23 พฤศจิกายน 2024 15:32:29
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
AE. Racing Club
>
AE Racing Club - FreeStyle
>
Free Style - AE Racing Club
(ผู้ดูแล:
Oon_Resist .CZ
,
DARKSTAR
,
[[Badd]]
,
PANDA RACING
) >
Circuit Experience ตอนที่ 1+2+3
หน้า: [
1
]
2
3
...
8
»
[5»]
ลงล่าง
« กระทู้ที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: Circuit Experience ตอนที่ 1+2+3 (อ่าน 25374 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
PANDA RACING
Moderator
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
กระทู้: 3,663
Circuit Experience ตอนที่ 1+2+3
«
เมื่อ:
15 มกราคม 2013 19:55:43 »
อันนี้จะเป็นบทความคร่าวๆ ที่ผมเขียนขึ้นมาเอง เอาไว้ให้ผู้ที่สนใจในการขับรถแบบเซอกิต ทั้งมือใหม่และมือเก่าแต่พัฒนาไม่ไป รวมถึงผู้ใช้รถบนท้องถนนได้อ่านดู ไว้เป็นแนวทางในการขับให้ถูกต้อง ถูกต้องนะครับ ไม่ได้ให้เร็วขึ้นแบบทันตาเห็น คงต้องไปเรียนพวก racing school เอา มือที่จะลงงาน japday อ่านแล้วพยามฝึกตามดู จะไปได้เร็วด้วย ปลอดภัยด้วย
ผมไม่ใช่นักแข่งมือหัวแถวที่จะโดดขึ้นคันไหนแล้ว ขับ 2-3 รอบแล้วควบทำ record สวยๆได้เลย ไม่ใช่คนที่ลงแข่งแล้ว ไส่หมดแม๊กชนิดกองเชียร์มันส์สะเด่า ผมเป็นนักแข่งที่แค่พยามใช้ความสามารถในทุกๆจุดของรถให้ได้อย่างเต็มที่ ทั้ง เบรค ยาง เครื่องยนต์ มุมล้อ หัวข้อที่เราจะคุยกันก็จะวนๆอยู่กับเรื่องพวกนี้ ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าไม่จำเป็นเพราะทำไปแล้วก็ไม่ได้แปลว่าจะได้แชมป์ แต่ผมว่ามันช่วยได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการแข่งรถและกีฬาเกือบๆทุกประเภทมี 3 อย่าง ก็คือ เทคนิค อุปกรณ์ และ การฝึกซ้อมครับ
เริ่มเลยละกัน ผิดตรงไหนชี้แนะได้ครับ
เราเริ่มกันจาก การเตรียมร่างกายและรถของเราก่อน
ร่างกายมีความสำคัญ ทั้งความฟิตและสมาธิ การคอนโทรลรถเมื่อมันถึงลิมิตของยาง จะต้องใช้แรงพอสมควร ถ้าคุณขับในลักษณะพวงมาลัยนิ่งสบายมือ เลี้ยวหวานเย็นได้ นั้นแปลว่าคุณยังใช้ traction ของยางไม่เต็มที่ ยังสมารถไปได้เร็วขึ้นอีก ขับแบบนั้นคงไม่เหนื่อย สมาธิ มีผลในเรื่องการตัดสินใจ การเลือกจุดเบรค การเลือกสปีดเข้าโค้ง (พวกนี้จะกล่าวถึงต่อไป) วันไหนทะเลาะกับเมียหรืออกหัก รักคุด โดนไล่ออกจากงาน อย่าได้โดดขึ้นรถแข่ง เพราะมีโอกาสใจลอยทะลุได้ทุกโค้ง อันตราย รวมถึง ความลังเลในการขับขี่เอง บางทีในระหว่างแข่งหรือซ้อม เกิดผิดพลาดหรือทำได้ไม่ถึงที่ตั้งเป้าไว้ แล้วเครียด คิดมาก ก็อาจทำให้การควบคุมรถผิดพลาดได้ (ผมเคยมาแล้ว ออกโค้งลงหญ้าไปเกือบลงบ่อน้ำ เพราะมัวแต่คิดว่าทำไมโค้งนั้น ไปได้ไม่สมูทไม่เนียนซะที)
การเตรียมรถ หัวข้อนี้คือความพร้อม ไม่ใช่การเซทอัพ การตรวจเช็คสภาพของอุปกรณ์ต่างๆ อุปกรณ์เซฟตี้ เช่น satety belt ถังน้ำมัน switchตัดไฟตัดน้ำมันต่างๆ ชิ้นส่วนตัวรถยึดให้แน่น ด้านในรถให้เอาของที่สามารถหลุดหรือกลิ้งไปมาในรถได้ ออกให้หมด เพราะจะทำให้เสียสมาธิรวมถึงอาจจะกลิ้งเข้าไปขัดกับคันเบรค คันเร่ง ขาคลัทช์ ทำให้เกิดอุบัติเหตุ(แบบโง่ๆ)ได้ อุปกรณ์ที่มีของเหลวเช่น หม้อน้ำ เครื่อง เกียร์ เบรค พาวเวอร์ ต่างๆ ตรวจเช็คให้เรียบร้อยไม่ให้ไหลลงพื้นสนาม การขับเซอกิตในสนามที่มีน้ำมัน ก็คือ นรกดีๆนี่เอง ถ้าไม่มีประสพการณ์ก็เตรียมเข้ากำแพงได้เลย
ต่อไป เป็นเรื่องของการปรับท่านั่งในการขับให้ถูกต้อง รวมถึงการใช้พวงมาลัย คันเร่ง เบรค ให้ถูกต้อง(บางอย่างอาจจะไม่ผิด แต่มันจะทำให้เทคนิค advanced อื่นๆทำได้ยากขึ้น)
ท่านั่งที่ถูกต้อง ขอให้ทำโดยเคร่งครัดนะครับ ให้นั่งโดยใช้ก้นนั่งให้สุด งง คือบางคนใช้หลังนั่งครับ จะเหลือพื้นที่อยู่ตรงแถวก้นอยู่ ให้ดันก้นไปให้สุดครับ หลังตรงแนบกับพนักให้แน่น
การคาดเบลท์ จะต่อเนื่องกับท่านั่งคือ ให้ใส่เบลท์ให้ครบ(กรณีเบลท์ 4-5-6 จุด) ให้ดึงให้แน่นที่สุด(จนแทบขยับไม่ได้) ให้ตัวล๊อกแน่นอยู่กับเบาะ โดยมีเหตุผลคือ เบลท์ลักษณะนี้(4-5-6จุด) จะไม่มีระบบกระชากแล้วรั้งเหมือนเบลท์ 3 จุดจากโรงงานทั่วไป เวลาเกิดอุบัติเหตุ ถ้ารัดไม่แน่น ตัวขยับได้ จะเกิดการสะบัดของเอว คอ หลัง เบาๆก็เคล็ด หนักข้อเข้าก็อัมพาต สปีดในสนามอย่างสุดทางตรงสั้นๆพีระ ก็อยู่ราวๆ 150-160 นะครับ ล๊อกให้แน่นให้ร่างการยึดเบาะไว้ไม่ขยับเก็บคองอเข่า เพื่อลดการบาดเจ็บครับ (งอเข่าคือ ตามธรรมชาติ เวลารถชน ขามันจะเตะไปด้านหน้าโดยอัตโนมัติครับ จะไปเตะใต้คอนโซลขาหักครับ ส่วนคอ ปัจจุบันจะเห็นรายการใหญ่บังคับใช้ hans( head and neck support)(เป็นอุปกรณ์ล้อกหัวคนขับเข้ากับเบาะนั่งเพื่อลดการกระชากเวลาชนครับ)
จบท่านั่ง มาการปรับเบาะ ให้ปรับเลื่อนมาด้านหน้า จนถึงตำแหน่งที่ ยืดแขนออกไปตรงๆแล้ววางข้อมือไว้บนพวงมาลัยได้พอดี ซึ่งโดยปกติ มันจะนั่งใกล้พวงมาลัยมากและจะดูตลกเหมือนคนหัดขับรถที่มักจะพยามมองหน้ารถ แต่นี่แหละวิธีนั่งที่ถูกต้องครับ เวลาหดแขนมาจับพวงมาลัยแล้ว แขนจะงอได้นิดหน่อยถึงพอสมควร เพื่อให้เวลาเข้าโค้ง แขนมีกำลังที่จะบังคับพวงมาลัยได้เต็มที่ บางครั้งในสนาม รถมีการอาการชกมวย คือมันโยกซ้ายขวาคล้ายจะหมุน นั่นคือล้อหน้ามันไม่สัมพันธ์กับพวงมาลัยแล้ว คนขับจะต้องบังคับพวงมาลัยโดยใช้แรงมากเพราะต้องฝืนพวงมาลัย ถ้านั่งไกลๆ แขนตรงๆ แขนจะไม่มีแรงพอที่จะบังคับพวงมาลัยครับ และถ้านั่งไกลเกินไปและล๊อกตัวเข้ากับเบาะได้ไม่แน่นพอ จากที่คนขับควรจะบังคับพวงมาลัย จะกลายเป็นตัวคนขับจะไหลไปด้านข้างและมือที่อยู่ไกล จะกลายเป็นโหนพวงมาลัยแทนเพื่อต้านแรง G จากการเหวียงของรถแทนครับ แขนจะต้องงอได้นิดนึง และ ตัวต้องไม่เลื่อนซ้ายขวา(นั่นก็เป็นที่มาของเบาะ full bucket seat) ลองทำดูครับ เวลาขับบนถนนจริงๆไม่จำเป็นมาก แต่ฝึกให้ชิน มันมีประโยชน์เวลาฉุกเฉินครับ
ต่อๆ มาเรื่องการจับพวงมาลัยและการหมุนพวงมาลัย
