AE. Racing Club
13 ธันวาคม 2024 21:14:51 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความรู้เรื่องน้ำมัมเครื่องคับไม่รู้ซ้ำเปล่าคับ  (อ่าน 5435 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sa-tan
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 138


เรื่องงานไม่สำคัญเพศสัมพันธ์ต้องมาก่อน


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2013 15:04:05 »

น้ำมันเครื่องชนิดใดเหมาะสำหรับรถของคุณ?
 
เครื่องยนต์แต่ละชนิดมีเทคโนโลยี และการดีไซน์ของเครื่องยนต์ที่ต่างกัน ดังนั้น คุณสมบัติของน้ำมันเครื่องที่ใช้จึงต่างกัน อันดับแรกควรเลือกชนิดน้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับชนิดของเครื่องยนต์ท่าน อาทิ เครื่องยนต์รถยนต์เบนซินควรเลือกใช้น้ำมันที่ออกแบบสำหรับเครื่องยนต์รถยนต์เบนซินโดยเฉพาะ ได้แก่ น้ำมันเครื่องในตระกูล  PERFROMA หากเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ออกแบบสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลโดยเฉพาะ ได้แก่น้ำมันเครื่องในตระกูล DYNAMIC หรือหากเป็นรถจักรยานยนต์ ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ออกแบบสำหรับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ เป็นต้น
ความหนืดคืออะไร ดูได้อย่างไร?
ความหนืด คือ ความข้น–ใส ของน้ำมันหล่อลื่นนั้นๆ ซึ่งกำหนดโดยองค์กรวิศวกรรมยานยนต์(SAE) จากอเมริกา โดยความหนืดจะระบุเป็นตัวเลขตามหลังตัวอักษร SAE เช่น SAE 10W-30 หรือ SAE 5W-40 เป็นต้น นอกจากนี้ ควรพิจารณาเลือกใช้ความหนืดที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ โดยท่านสามารถดูได้จากหนังสือคู่มือรถยนต์ ของท่านเพื่อประกอบการตัดสินใจ
 
 
เราจะทราบได้อย่างไรว่าน้ำมันเครื่องตัวไหนดีกว่ากัน?
สามารถดูได้จากมาตรฐานคุณภาพ โดยที่นิยมใช้กันทั่วโลก คือ มาตรฐาน API (American Petroleum Institute Standard) จากอเมริกา โดยมาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์เบนซินจะกำกับด้วย “S” เช่น API SM หรือ API SL เป็นต้น ส่วนมาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลจะกำกับด้วย “C” เช่น API CF-4 หรือ API CI-4 เป็นต้น ทั้งนี้ ระดับมาตรฐานที่แตกต่างกันจะบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องในแต่ละหัวข้อคุณสมบัติที่ทำการทดสอบ และมาตรฐานที่สูงกว่าสามารถใช้ทดแทนมาตรฐานที่ต่ำกว่าได้ โดยปัจจุบันน้ำมันเครื่องของ ปตท. ได้ถูกพัฒนามาให้ครอบคลุมมาตรฐานคุณภาพระดับสูง ตัวอย่าง เช่น น้ำมันเครื่องที่ผ่านมาตรฐาน API SM เปรียบเทียบกับ API  SL จะให้คุณสมบัติที่ดีขึ้นในด้านต่างๆ ดังนี้
-          ป้องกันการสึกหรอสูงขึ้น (Wear protection)
-          รักษาความสะอาดเครื่องยนต์ดีขึ้น (oxidation control and piston deposit control)
-          ลดการระเหย (Evaporative loss)
-          ช่วยยืดอายุการเปลี่ยนถ่าย(Draining period)
-          ช่วยยืดอายุกรองไอเสีย (Catalytic converter)
 
