AE. Racing Club
02 พฤศจิกายน 2024 22:33:27 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2  »    ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รถที่ติดแก๊สเกิดไฟไหม้จากอะไรครับ  (อ่าน 4415 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 12 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
super jai
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 262


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 08:14:42 »

เจอข่าวรถติดแก๊สไฟไหม้บ่อยมากในช่วงนี้
สาเหตุมันมาจากตรงไหนครับ
บันทึกการเข้า
jacky31
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,541


1,300 CC ครับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 09:23:49 »

แก๊สอะไรครับ
เจอข่าวรถติดแก๊สไฟไหม้บ่อยมากในช่วงนี้
สาเหตุมันมาจากตรงไหนครับ

แก๊สอะไรครับ
บันทึกการเข้า

ae 101
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,485



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 10:20:55 »

lpg ล่าสุด ที่พัทลุงหรือเปล่า ไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับ ใช้ไปดูแลไป อะไรถิงเวลาก็ต้องเปลี่ยนตามอายุงานการใช้
บันทึกการเข้า
@@..ตะต้อมรักในหลวง..@@
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,126



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 10:30:32 »

รถผมใช้แก๊สมา8ปีแล้ว เคย2ครั้งที่จะใช้น้ำมันพอสตาทได้กลิ่นน้ำมัน พอเปิดฝากระโปรงอ้าวท่อน้ำมันแตก! อีกครั้งน้ำมันพุ่งออกจากยางรองหัวฉีด 2เหตุการนี้สามาททำให้เกิดไฟไหม้ได้ครับ ผมตัดปัญหาใช้แก๊สเพียงระบบเดียว เพราะใช้มา8ปีแก๊สไม่เคยมีปัญหารั่วหรือซึมเลย ส่วนระบบน้ำมันผมปิดการใช้งาน(ดูแลไม่ไหว) ถ้าใครใช้แบบ2ระบบควรเปลี่ยนท่อน้ำมันและตรวจสภาพเครื่องยนให้ดี ใช้น้ำมันบ้างท่อยางจะได้ไม่เสื่อมไวรวมถึงติ๊กน้ำมันด้วย แล้วด้วยการใช้แก๊สเครื่องยนจะร้อนขึ้นพวกยางพวกพลาสติดจะเสื่อมสภาพเร็วมากต้องตรวจเช๊คให้ดี
บันทึกการเข้า

▀▄▀▄ ชุบโครเมี่ยมไฟหน้า เงาวิ้งๆ ▀▄▀▄  http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=152635.new#new
THanasak
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,863


อิอิ...ลายไม้..ทำเอง


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 10:38:52 »

รถที่เกิดเพลิงใหม้ จำเลยแรกไม่ใช่แก็สครับ แต่เป็น คุณ ใช่ครับคุณ-ผม-พวกเราคนใช้รถนี่แหละ
ถ้าไม่หมั่นตรวจสอบดูแลอาจจะเกิดอะไรขึ้นได้เสมอ สมัยก่อนที่จะเอา LPG มาติดในรถ รถยนต์
ไม่เคยเกิดไฟใหม้ ? ถ้าเคยก็ไม่ใช่ LPG NGV แน่ๆ เพียงแต่เรามีระบบเพิ่มเติมที่ต้องดูแลมากขึ้น
ทีนี้อยู่ที่ใครใส่ใจมากกว่ากันแล้วครับ ผมก็ไม่ใช่ช่างหรือทำรถเป็น แต่ทุกเช้าผมก็จะดูความเรียบร้อย
ก่อนออกเดินทางเสมอๆเพื่อความไม่ประมาทครับ
บันทึกการเข้า
supernooky
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,310



ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 14:04:22 »


ที่ไฟไหม้ เกิดจากระบบน้ำมันทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับแก๊สเลยยยย อย่าโทษแต่แก๊สนะครับ
บันทึกการเข้า

ปั้น AE ดีก่า ^^
Big_PraYooN~
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,706


4A-FE MT เดิมๆ กังๆ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 14:06:34 »

รถที่ไฟไหม้ผมว่า เจ้าของรถไม่ตรวจเช็คสภาพรถอ่ะครับ

เพราะเวลาผมได้กลิ่นแก๊สหรือน้ำมันผมก็ต้องเช็คและแก้ไขแล้ว

ถ้าเป็นคนรักรถแบบเราๆ ในคลับผมว่าโอกาสในการเกิดไฟไหม้แทบจะเป็น 0 ครับ

ไม่ต้องกลัวครับน้า รถผมติดมาตั้ง 5 ปี ยังโอเคอยู่เลยครับ
บันทึกการเข้า

*เด็กหัดถ่าย
supernooky
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,310



ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 14:15:58 »

รถที่ไฟไหม้ผมว่า เจ้าของรถไม่ตรวจเช็คสภาพรถอ่ะครับ

เพราะเวลาผมได้กลิ่นแก๊สหรือน้ำมันผมก็ต้องเช็คและแก้ไขแล้ว

ถ้าเป็นคนรักรถแบบเราๆ ในคลับผมว่าโอกาสในการเกิดไฟไหม้แทบจะเป็น 0 ครับ

ไม่ต้องกลัวครับน้า รถผมติดมาตั้ง 5 ปี ยังโอเคอยู่เลยครับ

จริงครับ ถ้าเจ้าของรถดูแลห้องเครื่องและอุปกรณ์ในห้องเครื่องตลอด ไม่มีการรั่วซึมของน้ำมันต่างๆ ให้ตายไฟก็ไม่ไหม้ เดิน
บันทึกการเข้า

ปั้น AE ดีก่า ^^
dutchchun
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 213