ให้จับพวงมาลัยที่ 3 และ 9 นาฬิกา คือฝั่งซ้ายสุดและขวาสุดของพวงมาลัย จะใช้นิ้วโป้งล๊อกหรือไม่ล๊อกแล้วแต่ถนัด( toyota racing school บอกไม่ต้องล๊อก) เวลาหมุนพวงมาลัย ให้จับที่ตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา ไม่ต้องขยับเลย แล้วหมุนให้สุด พอสุดแล้ว แขนมันจะมาคล่อมกับสลับซ้ายขวาที่ 3 และ 9 นาฬิกาเหมือนเดิม เราเรียกว่าเทคนิค cross hand ครับ นักแข่งใช้กันทั่วโลกครับ เราจะไม่มีการหงายมือ(การสอดมือไปจับจากด้านใต้พวงมาลัย ซึ่งผมจำเป็นต้องใช้เวลาขับกะบะส่งของที่พาวเวอร์มันเสียเท่านั้นเพราะต้องใช้แรงมาก) ในสนาม โดยมากจะไม่มีโค้งที่แคบเกินกว่าการหมุนพวงมาลัยจบแขน cross กันครับ ถ้ามี ให้ใช้มือของด้านที่กำลังเลี้ยว คือ สมมติโค้งขวา พอเราเลี้ยวหมดวงแขน แขนซ้ายมันก็จะมาคล่อมแขนขวา แล้วไปต่อไม่ได้ แล้วปล่อยแขนขวาอ้อมขึ้นมาบนมือซ้ายใหม่(มาจับที่ 9 นาฬิกาเหมือนเดิม) แล้วก็หมุนต่อไปตามปกติ จะหมุนต่อเนี่อง 2-3 รอบ หรือ 100 รอบก็ทำแบบเดิม ถ้าลองทำดูจะสังเกตุเห็นว่า ตำแหน่งมือจะอยู่ที่ 3 และ 9 นาฬิกาตลอดเวลา ไม่ขยับไปไหนเลย จะทำให้คนขับไม่หลงพวงมาลัยด้วยครับ ลองฝึกดูครับ ไอ้การเอาฝ่ามือคลึงเหมือนเลี้ยวในซอยหรือการสอดหงายมือเข้าไปจับพวงมาลัยเลี้ยว อย่าไปทำครับ จริงๆมันมีอีกเทคนิคคือ push and pull แต่มันอธิบายยาก และ ในเซอกิตผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะเท่าไร โดยข้อเปรียบเทียบของ 2 เทคนิคนี้คือ cross hand มือใช้เยอะ ล้อขยับน้อย push and pull มือใช้น้อย ล้อขยับเยอะครับ ลองหา clip วิธีการหมุนดู
การหมุนพวงมาลัย ให้ทำให้นุ่มนวล(นุ่มนวลแต่รวดเร็วนะไม่ใช่หมุนช้าเป็นเต่าจะเลี้ยวไม่ทัน) เพราะการกระตุกพวงมาลัยจะทำให้รถเสียอาการ ซึ่งทำได้ในกรณีที่คุณมือขั้นเมพแล้ว สามารถปล่อย under หรือ over แล้ว ควบคุบได้อย่างใจ มันก็ทำให้ไปได้เร็วขึ้นอีก แต่ระดับพวกเรา ให้หมุนให้นุ่มนวล ถึงจะต้องเลี้ยว u-turn ยังไง ก็หมุนให้นุ่มนวลครับ แบบฝึกหัดคือการ ขับ slalom หรือ ขับซิกแซกหลบกรวยนั่นแหละ จะเห็นความแตกต่างของคนที่ใช้พวงมาลัยเก่งกับไม่เก่งได้ชัดเจนมาก รวมถึงการขับเป็นเลข 8 หาลานกว้างลองซ้อมดูครับ ขับไปเรื่อยๆไม่ต้องเร็วเลย แต่หมุนพวงมาลัยให้ได้จังหวะนุ่มนวล ความเร็วในการหมุนเท่ากันตลอด และ ได้ซ้อมกับหมุนพวงมาลัยแบบ cross hand ไปในตัว คนที่หมุนพวงมาลัยเมพๆ นั่งมองดูล้อจากนอกรถ ล้อจะค่อยเลี้ยวซ้ายขวาอย่างนิ่มนวลสวยงามมาก ไม่มีการขยับแบบพรวดๆนิ่งพรวดๆนิ่งให้เห็น หรือ ถ้าล้อเปียก ลองดูรอยล้อได้ มันจะเป็นเส้นโค้งสวยงามและแทบจะทับเป็นเส้นเดียวกัน ส่วนคนที่หัดซ้อมใหม่ๆ ลายล้อจะเหมือนปูเดิน ยึกๆยักๆ และเลข 8 จะเบี้ยวไปเบี้ยวมา ลองฝึกดูครับ
การใช้คันเร่ง
การกระแทกคันเร่ง หรือ ยกแรงๆ เราเรียกว่าขับแบบ on/off ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงคนขับแทกซี่ส่วนใหญ่ นั่งแล้วจะมึนมาก เพราะเขาจะเหยียบแบบ on/off นี่แหละครับ คือ เหยียบคันเร่งแล้วถอน ๆๆๆ อยู่อย่างนั้น บรื้น บรื้น ซึ่งถ้ามีแก้วน้ำในรถมันก็คงหกหมดแล้ว
อะ แน่นอนครับ ไอ้ที่ทาคุมิฝึก มันไม่ใช่เรื่องสนุกเอาฮาธรรมดาครับ การรักษา balance รถ หรือ ที่เราเรียกกันว่า weight transfer นั้น มันสุดยอดมาก มันเป็นสิ่งที่จะแยกนักแข่งรถระดับแชมป์โลก F1 กับ แชมป์โลกF1 7 สมัยออกจากกัน มันสำคัญขนาดนั้นเลยละครับ มันคือเรือ่งของการใช้พวงมาลัย เบรค และ คันเร่งล้วนๆเลย คันเร่งออกโค้งให้ค่อยๆเค้นคันเร่ง อย่าไปกระแทกป๊ากจุ่มมิดคันเร่งไปเลย เพราะผลที่ได้คือ รถแถหรือunder ยิ่งรถแรงมากมีแรงม้ามากเท่าไร การใช้ขาขวาในการควบคุบแรงม้าออกโค้งให้มันไม่ออกอาการ ยิ่งยากเท่านั้น ฝรั่งเรียก squeeze หรือ คั้น อย่าไปกระแทก แม้แต่การยกคันเร่ง ก็ให้ยกอย่าพรวด เหมือนเดิมคือ ให้นุ่มนวลและรวดเร็ว การยกคันเร่งแบบโง่ๆในขณะที่รถเลี้ยวนิดๆ อาจทำให้รถหมุนได้โดยที่ไม่ต้องเลี้ยวอะไรมากมายเลย ตรงนี้ สุดทางตรงพีระ เป็นพื้นที่ให้ฝึกซ้อมอย่างดีครับ ลงเนินและเป็นโค้งนิดๆ ระวังกองยางด้วย
การใช้เบรค สำคัญและยากยิ่งกว่าการใช้คันเร่ง การเบรคในสนามแข่งไม่เหมือนกับการเบรคบนถนน แต่นำมาใช้บนถนนได้ การเบรคในสนามเราจะกดครั้งเดียว ไม่ยกขึ้นยกลงหลายทีนะ(เวลาบนถนนอาจจะเบรคหลายทีก่อนรถจะจอด) ก่อนอื่นต้องเข้าใจคำว่า จุดเบรค การเบรคในอุดมคติก็คือ จาก top speed มา พอถึงจุดเบรค ก็เหยียบเบรคให้ความเร็วลดลงอย่างเร็วที่สุดโดยรถไม่เสียอาการ ล้อไม่ล๊อก จนรถมีสปีดที่ จุดเริ่มเลี้ยวได้พอดีกับการที่รถจะเข้าได้โดยไม่เร็ว และ ไม่ช้าเกินไป งงไหม ตัวอย่างเช่น สุดทางตรงพีระ รถผม gps อยู่ราวๆ 165-170 แล้วแต่ออกโค้งมาดีแค่ไหน พอถึงจุดเบรคที่ผมมาร์คไว้ในระหว่างการซ้อมคือ เลยปากทางออกพิทไปนิดนึง ผมก็จะเบรคโดยเหยียบครั้งเดียว เม็ดเดียว แรงที่สุดเท่าที่ล้อจะไม่ล๊อก รถก็จะลดความเร็วลงมาอย่างเร็ว จนถึงจุดที่ผมมาร์คไว้ว่าเป็นจุดที่เริ่มหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าโค้ง รถผมยางชุดนี้ แคมเบอร์เท่านี้ เข้าโค้งสุดทางตรงได้อยู่ราวๆ 90-95 โดยใช้ full line ผมก็จะต้องเบรคให้พอดีรถมามีสปีดประมาณ 90-95 เพื่อให้เข้าโค้งต่อไปได้พอดี นี่คือการเบรคในอุดมคติ อ่านๆดูก็จะเห็นว่า เบรค ยาง มุมล้อ ไลน์ สปีด มันสัมพันธ์กันหมด
แล้วที่มันไม่อุดมคติมันเป็นยังไง
- กลัว น้ำหนักเบรคถูก แต่เบรคเร็วเกิน(ก่อนจุดเบรค) ผลคือ รถมีช่วงเวลา ปล่อยไหล รอเข้าจุดเริ่มเลี้ยว เพราะสปีดลดมาได้ 90-95 แล้ว แต่มันยังไม่ถึงจุด ผลคือ ช้า
- บู๊เกิน น้ำหนักเบรคถูก แต่เบรคช้าเกินไป ผลคือ รถสปีดสูงเกินไป ไหลทะลุจุดเริ่มเลี้ยวที่วางแผนไว้ ต้องเปลี่ยนไลน์หรืออาจจะลงหญ้า หรือ กลั้นใจเลี้ยวด้วยสปีดที่สูงกว่า 90-95 แล้วไปวัดกับการแก้อาการรถเอา (ตรงนี้สมาธิมีผลมาก เมาๆไปก็โยนเข้าไปวัดชัวร์)
- เริ่มล้า จุดเบรคถูก แต่น้ำหนักเบรคเบาเกินไป รถสปีดสูงเกินเข้าโค้งเหมือนข้างบน ช้า
