AE. Racing Club
23 กุมภาพันธ์ 2568 17:52:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า:  «  1 2 [3] 4  »    ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สอบถามคนใช้ฝาดำ จูน standalone ครับ  (อ่าน 8878 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jen@171
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,966


Wanna be...!!!


ดูรายละเอียด
« ตอบ #40 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2555 21:23:43 »

ใส่ f-con ม้าโดดขึ้นเยอะไหมครับ...เมื่อเทียบกับเดิมๆไม่มีกล่องซิ่งครับ??

 
บันทึกการเข้า

TunedByJen
พรชัย เฮดเดอร์
CORONA CLUB
Club JZ
Mercedes Mania
กะเรกะราด
PonD
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,554


zc72s


ดูรายละเอียด
« ตอบ #41 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2555 21:32:14 »

เครื่องเดิมๆ ม้าอาจจะไม่เยอะจนน่าชื่นใจ แต่การตอบสนองคันเร่ง ความสมูทของเครื่องยนต์ ดีขึ้นกว่าเดิมแบบรู้สึกได้เลยแน่นอนครับ
บันทึกการเข้า
urachima
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 308



ดูรายละเอียด
« ตอบ #42 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2555 22:22:56 »

อ๋อ จะเอามาแชร์ความรู้ให้นี่เอง ดีครับ เยี่ยมเลย รอเก็บความรู้ครับผม  

  รถเสร็จเเล้วยังครับ....
ไม่มีโอกาสเจอน้าโมทย์เลย สบายดีนะคับ

ปล. อย่าพึ่งรำคาญผมนะครับ คิดซะว่า
1.ใครที่ไม่รู้จัก VVT จะได้รู้จักมัน
2.ใครที่รู้จักมันอยู่แล้ว จะได้รู้จักมันดียิ่งขึ้น
3.แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อเอาไปใช้ประโยชน์กันครับ
ขอบพระคุณคับ เข้าใจขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว   ว่าแต่ถ้าไม่อยากใช้ VVT ก็ต้องเปลี่ยนแคมหรอคับ  

เรื่องเปลี่ยนแคม ผมแค่แซวพี่เบสเล่นหน่ะครับ เพราะปกติแล้ว ถ้าแคมเดิมหรือแคมที่ยังอยู่ในช่วงที่สามารถใช้ VVT ได้
ยังไง การมีระบบ VVT ไว้ย่อมดีกว่าอยู่แล้วครับ เนื่องจาก
1. ถ้าเราจูนโดยต่อสัญญาน VVT on ตลอด เราจะได้ กราฟที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบเครื่องค่านึง powerband แบบนึง
2. ถ้าเราจูนโดยต่อสัญญาน VVT off ตลอด เราก็จะได้ กราฟที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบเครื่องอีกค่านึง powerband ก็อีกแบบ
ซึ่งถ้าเราให้ VVT ทำงานตามปกติที่ควรจะเป็น ก็เหมือนกับ เราได้เก็บแรงบิดสูงสุดของทั้งสองแบบเอาไว้ ทำให้ powerband เรามีลักษณะที่กว้างขึ้น

แต่ถ้าขยับแคมไประดับ 288 ขึ้นไปแล้ว รู้สึกจะใช้ VVT ไม่ได้อะไรแล้ว (ลายละเอียด ผมยังไม่รู้ลึกพอที่จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆได้)

สรุปก็คือ ถ้าคิดจะไม่ไช่ VVT ก็ข้ามไปเล่นแคมพวก 272+ ไปเลยนั่นแหล่ะครับ
บันทึกการเข้า
urachima
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 308



ดูรายละเอียด
« ตอบ #43 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2555 22:27:23 »

กราฟของพี่ทั้งสองคนที่ ดิ่งลงขนาดนั้น ผมสงสัยอยู่บางอย่างครับ ขออนุญาติถามนะครับ
1.จูนเนอร์คนเดียวกันหรือเปล่า ?
2.คนทำสายไฟคนเดียวกันหรือเปล่า ?

ปล. ผมว่า ไอ้อาการที่กราฟดิ่งลงขนาดนั้นมันควรจะแก้ได้จากการจูนหน่ะครับ
บันทึกการเข้า
Jay หมอศรี @ WZ Zone
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,819



ดูรายละเอียด
« ตอบ #44 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2555 23:36:30 »

ความณู้ทั้งนั้นเยย
บันทึกการเข้า
COROLLABOY
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,467


I มิถุนา ing = ฉันกำลัง JUN งงปะ กิกิ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #45 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2555 06:57:42 »

กราฟของพี่ทั้งสองคนที่ ดิ่งลงขนาดนั้น ผมสงสัยอยู่บางอย่างครับ ขออนุญาติถามนะครับ
1.จูนเนอร์คนเดียวกันหรือเปล่า ?
2.คนทำสายไฟคนเดียวกันหรือเปล่า ?