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 14:43:01 »

ไฟไหม้เกิดจากท่อน้ำมันรั่วครับ แล้วเวลาไหม้มันก็ไหมตรงที่ท่อรั่วนั้นแหละครับ ผมเคยไหม้มาแล้ว 1 ครั้ง
ผมแนะนำว่าถ้าได้กลิ่นน้ำมันเข้ามาในรถ ให้เปิดฝากระโปรง ถ้าซ่อมเองไม่ได้ก็รีบโทรตามช่างเลยครับ อย่าขับหรือสตาร์ทเครื่อง
บันทึกการเข้า
ti61125
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 243



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 20:54:43 »

ของผมเคยเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ช่างขันกรองน้ำมันเครื่องไม่แน่น หยดลงท่อไอเสีย
พอดีเป๊ะ แถมตอนเอาไปตั้งศูนย์ เด็กร้านเอาไปขับ กลับมาควันจุกตูดเลย เราเห็น
ใจหายแว๊ป ดีว่ามีถังดับเพลิงติดรถไว้เลยดับได้ แต่เล่นเอาสายไฟกรอบไปหมด

ปล. ถังดับเพลิงเอาไว้ในจุดที่หยิบฉวยง่ายๆนะครับ ไม่ใช่เอาไว้กระโปรงหลัง ถึงเวลา
เกิดเหตุลืมอีกว่ามี อย่างนี้ตายๆ
บันทึกการเข้า
อู๋ อยุธยา
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,687



ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 21:09:07 »

สาเหตุหลัก คือรัก แต่ไม่แสดงออก   ใช้รถ แต่ไม่ดูแล
บันทึกการเข้า

นาน ๆ แวะมาที
Jay หมอศรี @ WZ Zone
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,819



ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 21:20:04 »

ผมว่า ใช้เชื้อเพลิงอะไรก็เกิดไฟไหม้ได้เหมือนกัน หากไม่ดูแลรักษาให้ดี และอุปกรณ์ไม่ได้มาตราฐาน หรีือได้มาตราฐานแล้ว แต่ใช้มานาน มันก็เสื่อมสมรรถภาพไปเช่นกัน
บันทึกการเข้า
O_oF........sss
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,387


กำแพงมีไว้พุ้งชน รถยนต์มีไว้ Modify


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 21:33:09 »

ผมว่า ใช้เชื้อเพลิงอะไรก็เกิดไฟไหม้ได้เหมือนกัน หากไม่ดูแลรักษาให้ดี และอุปกรณ์ไม่ได้มาตราฐาน หรีือได้มาตราฐานแล้ว แต่ใช้มานาน มันก็เสื่อมสมรรถภาพไปเช่นกัน


ผมเห็นด้วยครับ

และก็สถานการณืการเกิดเหตุด้วยครับว่าชนยังไง หลายเหตุผล
บันทึกการเข้า

MR_C_ รักในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,620


ร่วมสร้างสรรค์ ร่วมแบ่งปัน น้ำใจ ใช้ไม่เคยหมด


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 21:34:52 »

สาเหตุหลัก คือรัก แต่ไม่แสดงออก   ใช้รถ แต่ไม่ดูแล
สุดยอด ตรบมือ
บันทึกการเข้า

smilegames
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,978



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2013 21:46:44 »

ไฟไหม้เกิดจากท่อน้ำมันรั่วครับ แล้วเวลาไหม้มันก็ไหมตรงที่ท่อรั่วนั้นแหละครับ ผมเคยไหม้มาแล้ว 1 ครั้ง
ผมแนะนำว่าถ้าได้กลิ่นน้ำมันเข้ามาในรถ ให้เปิดฝากระโปรง ถ้าซ่อมเองไม่ได้ก็รีบโทรตามช่างเลยครับ อย่าขับหรือสตาร์ทเครื่อง
เนี้ยเหตุการณ์เดี่ยวกัน ตกใจมากวันนั้น

ของผมเองเคยแก๊สรั่วที่ท่อก่อนเข้าหม้อต้ำ น๊อตมันคลายตัว วิ่งโดยไม่รู้ 10 กว่ากิโลเมตร แถมไปร้านแอร์ก่อน เพราะเพิ่งเติมน้ำยาแอร์ ช่างโดนหนี้กันเป็นแถว เราก็แค่ไปปิดวาร์ว แล้วก็ไปหาช่างแก๊ส ไม่น่าอันตรายตรงไหน
บันทึกการเข้า

~ Funky_nu_NoO :
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,930


: ถ้าไม่รีบ ทำไมไม่ออกพรุ่งนี๊ !!!!


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2013 11:31:11 »

สาเหตุหลัก คือรัก แต่ไม่แสดงออก   ใช้รถ แต่ไม่ดูแล

ตอนแรก งง แต่พอเข้าใจแค่นั้นแหละ...  ฮากลิ้ง
บันทึกการเข้า

tae-4agze
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 938



ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2013 04:25:00 »

ถ้าได้กลิ่นน้ำมัน กลิ่นแก๊ส หรือควันหน้ารถ ท้ายรถก็แล้วแต่

หลักๆ เลยคับมีสติ อย่าเปิดประตูโดดหนี ทำการดับเครื่องปิดระบบไฟทั้งหมด

เพื่อตัดระบบเชิ้อเพลิง รถส่วนมากที่ไหม้ จนพังทั้งคันก็เพราะ หนีตายไม่ยอมตัดระบบเชื้อเพลิงที่กำลังรั่ว