- เค้นเกิน จุดเบรคถูก แต่เหยียบเบรคหนักเกินไป ล้อล๊อก รถเสียอาการ ต้องแก้ ช้า
***รถแต่ละคันเซตอัพไม่เหมือนกัน จุดเบรค จุดเลี้ยว จุดเดินคันเร่ง ก็จะไม่เหมือนกันนะครับ ทะลึ่งตามคันหน้าไปไม่ดูตาม้าตาเรือ อาจจะจะได้หัวตัดใหม่เป็นรางวัลได้***
แค่เรื่องเบรคเรื่องเดียวก็ต้องซ้อมกันหนักเลยละครับ นักแข่งระดับอาจารย์ท่านนึง พูดกับผมตลอดเวลาว่า น้ำหนักเบรคสำคัญมาก โดยเฉพาะต่อๆ มันจะมีเรื่องการเบรคพร้อมเลี้ยว trail braking เข้ามาอีก แต่คงไม่พูดถึง เพราะต้องซ้อมกันหนักพอดู กว่าจะเข้าใจ
ผมถึงเน้นย้ำเสมอว่า ตรวจดูระบบเบรคให้ดู จาน ผ้าเบรค น้ำมันเบรค ขอให้ทนความร้อนได้ดี การพุ่งเข้าโค้งไปแบบ full speed แล้วพอว่า เบรคหาย มันก็คือนรกดีๆนี่เอง ให้เทพขนาดไหน ก็เก็บคองอเข่ารอเลยครับ
จบ ตอนที่ 1 เรื่องการเตรียมตัว เตรียมรถ และ การปรับเบสิคในการขับรถให้ดูวิธีแล้วครับ ลองฝึกดูครับ ผมรับรองว่าได้ประโยชน์แน่นอน รวมถึงมันจะเป็นพื้นฐานสำหรับเรื่องราว advanced เจ๋งๆอีกเพียบในบทต่อๆไปครับ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 มกราคม 2013 17:28:08 โดย PANDA RACING
»
บันทึกการเข้า
บรรทุกไม่เกิน 18 ปี รับเฉพาะคนรู้ใจ
Ratchayotin Football Club
www.rfc.in.th
rfcthailand.hi5.com
M31 Body and Spa Sukhumvit 31
www.m31.in.th
ร้านแดง-ดำ สาขาวังหิน ก่อน TOP plaza lagoon นิดนึง
PANDA RACING
Moderator
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
กระทู้: 3,663
Re: Citcuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #1 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 19:56:10 »
เรื่องกฎ กติกา มารยาท ในการขับสนามแบบเซอกิต รวมถึงเรื่องความปลอดภัยในการใช้สนาม และ วิธีการขับเบื้องต้นแบบ circuit
บทความนี้ก็จะพาทุกท่าน ล้อหมุนเข้าสู่สนามแข่งขันแบบ circuit อย่างเต็มตัว หลังจากที่ได้ฝึกเบสิคการใช้พวงมาลัย คันเร่ง เบรค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จะบอกว่า ไม่ว่าท่านจะเคยขับรถบนท้องถนนมากี่ปี จะขับเทพแค่ไหน มุดเก่งขนาดไหน หากท่านเป็นมือใหม่ในการขับแบบ circuit ก็ให้ท่านระลึกไว้เสมอว่า ท่านก็คือ"มือใหม่" นะครับ มันต่างกันเป็นหนังคนละม้วนทีเดียว ท่านจะต้องเรียนรู้เรื่องพื้นฐานต่างๆอีกมากมาย
เราเริ่มกันจาก คำศัพท์ที่เราใช้กันทั่วไปนะครับ
track แทรค ก็คือเส้นทางวิ่งในสนาม โดยจะมีทางเข้าแทรคและทางออกแทรค ให้จำให้ดี เมื่อถึงเวลาต้องเข้าออก จะได้ไม่เสียเวลาคนอื่นเขา
pit คือ ส่วนที่ทีมแข่งใช้ service รถ ที่สนามพีระก็จะอยู่ทางด้านบน ติดกับแทรคช่วงทางตรง
pit lane คือ เส้นทางวิ่งที่อยู่ระหว่างพิทกับแทรค จะเป็นทางที่วิ่งตรงไปยัง ทางออกพิทหรือทางเข้าแทรคนั่นเอง เส้นทางนี้จะมีการบังคับความเร็วตามแต่สนามและการแข่งขันและจะเป็น one way เสมอ ที่สนามพีระกำหนดไว้ไม่เกิน 60km/h นะครับ ตรงนี้ไม่ต้องแรง ไม่ต้องลากรอบโชว์ ไปต้องเปิดหน้ายางนะครับ อยากทำไรไปทำในสนามครับ
paddock แพดดอค คือส่วน service ทางด้านล่าง เส้นทางวิ่งรอบๆ paddock ก็จะเป็น one way เช่นกัน และกำหนดความเร็วไว้ 20km/h อยากให้ปฎิบัติตามกันนะครับ ถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วจะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้
ห้องน้ำ ห้องพยาบาล ห้องผู้ควบคุมสนาม เหล่านี้ควรศึกษาไว้ก่อน เวลาเกิดเหตุจะได้ไม่ต้องล่กครับ
ต่อมา เราจะพาเข้ามาในแทรค วู้ๆๆๆๆ การวิ่งในแทรคนั้น นักแข่งจะต้องปฎิบัติตามข้อกำหนดต่างๆอย่างเคร่งครัด ขอเน้นเลยนะครับ เรื่อง safety นี่สำคัญมากกับกีฬา motorsport เจอขับเก่งๆไม่กลัว กลัวพวกไม่รู้เรื่องนี่แหละครับ
เริ่มจากการสื่อสารในสนาม แน่นอน เสียงไม่ได้ยินแน่ ท่อมันดัง ทำยังไง เราใช้สัญญานธงในการสื่อสารกันระหว่าง นักแข่งกับทาง marshall ของสนาม เรามาเรียนรู้สัญญานธงง่ายๆกันครับ โดยในการแข่งขันจะมี marshall อยู่ตามจุดต่างๆในสนามเพื่อโบกธงให้นักแข่งได้รู้สถานการณ์ในสนาม เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า โค้งข้างหน้ามันมีอะไรอเราอยู่
ธงเขียว เหตุการณ์ปกติ หวดได้เต็มที่
ธงเหลือง ก็แน่นอนครับ อาหารเจ ถุย!! คือ ธงแจ้งเตือนให้นักแข่งระวังพร้อมลดความเร็วลง ข้างหน้าอาจจะมีอุบัติเหตุกีดขวางหรือไม่กีดขวางเส้นทาง หรือมีเศษอุปกรณ์ใดๆหล่นอยู่บนพื้นแทรค เป็นต้น โดยห้ามนักแข่งแซง(หากแซงจะโดนปรับเวลา) มีธงเหลืองประจำจุดคือ โบกให้นักแข่งระวังและห้ามแซงในจุดนั้น หลังจากนั้นพอจุดต่อไปโบกธงเขียวก็หวดต่อได้เลย กับ full course yellow คือ ธงเหลืองทั้งสนาม จะมีรถ safety car ออกมานำและเรียงลำดับรถแข่งใหม่ ให้ขับต่อแถวตามรถ safety car ไปตามลำดับ
ออ ธงเหลืองนี่มันมียกเฉยๆ ยกแบบโบกสะบัด 1 ธง 2 ธง ยกแบบ 2 ธงแล้วสะบัดอย่างเร็วๆ ก็ตามความอันตรายของเหตุการณ์นะครับ ถ้าเป็นอย่างหลังสุดคือโบก 2 ธงรัวยิกเลยนี่ ข้างหน้าอาจจะมีเพื่อนกองกันอยู่ที่กองยางแล้ว ให้ระวังหนัก
ธงแดง ยุติการวิ่่ง นำรถกลับเข้า pit หรือ บางเรซอาจนำรถกลับเข้า grid start ใหม่ เนื่องจากมีอุบัติเหตุร้ายแรง หรือ อุบัติเหตุไม่แรงแต่รถแข่งกีดขวางเส้นทางการวิ่ง ทำให้เกิดอันตราย ให้นักแข่งลดความเร็วลงทันทีทั้งสนาม และนำรถกลับไปจอดในพิททันที เพื่อเปิดเส้นทางให้รถลากหรือรถพยาบาล
ธง ส้มสลับเหลือง จุดนั้นทางลื่น อาจจะมีน้ำมันอยู่บนพื้นผิวแทรค หรือ ฝนตกถนนลื่นมาก มีดินทรายอยู่บนผิวแทรค เป็นต้น
ธงฟ้า โบกให้รถช้า มีรถหลังเร็วกว่าตามมา ให้เปิดเส้นทางให้แซง โดยให้รักษาทางวิ่งไว้ รถเร็วกว่าจะหาทางแซงไปเอง อย่าโยกหลบ เดี๋ยวจะเอ๋กันกลางทาง
ธงขาว โบกให้รถที่เร็วกว่าทราบ ว่ามีรถช้ากว่าอยู่ข้างหน้า อย่าไปตุ๋ยตูด
ธงดำ/ตรงกลางส้ม ยกพร้อมเบอร์ แจ้งเตือนนักแข่งว่ารถแข่งมีอุปกรณ์ชำรุด เช่นท่อหลุดลากพื้น กันชนห้อย ปล่อยน้ำมันหกบนแทรค ให้เข้ามาพิทภายใน 3 รอบ เข้ามาทำการซ่อมแซมก่อน ถ้าเกิน 3 รอบ จะโดนธงดำ