ปล. ผมว่า ไอ้อาการที่กราฟดิ่งลงขนาดนั้นมันควรจะแก้ได้จากการจูนหน่ะครับ

สำหรับคนคนที่ใช้กล่องเงิน 2.1 จะเจอปัญหาแบบนี้ครับ เนื่องจากสามารถเลือกการอ้างอิงตารางไฟได้แค่อย่างเดียว คือ % คันเร่ง และ MAP ครับ จูนเนอร์ส่วนมากจะใช้ MAP เพราะสามารถจูนได้กว้างกว่า

แต่ปัญหาของ MAP คือเวลากดคันเร่งลึกพอประมาณแรงดันในท่อ ID มันก็น้อยทำให้ MAP ไปอ่านในตารางเร่งเกือบสุดหรือสุด ครับ ถ้าไม่ลดไฟก็เขกมากเวลาขับใช้งานคันเร่งไม่เยอะ รถผมแก้ปัญหาโดยยอมกินน้ำมันคือไม่ยอมลดไฟแต่ใส่น้ำมันเพิ่มเข้าไปให้ A/F เท่าตอนที่เร่งคันเร่งสุด ปัญหานี้จะหายไป แต่กินน้ำมันขึ้นครับ แต่บอกได้เลยว่าขับแล้วสนุกกว่านะเพราะกดมากดมา ไม่รอรอบครับ

คือกล่องตัวนี้มันก็มีข้อเสียตรงนี้แหละครับ เท่าที่ผมเจอนะ
บันทึกการเข้า

อยากได้ท่อไอเสียโทรมา 084-3608339
https://www.facebook.com/BestThorThep
http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=108304.0
bever MuMu.SZ
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,413


ผมไม่ได้บ้ากาม..แค่มี..ไวอากร้า....ในรถเสมอ :-)


ดูรายละเอียด
« ตอบ #46 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2555 07:52:17 »

กราฟของพี่ทั้งสองคนที่ ดิ่งลงขนาดนั้น ผมสงสัยอยู่บางอย่างครับ ขออนุญาติถามนะครับ
1.จูนเนอร์คนเดียวกันหรือเปล่า ?
2.คนทำสายไฟคนเดียวกันหรือเปล่า ?

ปล. ผมว่า ไอ้อาการที่กราฟดิ่งลงขนาดนั้นมันควรจะแก้ได้จากการจูนหน่ะครับ
ของผม อีมาเนทฟ้า พี่วิชัยจูน คนวาย อีกที่นึงคับ(หายไปแล้ว ตามตัวไม่เจอ)แต่ทางช่างพี่วิชัยเช็คสายไฟอีกรอบแล้วคับ 
บันทึกการเข้า

Tree 20V
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 579


เก็บตังมีลูกคร้าบบบ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2555 08:37:15 »

ของผมก็พี่วิชัยจูนครับ แต่ตอนนี้เปลี่ยนจูนเนอร์จูนใหม่ไปแล้วครับแต่ยังไม่ได้วัดแรงโม้ใหม่เลย    ผมสงสัยตรงกราฟครับ SAE Horsepower  กับ STD Horsepower มันเหมือนกันป่าวครับ  
บันทึกการเข้า

urachima
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 308



ดูรายละเอียด
« ตอบ #48 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2555 12:30:12 »

กราฟของพี่ทั้งสองคนที่ ดิ่งลงขนาดนั้น ผมสงสัยอยู่บางอย่างครับ ขออนุญาติถามนะครับ
1.จูนเนอร์คนเดียวกันหรือเปล่า ?
2.คนทำสายไฟคนเดียวกันหรือเปล่า ?

