผม ก็สลับกันใช้ครับ ผมว่าดีกว่าขี่รถป้ายแดงแค่คันเดียวอีกนะครับ ใช้เวลาทำที่เล่า(ยกเว้นเปลี่ยนยางเด้อ อันนี้ทำที่ร้านประจำ ตั้งศูนย์ถ่วงล้องให้เสร็จ) แค่ไม่เกินสองชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมเดินทางอีกแล้วครับ เด๋วสายๆก็เข้าโคราช แล้วตีกลับคืนนี้เลย สามห่วงอึดจริงๆครับ แถมการบังคับควบคุมง่าย นั่งสบายกว่ารถใหม่หลายยี่ห้อเลยครับ ขอบอก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
M i N T o <NCZ>
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 07:25:34 » |
|
สู้ๆ ครับ บางทีผมก็มีท้อบ้างเหมือนกัน กับการซ่อมนู่นเปลี่ยนนี่ แต่งนั่น แต่พอทำเสร็จ ขับดีขึ้น รถดูดีขึัน รู้สึกมันชื่นใจมากเลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
mana
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 10:05:54 » |
|
ผมรอ ซ่อม เป็น 10 รายการรองนับดูแล้วแต่ยังไม่ได้ทำเลยวิ่งไปก่อนเก็บเงินค่อยลงทีเดียว สู้ๆ ae ทน จริงๆ ครับ ผมยังวิ่งได้อยู่เลยขนาดรอซ่อมตั้งเยอะ สู้ๆครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
THanasak
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 10:28:27 » |
|
เอาใจช่วยครับ..ผมก็อยู่กับเขาตั้งแต่แรกเกิดปี 94 จนทุกวันนี้ใช้งานเขาน้อยลง(ให้แฟนไปธุระ-รับลูก) ส่วนงานหนักใช้อีกคันที่ใหม่หน่อย(ซื้อมือ2) บอกตามตรงถ้าต้องขายพูดไม่ต้องคิดขายคันอื่นที่ไม่ใช่ เจ้า สามห่วง นี่ถ้าเอาชื่อเข้าทเบียนบ้านได้ผมเอาเข้าแล้วนะ 5555 ลูกชายคนโต(ม.4) บอกว่าขอจองตอนเข้ามหาลัยนะ ทุกวันนี้ซ่อมเขาตามอาการครับ วิธีดูแลของผมคือ ไม่พยายามใช้งานเกินความสามารถของเขา เคร่อง 5E-FE 1500 cc. ก็อย่าไปเค้น 4-5000 รอบอย่าไปกด 140-150 อย่าไปทะลวงถนนแย่ๆ ตรวจเช็คระบบน้ำมันต่างๆ ตามเวลาอันควร ของบางอย่าที่เสียเห็นควรเปลี่ยนของแท้หรือของใหม่แล้วคุ้มกว่า ก็จัดไปอย่าขี้เหนียวเกิน ผมว่าแค่นี้เขาอยู่กับเราไปอีกนานครับ
ปล.พ่อผมใช้รถ Renault R8 ซื้อก่อนผมเกิดอีกเพิ่งขายไปตอนมันอายุใช้งาน 40 ปีแน่(ต่อทะเบียนไม่ได้)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nova R
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 10:34:20 » |
|