พอไม่ตัดก็ไหลออกไฟลามไปทั่วทั้งคัน นี่แหละคับสาเหตุไฟไหม้

อย่างน้อยถ้าตัด ไฟไหม้ก็จะไม่รุนแรง พอที่จะช่วยกันดับได้อยู่

บันทึกการเข้า


jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2013 06:37:52 »

เวียนหัว ยกธงขาว เกิดจากหลายสาเหตุครับ ไม่ว่าแอลพีจี เอ็นจีวี หรือแม้แต่น้ำมัน ไฟไหม้ได้ทั้งนั้นล่ะ แต่สาเหตุหลักๆเกิดจากการติดตั้งที่ไม่ค่อยได้มาตรฐานครับ สาเหตุที่สองเกิดจากคนใช้(เราๆท่านๆนี่ล่ะ) ที่ไม่ทราบ หรือไม่สนใจ ไม่ใส่ใจดูแลรักษาหรือไม่บำรุงรักษา ผมใช้แก๊สมาน่าจะเกินยี่สิบปีขึ้นไปแล้ว (รถคันแรกที่ใช้แก๊สจดทะเบียนแก๊สกับน้ำมัน ปี ๑๙๗๒ แต่มาอยู่กับผมประมาณยี่สิบกว่าปีที่แล้วจำไม่ได้มันนานมากครับเอาเป็นว่าตอนนั้นแก๊สลิตรละประมาณสี่ห้าบาทเองครับ น้ำมันลิตรละประมาณสิบบาทในตอนนั้น ใช้สลับกันแก๊ส น้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล แต่ไม่เคยมีปัญหาตามที่ถาม นอกจากปัญหาไฟไหม้ที่เกิดจากสาเหตุอื่นครับ เด๋วตอนท้ายๆจะเล่าให้ฟัง แต่ไม่ได้เกิดจากแก๊สหรือการใช้แก๊สโดยตรงเลยสักครั้ง  ตาปริบๆ เหอๆๆ

 แหะ.. แหะ.. ผมเชื่อว่าหลายๆท่านอาจจะยังไม่รู้ ไม่ทราบถึงระบบความปลอดภัยของแก๊ส โดยเฉพาะแอลพีจี หากบางท่านทราบแล้วก็ถือว่าผ่านนะครับ คงไม่ถือสาว่าผมเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเน้อ  แอลพีจีนั้นปลอดภัยมากครับ ระบบความปลอดภัยในเบื้องต้น ก็ตัวของมันเอง จะถูกบรรจุในรูปแบบของของเหลว โดยอัดให้อยู่ภายใต้แรงดันประมาณ ๑๐๐ พีเอสไอ สภาพเดิมในตัวมันที่เป็นในรูปก๊าซ จะแปรสภาพกลายเป็นของเหลวครับ และภายใต้แรงดันนี้ หากมีการรั่วหรือท่อส่งขาด จะมีวาล์วนิรภัยตัดภายในถังอีกทีเป็นระบบป้องกันอีกชั้นเน้อ(หากร้านติดตั้งไหนไม่มีระบบนิรภัยนี้ ก็ควรตัวใครตัวมันหรือหลีกให้ห่างๆเข้าไว้เป็นดี แต่อย่ากระนั้นเลยวาล์วนิรภัยนั้นติดระบบนี้มาให้เสร็จครับ ไม่ต้องไปถามแต่เขาเลิกพูดกันเท่านั้น คนส่วนใหญ่เลยไม่ทราบ) ทั้งระบบกันกลับ ระบบระบายแรงดัน(กรณีถังถูกไฟไหม้ ไม่ให้ถังระเบิด) แล้วก็ระบบตัดอัตโนมัติเมื่อระบบจ่ายเกิดรั่ว (อันนี้กลไกล้วนๆเน้อ) แล้วยังมีระบบไฟฟ้าที่ควบคุมสั่งให้ตัดอีก เรียกว่าปลอดภัยหลายชั้นก็แล้วกัน ใครที่ไม่รู้ไม่ทราบก็ควรทราบซะ แล้วหากของเหลวนี้ถูกพ่นออกมาก็จะไม่ติดไฟครับ จนกว่ามันจะขยายตัวกลับคืนสภาพเดิมเป็นก๊าซเสียก่อน ซึ่งก็จากของเหลวมาเป็นก๊าซนั้นก็ประมาณ สองร้อยสี่สิบเท่า(หากจำไม่ผิดเน้อ ประมาณนี้ล่ะ)  อธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือ แก๊สที่เป็นของเหลวที่ปริมาตรหนึ่งลูกบาศก์นิ้ว จุดให้ตายก็ไม่มีทางติดไฟหรอก ยกเว้นมันขยายตัวเป็นก๊าซใหญ่ขึ้นจากเดิมสองร้อยสี่สิบเท่าเสียก่อนครับ ทดลองได้โดยปลดท่อส่งแก๊สที่เป็นของเหลวเข้าหม้อต้ม แล้วเปิดวาล์วให้ของเหลวพุ่งออกมา แล้วเอาไฟแช็คจุด ไม่มีทางติดไฟหรอกครับ แต่ถ้ามันขยายตัวเป็นก๊าซจากเดิมหนึ่งลูกบาศก์นิ้วที่เป็นของเหลว เปลี่ยนเป็นก๊าซที่สองร้อยสี่สิบลูกบาศก์นิ้ว ทีนี้ลองจุดดู รับรองบึ้มเลยครับ ไม่ก็ลองเอาถังแก๊สบ้าน ปลดอุปกรณ์ลดแรงดันที่เตาแก๊ส แล้วลองเปิดวาล์วให้แก๊สพุ่ง แล้วลองจุดแก๊สที่พุ่งออกมาดู ไม่ติดไฟนะครับ แต่ให้ลองในที่โล่งๆ อ้อ แอลพีจีหนักกว่าอากาศครับ เวลาออกมามันจะกระจายไปที่พื้นครับ ไม่ลอยขึ้นสูงเน้อ อันนี้เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของมัน แล้วยังไม่มีสี ไม่มีกลิ่นอีก แต่เพื่อความปลอดภัย นักวิทยาศาสตร์จึงใส่กลิ่นเข้าไปไงครับ เพื่อให้ทราบว่าเวลามันรั่วนั้น ให้เราได้กลิ่นแก๊สไงครับ ซึ่งถือว่าเป็นระบบหรือหลักประกันความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง ทีนี้ใครก็ตามที่ได้กลิ่นแก๊สที่ว่า ในรถของเขา แล้วยังเฉย ยังมึน ไม่ทำอะไร ไม่ตรวจสอบรวยรั่ว หรือความผิดปรกติของระบบ ก็ให้รถของเขาไฟไหม้ไปเหอะครับ ผมถึงบอกว่าคนใช้ก็มีส่วนไง แต่ที่มันไหม้ ส่วนใหญ่เกิดจากท่อน้ำมันรั่ว ระบบน้ำมันทั้งสิ้นครับ แล้วไอ้คนที่อ่านข่าวมันก็ใส่สีตีไข่กันไปว่าเกิดจากรถใช้แก๊ส ร้อยทั้งเกือบร้อยหากทำการพิสูจน์จริงๆ ไม่ได้เกิดจากแอลพีจี  แอลพีจีมันไม่บึ้มง่ายเหมือนอย่างที่หลายๆคนเข้าใจผิดเน้อ มันเป็นอวิชชาหรือความรู้ผิด แล้วรู้ผิดๆกันแบบนั้น คนที่ถูกหลอกง่ายก็เชื้อตามอวิชชานั้น แล้วแต่จะใส่สีตีไข่กันไปครับ โดยเฉพาะไอ้ฟาย สอ ระ ยวย นี่ไอ้ตัวดีเลยครับ หลับหูหลับตารายงานข่าวเท็จข่าวผิดๆโดยไม่มีความรับผิดใดๆเลย รับแต่ชอบครับไอ้ห่วยเนี่ย เห็นหน้ามันทีไรผมกดหนีทุกทีไป  รถน้ำมันไม่มีระบบป้องกันนี้ครับ เวลาเกิดอุบัติเหตุก็บึ้มทันทีเลย โชคดีไม่บึ้มก็รอดไป โอกาสมากกว่ารถใช้แก๊สที่ติดตั้งอย่างถูกวิธีดังที่กล่าวมาข้างต้นหลายเท่าตัวเลยครับ สำคัญที่คนใช้ ต้องมีความรู้ด้วย ไม่ใช่หลับหูหลับตาใช้ๆๆ และก็ใช้ลูกเดียว ศึกษามันให้เข้าใจ แล้วจะใช้ได้สบายใจ อ้อ ควรมีเครื่องดับเพลิงเล็กๆติดรถไว้ด้วยเสมอครับ รถผมทุกคันมีสิ่งนี้ประจำการ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถมาตั้งแต่กว่ายี่สิบปีมาแล้ว ปัจจุบันก็ทำเช่นนี้อยู่ ทำให้รอดจากการถูกไฟไหม้มาได้ประมาณสองครั้ง แต่ไม่เกี่ยวกับแก๊สทั้งสองครั้งแต่อย่างใด