ธงดำ/ขาว/พร้อมเบอร์ แจ้งเตือนนักแข่งเรื่องมารยาท(ทราม) ถ้าทำอีกครับจะโดนธงดำ
ธงดำ/พร้อมเบอร์ มารยาททราม(หลายรอบ) ให้ออกจากการแข่งขัน
ธงหมากรุก ให้เข้ามาเล่นหมากรุกกับนายสนามด่วน กระดานละ 200 ถุย!! จบการแข่งขันหรือหมดเวลาซ้อมหรือqualify ให้นำรถออกจากสนามครับ
ก็ขอให้ศึกษาให้ดีครับ ทุกคนจะต้องทำตามกฎโดยเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของทุกๆคน ลองคิดสภาพเขายกธงแดงรอบสนาม แล้วให้ marshall วิ่งลงไปช่วยเหลือนักแข่งที่เกิดอุบัติเหตุในแทรค แต่มีไอ้บ้าไม่รู้สัญญาณธง หวดมาเต็มแล้วไปซัด marshall กระเด็นกระดอนเสียชีวิต แบบนี้ เป็นความผิดจากความประมาทและความโง่อย่างแท้จริง
จำไว้เสมอว่า ความปลอดภัยมาอันดับแรกนะครับ โดยเฉพาะมือใหม่ ให้ศึกษาให้ดี คุณอาจจะไปทำร้ายหรือทำให้คนอื่นบาดเจ็บโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้
พอเรียนรู้กฎต่างๆหมดแล้ว เราก็เริ่มขับรถลงสนามกัน วิธีขับก็ไม่ต่างกับการแข่งประเภทอื่นเท่าไร แต่เมื่อมันแข่งหรือวิ่งกันทีละหลายๆคัน ก็ควรจะรู้ "มารยาท" ในการขับแข่งไว้ครับ
การแซง ทำได้ทุกจุดในสนามนะครับ ไม่ผิดกติกา นอกจากไปแซงในเขตธงเหลือง แต่ว่ามารยาทในการแซง และ การบังไม่ให้แซง ก็มีอยู่ เอ่อ ห้ามแซงลัดสนามหญ้านะครับ
การแซงที่ง่ายสุดคือ แซงทางตรงครับ รถแรงกว่า หรือ ออกโค้งมาสปีดสูงกว่า สบาย ไม่เสียว แต่ที่นี้ มีข้อกำหนดคือ รถคันหน้า ให้บังได้ 1 ครั้งนะครับ เช่น คันหลังจะเสียบแซงมาขวา คุณ(ยังอยู่ด้านหน้าเต็มคันนะ)เบนรถออกขวา เพื่อบังได้ ไม่ผิด ไม่ผิดนะครับ เดี๋ยวกลายเป็นลงมาด่ากันเห้ยมาบังได้ไงวะ แต่ถ้าคันหลังโยกอีกรอบจากขวามาซ้ายเพื่อแซงซ้าย แล้วคันหน้า ไม่มีสิทธิ์โยกซ้ายมาปิดอีกรอบ ผิดกติกา โดนธง ขาว/ดำ เตือนมารยาท(ทราม) แล้วเวลาบังก็ดูให้ดีๆด้วยว่าคันหลังมาเร็วขนาดไหน ไม่ใช่สปีดห่างกันเยอะ ดันโยกออกไปบัง แต่โดนชนตูด อันนี้ นายสนามจะเป็นผู้ตัดสินนะครับ
การเสียบแซง จริงๆแล้วไม่มีกฎตายตัว แต่โดยปกติ หากรถคันหลัง ได้เลนในในการเข้าโค้ง โดยหัวรถขึ้นมาเสมอกันแล้ว อีกคันจะต้องปล่อยให้แซง ถือว่าขาวสะอาด
แต่ถ้าอีกคันเสียบขึ้นมาได้แค่ ครึ่งคัน กลางรถ อันนี้ อยู่ที่การตัดสินใจของนักแข่งเอง สามารถเข้าไปได้ทั้ง 2 คันพร้อมๆกัน แต่หากมีการปะทะ คันที่อยู่ค่อนทางด้านหลัง จะเสียเปรียบ โดนนายสนามมักจะดูรอยปะทะ หากอยู่หลังเสา B หรือ เสาหลังเบาะคนขับลงไป คันหลังจะผิด หากรอบปะทะอยู่เกินเสาขึ้นมา อยู่ที่ดุลยพินิจนายสนามครับ
ที่นี้ หากรถเสีย หรือ เกิดอุบัติเหตุ ทำยังไง?
หากรถเสีย แต่พอวิ่งได้ ให้พยามขับกลับพิท โดยวิ่งนอก racing line หรือถ้ารถมีของเหลวรั่วไหลด้วย ให้ลงไปวิ่งบนหญ้าเลยครับ เพราะการทำความสะอาดสนามเมื่อมีของเหลวรั่วบนแทรคทำยาก และ เสียเวลามาก เป็นอันตรายต่อนักแข่งคนอื่นด้วย
ถ้ารถเสีย ชน ไปต่อไม่ได้ ให้นำรถแอบในที่ปลอดภัย ลงหญ้าชิดกำแพง ออกนอก racing line ให้ไกลที่สุด แล้วรอในรถ ดับเครื่อง เตรียมปลดเบลท์ รอสัญญาณจาก marshall เพื่อพาออกจากรถไปยังจุดปลอดภัย จำไว้นะครับว่า ในสนามแข่งถึงท่านจะแอบลงหญ้าหรือเข้ากองยางไปแล้ว คันอื่นๆยังสามารถหลุดตามมาซ้ำท่านได้เสมอ(โดยเฉพาะไอ้พวกบ้าฝ่าฝืนธงเหลือง) ถ้าไม่มี marshall ให้รอจนรถที่ตามมาหมดลงก่อน แล้วหาจังหวะที่ปลอดภัยที่สุดรีบวิ่งออกจากรถไปนอกแทรคครับ รอคนอื่นมาช่วยทีหลัง ถ้าเห็นเพื่อนหลุดในสนาม ก็ไม่ต้องจอดช่วยนะครับ อันตรายมาก ให้รอเจ้าหน้าที่มาช่วยครับ
เรื่องมารยาทยังมีอีกเยอะ ไว้จะมาเพิ่มเติมเรือ่ยๆครับ
เรื่องการขับในสนาม ก็ให้ใช้รอบเครื่องที่รถเรามีกำลังมากที่สุด ซึ่งโดยมากเครื่องสนามแข่งก็มันจะสร้างแรงม้าในรอบซู้งสูงอยู่แล้ว ก็ใช้โดยคำนึงถึงจำนวนรอบที่วิ่ง ความร้อนและความทนทานของเครื่องที่ใช้ด้วย การนำโด่ง3-4รอบแล้วมาพังรอบสุดท้ายคงไม่เกิดประโยชน์อะไร ตรงนี้นักแข่งที่ดีควรบริหารความเสี่ยงให้ได้
เวลาซ้อม 1-2 รอบแรก ให้ลงไปปรับสภาพก่อนใช้ความเร็วปานกลาง สำรวจพื้นผิวแทรค และ รถคันรอบๆตัว แล้วค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้น มือใหม่ๆวิ่งซัก 4-5 รอบ แล้วขึ้นมาพักรถ พักคน ลองถามคนอื่น(คนที่มันรู้จริงนะ)ว่า โค้งนี้เข้ายังไง เริ่มเบรคตรงไหน อาการรถเป็นยังไง แก้ไขยังไง แล้วก็ลงไปวิ่งใหม่เพื่อพัฒนาตัวเอง
มือใหม่ ผมแนะนำอย่างนี้ อย่าเพิ่งปรับแต่งเครือ่งยนต์และช่วงล่าง สมมติตั้งค่ากลาง camber หน้าซัก -2 ให้ขับๆไปเรื่อยๆ จนเวลาค่อยๆลงมานิ่งๆอยู่ที่จุดนึงโดยคิดว่าไปสุดแล้ว จากนั้นจึงค่อยมาปรับตัวรถ โดยเราพัฒนาคนขับก่อนที่จะพัฒนารถครับ วิธีนี้คนขับจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ แต่เวลาที่ต่อรอบที่ว่านี่คือ นิ่งๆแล้วนะครับ ไม่ใช่สวิงไปมา 1.20 1.24 1.21 1.26 แบบนี้แปลว่า จุดเบรคไม่แม่น ไลน์ไม่แม่น คือขับยังไม่นิ่ง ขับนิ่งแล้วคือ แต่ละรอบขับได้เหมือนกันหมดเลย เวลาจะ +- ไม่เกิน 0.5-1 วิครับ
ผมเองทำรถเสร็จ ลงไปวิ่งแข่งครั้งแรก qualify วันเสาร์เลย ไม่ได้ซ้อม 1.29 ครับ ดูจากข้างนอกนี่ เรียกว่า หวานเย็นเลยทีเดียว เนิบมาก ไม่เป็นไรครับ รถยังสวย ลงไปแข่ง 10 รอบ อะ เข้าบ๊วย คนหัวเราะกันใหญ่ ไหนว่าเคยขับมาก่อน เวลาลงมา 1.25 ก็ถือว่ายังช้าอยู่
วันอาทิตย์แข่งอีก 10 รอบ อะ เข้าบ๊วยอีก แต่เวลาลงมา 1.23 จากนั้นก็ค่อยๆลงมาที่ 0.5-1 วิทีละหน่อยๆๆๆๆๆ ตามประสพการณ์และทักษาะที่เพิ่มขึ้น ***นี่คือผมว่าผมขับเป็นหมดแล้วมาก่อน ซ้อมมาก่อนเยอะมากแล้ว สมัยเมื่อก่อน ลงไปยังต้องปรับสภาพอยู่นานมาก ปกติแล้ว ถ้าวิ่งสม่ำเสมอจนเวลานิ่งๆแล้ว วิ่งซ้อมประมาณ 100 รอบ เวลาจะลงมา 1 วิครับ ของแบบนี้ต้องซ้อม***