สู้ๆๆ คับน้า วันนี้ผมยังโดนค่าเปลี่ยนฝาบนหม้อน้ำเลยคับ จากพลาสติกบน เป็น ทองเหลือง ไปล่ะ 1200 (ล่างพลาสติกอยู่) จาก@ เมื่อวาน น้ำจากหม้อน้ำดัน มาที่ หม้อพักน้ำ แบบเดือดๆ เหมือนกาต้มน้ำเลย ความร้อนขึ้น จอดข้างทาง 3-4 รอบ เพื่อให้ความร้อนลงสักพัก กว่าจะถึงบ้านได้ วันนี้เข้าอู่เช็คดู วาล์วน้ำ ปั้มน้ำ ไปไปมาๆ เป็นที่เบ้าปิดฝาหม้อน้ำคับ มันเหมือนฝาหม้อน้ำกับเบ้า ฝาไม่ถึงเบ้ามันอ่ะ ช่างบอกมาอ่ะ เลยจัดฝาบนเป็นทองเหลืองไปเลย คราวนี่ จนคับ ฝาบนทองเหลือง ร้านหม้อน้ำ 1200 วิ่งไปเอง ค่า แรง 400 ไม่รู้ราคา OK. ป่ะ ประเด็น คือ จากที่เสียและจอดข้างทาง 3-4 รอบ แฟนบ่น บอกเปลี่ยนรถใหม่ดีก่าไหม ขาย3ห่วง แล้ว ไปเล่น กะบะ อ่ะ ในใจอ่ะผมรับไม่ได้จิงๆ ผมเสียดาย ผมรักมัน ก็เงียบๆไป กับถึงบ้านมาคุยกันใหม่ ผมบอกไปว่ารถใหม่ต้องมานั่งผ่อนอีก นี่3ห่วง ไม่ต้องผ่อนเลย (ซื้อสด) นานซ่อมทีก็ไม่เท่าไร แต่ออก ใหม่นี่ผ่อนทุกเดือน ผมเคยเป็นนะครับแต่ตอนนั้นเป็นที่ฝาปิดหม้อน้ำ ร้านมันชุ่ยครับสนิทกันแท้ๆสุดท้ายเลิกบริการร้านนี้นานแล้วครับ พอดีตอนนั้นไปเปลี่ยนท่อยางหม้อน้ำร้านนี้แล้วฝาหม้อน้ำยางมันฉีกก็เลยเปลี่ยน 150 บาท พอขับกลับถึงบ้านก็จอดเปิดฝากระโปรงแต่เห็นกระปุกหม้อน้ำแห้งครับผมเลยเปิดฝาหม้อน้ำดูด้วยน้ำแห้งไปเยอะเลยก็เลยเติมน้ำเต็มขับออกไปให้ร้านดูเค้าบอกหม้อน้ำมีปัญหากะจะให้เปลี่ยนละครับแต่ผมไม่เชื่อเลยบอกไว้วันหลังค่อยมาทำ เลยวิ่งเข้าศูนย์โตโยต้าเลยครับ เหมือนเส้นผมบังภูเขาครับช่างที่ศูนย์บอกเป็นที่ฝาหม้อน้ำเพราะร้านมันเอาฝาแรงดัน 1.1 มาปิด ของผมใช้ 0.9 น้ำก็เลยระเหิีดออก เปลี่ยนไป 200กว่าบาทครับของศูนย์ แถมช่างท้าผมอีกครับว่าถ้าขับกลับบ้านแล้วน้ำหายอีกเอามาคืนได้เลย ถึงบ้านจอดสักพักเปิดดูปกติครับ สุดท้ายไปโวยร้านหม้อน้ำนั้นได้เงินคืนมา150บาทเป็นค่าฝาผมก็คืนเค้าไป นอกเรื่องซะนานผม555+ ราคา1,200ฝาบนทองเหลืองไม่แน่ใจอะครับว่าแพงป่าว ของผมยกทั้งหม้อเลยครับ 3,200 ทองเหลือง สามารถไปเอาตังคืนได้ด้วย เป็นผมคงอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เป้าหมายมีไว้พุ่งชน
|
|
|
Nova R
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 10:36:50 » |
|
ค่าซ่อมคิดว่ายังไงก็ถูกกว่าค่าผ่อนรถ
ค่าซ่อมเสียไป ไม่ได้กลับมา ค่าผ่อน มันคือค่าตัวรถครับ ที่เสียค่าเสื่อมและดอกเบี้ย ถ้าซ่อมทุกๆเดือน เดือนละเยอะๆ เอาไปเป็นค่าผ่อนดีกว่าครับ ลองคิดดีๆ ค่าผ่อนเวลาขายรถได้กลับมา(asset) ค่าซ่อมมันไม่กลับมาครับ(maintenance cost) เหตุผลน่าฟัง ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เป้าหมายมีไว้พุ่งชน
|
|
|
nutsaen
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 11:50:45 » |