ครั้งแรก เหตุเกิดที่ก่อนถึงแยกสนามบินน้ำ แก๊สเต็มถังใหญ่เก้าสิบลิตร แต่ผมดันเอาแบตไปวางไว้ท้ายรถ(ย้ายไปเพื่อความสะดวก) ตอนนั้นแบตรุ่นใหญ่สุดล่ะร้อยยี่สิบแอมป์เต็ม  หลังรถมีกล่องเครื่องมือชุดใหญ่ติดไป(สมัยก่อนคงเคยเห็นกล่องเครื่องมือทำด้วยเหล็ก ของผมมันเยอะจัดจนปิดไม่ได้ บรรดาประแจเครื่องไม้เครื่องมือมันก็ล้นออกมา มีสเปรย์โซแน็กอีกกระป๋องอยู่ใกล้ๆกัน ตอนนั้ติดไฟแดงอยู่ประมาณคันที่สี่ที่ห้า กำลังจะเลี้ยวขวาเข้าไปบ้านพี่สาวภรรยา ประแจมันเข้าไปขัดกับขั้วแบตครับ แล้วช็อตจนร้อนมากๆเป็นเหตุทำให้สเปรย์โซแน็กระเบิด(แต่เราไม่ได้ยิน) ผมนั่งในรถแอร์เย็นฉ่ำ แก๊สก็เต็มถังแล้วกาลังจะไปรับภรรยาเดินทางกลับอุบล อยู่ๆก็มีควันเข้ามาในห้องโดยสาร ไม่ทราบเข้ามาได้ยังไง ผมก็ลงจากรถ(สติดีตลอดเลย) แล้วเปิดฝากระโปรงหลังเพราะมองเห็นที่มาของควันน่าจะจากด้านหลัง พอเปิด เท่านั้นจากควัน มันเปลี่ยนกลายเป็นไฟลุกท่วมทันทีเปรวไฟสูงกว่าฝากระโปรงอีก ผมกระโจนถอยหลังโดยสมองยังไม่ได้สั่งงานเลย (รีเฟรคแอ็คชั่น) พวกที่จอดติดไปแดงด้วยด้านหลัง บางคนถึงกับเผ่นออกจากรถเลยครับ ผมก็ปล่อยให้มันลุกอยู่อย่างนั้นล่ะ แต่จริงๆแล้วมันอัตโนมัติไม่กี่วิเอง ผมวิ่งเข้าไปในรถเสาข้างคนขับมีเครื่องดับเพลิงฮาล่อนอยู่ ผมคว้ามา ฉีด ปู๊ดเดียว ดับสนิทเลยครับ แค่ไม่ถึงนาที ความเสียหาย แบตใหม่ๆหนึ่งลูก เกือบละลาย กล่องเครื่องมือสีไหม้(มันเป็นเหล็ก) ถังแก๊สอยู่ติดกันก็บ่อเป็นหยังดอก เฉยลูกเดียว แต่สีโดนเข้าไปเกือบครึ่ง หากไม่มีเครื่องดังเพลิงฮาล่อนก็คงเสร็จครับ ไหม้ทั้งคันเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ แต่ตอนนั้นไอ้สอ ระ ยวย มันยังเป็นวุ้นอยู่ครับ ไม่ได้เสนอหน้าเหมือนทุกวัน นั่นล่ะครั้งแรกที่เกือบไฟไหม้