เครื่องฝาดำเดิมๆ ผมขับแบบมี shock up tein ชุดเดียว ก็วิ่งอยู่ราวๆ 1.18 ได้ครับ ยังไปได้อีก เพราะตอนนั้นยังไม่เก่ง เลยบินเข้ากองยาง 100R ไปซะก่อน เลยอัพสเตปเครื่องให้ขับง่ายขึ้นหน่อย แต่นักแข่งระดับ super2000 แบงค์ กันตศักดิ์ นี่ ขับฝาดำเดิมๆ วิ่งอยุ่ 1.16 ได้ครับ เรียกว่าปลิวทุกโค้งแทบไม่เบรคเลย อันนั้น ประสพการณ์การฝึกซ้อมเรียกว่าคนละตีนกัน เขาซ้อมเยอะกว่าเรามาก
รถบอดี้ ae อย่างเราน้ำหนัก 1-1.2 ตันนี่ เครื่องแรงม้าประมาณ 120-140 ตัวที่ล้อ shock up ปรับระดับได้ วิ่งกันอยู่ราว 1.20-1.26 ครับ เอาไว้เป็นบรรทัดฐานในการวิ่ง ลองจับเวลาดูครับ รถแรงแต่ดันวิ่งช้าไม่ต้องอาย มาถามเพื่อนครับว่า ขับยังไง ทุกคนเคยช้ามาก่อนครับ แม้แต่ทาคุมิ
เท่านี้ก่อน เรื่องหน้า มันส์แน่ครับ สำหรับคอ circuit
ปล. tip เล็กๆน้อย body 101 กับ 111 นี่ น้ำมันควรจะต้องเต็มถังหรือไม่ลดลงไปกว่า 10-15 ลิตรจากเต็มถังครับ ไม่งั้นเวลาเข้าโค้งซ้ายเหวี่ยงๆเช่นสุดทางตรง รถท่านจะหวอดครับ เพราะน้ำมันมันเทขวาแล้วปัมพ์ติ๊ก fuel pump มันอยู่บนซ้ายครับ เป็นทุกคันครับ ไม่ต้องตกใจ ก็หาน้ำมันเพื่อเอาไว้เติมให้มันเต็มๆไว้ตลอดด้วยครับ 92 ไม่เป็นครับ ปั็มพ์ติ๊กอยู่ตรงกลาง
ลมยาง สำหรับรถล้อธรรมดาอย่าง 15 ก็เติมไว้ซัก 30-32 ก็ได้ครับ แต่ผมเติม 33-34 ครับ หรือว่าเติมเยอะมาก่อนแล้วค่อยเอาออกก็ได้ แต่โดยมากเติมลมยิ่งแข็ง รถจะยิ่ง slide ครับ ขับยากหน่อย
ปล2 อะ แบบฝึกหัดอีก 1 ข้อ เราจะทำยังไงให้รู้ว่า ยางเราเข้าโค้งได้ขนาดไหน และ อาการ understeer หรือ oversteer มันเป็นยังไง
ลองเอารถมาขับเป็นวงกลมนะครับ หาที่กว้าง เช่นเคย เริ่มขับเป็นวงกลมนะครับ อยากเร็วมากหน่อยก็วงใหญ่ๆ ที่มันแคบก็ทำวงเล็กๆ ขับโดยใช้แค่ นิ้วโป้ง กับ นิ้วชี้ ครับ 2 นิ้ว คีบพวงมาลัยไว้ แล้วก็ขับไป เป็นวงกลลม จากนั้น ก็เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆทีละหน่อย จนถึงจุดหนึ่งจะเกิดอะไรขึ้น? มันจะเริ่มมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ยาง คือ กรูจะทนไม่ไหวแล้ว และอะไรต่อไป นิ้วโป้งและนิ้วชี้ที่คีบไว้ มันจะคีบไม่อยู่ครับ คือพวงมาลัยจะเริ่มตึง เริ่มฝืนกำลัง นั่นคือจุดที่ใกล้ถึง limit ของยางเต็มที่ นั่นคือจุดที่เป็นจุดที่เกือบจะดีที่สุดในการใช้ยางให้เต็มสมรรถนะแล้ว ถ้าเดินคันเร่งต่ออีกนิด จะเป็นยังไง รถจะเริ่มไม่เลี้ยวตามพวงมาลัยครับ คือยังเลี้ยว แต่มันเบี้ยวไปจากไลน์ที่ควรจะเป็นออกไปเรื่อยๆ เริ่มไม่เป็นวงกลมละ นั่นแหละคืออาการ understeer ครับ เนื่องจากเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเกินไป วิธีแก้ไขทำยังไง ลองเดินคันเร่งเพิ่มดูครับ นู่น ยิ่งเบี้ยวหนักเข้าไปอีก แทบจะตรงออกไปเลยไม่เลี้ยว ต้องลดความเร็วลง คืนพวงมาลัยกลับมานิดหน่อย แล้วค่อยเลี้ยวใหม่ พอความเร็วลดลงแล้ว ก็จะเลี้ยวได้เหมือนเดิม เวลาอยู่ในสนามแข่ง ก็แก้ไขแบบนี้แหละครับ แต่มันจะยากกว่า เพราะสปีดมันจะสูง
http://www.youtube.com/watch?v=io7y-p8OutQ
ตัวอย่างการแก้ understeer ครับ ลองดู พอรถมันเริ่มไม่เลี้ยว เขาจะคืนพวงมาลัยนิด ยกคันเร่งนิด แล้วเลี้ยวใหม่ แต่ทำเร็วมากๆ ครับ สังเกตุท่านั่ง วิธีการจับพวงมาลัย การหมุนของเขาด้วยครับ เราขับกันแบบนี้ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=TnOohwmhsAY
ส่วนอันนี้เป็นนักแข่งไทย อาหงษ์ ซึ่งผมอยากให้ทุกเอาดู เพราะเบสิคเขาดีมาก ลองศึกษาจากวิธีการเบรค การเดินคันเร่ง การใช้พวงมาลัยดูครับ คลิปนี้มีการโยกหาจังหวะแซง การเปลี่ยนไลน์แบบต่างๆ มีการแก้รถในช่วงนาที 7.xx ให้ดูอีก สนุกมาก
ปัจจุบัน เขาเป็นนักแข่งในทีม arto ขับ yaris รุุ่น super1500 ครับ เพิ่งได้แชมป์สนามบางแสนมา
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มกราคม 2013 18:04:26 โดย PANDA RACING
»
บันทึกการเข้า
บรรทุกไม่เกิน 18 ปี รับเฉพาะคนรู้ใจ
Ratchayotin Football Club
www.rfc.in.th
rfcthailand.hi5.com
M31 Body and Spa Sukhumvit 31
www.m31.in.th
ร้านแดง-ดำ สาขาวังหิน ก่อน TOP plaza lagoon นิดนึง
PANDA RACING
Moderator
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
กระทู้: 3,663
Re: Citcuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #2 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 19:56:28 »
ทำยังไงให้ไปได้เร็วขึ้น การเซตอัพรถ การฝึก ไลน์ และ วิธีแข่งขันแบบมีสปิริต
ตอนนี้ หลังจากที่เราได้ฝึกเบสิคการขับรถ วิธีการใช้สนามcircuit แบบถูกต้องและมีมารยาทกันแล้ว พอขับไปจนถึงจุดๆนึง เวลาก็จะเริ่มนิ่ง คือ ในทุกๆรอบซ้อมจนทำแบบเดิมได้แม่น ทั้งการเบรค การเลี้ยว การเหยียบคันเร่ง เปลี่ยนเกียร์ นักแข่งก็ควรที่จะพัฒนาให้ไปให้ได้เร็วขึ้น ก็จะมีองค์ประกอบหลายอย่าง
ทำได้ตั้งแต่ โมเครื่องเต็ม ซื้อ shock up ระดับเทพชุดละ 200,000 ใส่ยาง super slick ลดน้ำหนักรถลงจนเบาหยอง ก็ทำได้ แต่ทั้งหมดที่ว่ามาคือการ พัฒนาตัวรถทั้งสิ้น ใช้งบประมาณเยอะ แถมถ้าคนขับโง่ขับไปโดนรถรุ่นเดียวกันแต่เดิมสนิทสวน หรือเวลาดันดีกว่า อาจจะต้องหาปี๊บใส่แทนหมวกกันน๊อค
เราก็เริ่มจากการพัฒนาคนขับ แล้วก็เริ่มเซตอัพรถอย่างง่ายๆคือ การปรับมุมล้อต่างๆ การปรับลมยาง การทำ weight balance ให้ตัวรถ พวกนี้ แทบไม่ต้องใช้เงิน ของพวกนี้ต้องลองเองครับ
เราเริ่มจากวิธีการขับก่อน การเรียนรู้การขับรถแข่ง หรือแม้แต่การทำธุรกิจอะไรอย่างๆอื่น วิธีที่ง่ายที่สุด คือ copy and paste ครับ ท่านที่สนใจแนวนี้ วิธีการมันก็ไม่ต่างจากชายหนุ่มกลัดมันที่ต้องการวิทยายุทธชั้นเลิศในกามอารมณ์เพื่อเอาไปปรนนิบัติแก่สาวอันเป็นที่รักได้เคลิ้มไปกับลีลาสวาท จนหล่อนถึงจุดสมหวังอย่างลืมไม่ลง แน่นอนครับ เปิด clip โลด การศึกษาจาก clip vdo เป็นวิธีที่ง่ายมาก ถูก และ เข้าถึงง่ายสุด เพียงแค่คุณเข้าไป youtube ท่านสามารถหาคลิปเทพๆไว้ศึกษา ทั้งนักแข่งอ่อนๆที่ดูแล้วขำเกือบตาย(แต่ตรูก็ไม่ได้ดีไปกว่ามัน) ไปยันระดับโลก หรือถ้าหาเจ๋งๆไม่ได้ ก็นี่เลยครับ redtube ช่วยท่านได้ ทั้งไทย jap และ ฝรั่ง ถุย!!!