|
ปีนึงถ้าซ่อมสัก 1-2 หมื่นผมว่าน่าจะคุ้มนะครับ ผมเคยใช้ Chevy AVEO ซื้อมา4ปีแล้วขายนี่ขาดทุนย่อยยับมากครับ ส่วนตัวผมชอบรถที่ถึกๆ ช่วงล่างแน่นๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
C.N.C. BODYPART
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 11:51:35 » |
|
ผมไม่มี ข้อ 2กับข้อ3 555555555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
PANDA RACING
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 15:10:25 » |
|
ค่าซ่อมคิดว่ายังไงก็ถูกกว่าค่าผ่อนรถ
ค่าซ่อมเสียไป ไม่ได้กลับมา ค่าผ่อน มันคือค่าตัวรถครับ ที่เสียค่าเสื่อมและดอกเบี้ย ถ้าซ่อมทุกๆเดือน เดือนละเยอะๆ เอาไปเป็นค่าผ่อนดีกว่าครับ ลองคิดดีๆ ค่าผ่อนเวลาขายรถได้กลับมา(asset) ค่าซ่อมมันไม่กลับมาครับ(maintenance cost) เหตุผลน่าฟัง ครับ ไม่ใช่เหตุผลครับ มันเป็นหลักการธรรมดาในการทำธุรกิจนี่แหละ แต่รถมันเป็น asset ที่มีค่าเสื่อมและมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆต่างจากอสังหาครับ ตัวอย่างง่าย บางคนเลือกจะเช่าที่ทำธุรกิจเดือนละ 20,000 บาท(ทั้งๆที่พอซื้อผ่อนได้) ทำไป 10-20 ปี ค่าเช่าก็รวมๆแล้ว 2,400,000-4,800,000 ส่วมบางคนเลือกกัดฟันซื้อที่(ที่เดียวกัน)ไปเลย 3-4,000,000 ผ่อนแบงค์เดือนละ 25,000-30,000 ซัก 15-20 ปี แล้วก็ทำธุรกิจไป สุดท้าย คนที่เช่า ก็จ่ายค่าเช่าไป จนหมดสัญญา ไม่ได้อะไร เพราะเป็น rental cost อีกคน สุดท้าย ผ่อนหมด ได้ที่มาทั้งผืน เพราะเป็นการผ่อน asset แถมผ่านไป 10-20 ปี คิดว่าค่าที่มันจะขึ้นมาขนาดไหนครับ ก็อยู่ที่งบ การวางแผน และ การตัดสินใจครับ บางทีซื้อไปแล้ว ต้องกัดฟันผ่อนเกินตัวก็มี ทรมานไปอีกเป็น 10 ปี เขาถึงบอกว่าคนมีทุนทำธุรกิจยังไงก็ได้เปรียบครับ คนรวยที่เก่งๆหลายคน ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ระดับการคิดการวางแผนเขาเหนือชั้นมากครับ นอกเรื่องมาไกลเลย แต่ก็เขียนๆให้อ่านกันไว้เป็นไอเดียครับ ใช้ไม่ได้ผลผับทุกกรณีแต่ลองประยุกต์ดูครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 กันยายน 2012 15:13:07 โดย PANDA RACING »
|
บันทึกการเข้า
|
บรรทุกไม่เกิน 18 ปี รับเฉพาะคนรู้ใจ Ratchayotin Football Club www.rfc.in.thrfcthailand.hi5.com M31 Body and Spa Sukhumvit 31 www.m31.in.thร้านแดง-ดำ สาขาวังหิน ก่อน TOP plaza lagoon นิดนึง
|
|
|
PANDA RACING