ทีนี้ครั้งที่สอง  ก็เว้นช่วงมากะรถคันที่สี่ แต่ลูกๆยังเล็กอยู่ เดินทางเข้ากรุงเทพตอนนี้เรโนลต์อาร์สิบเก้าชาเมท อันนี้ก็ประมาณสิบปีที่ผ่านมา ตอนนี้เจ้าจินนี่ก็จอดสงบปลดระวางอยู่โรงรถมาห้าปีกว่าแล้ว ผมใช้น้ำยาแอร์ คูล ๑๒ ซึ่งเป็นน้ำยาประเภทติดไฟ แต่เย็นติดลบองศาทำสถิติได้ ลบสิบห้าจุดห้าองศา น้ำแข็งเกาะไปถึงคอมแอร์เลยครับ ใครเคยเข้าไปดูในเวปแอร์เทพก็น่าจะเห็นหากมันจะยังอยู่เน้อ ปัญหาก็คือ เย็นจัดโลหะแทนที่มันจะเหนียว มันกลับเปราะครับ ท่อแอร์ผมแตก หักเป็นประจำ(ส่วนที่เป็นโลหะ)  แล้วผมชอบวิ่งที่ความเร็วติดลบนี้เดินทางตลอด เพื่อศึกษาและเก็บข้อมูลครับ พอจะเข้าสระบุรี มันมีเนินนิดๆ รถก็ลอยขึ้นนิด แล้วก็ยุบลง พร้อมกับเสียงดังพรึบ(ทีเดียวจริงๆ)  ผมก็ผ่านไม่ใส่ใจ แต่ลูกชายคนโต บอกว่าป้ารถไฟไหม้ ตอนนั้นผมยังไม่ได้ส่งไปบวชนั่งสมาธิเหมือนอย่างทุกวันนี้ด้วยซ้ำ แต่เขาบอกว่าเสียงเหมือนรถไฟไหม้   จิ้งจกทักเรายังฟัง นี่ลูกชายเราแท้ๆทัก ผมจอดรถหลังเกิดเสียงพรึบ น่าจะเกือบสิบกิโล พอเปิดฝากระโปรง ทุกอย่างมันไหม้อยู่ภายในครับ พอมันพรึบ พวกสายไฟมันฉนวนละลายแล้วก็ช็อตครับ แดงเถือกยังกะไฟแอลอีดีเลย แล้วมีไฟลุกนิดๆด้วย แต่ไม่ได้บึ้มเหมือนครั้งแรก ผมก็ได้เจ้าพระเอกฮาล่อนอีกล่ะ ฉีดทีเดียวดับหมด(เปลวไฟ) แต่ส่วนที่ช็อตไม่ดับ สายหัวเทียนสี่หัวไหม้จนเห็นแต่โลหะข้างใน แต่ที่เสียหายคือสายไฟหลักมันช็อต กว่าจะปลดแบตได้ก็พอสมควร งานนั้นเกือบทั้งคันอีกเหมือนกัน  สาเหตุ ท่อแอร์ที่เย็นจัดติดลบองศา ใครก็ตามที่ยังโง่แล้วทำตัวอวดฉลาดอยู่ ไม่เคยเห็นแอร์ติดลบ ก็ควรรู้ไว้ว่าเขาทำได้ตั้งนานแล้วตั้งแต่มิงยังเป็นวุ้นอยู่โน่นล่ะ แต่ผลเสียมันมีมากกว่า โรงงานเลยไม่ทำไง ทุกวันผมก็จำกัดความเย็นของแอร์รถทุกคันที่ใช้ ให้อยู่ที่ประมาณสี่ถึงเจ็ดองศาเซนติเกรดครับ เหลือเฟือสู้แดดได้สบายมาก และ ปลอดภัย ไม่ใช้งานที่ติดลบองศาอีกเลย  ท่อแอร์อยู่ใต้ไดชาร์ท ท่อหัก น้ำยาที่ติดไฟก็พุ่งเข้าหาไดชาร์ท ทีนี้มันก็บึ้มสิ นั่นล่ะสาเหตุที่ไหม้  เช้านี้แบ่งปันแค่นี้ครับ จะไปทำงานแระ

บันทึกการเข้า

K pak 92
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 138


อดีดมือหนึ่ง.


ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2013 08:29:53 »

เวียนหัว ยกธงขาว เกิดจากหลายสาเหตุครับ ไม่ว่าแอลพีจี เอ็นจีวี หรือแม้แต่น้ำมัน ไฟไหม้ได้ทั้งนั้นล่ะ แต่สาเหตุหลักๆเกิดจากการติดตั้งที่ไม่ค่อยได้มาตรฐานครับ สาเหตุที่สองเกิดจากคนใช้(เราๆท่านๆนี่ล่ะ) ที่ไม่ทราบ หรือไม่สนใจ ไม่ใส่ใจดูแลรักษาหรือไม่บำรุงรักษา ผมใช้แก๊สมาน่าจะเกินยี่สิบปีขึ้นไปแล้ว (รถคันแรกที่ใช้แก๊สจดทะเบียนแก๊สกับน้ำมัน ปี ๑๙๗๒ แต่มาอยู่กับผมประมาณยี่สิบกว่าปีที่แล้วจำไม่ได้มันนานมากครับเอาเป็นว่าตอนนั้นแก๊สลิตรละประมาณสี่ห้าบาทเองครับ น้ำมันลิตรละประมาณสิบบาทในตอนนั้น ใช้สลับกันแก๊ส น้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล แต่ไม่เคยมีปัญหาตามที่ถาม นอกจากปัญหาไฟไหม้ที่เกิดจากสาเหตุอื่นครับ เด๋วตอนท้ายๆจะเล่าให้ฟัง แต่ไม่ได้เกิดจากแก๊สหรือการใช้แก๊สโดยตรงเลยสักครั้ง  ตาปริบๆ เหอๆๆ

 แหะ.. แหะ.. ผมเชื่อว่าหลายๆท่านอาจจะยังไม่รู้ ไม่ทราบถึงระบบความปลอดภัยของแก๊ส โดยเฉพาะแอลพีจี หากบางท่านทราบแล้วก็ถือว่าผ่านนะครับ คงไม่ถือสาว่าผมเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเน้อ  แอลพีจีนั้นปลอดภัยมากครับ ระบบความปลอดภัยในเบื้องต้น ก็ตัวของมันเอง จะถูกบรรจุในรูปแบบของของเหลว โดยอัดให้อยู่ภายใต้แรงดันประมาณ ๑๐๐ พีเอสไอ สภาพเดิมในตัวมันที่เป็นในรูปก๊าซ จะแปรสภาพกลายเป็นของเหลวครับ และภายใต้แรงดันนี้ หากมีการรั่วหรือท่อส่งขาด จะมีวาล์วนิรภัยตัดภายในถังอีกทีเป็นระบบป้องกันอีกชั้นเน้อ(หากร้านติดตั้งไหนไม่มีระบบนิรภัยนี้ ก็ควรตัวใครตัวมันหรือหลีกให้ห่างๆเข้าไว้เป็นดี แต่อย่ากระนั้นเลยวาล์วนิรภัยนั้นติดระบบนี้มาให้เสร็จครับ ไม่ต้องไปถามแต่เขาเลิกพูดกันเท่านั้น คนส่วนใหญ่เลยไม่ทราบ) ทั้งระบบกันกลับ ระบบระบายแรงดัน(กรณีถังถูกไฟไหม้ ไม่ให้ถังระเบิด) แล้วก็ระบบตัดอัตโนมัติเมื่อระบบจ่ายเกิดรั่ว (อันนี้กลไกล้วนๆเน้อ) แล้วยังมีระบบไฟฟ้าที่ควบคุมสั่งให้ตัดอีก เรียกว่าปลอดภัยหลายชั้นก็แล้วกัน ใครที่ไม่รู้ไม่ทราบก็ควรทราบซะ แล้วหากของเหลวนี้ถูกพ่นออกมาก็จะไม่ติดไฟครับ จนกว่ามันจะขยายตัวกลับคืนสภาพเดิมเป็นก๊าซเสียก่อน ซึ่งก็จากของเหลวมาเป็นก๊าซนั้นก็ประมาณ สองร้อยสี่สิบเท่า(หากจำไม่ผิดเน้อ ประมาณนี้ล่ะ)  อธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือ แก๊สที่เป็นของเหลวที่ปริมาตรหนึ่งลูกบาศก์นิ้ว จุดให้ตายก็ไม่มีทางติดไฟหรอก ยกเว้นมันขยายตัวเป็นก๊าซใหญ่ขึ้นจากเดิมสองร้อยสี่สิบเท่าเสียก่อนครับ ทดลองได้โดยปลดท่อส่งแก๊สที่เป็นของเหลวเข้าหม้อต้ม แล้วเปิดวาล์วให้ของเหลวพุ่งออกมา แล้วเอาไฟแช็คจุด ไม่มีทางติดไฟหรอกครับ แต่ถ้ามันขยายตัวเป็นก๊าซจากเดิมหนึ่งลูกบาศก์นิ้วที่เป็นของเหลว เปลี่ยนเป็นก๊าซที่สองร้อยสี่สิบลูกบาศก์นิ้ว ทีนี้ลองจุดดู รับรองบึ้มเลยครับ ไม่ก็ลองเอาถังแก๊สบ้าน ปลดอุปกรณ์ลดแรงดันที่เตาแก๊ส แล้วลองเปิดวาล์วให้แก๊สพุ่ง แล้วลองจุดแก๊สที่พุ่งออกมาดู ไม่ติดไฟนะครับ แต่ให้ลองในที่โล่งๆ อ้อ แอลพีจีหนักกว่าอากาศครับ เวลาออกมามันจะกระจายไปที่พื้นครับ ไม่ลอยขึ้นสูงเน้อ อันนี้เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของมัน แล้วยังไม่มีสี ไม่มีกลิ่นอีก แต่เพื่อความปลอดภัย นักวิทยาศาสตร์จึงใส่กลิ่นเข้าไปไงครับ เพื่อให้ทราบว่าเวลามันรั่วนั้น ให้เราได้กลิ่นแก๊สไงครับ ซึ่งถือว่าเป็นระบบหรือหลักประกันความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง ทีนี้ใครก็ตามที่ได้กลิ่นแก๊สที่ว่า ในรถของเขา แล้วยังเฉย ยังมึน ไม่ทำอะไร ไม่ตรวจสอบรวยรั่ว หรือความผิดปรกติของระบบ ก็ให้รถของเขาไฟไหม้ไปเหอะครับ ผมถึงบอกว่าคนใช้ก็มีส่วนไง แต่ที่มันไหม้ ส่วนใหญ่เกิดจากท่อน้ำมันรั่ว ระบบน้ำมันทั้งสิ้นครับ แล้วไอ้คนที่อ่านข่าวมันก็ใส่สีตีไข่กันไปว่าเกิดจากรถใช้แก๊ส ร้อยทั้งเกือบร้อยหากทำการพิสูจน์จริงๆ ไม่ได้เกิดจากแอลพีจี  แอลพีจีมันไม่บึ้มง่ายเหมือนอย่างที่หลายๆคนเข้าใจผิดเน้อ มันเป็นอวิชชาหรือความรู้ผิด แล้วรู้ผิดๆกันแบบนั้น คนที่ถูกหลอกง่ายก็เชื้อตามอวิชชานั้น แล้วแต่จะใส่สีตีไข่กันไปครับ โดยเฉพาะไอ้ฟาย สอ ระ ยวย นี่ไอ้ตัวดีเลยครับ หลับหูหลับตารายงานข่าวเท็จข่าวผิดๆโดยไม่มีความรับผิดใดๆเลย รับแต่ชอบครับไอ้ห่วยเนี่ย เห็นหน้ามันทีไรผมกดหนีทุกทีไป  รถน้ำมันไม่มีระบบป้องกันนี้ครับ เวลาเกิดอุบัติเหตุก็บึ้มทันทีเลย โชคดีไม่บึ้มก็รอดไป โอกาสมากกว่ารถใช้แก๊สที่ติดตั้งอย่างถูกวิธีดังที่กล่าวมาข้างต้นหลายเท่าตัวเลยครับ สำคัญที่คนใช้ ต้องมีความรู้ด้วย ไม่ใช่หลับหูหลับตาใช้ๆๆ และก็ใช้ลูกเดียว ศึกษามันให้เข้าใจ แล้วจะใช้ได้สบายใจ อ้อ ควรมีเครื่องดับเพลิงเล็กๆติดรถไว้ด้วยเสมอครับ รถผมทุกคันมีสิ่งนี้ประจำการ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถมาตั้งแต่กว่ายี่สิบปีมาแล้ว ปัจจุบันก็ทำเช่นนี้อยู่ ทำให้รอดจากการถูกไฟไหม้มาได้ประมาณสองครั้ง แต่ไม่เกี่ยวกับแก๊สทั้งสองครั้งแต่อย่างใด