แต่แน่นอน รถที่ใช้ใน youtube กับรถเรา มันไม่เหมือนกัน บางทีทะลึ่งทำตาม ก็อาจจะทำไปทั้งชาติก็ไม่ได้ซะที หลักๆที่ให้ดูนั้นคือ เรื่อง ไลน์ และ การรักษา balance ของรถครับ
เริ่มจาก basic ก่อน ไลน์ที่ทำให้รถไปได้เร็วที่สุดก็คือ ไลน์ที่กว้างที่สุด มีองศาในการเข้าป้านที่สุด ยิ่งคุณเข้าให้มันแคบ บีบไลน์เท่าไร จะต้องลดสปีดลงไปเท่านั้น เวลาซ้อม เราก็จะเลือกไลน์ที่ out-in-out คิดว่าหลายๆคนน่าจะรู้อยู่แล้ว คือ ไม่ต้องขับประหนึ่งกำลังเข้าซอยบ้านนะครับ ในสนามไม่มีรถสวน ให้ใช้พื้นที่ของแทรคให้เต็มที่ ตั้งลำให้ชิดด้านนอก เข้าโค้งให้ชิดหัวโค้ง(apex) แล้วก็บานออกไปให้ถึงขอบด้านนอกเพื่อออกโค้ง
ฟังดูเหมือนง่ายนะครับ แต่ทำจริงๆ มันไม่หมู ไม่งั้น เราคงมี schumacher เดินกันให้เกลื่อน แน่นอนว่า ในโค้งนั้นๆ รถคันนึงก็จะมีสปีดสำหรับเข้าโค้งที่เหมาะสมอยู่ การเข้าช้าสปีดเกินไปซักเล็กน้อย เวลาเสียแต่ก็ทำให้สามารถเดินคันเร่งออกโค้งได้ไว การเลือกที่จะเข้าไปไวๆดูสยอง รถส่ายดิ๊กๆๆๆเป็นหมา เหมือนจะเร็ว ถ้าคุณคุมรถให้มันออกจากโค้งได้เร็ว(โดยมากมักจะไม่!) แต่ถ้าเกิดสปีดมันสูงเกิน ก็ต้องเสียเวลาเพื่อมาแก้อาการ understeer หรือ oversteer ที่มีโอกาสเกิดขึ้น จะทำให้ช้าลงเข้าไปอีก
ดังนั้น สำหรับมือใหม่ ให้เข้าให้เร็วปานกลาง แล้ว พยายามหาจุดออกโค้ง เดินคันเร่งให้ไวที่สุด ใช้ full line วิธีนี้ เวลาพอใช้ได้ นักแข่งไม่เสียวมากนัก แต่วิธีนี้จะใช้เบรคค่อนข้างหนัก
สำหรับมือเก่า ที่มีชั่วโมงการซ้อม การแข่งพอสมควร อาจจะเลือกเข้าด้วยสปีด over นิดๆ แต่ต้องมั่นใจว่า ไม่ overspeed จนเกินไป รถอาการออกแล้วควบคุมได้ ก็จะไปได้เร็วขึ้น
บางครั้งการสักแต่จะเหยียบคันเร่ง ไม่ได้ทำให้ไปได้เร็วขึ้นเสมอไป กลับกลายเป็นไปได้ช้าลง เพราะมัน "ล้น" จนเกินพอดี นักแข่งระดับหัวแถวหลายคน เวลาต้องการจะไปให้เร็วขึ้น เลือกที่จะขับให้คมขึ้น โดยการชิด apex ให้มากขึ้น ขับให้เต็มไลน์มากขึ้น จากเดิมแค่ใกล้ริมขาวแดง ก็ให้ชิดแนบขาวแดงไปเลย จะทำให้ได้ไลน์กว้างขึ้นอีกหน่อย ออกโค้งได้ไวขึ้นอีกหน่อย อย่างเช่นโค้ง honda บางคนเลือกที่จะพุ่งเสียบเข้าไปแรงๆ รถจะ under มาก แล้วค่อยๆประคองรถกลับเข้าแล้ว แล้วเดินคันเร่งออกโค้ง ผลหรอครับ นู่น ความเร็วสุดทางตรงจะช้ามาก เนื่องจาก กว่าจะได้เดินคันเร่งก็มัวแต่แต่งตัวในโค้งอยู่ กลับกัน หากลองแต่งตัวก่อนเข้าให้สวย รถนิ่งๆ เลี้ยว late apex หน่อย พอเห็น exit แล้วรีบเดินคันเร่งออกโค้งทันที วิธีนี้จะทำให้ความเร็วสุดทางตรงสูงกว่ามาก บางคนงง ทำไม รถแรงม้าน้อยกว่า ทำไมถึงแซงตรูทางตรงได้หว่า ? นี่คือคำตอบ ก็เขาตั้งลำออกโค้งมาได้ดีกว่า
จำไว้ว่า พวงมาลัย กับ คันเร่ง นั้น มันแปลผกผันกัน หมายความว่า ยิ่งคุณหักพวงมาลัยมากเท่าไร คุณก็จะเดินคันเร่งได้น้อยเท่านั้น อันนี้เป็น physics นะครับ เราไปฝืนมันไม่ได้(แต่ set up รถแก้มันได้) ลองดูก็ได้ครับ นั่งในรถจอดนิ่งๆ หมุนพวงมาลัยไปทางไหนก็ได้ให้สุด ให้ล้อเลี้ยวเยอะ แล้วกระทืบคันเร่งออกไปเลย เป็นไง รถตรงทื่อออกไปเลย ไม่เลี้ยวตามพวงมาลัยซักนิด ก็คืออาการ understeer ก็เหมือนกับเราขับในโค้ง ถ้าพวงมาลัยยังหักเลี้ยวอยู่มาก เดินคันเร่งไปรถก็ยิ่งไม่เลี้ยว ต้องค่อยๆคลายพวงมาลัยถึงจะค่อยๆเดินคันเร่งได้ จนล้อเกือบตรงก็จมคันเร่งได้ตามสบายแต่มันมีวิธี set up โดยเฉพาะกับรถขับหน้าอย่างเราๆ หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า รถขับหน้า ปล่อยตูด ท้ายออก อะไรก็ตามแต่ จะเร็ว อันนั้นจริงครับ พิสูจน์ได้จากไอ้หลัก physics ข้างบนนี่แหละ
จากที่บอกว่า พวงมาลัยหักเท่าไร จะใช้คันเร่งได้น้อยเท่านั้น ที่นี้ ถ้าเรา set up ให้เวลาเข้าโค้งให้ท้ายรถเราไหลหน่อยๆ(oversteer) ผลคือ พอเข้าโค้ง ท้ายออก ก็คือหัวรถมันจะหันเข้าไปหาโค้งมากกว่าปกติ (นึกตามหน่อย) ถ้าปล่อยท้ายออกมาพอดีจัดๆ คือ หัวรถเข้าโค้งได้พอดี เราก็แทบไม่ต้องหมุนพวงมาลัยด้วยซ้ำ รถล้อตรงๆเกือบๆจะดริฟเข้าโค้งนั่นแหละ เอ๊ะเมื่อกี้ว่าอะไรนะ ล้อตรง! เข้าโค้ง แต่ล้อตรง? แปลจากหลัก physics ข้างบนได้ว่า ล้อตรงก็เหยียบคันเร่งได้เต็มที่นะสิ ใช่แล้ว นี่แหละ ที่เขาบอกว่ารถขับหน้าปล่อยท้ายไหลๆหน่อยจะไปได้เร็ว เพราะมันเดินคันเร่งได้เร็วกว่าเข้าแบบธรรมดานี่เอง แล้วถ้าเกิดปล่อยท้ายมากเกินไป ทำยังไง ก็ counter พวงมาลัยเลยครับ เก็บ apex หัว apex ท้ายให้ครบ กระทีบคันเร่งให้ควันฉุยๆๆ ไว้ ไม่นานจะมีแมวมองมาทาบทามคุณไปแข่ง D1 ครับ รุ่งแน่ๆ
เวลาซ้อมในสนาม อย่าตัดสินผลการทำอะไรต่างๆโดยความรู้สึกนะครับ ให้มีนาฬิกาจับเวลาต่อรอบ เพื่อเอาไว้ดู ยิ่งมีกล้องไว้ดู ยิ่งพบจุดอ่อนด๋อยของตัวเองเข้าไปอีก แล้วยิ่งถ้ามี p-box ที่เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลต่างๆเป็น datalog ไว้ดูเช่น ความเร็วในโค้ง ตำแหน่งการเบรค ตำแหน่งการเดินคันเร่ง ยิ่งเทียบกับคนขับเก่งๆจะเห็นเลยว่า ทำไมเขาไปได้เร็วกว่าเรา เดินคันเร่งได้เร็วกว่า(คือเขาออกโค้งมาได้ดีกว่า) เบรคได้ลึกกว่า(เขาใช้เบรคเก่งกว่า) สปีดในโค้งสูงกว่า (ไลน์ดีกว่า การบังคับรถ การใช้พวงมาลัย การ set up รถทำได้ดีกว่า) เป็นต้น บางคนดูจากกล้อง on board เข้าแรงๆ รถสไลด์ คนขับนี่โยกพวงมาลัยไปๆมาๆยังกะคนขับรถเมล์สาย8 กับ ดูคนขับเนียบๆ ขับนิ่งยังกับเครื่องจักร แต่เวลาดันออกมาดีกว่า
จากนั้นมาเรื่องของ traction
การเลี้ยวนั้น เราใช้ traction ของยางในการเลี้ยว ยอดนักแข่งก็จะสามารถใช้ traction ของยางได้ 100% หรือ อาจจะ 102-103% อ่าว งง 555
การเพิ่ม traction ให้กับยาง ทำได้หลายวิธี จากสูตร weight = traction หมายความว่า น้ำหนักยิ่งเพิ่มมากเท่าไร traction ก็จะเพิ่มตามเท่านั้น ดังนั้นเราจึงเห็น รถ F1 ที่ต้องการ traction มหาศาล จึงถ่วงน้ำหนักกันมโหฬาร ไม่ใช่สินะ! รถมันหนัก 620 โลเอง แล้วเขาทำยังไงครับ aerodynamic ครับ การสร้างแรงกดจาก down force จากชุด wing หน้า หลัง ของ f1 นั้น เวลาความเร็วสูงจะกดให้รถนิ่งยังกะตุ๊กแกเลยทีเดียว หลักการเดียวกัน รถแข่งในสนาม หากมี down force ที่ดีก็จะช่วยเพิ่ม traction ในการเลี้ยวได้ด้วย ดังนั้นเราจะเป็นรถในรุ่นสูงๆเช่น super2000 หรือ supercar เริ่มมีการจัด spoiler หลังเทพๆ diffuser ต่างๆ ก็เพื่อเพิ่ม traction ในการเข้าโค้งนี่เอง
แต่มันมีวิธีที่แจ๋วกว่านั้นครับ นักแข่งระดับโลกทุกคนทำมันจนเป็นการเบรคธรรมดาของเขา เรียกว่า trail braking ครับ แปลเป็นไทยว่า การเบรคในตอนเลี้ยวเพื่อช่วยในการเข้าโค้ง