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 15:18:35 » |
|
ส่วน จขกท ก็ค่อยๆทำไปครับ รถใช้งาน รถทุกคันต้องเสียต้องพังครับ เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องรับให้ได้
นอกจากรถป้ายแดง 3-4 ปีแรกขับอย่างเดียว นอกจากซวยเจอรถตก qc แต่ก็นะ ถ้ามีเงินเหลือกันทุกคนก็คงซื้อป้ายแดงกันหมดแล้ว เอาใจช่วยครับ รถเก่า ซ่อมเยอะ ซ่อมยากกว่าเรามีอีกเยอะ ใช้ 101 โชคดีแล้วครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บรรทุกไม่เกิน 18 ปี รับเฉพาะคนรู้ใจ Ratchayotin Football Club www.rfc.in.thrfcthailand.hi5.com M31 Body and Spa Sukhumvit 31 www.m31.in.thร้านแดง-ดำ สาขาวังหิน ก่อน TOP plaza lagoon นิดนึง
|
|
|
BASman
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 16:57:34 » |
|
รถเก่าก็ใช้ไปซ่อมไป ไม่มีตัง ไม่ซ่อมก็ได้ รถใหม่เก็บตังไว้ให้ไฟแน้นท์ ไม่มีตัง ไม่ผ่อนไม่ได้ สู้ๆครับ แล้วแต่ชอบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
THanasak
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 17:02:42 » |
|
ค่าซ่อมคิดว่ายังไงก็ถูกกว่าค่าผ่อนรถ
ค่าซ่อมเสียไป ไม่ได้กลับมา ค่าผ่อน มันคือค่าตัวรถครับ ที่เสียค่าเสื่อมและดอกเบี้ย ถ้าซ่อมทุกๆเดือน เดือนละเยอะๆ เอาไปเป็นค่าผ่อนดีกว่าครับ ลองคิดดีๆ ค่าผ่อนเวลาขายรถได้กลับมา(asset) ค่าซ่อมมันไม่กลับมาครับ(maintenance cost) เหตุผลน่าฟัง ครับ ไม่ใช่เหตุผลครับ มันเป็นหลักการธรรมดาในการทำธุรกิจนี่แหละ แต่รถมันเป็น asset ที่มีค่าเสื่อมและมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆต่างจากอสังหาครับ ตัวอย่างง่าย บางคนเลือกจะเช่าที่ทำธุรกิจเดือนละ 20,000 บาท(ทั้งๆที่พอซื้อผ่อนได้) ทำไป 10-20 ปี ค่าเช่าก็รวมๆแล้ว 2,400,000-4,800,000 ส่วมบางคนเลือกกัดฟันซื้อที่(ที่เดียวกัน)ไปเลย 3-4,000,000 ผ่อนแบงค์เดือนละ 25,000-30,000 ซัก 15-20 ปี แล้วก็ทำธุรกิจไป สุดท้าย คนที่เช่า ก็จ่ายค่าเช่าไป จนหมดสัญญา ไม่ได้อะไร เพราะเป็น rental cost อีกคน สุดท้าย ผ่อนหมด ได้ที่มาทั้งผืน เพราะเป็นการผ่อน asset แถมผ่านไป 10-20 ปี คิดว่าค่าที่มันจะขึ้นมาขนาดไหนครับ ก็อยู่ที่งบ การวางแผน และ การตัดสินใจครับ บางทีซื้อไปแล้ว ต้องกัดฟันผ่อนเกินตัวก็มี ทรมานไปอีกเป็น 10 ปี เขาถึงบอกว่าคนมีทุนทำธุรกิจยังไงก็ได้เปรียบครับ คนรวยที่เก่งๆหลายคน ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ระดับการคิดการวางแผนเขาเหนือชั้นมากครับ นอกเรื่องมาไกลเลย แต่ก็เขียนๆให้อ่านกันไว้เป็นไอเดียครับ ใช้ไม่ได้ผลผับทุกกรณีแต่ลองประยุกต์ดูครับ ผมรู้จักนักธุรกิจบางคนรวยมหาศาลแต่เช่าตึกทำออฟฟิศทั้งๆที่สร้างตึกเองได้สบาย เขาบอกว่ายอมเสียค่าเช่าเพราะคุมคอสได้ง่ายกว่า เดือนละกี่แสนว่าไป แต่ถ้าสร้างเอง ไหนจะค่าดูแลรักษา ไหนจะภาษี ไหนจะค่าบริหารจัดการ ค่าเสื่อม ฯลฯ และถ้าหากเขาสร้างตึก เขาก็จะไม่อยู่เองให้คนอื่นมาเช่าบริหารแล้วเขาจะไปเช่าพื้นที่ต่ออีกครั้งนึง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
PANDA RACING
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 17:11:10 » |
|
ค่าซ่อมคิดว่ายังไงก็ถูกกว่าค่าผ่อนรถ
ค่าซ่อมเสียไป ไม่ได้กลับมา ค่าผ่อน มันคือค่าตัวรถครับ ที่เสียค่าเสื่อมและดอกเบี้ย ถ้าซ่อมทุกๆเดือน เดือนละเยอะๆ เอาไปเป็นค่าผ่อนดีกว่าครับ ลองคิดดีๆ ค่าผ่อนเวลาขายรถได้กลับมา(asset) ค่าซ่อมมันไม่กลับมาครับ(maintenance cost) เหตุผลน่าฟัง ครับ ไม่ใช่เหตุผลครับ มันเป็นหลักการธรรมดาในการทำธุรกิจนี่แหละ แต่รถมันเป็น asset ที่มีค่าเสื่อมและมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆต่างจากอสังหาครับ ตัวอย่างง่าย บางคนเลือกจะเช่าที่ทำธุรกิจเดือนละ 20,000 บาท(ทั้งๆที่พอซื้อผ่อนได้) ทำไป 10-20 ปี ค่าเช่าก็รวมๆแล้ว 2,400,000-4,800,000 ส่วมบางคนเลือกกัดฟันซื้อที่(ที่เดียวกัน)ไปเลย 3-4,000,000 ผ่อนแบงค์เดือนละ 25,000-30,000 ซัก 15-20 ปี แล้วก็ทำธุรกิจไป สุดท้าย คนที่เช่า ก็จ่ายค่าเช่าไป จนหมดสัญญา ไม่ได้อะไร เพราะเป็น rental cost อีกคน สุดท้าย ผ่อนหมด ได้ที่มาทั้งผืน เพราะเป็นการผ่อน asset แถมผ่านไป 10-20 ปี คิดว่าค่าที่มันจะขึ้นมาขนาดไหนครับ ก็อยู่ที่งบ การวางแผน และ การตัดสินใจครับ บางทีซื้อไปแล้ว ต้องกัดฟันผ่อนเกินตัวก็มี ทรมานไปอีกเป็น 10 ปี เขาถึงบอกว่าคนมีทุนทำธุรกิจยังไงก็ได้เปรียบครับ คนรวยที่เก่งๆหลายคน ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ระดับการคิดการวางแผนเขาเหนือชั้นมากครับ นอกเรื่องมาไกลเลย แต่ก็เขียนๆให้อ่านกันไว้เป็นไอเดียครับ ใช้ไม่ได้ผลผับทุกกรณีแต่ลองประยุกต์ดูครับ ผมรู้จักนักธุรกิจบางคนรวยมหาศาลแต่เช่าตึกทำออฟฟิศทั้งๆที่สร้างตึกเองได้สบาย เขาบอกว่ายอมเสียค่าเช่าเพราะคุมคอสได้ง่ายกว่า เดือนละกี่แสนว่าไป แต่ถ้าสร้างเอง ไหนจะค่าดูแลรักษา ไหนจะภาษี ไหนจะค่าบริหารจัดการ ค่าเสื่อม ฯลฯ และถ้าหากเขาสร้างตึก เขาก็จะไม่อยู่เองให้คนอื่นมาเช่าบริหารแล้วเขาจะไปเช่าพื้นที่ต่ออีกครั้งนึง นั่นเพราะเขาไม่ต้องการ diverse ตัวเอง มาเป็น land developer ครับ เท่ากับเพิ่มธุรกิจขึ้นมาอีก 1 port โดยไม่จำเป็น การเป็น developer ทางอสังหา ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกคนครับ เพราะมันจุกจิก ประเมินแล้ว ค่าเสียเวลา ค่าเหนื่อย เทียบกับ ROI ของธุรกิจที่ทำอยู่แล้ว มีกำไรแต่ดีไม่เท่า คนก็จะไม่ทำครับ ถึงบอกว่าตัวอย่างใช้ไม่ได้กับทุกเคส เอาลองเป็นสลับกัน เขาเช่าที่ทำโรงงานซัก 20-30 ปี กับซื้อที่ทำ จะเห็นชัดกว่า ลองไปประยุกต์ดูเองครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 กันยายน 2012 17:15:06 โดย PANDA RACING »
|
บันทึกการเข้า
|
บรรทุกไม่เกิน 18 ปี รับเฉพาะคนรู้ใจ Ratchayotin Football Club www.rfc.in.thrfcthailand.hi5.com M31 Body and Spa Sukhumvit 31 www.m31.in.thร้านแดง-ดำ สาขาวังหิน ก่อน TOP plaza lagoon นิดนึง
|
|
|
TUM
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 17:25:35 » |
|
บางทีก็มันส์ดีนะครับ ซ่อมบ่อยๆ ได้ความรู้ด้วย แต่เปลืองตังค์ เสียเวลา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ตูดหมึกคร้าบ"
|
|
|
@alwaysnui (^^)++@
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 17:26:38 » |
|
ค่าซ่อมคิดว่ายังไงก็ถูกกว่าค่าผ่อนรถ
ค่าซ่อมเสียไป ไม่ได้กลับมา ค่าผ่อน มันคือค่าตัวรถครับ ที่เสียค่าเสื่อมและดอกเบี้ย ถ้าซ่อมทุกๆเดือน เดือนละเยอะๆ เอาไปเป็นค่าผ่อนดีกว่าครับ ลองคิดดีๆ ค่าผ่อนเวลาขายรถได้กลับมา(asset) ค่าซ่อมมันไม่กลับมาครับ(maintenance cost) เหตุผลน่าฟัง ครับ ไม่ใช่เหตุผลครับ มันเป็นหลักการธรรมดาในการทำธุรกิจนี่แหละ แต่รถมันเป็น asset ที่มีค่าเสื่อมและมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆต่างจากอสังหาครับ ตัวอย่างง่าย บางคนเลือกจะเช่าที่ทำธุรกิจเดือนละ 20,000 บาท(ทั้งๆที่พอซื้อผ่อนได้) ทำไป 10-20 ปี ค่าเช่าก็รวมๆแล้ว 2,400,000-4,800,000 ส่วมบางคนเลือกกัดฟันซื้อที่(ที่เดียวกัน)ไปเลย 3-4,000,000 ผ่อนแบงค์เดือนละ 25,000-30,000 ซัก 15-20 ปี แล้วก็ทำธุรกิจไป สุดท้าย คนที่เช่า ก็จ่ายค่าเช่าไป จนหมดสัญญา ไม่ได้อะไร เพราะเป็น rental cost อีกคน สุดท้าย ผ่อนหมด ได้ที่มาทั้งผืน เพราะเป็นการผ่อน asset แถมผ่านไป 10-20 ปี คิดว่าค่าที่มันจะขึ้นมาขนาดไหนครับ ก็อยู่ที่งบ การวางแผน