 
น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดสูง ดีกว่าน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดต่ำจริงหรือไม่?
ไม่จริง ความหนืดมิได้เป็นตัวบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่องนั้น ๆ มาตรฐานคุณภาพ เช่น API หรือ ACEA ต่างหากที่เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดที่เหมาะสมกับสภาพของเครื่องยนต์ และสภาพการใช้งานของท่าน เช่น หากรถของท่านเป็นรถใหม่ ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์ความหนืดใส จะช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น เช่น SAE 10W-30 เป็นต้น แต่หากรถของท่านเป็นรถเก่า มีอาการกินน้ำมันเครื่อง ก็ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์ความหนืดที่ข้นมากขึ้น เพื่อช่วยลดปัญหาการกินน้ำมันเครื่อง เช่น SAE 20W-50 เป็นต้น
 
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Synthetic) ดีกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไปอย่างไร?
 
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้น้ำมันพื้นฐานทั่วไป ในเรื่องของความเสถียรที่อุณหภูมิสูง และไหลได้ดีที่อุณหภูมิต่ำ   เป็นผลทำให้ ช่วยให้สตาร์ทเครื่องง่าย ลดการสึกหรอจากการสตาร์ท รวมทั้งป้องกันการเกิดคราบตะกอน ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด   นอกจากนี้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์สามารถสร้างฟิล์มน้ำมันที่แข็งแรง จึงสามารถป้องกันเครื่องยนต์จากการสึกหรอได้สูงกว่า และทำให้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องทั่ว ๆ ไปอีกด้วย
 
สามารถนำน้ำมันเครื่องต่างยี่ห้อ ต่างระดับชั้นคุณภาพ มาผสมกันเพื่อใช้งานได้หรือไม่?
ได้ เนื่องจากน้ำมันเครื่อง ปตท. มีคุณสมบัติในการเข้ากันได้กับน้ำมันเครื่องทุกยี่ห้อ  แต่อย่างไรก็ตามคุณภาพของน้ำมันที่สูงกว่าเมื่อผสมกับน้ำมันที่คุณภาพต่ำกว่า จะทำให้ประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องที่ดีลดลงไปตามสัดส่วนการผสม  ดังนั้น หากเป็นการใช้งานในสภาวะปกติทั่ว ๆ ไป แนะนำให้ไม่ควรผสมน้ำมันเครื่องต่างยี่ห้อ หรือต่างระดับชั้นคุณภาพครับ
 
 
น้ำมันเครื่องใหม่ที่มีสีเข้ม มีคุณภาพดีกว่านำมันเครื่องใหม่ที่มีสีอ่อนใสกว่า จริงหรือไม่?
ไม่จริง เพราะสีของน้ำมันเครื่องใหม่ ไม่สามารถบ่งบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่องได้ เพราะสีเป็นเพียงคุณสมบัติภายนอกของน้ำมันเครื่องเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม น้ำมันเครื่องที่ดี ควรจะมีลักษณะใส ไม่ขุ่น รวมถึงไม่มีฝุ่นละออง หรือน้ำ ปนเปื้อนอยู่ในเนื้อน้ำมันครับ
 
น้ำมันเครื่องใช้แล้วเป็นสีดำเร็ว แสดงว่าเป็นน้ำมันเครื่องที่ไม่ดีใช่หรือม่?
โดยปกติแล้ว น้ำมันเครื่องเมื่อเปลี่ยนถ่าย และใช้งานไประยะหนึ่งจะมีสีที่เข้มขึ้น เนื่องจากน้ำมันเครื่องที่ดี จะช่วยกระจายเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ รวมถึงช่วยชะล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกภายในเครื่องยนต์ ให้มาผสมอยู่ในเนื้อของน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นเข้ม หรือดำ โดยที่น้ำมันเครื่องนั้น ๆ ยังสามารถคงความหนืดได้ดังเดิม แต่หากน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว  มีสีดำ และมีลักษณะที่ข้น หรือเหนียวขึ้น ถือว่าเป็นน้ำมันเครื่องที่คุณภาพต่ำครับ ดังนั้น น้ำมันเครื่องดำไม่ใช่ปัญหาครับ
 
จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเติมหัวเชื้อ เพิ่มลงน้ำมันเครื่อง ?
ไม่จำเป็น หากท่านเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีมาตรฐานเทียบเท่า หรือสูงกว่า มาตรฐานที่ระบุให้ใช้ในคู่มือรถยนต์ของท่าน เนื่องจากน้ำมันเครื่องที่ได้รับมาตรฐานเทียบเท่า หรือสูงกว่านั้น ได้ผ่านการทดลอง ทดสอบจากองค์กรมาตรฐาน โดยใช้เครื่องมือทดสอบต่าง ๆ อย่างเข้มงวด และหนักหน่วง จึงสามารถใช้งานตามระยะเปลี่ยนถ่ายที่ระบุไว้ในคู่มือรถยนต์ได้โดยไม่ต้องการเติมหัวเชื้อ อีกทั้งการเติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่องเพิ่มเข้าไปในระบบจะไปรบกวนการทำงานของ additive บางชนิดที่ถูกรวมอยู่ใน additive packages ที่ผสมในน้ำมันเครื่อง ที่มีการคำนวณสัดส่วนไว้อย่างดีและทำการทดสอบแล้ว อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของน้ำมันเครื่องลดลง ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้เติมหัวเชื้อชนิดใด ๆ เพิ่มเข้าไปในน้ำมันเครื่องครับ
 
 
ระยะเปลี่ยนถ่ายเท่าใดจึงจะเหมาะสมกับรถยนต์ของท่าน ?
ในคู่มือของรถยนต์แต่ละรุ่น จะระบุความหนืด มาตรฐานคุณภาพขั้นต่ำ รวมถึงระยะเปลี่ยนถ่ายมาตรฐานไว้ แต่เนื่องจากน้ำมันเครื่องมีหลายชนิด และหลายระดับคุณภาพ เช่น น้ำมันสังเคราะห์ กึ่งสังเคราะห์ น้ำมันธรรมดา เป็นต้น รวมถึงระดับปริมาณสารเพิ่มคุณภาพที่ใช้ก็แตกต่างกัน จึงมีความสามารถในการคงคุณสมบัติที่ดีของน้ำมันเครื่องเอาไว้ได้ในระยะเวลาที่ต่างกัน เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด สารเพิ่มคุณภาพก็จะเสื่อมคุณภาพจนหมด  ดังนั้น จึงไม่ควรที่จะใช้งานเกินระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายที่กำหนด โดยน้ำมันเกรดสังเคราะห์จะเปลี่ยนถ่ายที่ 15,000 กม. กึ่งสังเคราะห์เปลี่ยนถ่ายที่ 10,000 กม. และน้ำมันธรรมดาเปลี่ยนถ่ายที่ 7,000 กม. ครับ
 
สามารถนำน้ำมันเครื่องต่างชนิดกัน มาใช้แทนกันได้หรือไม่ ?
ในกรณีปกติไม่แนะนำครับ เนื่องจากน้ำมันเครื่องแต่ละชนิดมีวัตถุประสงค์ในการใช้กับเครื่องยนต์ / เครื่องจักรที่แตกค่างกัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากเทคโนโลยี และการดีไซน์ของเครื่องยนต์ ที่ต่างกัน เช่น น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลจำเป็นจะต้องมีคุณสมบัติค่าความเป็นด่างรวม (TBN) สูงกว่า น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน หรือนำเอาน้ำมันเครื่องรถยนต์เบนซิน ไปใช้ในรถจักรยานยนต์ก็ไม่เหมาะสม เป็นต้น ดังนั้น ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะกับชนิดของเครื่องจักรนั้น ๆ ครับ แต่หากเป็นกรณีฉุกเฉิน หรือเร่งด่วน อาจอนุโลมให้ใช้ทดแทนได้ในช่วงเวลานั้น ๆ   จากนั้นต้องรีบเปลี่ยนถ่ายเป็นน้ำมันที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ดังเดิมครับ
 