ปล. ผมว่า ไอ้อาการที่กราฟดิ่งลงขนาดนั้นมันควรจะแก้ได้จากการจูนหน่ะครับ

สำหรับคนคนที่ใช้กล่องเงิน 2.1 จะเจอปัญหาแบบนี้ครับ เนื่องจากสามารถเลือกการอ้างอิงตารางไฟได้แค่อย่างเดียว คือ % คันเร่ง และ MAP ครับ จูนเนอร์ส่วนมากจะใช้ MAP เพราะสามารถจูนได้กว้างกว่า

แต่ปัญหาของ MAP คือเวลากดคันเร่งลึกพอประมาณแรงดันในท่อ ID มันก็น้อยทำให้ MAP ไปอ่านในตารางเร่งเกือบสุดหรือสุด ครับ ถ้าไม่ลดไฟก็เขกมากเวลาขับใช้งานคันเร่งไม่เยอะ รถผมแก้ปัญหาโดยยอมกินน้ำมันคือไม่ยอมลดไฟแต่ใส่น้ำมันเพิ่มเข้าไปให้ A/F เท่าตอนที่เร่งคันเร่งสุด ปัญหานี้จะหายไป แต่กินน้ำมันขึ้นครับ แต่บอกได้เลยว่าขับแล้วสนุกกว่านะเพราะกดมากดมา ไม่รอรอบครับ

คือกล่องตัวนี้มันก็มีข้อเสียตรงนี้แหละครับ เท่าที่ผมเจอนะ
เข้าใจขึ้นมาเยอะเลยครับ ขอบคุณพี่เบสมากครับ
ปล. ช่วยให้ตัดสินใจในการเลือกใช้กล่องได้ด้วยนะเนี่ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 พฤศจิกายน 2555 12:32:15 โดย urachima » บันทึกการเข้า
vampire258
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 674



ดูรายละเอียด
« ตอบ #49 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2555 13:00:05 »

งั้นต้อง3.0 ขึ้น เดินไฟได้ทั้ง map และคันเร่ง
บันทึกการเข้า

urachima
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 308



ดูรายละเอียด
« ตอบ #50 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2555 11:12:02 »

ตอนนี้ คำถามคือ.. ทำไม VVTถึงต้องแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ช่วงคือ
1.off รอเดินเบาถึง ช่วงการทำงาน
2.on ช่วงการทำงาน 1700-6500 บวกลบเล็กน้อย
3.off อีกครั้งตอนรอบสูงหลังจากช่วงการทำงาน
อันนี้อยากได้คำตอบจริงๆครับ อยากรู้มากๆ
บันทึกการเข้า
urachima
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 308



ดูรายละเอียด
« ตอบ #51 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2555 20:30:57 »

ตอนนี้ คำถามคือ.. ทำไม VVTถึงต้องแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ช่วงคือ
1.off รอเดินเบาถึง ช่วงการทำงาน
2.on ช่วงการทำงาน 1700-6500 บวกลบเล็กน้อย
3.off อีกครั้งตอนรอบสูงหลังจากช่วงการทำงาน
อันนี้อยากได้คำตอบจริงๆครับ อยากรู้มากๆ
มีใครพอจะอธิบายให้เข้าใจหน่อยได้มั่งครับ ?
บันทึกการเข้า
Piggy 92
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,188


ก็แค่....รถเดิมๆ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #52 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2555 20:51:54 »

 
บันทึกการเข้า


สิ่งที่ดีที่สุด บางทีมันก็ไม่ถูกต้อง
และ สิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่ดีที่สุดเสมอไป....
Aj.Moo
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,899



ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555 07:50:02 »

ลองแปลอ่านดูครับผม

The blacktops seem to work like this, as described on Club4AG -
1. Starting. When you crank the starter there will be VVT operation until the engine fires up, obviously to allow more air into the engine to allow an easier fire up.
2. Coolant temp. There is absolutely NO VVT operation when the coolant tempt is below 50°C except for that brief moment when you operate the starter. Reason obvious, who want to stress a cold engine.
3. Engine rpm. VVT will operate in any rpm between the range of 1500 and 7200 when the inlet manifold pressure is right. The min and max range can be a little out because I was reading from the car tacho. Trust me they are very close.
4. Engine load/inlet manifold pressure. This seems to be the single most important parameter controling the system. The VVT will NOT operate if the inlet manifold has more than about 5 inches of vacuum (can't get the exact reading because everything happen so fast. It's very close.). This is very close to zero vacuum which is atmospheric and that is about the maximum load the map sensor will read to tell the engine in an NA car. As you can figure out the throttle will usually be in the more than 3/4 position for this to happen.
5. VVT will work without the speed sensor.


Now, back to the above schematic of the VVT. It shows the second evolution of the VVT system - called VVT-i - where instead of the simple 'on' or 'off' positions of the earlier VVT system, this version can make the inlet cam retard/advance to any angle between the maximum limits, and to do this the camshaft has a position sensor on the back of the head. This means that the engine is even more flexible in it's power output than before. The latest version, VVTL-i is described on this page. It's completely different to the original VVT system, and is more like the V-TEC in operation.

There are two engines that commonly use the VVTL-i system, the 1ZZ-FE/2ZZ-GE series and the latest (in 1999 & onwards) 3SGE, as used in the sporty Altezza. The early generation 'redtop' four 3SGE's have a single inlet VVT-i and the later 'blacktop' generation four 3SGE's have dual VVT-i controllers, one on the inlet and the other on the exhaust cam, and makes 200hp from 2 litres.
So, using VVT technology, it's pretty easy to get around 100hp per litre.

Toyota has now gone to the third evolution of the VVT, and it not only alters the cam timing, but it also alters the valve lift as well. The 'old' VVT system simply can't do this, so Toyota has gone to a system much like the ....

ที่มา : http://www.billzilla.org/vvtvtec.htm
บันทึกการเข้า
golf..สระบุรี
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 282


ae Sprinter


ดูรายละเอียด
« ตอบ #54 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555 20:08:45 »

อย่างที่พี่บอกคับทางโทศัพ
บันทึกการเข้า

ae Saraburi Zone
urachima
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 308



ดูรายละเอียด
« ตอบ #55 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555 22:36:11 »

จากข้อมูลของ อ.หมู พอจะสรุปได้ว่า
1.ช่วงเราสตาร์ทเครื่อง VVTจะทำงาน เพื่อให้ได้อากาศมากกว่าเดิมในการติดเครื่องยนต์
2.หลังจากสตาร์ท VVT จะไม่ทำงานจนกว่าอุณหภูมิจะถึงตั้งแต่ 50 องศาขึ้นไป (ทำแค่ตอนสตาร์ทเท่านั้น)
3.ช่วงการทำงานของ VVT จะอยู่ระหว่าง 1500-7200 ผิดเพี้ยนจากนี้ไม่มาก แต่จะทำหรือไม่ทำ ขึ้นอยู่กับ pressure ใน inlet manifold คิดว่ามาจาก vac sensor หรือ map นั่นแหล่ะ)
4.คล้ายๆข้อ3 แต่ยกตัวอย่างในเชิง load ของการทำงาน คือให้เห็นภาพว่า ขึ้นอยู่กับการกดคันเร่งของแต่ละช่วง rpm ด้วย แต่ถ้ากดลึกถึงขนาด 3/4 สภาพของ pressure จะเข้าไกล้ maximum load ก็จะทำให้ VVT ทำงานเช่นกัน (ระหว่าง 1500-7200 อยู่ดี )
5.การทำงานของ VVT ไม่ขึ้นอยู่กับ input อย่าง speed sensor

ปล. จากข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลที่บอกว่า VVT ทำงานยังไงเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่า ทำไม.. ทำแล้วได้อะไรในรอบ 1500-7200 ทำไมไม่ให้ทำแต่เดินเบา .. ทำไมต้องตัดตอน7200
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 พฤศจิกายน 2555 22:38:24 โดย urachima » บันทึกการเข้า
m&m
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,021


จำหน่ายสารปรับสภาพดิน มิกซ์ไดนาไมท์


ดูรายละเอียด
« ตอบ #56 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555 23:13:34 »

ช่างเทคนิดเขาคิดแบบนี้นั่นเอง...อิอิ..สุดยอดเลยน้อง....6 เกียร์ที่คุยกัน น้องเขาวิจัยเเล้วอัตราทดเเจ่มมากๆๆ...ยิ่งเกียร์สูงยิ่งชิด...
บันทึกการเข้า

อดีตใจรักฝาลาย เเต่ปัจจุบันต้องทำกิน...อีกแป็บ...
จำหน่ายสารปรับสภาพดิน (เจ้าของ) https://www.facebook.com/pages/Mixdynamite/136536479881386
รุ่นน้องอะไหร่ https://www.facebook.com/pages/Engine-Parts/222029024607901?hc_location=stream
รุ่นพี่ทำเทอร์โบ https://www.facebook.com/S.turbo.performance
Piggy 92
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,188


ก็แค่....รถเดิมๆ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #57 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2555 06:01:05 »