และ การตัดสินใจครับ บางทีซื้อไปแล้ว ต้องกัดฟันผ่อนเกินตัวก็มี ทรมานไปอีกเป็น 10 ปี เขาถึงบอกว่าคนมีทุนทำธุรกิจยังไงก็ได้เปรียบครับ คนรวยที่เก่งๆหลายคน ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ระดับการคิดการวางแผนเขาเหนือชั้นมากครับ นอกเรื่องมาไกลเลย แต่ก็เขียนๆให้อ่านกันไว้เป็นไอเดียครับ ใช้ไม่ได้ผลผับทุกกรณีแต่ลองประยุกต์ดูครับ ผมรู้จักนักธุรกิจบางคนรวยมหาศาลแต่เช่าตึกทำออฟฟิศทั้งๆที่สร้างตึกเองได้สบาย เขาบอกว่ายอมเสียค่าเช่าเพราะคุมคอสได้ง่ายกว่า เดือนละกี่แสนว่าไป แต่ถ้าสร้างเอง ไหนจะค่าดูแลรักษา ไหนจะภาษี ไหนจะค่าบริหารจัดการ ค่าเสื่อม ฯลฯ และถ้าหากเขาสร้างตึก เขาก็จะไม่อยู่เองให้คนอื่นมาเช่าบริหารแล้วเขาจะไปเช่าพื้นที่ต่ออีกครั้งนึง นั่นเพราะเขาไม่ต้องการ diverse ตัวเอง มาเป็น land developer ครับ เท่ากับเพิ่มธุรกิจขึ้นมาอีก 1 port โดยไม่จำเป็น การเป็น developer ทางอสังหา ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกคนครับ เพราะมันจุกจิก ประเมินแล้ว ค่าเสียเวลา ค่าเหนื่อย เทียบกับ ROI ของธุรกิจที่ทำอยู่แล้ว มีกำไรแต่ดีไม่เท่า คนก็จะไม่ทำครับ ถึงบอกว่าตัวอย่างใช้ไม่ได้กับทุกเคส เอาลองเป็นสลับกัน เขาเช่าที่ทำโรงงานซัก 20-30 ปี กับซื้อที่ทำ จะเห็นชัดกว่า ลองไปประยุกต์ดูเองครับ ต้องดูเป็นกรณีๆ ไป ครับ เห็นด้วยกับพี่อธิครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
STEVEN 'THE LEGEND' GERRARD เชียร์หงส์ตั้งแต่ยังไม่สิบขวบจนจะสี่สิบขวบแล้ว เห็นเจิดลงเล่นนัดแรกกับตำแหน่งแบ็คขวา มากลางรุก จนเป็นกลางรับ เห็นเจิดชูมาทุกถ้วย ขาดถ้วยเดียว...ไม่ทันแล้วววววว
|
|
|
aon101
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 17:41:50 » |
|
AE เวลามันเสีย จะได้ฟิวส์ ตรงที่ซ่อมถูกซ่อมแพงเนี่ยแหล่ะคับ อะไหล่มีให้ดาดดื่น .... ของแต่งมีให้เล่นมากมาย สบายกระเป๋า วันไหนได้ของถูกค่าแรงไม่แพง โอ้ วันนั่นช่างเป็นวันของเราจริงๆ แต่ถ้าวันไหนได้ของแพง ค่าแรงเลือดอาบ ... กูโดนฟันมาแล้วแน่ๆ เดวคงต้องเข้าไปตั้งกระทู้สักหน่อยแระ ... 5555 มันอารมณ์ ประมาณนี้คับ ผมอยู่กะคันนี้มา5ปี ขับแค่อาทิตย์ล่ะวัน ทั้งซ่อมทั้งแต่ง หมดไปแสนกว่าแล้ว .....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความ แรง นั้นมีขาย อยากได้ต้องมีตัง
|
|
|
PANDA RACING
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 17:47:03 » |
|