น้ำมันเกียร์ยานยนต์กับน้ำมันเกียร์อุตสาหกรรมใช้ปนกันได้หรือไม่ ?
ไม่สามารถใช้ปนกันได้  เนื่องจาก  additive  ที่เป็นองค์ประกอบนั้นอาจมีลักษณะที่ไม่เข้ากัน ถ้าจะใช้ผสมกันจะทำให้น้ำมันหล่อลื่นนั้นเสื่อมคุณภาพ ทำให้เกิดผลเสียหายต่อชุดเกียร์นั้น ๆ ได้   ดังนั้น ควรเลือกน้ำมันหล่อลื่นมาใช้งานให้ถูกชนิด และประเภทของเครื่องจักร / เครื่องยนต์ครับ
 
น้ำมันเครื่องที่ซื้อไป สามารถเก็บได้กี่ปี ?
โดยปกติแล้ว น้ำมันเครื่องที่ซื้อกันในท้องตลาด จะมีระบุวันที่ผลิตไว้ที่แกลลอนน้ำมันเครื่องทุกแกลลอน ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไป หากยังไม่ได้ใช้งาน ไม่ได้เปิดฝา และเก็บไว้ในที่ร่ม สามารถเก็บได้ประมาณ 3 ปี นับจากวันที่ผลิตครับ แต่หากมีการเปิดฝาใช้งานแล้ว ควรปิดฝาให้สนิท  และเก็บในที่ร่ม ไม่อับชื้น ไม่โดนน้ำ สามารถเก็บได้ 1 ปี นับจากวันใช้งานครับ แต่ทั้งนี้ ก่อนใช้งานครั้งต่อไป ควรสังเกตลักษณะทั่วไปของน้ำมันเครื่องด้วยว่า ยังมีลักษณะใส และไม่มีฝุ่นละออง หรือน้ำปนเปื้อนนะครับ
 
รถเก่าแล้ว ใช้งานเกิน 7-10 ปี แล้ว ควรใช้น้ำมันหล่อลื่นชนิดไหน ความหนืดเท่าไร ?
ไม่ว่าจะเป็นรถเก่า หรือรถใหม่ สามารถใช้น้ำมันเครื่องได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันสังเคราะห์ กึ่งสังเคราะห์ หรือน้ำมันธรรมดา โดยหากเลือกใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์ ก็จะช่วยในเรื่องการปกป้องเครื่องยนต์ ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า เป็นต้น และหากสภาพเครื่องยนต์ยังดีอยู่ คือ ไม่มีอาการกินน้ำมันเครื่อง ก็สามารถเลือกเบอร์ความหนืดที่ใสขึ้นได้ เช่น SAE 5W-40 หรือ SAE 10W-30 เป็นต้น เพื่อช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิง แต่หากสภาพของเครื่องยนต์ไม่ดี และมีอาการกินน้ำมันเครื่อง แนะให้ให้เลือกเบอร์ความหนืดที่ข้นขึ้น เช่น SAE 15W-40 หรือ SAE 20W-50 เป็นต้น เพื่อช่วยลดปัญหาดังกล่าว
 
รถยนต์ใช้งานน้อย วิ่งปีหนึ่ง ๆ ยังไม่ถึง 5,000 กม. จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายหรือไม่ ?
จำเป็นครับ การที่รถยนต์ใช้งานน้อย ไม่ว่าจะเป็นการจอดทิ้งไว้เป็นเดือน หรือขับใช้งานในเมือง ที่มีการจราจรหนาแน่น ทำให้ระยะที่ขับขี่น้อย ถือว่าน้ำมันหล่อลื่นทำงานหนักครับ เพราะการจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ จะเกิดการปนเปื้อนของน้ำในอากาศ ทำให้สารเพิ่มคุณภาพเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้น้ำมันเครื่องเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น อีกทั้งการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น น้ำมันเครื่องก็ยังคงทำงานตลอดเวลาทั้งขณะรถติด และรถวิ่ง ดังนั้น จึงเป็นการควรที่จะพิจารณาระยะทางที่ขับขี่ ควบคู่ไปกับระยะเวลาที่เปลี่ยนถ่ายด้วย โดยเราควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งครับ
 