ครั้งแรก เหตุเกิดที่ก่อนถึงแยกสนามบินน้ำ แก๊สเต็มถังใหญ่เก้าสิบลิตร แต่ผมดันเอาแบตไปวางไว้ท้ายรถ(ย้ายไปเพื่อความสะดวก) ตอนนั้นแบตรุ่นใหญ่สุดล่ะร้อยยี่สิบแอมป์เต็ม  หลังรถมีกล่องเครื่องมือชุดใหญ่ติดไป(สมัยก่อนคงเคยเห็นกล่องเครื่องมือทำด้วยเหล็ก ของผมมันเยอะจัดจนปิดไม่ได้ บรรดาประแจเครื่องไม้เครื่องมือมันก็ล้นออกมา มีสเปรย์โซแน็กอีกกระป๋องอยู่ใกล้ๆกัน ตอนนั้ติดไฟแดงอยู่ประมาณคันที่สี่ที่ห้า กำลังจะเลี้ยวขวาเข้าไปบ้านพี่สาวภรรยา ประแจมันเข้าไปขัดกับขั้วแบตครับ แล้วช็อตจนร้อนมากๆเป็นเหตุทำให้สเปรย์โซแน็กระเบิด(แต่เราไม่ได้ยิน) ผมนั่งในรถแอร์เย็นฉ่ำ แก๊สก็เต็มถังแล้วกาลังจะไปรับภรรยาเดินทางกลับอุบล อยู่ๆก็มีควันเข้ามาในห้องโดยสาร ไม่ทราบเข้ามาได้ยังไง ผมก็ลงจากรถ(สติดีตลอดเลย) แล้วเปิดฝากระโปรงหลังเพราะมองเห็นที่มาของควันน่าจะจากด้านหลัง พอเปิด เท่านั้นจากควัน มันเปลี่ยนกลายเป็นไฟลุกท่วมทันทีเปรวไฟสูงกว่าฝากระโปรงอีก ผมกระโจนถอยหลังโดยสมองยังไม่ได้สั่งงานเลย (รีเฟรคแอ็คชั่น) พวกที่จอดติดไปแดงด้วยด้านหลัง บางคนถึงกับเผ่นออกจากรถเลยครับ ผมก็ปล่อยให้มันลุกอยู่อย่างนั้นล่ะ แต่จริงๆแล้วมันอัตโนมัติไม่กี่วิเอง ผมวิ่งเข้าไปในรถเสาข้างคนขับมีเครื่องดับเพลิงฮาล่อนอยู่ ผมคว้ามา ฉีด ปู๊ดเดียว ดับสนิทเลยครับ แค่ไม่ถึงนาที ความเสียหาย แบตใหม่ๆหนึ่งลูก เกือบละลาย กล่องเครื่องมือสีไหม้(มันเป็นเหล็ก) ถังแก๊สอยู่ติดกันก็บ่อเป็นหยังดอก เฉยลูกเดียว แต่สีโดนเข้าไปเกือบครึ่ง หากไม่มีเครื่องดังเพลิงฮาล่อนก็คงเสร็จครับ ไหม้ทั้งคันเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ แต่ตอนนั้นไอ้สอ ระ ยวย มันยังเป็นวุ้นอยู่ครับ ไม่ได้เสนอหน้าเหมือนทุกวัน นั่นล่ะครั้งแรกที่เกือบไฟไหม้