ผมมีโจทย์ปัญญาอ่อนให้อีกอันอ่ะ ขอ จขกท นอกเรื่องหน่อยนะครับ
จะซื้อรถจะใช้ 4 ปี เลือกระหว่าง camry กับ optra อ่ะ กลัวโดนฟ้องเหมือนกันนะเนี่ย
เริ่มที่ camry2.0 ราคาหักส่วนลด ก็เหลือราว 1,2xx,xxx ใช้ไป 4 ปี ขายเต็นท์ ราคาตลาดเหลือ 800,000 อะ แล้วแต่สภาพ แต่เท่ากับหายไป 400,000 ค่าเสื่อม มา optra ราคาหักส่วนลด 8xx,xxx ใช้ 4 ปีขายเต็นท์ได้ 400,000 เพราะราคาตกมาก
ผมถามว่า รถ 2 คันนี้คันไหนแพงกว่ากัน? บางคนอาจจะตอบ camry แพงกว่าดิ แพงกว่าตั้ง 4 แสนกว่า ดูราคาก็เห็น
คำตอบของผมคือ camry กับ optra ใช้ 4 ปี เสียเงินเท่ากันครับคือ 400,000 แต่ camry ใช้ทุนเยอะกว่า เท่านั้นเอง แล้วถ้ามีเงิน คุณจะเลือก camry หรือ optra ?!
เป็นมุมมองที่แตกต่างของนักธุรกิจครับ ผมก็ยังอ่อนด๋อย เจอเทพๆเขาคิดไกลกว่าผมเยอะครับ 555 คนเก่งอยู่แล้วก็อ่านไว้ขำๆ คนไม่เคยมองมุมนี้ก็ลองฝึกมองอะไรหลายๆมุมดูครับ
ลองทำสมการนี้กับ ae101 กับ vios ดู อาจจะเจออะไรดีๆก็ได้ครับ ผมขี้เกียจสวนกระแส 55
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 กันยายน 2012 18:07:07 โดย PANDA RACING »
|
บันทึกการเข้า
|
บรรทุกไม่เกิน 18 ปี รับเฉพาะคนรู้ใจ Ratchayotin Football Club www.rfc.in.thrfcthailand.hi5.com M31 Body and Spa Sukhumvit 31 www.m31.in.thร้านแดง-ดำ สาขาวังหิน ก่อน TOP plaza lagoon นิดนึง
|
|
|
BASman
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 18:10:01 » |
|
สุดยอดทุกความคิดครับ แล้วแต่ทัศนะแต่ละคนนะคับ ไม่งั้นคงขับยี่ห้อเดียวกันหมด 555 รถคือ พาหนะ หรือ ฟอร์นิเจอร์ จาถูก หรือ แพง แล้วแต่จาเลือกกันนะครับ. ดิ้นรนหรือพอเพียง รถใหม่รถเก่าก็พาเราไปถึงนะครับ มีกำลังก็รถใหม่ มีน้อยหน่อยก็เก่าหน่อย อันนี้ทัศนะของข้าราชการจนๆอย่างผมนะครับ ไม่ได้ว่าคนใช้รถใหม่นะคับ ใหม่ก็ดี เก่าก็วิ่งได้ แล้วแต่จะเลือกครับผม โชคดีกับ ae หรือ รถใหม่คับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สันต์ครับ
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 28 กันยายน 2012 18:18:33 » |
|
รถเก่าๆ ช่อมถึงๆ อย่าคิดมากเลยครับ ผมไม่เคยท้อเลยกับเรื่องซ่อม เหลืองดำ ของผม มีเเต่ซ่อมแล้วสนุกกับมัน จะสบายใจ รู้สึกได้ว่า .. เค้าได้รับไช้เรามานาน ก็ต้องเปลี่ยนต้อง หาชื้อกางเกงไนให้เค้าใหม่ๆ บ้าง เพราะมันอาจจะเก่าจนขึ้นรา แล้ว คิดเเบบนี้สบายใจกว่าครับผมว่านะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|