วิธีการก็คือ ปกติเวลาเราเลี้ยวเนี่ย เราก็จะยกคันเร่งอยู่แล้ว ซึ่งหน้ารถมันจะทิ่มหน่อยๆ น้ำหนักรถก็จะเทมาทางล้อหน้ามากกว่าเดิม จากสูตร weight = traction แล้ว พอน้ำหนักที่ล้อหน้ามันมากขึ้น traction ก็จะมากขึ้นตาม ที่นี้ถ้ายิ่งเบรคเข้าไปในขณะเลี้ยวด้วยละ หน้าจะยิ่งทิ่มเข้าไปอีก จะยิ่งเพิ่ม traction ให้กับล้อหน้าเข้าไปอีก การเลี้ยวก็จะทำได้มากกว่าเดิม ใช้ traction ได้มากกว่านักแข่งทั่วไปอีก อันนี้คือที่เรียกว่าใช้ traction ได้ 102-103% นอกจากนั้นแล้ว trail braking มันยังช่วยอีกหน่อยก็คือ พอเบรคในโค้ง จะเกิดอะไรขึ้น 555 หมุนสิครับ แต่ว่านักแข่งเก่งๆคงไม่โง่ขนาดทำให้รถหมุน เราใช้การคุมน้ำหนักเบรคเพื่อให้ท้ายรถมันออกครับ(บุนตะเรียกว่าเลี้ยวด้วยเท้า) ไปเข้าหลักการข้างบนอีก ก็ทำให้เดินคันเร่งออกโค้งได้ไวขึ้นอีก แถมมันยังมีเทคนิค left foot brake+trail braking เข้าไปอีก เท้าซ้ายคลอเบรคให้ท้ายออก ส่วนเท้าขวาเหยียบคันเร่งรอไว้แล้ว พอยกเบรครถก็เดินออกโค้งไปได้เลย ไม่ต้องรอรอบอีก ลองทำดูนะครับ แต่ผมแนะนำว่าอย่าไปลองทำดีกว่า 555 เดี๋ยวจะไปหวันซะก่อน เท่าที่เห็นชัดๆในไทย ผมเห็น jack lemvard นี่แน่ๆ ฟังเสียงจากริมแทรครู้เลย left foot ทำได้เนียนสวยงามมาก ก็มีอีกหลายๆคนที่ทำครับ bank boom นี่ก็น่าจะทำ พวกรุ่นใหม่ๆนี่ เทคนิคเทพๆเยอะ ทำ combo กันจนงงเลย
แล้วก็การใช้คันเร่งในรอบสูงๆก็เป็นการสร้าง traction ได้นะครับ คล้ายๆการออกตัวแข่ง drag นั่นแหละ เราใช้ล้อหน้าตะกุยออกโค้ง ในการสร้าง traction ปกติ เวลาเข้าโค้งจะมีแรง G ในทางตรงข้ามดึกให้รถไหลออกข้าง แต่ในกรณีที่รถมีแรงม้าพอสมควรและมี LSD นักแข่งสามารถใช้แรงม้า มาสร้าง traction ในการเข้าโค้งได้ โดยการเหยียบคันเร่งมากๆแล้วหันพวงมาลัยไปทางออกโค้ง พอทำได้นะครับ จริงๆเขาเอาไว้ใช้แก้อาการ แต่ผมว่าทำวิธีอื่นจะไปได้เร็วกว่า วิธีนี้ไม่แนะนำเท่าไร ให้เน้นไลน์กับการเบรคกับการเดินคันเร่งเนียนๆดีกว่า
ไอ้ที่พิมๆมามั้งหมดนี่ ไม่ใช่ว่าคนเขียนมันทำได้ทั้งหมดนะครับ คือ เขียนตามประสพการณ์หางอึ่ง+ตำราเข้าไปอีกนิดหน่อย เรื่อง advanced กว่านี่ คงต้องนั่งอธิบายกันในรถแล้ว พิมไปก็ไม่เข้าใจ ก็หวังว่า จะประยุกต์บท 1-2-3 เข้าด้วยกันได้ คุณก็จะเป็นนักขับที่เร็วระดับหนึ่งแล้ว และ เร็วแบบมีความสามารถจริงๆ เข้าใจ basic ของการขับรถ ไม่ว่าคุณจะไปขับอะไร Go-cart gymkhana หรือ โดดไปขับรถคันอื่นใน circuit คุณก็จะทำได้ดีครับ หากต้องการไปไกลกว่านี้ อ่านตำราคงช่วยอะไรไม่ได้ ต้องซ้อมหนัก หา course เรียนจากคนที่เก่งๆมากๆ มันมี trick เล็กๆน้อยๆอีกมากมาย ไม่งั้นเราคงไม่มีนักแข่ง class a class b class c หรอก จับมัดใส่เข่งลงไปแข่งเลยก็ได้
อย่าลืมนะครับ ให้ความสำคัญกับเรื่องไลน์ การตั้งลำเพื่อเข้าโค้ง และ การเดินออกโค้งให้ได้เร็ว เป็นหลัก(ไม่ใช่เอะอะกรูจะเหยียบคันเร่งอย่างเดียว) ที่เหลือเรื่องการแก้อาการต่างๆ เป็นเรื่องของการซ้อม ประสพการณ์ อย่าลืมว่า แชมป์โลกต่างก็เคยเข้ากองยางมาแล้วทั้งนั้น หากเราไม่รู้ว่าการ overlimit เป็นยังไง ก็จะไม่รู้ว่า limit มันอยู่ตรงไหน (overlimit ก็ขอซัก 102-104% ยังพอแก้อาการได้ ถ้าoverไป 120-130% ก็ตัวใครตัวมันครับ เวลาซ้อมนักแข่งก็จะมีการ push ให้มันเกินลิมิตซักนิดบ้าง จะได้รู้ลิมิตของตัวรถ นั่นเอง)
เหลือสิ่งอื่นได้ enjoy ครับ ขับให้สนุก ไปให้พอดี พรสวรรค์ใช้ได้แค่ช่วงแรกๆครับ ต่อไปพรแสวงล้วนๆครับ กีฬา motorsport
ปล. เนื่องจากมีการ copy ไปลงช่องทางอื่นด้วย เลยพยามปรับเนื้อหาให้มัน universal หน่อยนะครับ อายคนอื่นๆเขา
ปล2 สำหรับบุคคลธรรมดาที่แข่งรถเป็นงานอดิเรกหรือแข่งเป็นกีฬาสนุก ไม่ได้จะเอาเป็นอาชีพ ขับแค่ใช้ลิมิตรถให้เต็มที่ก็พอนะครับ ไม่ต้องใช้ท่ายาก ลีลา อะไรให้มันอันตราย ที่เห็นๆเขาทำกันนั่น ซ้อมกันระดับ หลายพันถึงหมื่นรอบนะครับ ตั้งสติก่อนสตาร์ทครับ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 มกราคม 2013 19:09:35 โดย PANDA RACING
»
บันทึกการเข้า
บรรทุกไม่เกิน 18 ปี รับเฉพาะคนรู้ใจ
Ratchayotin Football Club
www.rfc.in.th
rfcthailand.hi5.com
M31 Body and Spa Sukhumvit 31
www.m31.in.th
ร้านแดง-ดำ สาขาวังหิน ก่อน TOP plaza lagoon นิดนึง
PANDA RACING
Moderator
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
กระทู้: 3,663
Re: Citcuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #3 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 20:02:37 »
จอง
นักแข่งที่สมบูรณ์แบบ how to be perfect racer
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 มกราคม 2013 20:16:22 โดย PANDA RACING
»
บันทึกการเข้า
บรรทุกไม่เกิน 18 ปี รับเฉพาะคนรู้ใจ
Ratchayotin Football Club
www.rfc.in.th
rfcthailand.hi5.com
M31 Body and Spa Sukhumvit 31
www.m31.in.th
ร้านแดง-ดำ สาขาวังหิน ก่อน TOP plaza lagoon นิดนึง
โน่ SRC ™
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 14,361
086-6202798 โน่ SRC
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #4 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 20:33:50 »
บันทึกการเข้า
thawatchai
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3,002
082-2087085...โป้ง
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #5 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 20:38:56 »
นั่งพิมพ์อยู่ครึ่งวันปะเนี่ยอ่านจนตาลาย
บันทึกการเข้า
ขายนิดหน่อยครับ
http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=128653.msg2691525#msg2691525
หนึ่ง_
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 831
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #6 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 20:40:51 »
บันทึกการเข้า
088-1033501/หนึ่ง
http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=137851.0
Piggy 92
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 2,188
ก็แค่....รถเดิมๆ
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #7 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 20:49:29 »
โห... น่าศึกษามากๆครับน้าอธิขอบคุณมากเลยครับที่พิมพ์ให้อ่าน
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 มกราคม 2013 21:18:44 โดย Piggy 92
»
บันทึกการเข้า
สิ่งที่ดีที่สุด บางทีมันก็ไม่ถูกต้อง