ทีนี้ครั้งที่สอง  ก็เว้นช่วงมากะรถคันที่สี่ แต่ลูกๆยังเล็กอยู่ เดินทางเข้ากรุงเทพตอนนี้เรโนลต์อาร์สิบเก้าชาเมท อันนี้ก็ประมาณสิบปีที่ผ่านมา ตอนนี้เจ้าจินนี่ก็จอดสงบปลดระวางอยู่โรงรถมาห้าปีกว่าแล้ว ผมใช้น้ำยาแอร์ คูล ๑๒ ซึ่งเป็นน้ำยาประเภทติดไฟ แต่เย็นติดลบองศาทำสถิติได้ ลบสิบห้าจุดห้าองศา น้ำแข็งเกาะไปถึงคอมแอร์เลยครับ ใครเคยเข้าไปดูในเวปแอร์เทพก็น่าจะเห็นหากมันจะยังอยู่เน้อ ปัญหาก็คือ เย็นจัดโลหะแทนที่มันจะเหนียว มันกลับเปราะครับ ท่อแอร์ผมแตก หักเป็นประจำ(ส่วนที่เป็นโลหะ)  แล้วผมชอบวิ่งที่ความเร็วติดลบนี้เดินทางตลอด เพื่อศึกษาและเก็บข้อมูลครับ พอจะเข้าสระบุรี มันมีเนินนิดๆ รถก็ลอยขึ้นนิด แล้วก็ยุบลง พร้อมกับเสียงดังพรึบ(ทีเดียวจริงๆ)  ผมก็ผ่านไม่ใส่ใจ แต่ลูกชายคนโต บอกว่าป้ารถไฟไหม้ ตอนนั้นผมยังไม่ได้ส่งไปบวชนั่งสมาธิเหมือนอย่างทุกวันนี้ด้วยซ้ำ แต่เขาบอกว่าเสียงเหมือนรถไฟไหม้   จิ้งจกทักเรายังฟัง นี่ลูกชายเราแท้ๆทัก ผมจอดรถหลังเกิดเสียงพรึบ น่าจะเกือบสิบกิโล พอเปิดฝากระโปรง ทุกอย่างมันไหม้อยู่ภายในครับ พอมันพรึบ พวกสายไฟมันฉนวนละลายแล้วก็ช็อตครับ แดงเถือกยังกะไฟแอลอีดีเลย แล้วมีไฟลุกนิดๆด้วย แต่ไม่ได้บึ้มเหมือนครั้งแรก ผมก็ได้เจ้าพระเอกฮาล่อนอีกล่ะ ฉีดทีเดียวดับหมด(เปลวไฟ) แต่ส่วนที่ช็อตไม่ดับ สายหัวเทียนสี่หัวไหม้จนเห็นแต่โลหะข้างใน แต่ที่เสียหายคือสายไฟหลักมันช็อต กว่าจะปลดแบตได้ก็พอสมควร งานนั้นเกือบทั้งคันอีกเหมือนกัน  สาเหตุ ท่อแอร์ที่เย็นจัดติดลบองศา ใครก็ตามที่ยังโง่แล้วทำตัวอวดฉลาดอยู่ ไม่เคยเห็นแอร์ติดลบ ก็ควรรู้ไว้ว่าเขาทำได้ตั้งนานแล้วตั้งแต่มิงยังเป็นวุ้นอยู่โน่นล่ะ แต่ผลเสียมันมีมากกว่า โรงงานเลยไม่ทำไง ทุกวันผมก็จำกัดความเย็นของแอร์รถทุกคันที่ใช้ ให้อยู่ที่ประมาณสี่ถึงเจ็ดองศาเซนติเกรดครับ เหลือเฟือสู้แดดได้สบายมาก และ ปลอดภัย ไม่ใช้งานที่ติดลบองศาอีกเลย  ท่อแอร์อยู่ใต้ไดชาร์ท ท่อหัก น้ำยาที่ติดไฟก็พุ่งเข้าหาไดชาร์ท ทีนี้มันก็บึ้มสิ นั่นล่ะสาเหตุที่ไหม้  เช้านี้แบ่งปันแค่นี้ครับ จะไปทำงานแระ


 เหวอ เหวอ เหวอ +10  สุดยอด
บันทึกการเข้า

อดีตเคยแรง......
ROMEo@MAN_u
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,728



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2013 08:59:15 »

เคยเห็นพี่ TAXI รถไฟไหม้บ้างไหมครับ
เท่าที่ผมจำได้ มี แต่น้อยมาก
ก็เพราะพี่ TAXI เขาดูแลเป็น พวกเขาใช้แก๊สกันมาแล้วกว่า 20 ปี พวกเขาเลยมีประสพการณ์สูง
ไฟไหม้เลยไม่ค่อยเกิดกับพวกพี่เขา
บันทึกการเข้า

หน้า: [1] 2  »    ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!