จากข้อมูลของ อ.หมู พอจะสรุปได้ว่า
1.ช่วงเราสตาร์ทเครื่อง VVTจะทำงาน เพื่อให้ได้อากาศมากกว่าเดิมในการติดเครื่องยนต์
2.หลังจากสตาร์ท VVT จะไม่ทำงานจนกว่าอุณหภูมิจะถึงตั้งแต่ 50 องศาขึ้นไป (ทำแค่ตอนสตาร์ทเท่านั้น)
3.ช่วงการทำงานของ VVT จะอยู่ระหว่าง 1500-7200 ผิดเพี้ยนจากนี้ไม่มาก แต่จะทำหรือไม่ทำ ขึ้นอยู่กับ pressure ใน inlet manifold คิดว่ามาจาก vac sensor หรือ map นั่นแหล่ะ)
4.คล้ายๆข้อ3 แต่ยกตัวอย่างในเชิง load ของการทำงาน คือให้เห็นภาพว่า ขึ้นอยู่กับการกดคันเร่งของแต่ละช่วง rpm ด้วย แต่ถ้ากดลึกถึงขนาด 3/4 สภาพของ pressure จะเข้าไกล้ maximum load ก็จะทำให้ VVT ทำงานเช่นกัน (ระหว่าง 1500-7200 อยู่ดี )
5.การทำงานของ VVT ไม่ขึ้นอยู่กับ input อย่าง speed sensor

ปล. จากข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลที่บอกว่า VVT ทำงานยังไงเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่า ทำไม.. ทำแล้วได้อะไรในรอบ 1500-7200 ทำไมไม่ให้ทำแต่เดินเบา .. ทำไมต้องตัดตอน7200
คำตอบคือ... ทำเยอะ มันเหนื่อย.... 
บันทึกการเข้า


สิ่งที่ดีที่สุด บางทีมันก็ไม่ถูกต้อง
และ สิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่ดีที่สุดเสมอไป....
urachima
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 308



ดูรายละเอียด
« ตอบ #58 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2555 07:59:45 »

  ออกทะเลละไง ..
บันทึกการเข้า
kampol
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,990


ครอบครัวต้องมาก่อน จำไว้ๆ ห่างจากยุทธจักรมานานแล้ว


ดูรายละเอียด
« ตอบ #59 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2555 11:19:51 »

จากข้อมูลของ อ.หมู พอจะสรุปได้ว่า
1.ช่วงเราสตาร์ทเครื่อง VVTจะทำงาน เพื่อให้ได้อากาศมากกว่าเดิมในการติดเครื่องยนต์
2.หลังจากสตาร์ท VVT จะไม่ทำงานจนกว่าอุณหภูมิจะถึงตั้งแต่ 50 องศาขึ้นไป (ทำแค่ตอนสตาร์ทเท่านั้น)
3.ช่วงการทำงานของ VVT จะอยู่ระหว่าง 1500-7200 ผิดเพี้ยนจากนี้ไม่มาก แต่จะทำหรือไม่ทำ ขึ้นอยู่กับ pressure ใน inlet manifold คิดว่ามาจาก vac sensor หรือ map นั่นแหล่ะ)
4.คล้ายๆข้อ3 แต่ยกตัวอย่างในเชิง load ของการทำงาน คือให้เห็นภาพว่า ขึ้นอยู่กับการกดคันเร่งของแต่ละช่วง rpm ด้วย แต่ถ้ากดลึกถึงขนาด 3/4 สภาพของ pressure จะเข้าไกล้ maximum load ก็จะทำให้ VVT ทำงานเช่นกัน (ระหว่าง 1500-7200 อยู่ดี )
5.การทำงานของ VVT ไม่ขึ้นอยู่กับ input อย่าง speed sensor

ปล. จากข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลที่บอกว่า VVT ทำงานยังไงเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่า ทำไม.. ทำแล้วได้อะไรในรอบ 1500-7200 ทำไมไม่ให้ทำแต่เดินเบา .. ทำไมต้องตัดตอน7200
มันอยู่ที่ องศาแคม และ ระยะ ลิฟ ด้วยแหละ ทำให้ มีข้อจำกัดในการ เปิดและปิดตัว vvt ต้องสัมพันธ์กัน ซึ่งอาศัยระบบแมคคานิค + ระบบควบคุมไฟฟ้าทำงานให้สัมพันธ์กันโดยระบบแบบนี้ค่า error สะสมมันก็มีอยู่ครับ จึงทำให้รอยต่อมันไม่เนียนพอ เพราะระบบมันยังเป็นระบบเก่า อันนี้เป็นความคิดในเชิงช่างที่ผมคิดเองนะครับ ไม่รู้มันจะเป็นอย่างที่คิดมั้ยน้อ....
บันทึกการเข้า

ปัจจุบัน
 
 ก่อนหน้า
หน้า:  «  1 2 [3] 4  »    ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!