และ สิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่ดีที่สุดเสมอไป....
6.9
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 8,263
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #8 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 20:54:01 »
ชอบมากเรื่องการหมุนพวงมาลัย ลืมๆไปหมดแล้วจากที่เคยอ่านๆมา จะพยายามฝึกไว้ แต่รถผมไม่มีพวงเพาเวอร์ บางครั้งชอบเผลอหงายมือขวาหักเลี้ยวซ้ายบ่อยๆ
บันทึกการเข้า
4AGE16v เก่าแต่แรงกำลังดี
รสนิยมส่วนบุคคลกรุณาโปรดใช้วิจารณญาณในการเสพ
[B]orn_ [T]o_[B]e_[A]e
นักแข่งมือสมัครเล่น
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 355
.................................
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #9 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 21:30:13 »
..............ขอบคุณมากๆๆ ครับ............................
บันทึกการเข้า
......ถ้าคุณแน่!!!...อย่าแพ้...4E...โบ...นะจ๊ะ.......
..............www.4efteclub.com.................
เอกSRR...
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 4,808
****ดูดีได้แค่เนียะ**** 088-0146757
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #10 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 21:31:54 »
บันทึกการเข้า
MR_C_ รักในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 10,620
ร่วมสร้างสรรค์ ร่วมแบ่งปัน น้ำใจ ใช้ไม่เคยหมด
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #11 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 21:39:50 »
บันทึกการเข้า
http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=99225.msg1609458#msg1609458
O_oF........sss
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
ออฟไลน์
กระทู้: 1,387
กำแพงมีไว้พุ้งชน รถยนต์มีไว้ Modify
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #12 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 21:54:05 »
ผมเริ่มศึกษาจาก หนังสือการขับรถแข่งเบื้องต้น ที่แถมมาจากหนังสือ แต่งรถ tune up เล่มที่ซื้อย้อนหลัง
บันทึกการเข้า
วัชจ้า™
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
กระทู้: 8,401
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #13 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 22:20:34 »
ไม่ีมีสมาธิแข่งครับขออีกกระป๋องก่อน
บันทึกการเข้า
หนึ่ง_
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 831
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #14 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 22:40:54 »
อ้างจาก: วัชจ้า™ ที่ 15 มกราคม 2013 22:20:34
ไม่ีมีสมาธิแข่งครับขออีกกระป๋องก่อน
บันทึกการเข้า
088-1033501/หนึ่ง
http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=137851.0
-TOR@RAYONG-
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9,459
081-939-5609
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #15 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 22:43:56 »
ส่วนอันนี้
อ้างจาก: วัชจ้า™ ที่ 15 มกราคม 2013 22:20:34
ไม่ีมีสมาธิแข่งครับขออีกกระป๋องก่อน
ตลอดๆ
บันทึกการเข้า
วัชจ้า™
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
กระทู้: 8,401
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #16 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 22:49:44 »
LEO Racing School เมื่อก่อนจารย์เต้ย 110Setbo แนะนำมา ปัจจุบัน แกไปกินส้ม ศิริิชิน แล้ว
บันทึกการเข้า
~kOdOmO~.CZ.65
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 6,298
...สี่ลิ้นเท่านั้น..ที่โปรดปราณ...555+
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #17 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 22:56:31 »
บันทึกการเข้า
AE80
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 2,427
2E-TE
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #18 เมื่อ:
15 มกราคม 2013 23:54:29 »
ขอบคุณสำหรับ ข้อมูลดีๆครับ...
บันทึกการเข้า
karaboon
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 968
Re: Circuit Experience ตอนที่ 1
«
ตอบ #19 เมื่อ:
16 มกราคม 2013 00:20:59 »
ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [
1
]
2
3
...
8
»
[5»]
ขึ้นบน
พิมพ์
« กระทู้ที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
AE Racing Club - Activity & Gallery
-----------------------------
=> กิจกรรมต่างๆ ของชาว AE Racing Club
=> Meeting Gallery
===> รูปกิจกรรมโซนรามอินทรา
===> รูปกิจกรรมโซนศรีนครินทร์
===> รูปกิจกรรมโซนพระนคร
===> รูปกิจกรรมโซนธนบุรี
===> รูปกิจกรรมโซนแจ้งวัฒนะ
-----------------------------
AE Racing Club - FreeStyle
-----------------------------
=> Free Style - AE Racing Club
=> Free Style ช่างภาพ
-----------------------------
AE Racing Club - กรุงเทพฯ ปริมณฑล
-----------------------------
=> โซนรามอินทรา
=> โซนศรีนครินทร์
=> โซนพระนคร
=> โซนธนบุรี
=> โซนแจ้งวัฒนะ
=> โซนหนองจอก
-----------------------------
AE Racing Club - ต่างจังหวัด
-----------------------------
=> โซนต่างจังหวัด
===> โซนหาดใหญ่-สงขลา
===> โซนอยุธยา-อ่างทอง
===> โซนโคราช
===> โซนภาคตะวันตก
===> โซนตรัง-พัทลุง
===> โซนอุบลราชธานี
===> โซนลพบุรี-สระบุรี
===> โซนปทุมธานี
=> โซนชลบุรี
=> โซนระยอง
=> โซนภาคเหนือตอนบน
=> โซนภาคเหนือตอนล่าง
-----------------------------
AE Racing Club - Knowledge Sharing
-----------------------------
=> รวมบทความ ความรู้ต่างๆ
=> รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส
=> บทความ D.I.Y (Do It by Yourself)
-----------------------------
AE Racing Club - Classified
-----------------------------
=> ประกาศซื้อ
=> ประกาศขายสินค้าและบริการ (เกี่ยวกับรถยนต์)
=> ประกาศขายรถยนต์
=> ประกาศขาย (ของทั่วไป)
=> Update ราคาอะไหล่ ประดับยนต์
-----------------------------
Web Board Comments and Problem Report
-----------------------------
=> เสนอแนะ และแจ้งปัญหาการใช้งาน Web Board
กำลังโหลด...