รถยนต์เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ต้องใช้น้ำมันหล่อลื่นพิเศษหรือไม่ ?
สภาวะการทำงานของเครื่องยนต์ของรถที่ใช้เชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ กับรถยนต์ที่ใช้เบนซินเป็นเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความดัน หรืออุณหภูมิการทำงานไม่ได้มีความแตกต่างกัน ทำให้สภาวะการทำงานของน้ำมันหล่อลื่นจึงเหมือนเดิมตามไปด้วย ดังนั้น เราจึงสามารถใช้น้ำมันหล่อลื่นทั่ว ๆ ไป ที่ออกแบบมาสำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน มาใช้หล่อลื่นในรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์เป็นเชื้อเพลิงได้ตามปกติ โดยมีระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายตามปกติทุกประการ อย่างไรก็ตามบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้คิดค้นและพัฒนาน้ำมันหล่อลื่นสูตรพิเศษ ที่ออกแบบพิเศษเพื่อรองรับผู้ขับขี่ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91 โดยเฉพาะ ชื่อว่า “เพอร์ฟอร์มา แก๊สโซฮอล์” มาตรฐานสูงสุด API  SM  จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์เบนซินประเภทกึ่งสังเคราะห์ โดยมีเบอร์ความหนืด SAE 10W–30 และ SAE 10W–40 ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับสภาพการใช้งาน และสภาพของเครื่องยนต์ ช่วยให้รถคุณสตาร์ทเครื่องง่ายและลดการสึกหรอจากการสตาร์ท ช่วยให้ออกตัวและเร่งแซงดีเยี่ยม อีกทั้งเพิ่มสารคุณภาพพิเศษที่ทำให้เครื่องยนต์สะอาดกว่า และป้องกันปัญหาคราบโคลนได้อย่างดีเยี่ยม  อีกทั้งยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย
อ้างอิงจาก http://www.somsakpetro.com/index.php?keycode=P0P633   ซุบซิบ
บันทึกการเข้า
Yamakute
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2013 21:05:53 »

แจ่มๆ
บันทึกการเข้า
kondee
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 114


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2013 17:13:28 »

จากประสบการณ์เลย ใช้รถ 4A-FE 1600ซีซี 3ห่วงปี95 ใช้น้ำมันเครื่องของโตโยต้าเลย 20W-50 ใช้ได้ไม่ถึง 5พันโลออกอาการแล้ว อาการที่ออก เร่งไม่ค่อยขึ้น ไม่เหมือนที่เปลี่ยนใหม่ๆ จะเร่งแซงก็ไม่ทันใจ ผมใช้รถวันละ 61โล ไปกลับ ครั้งต่อไปนี้จะลองเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นบ้างแล้ว
บันทึกการเข้า
1jzgte
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 93



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2013 21:44:48 »

ขอบคุณครับ ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว
บันทึกการเข้า

หมดมาเยอะ เจ็บมาจนเข้มเเข็ง
kondee
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 114


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2013 11:16:17 »

ถ้าตามข้อมูลที่ท่านโพส AE101ของผมก็หมดสิทธ ใช้น้ำมันสงเคราะห์ 100%สิครับ เพราะสเปคน้ำมันเครื่องของ AE 101  20W-50 (ของโตโยต้าเอง) เพราะเท่าที่เห็นที่พบ น้ำมันสงเคราะห์ 100% จะเป็น 0-5W-40 รถเก่าอยากใช้ของดี5555555555
บันทึกการเข้า
cadmium
มือใหม่หัดขับ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2013 16:19:12 »

ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล เคยใช้แต่ สังเคราะห์ 100%  สุดยอด


บันทึกการเข้า

หางานด้วยประกาศรับสมัครงานจำนวนมาก กับประกาศรับสมัครงานมากกว่า 6,000 ตำแหน่ง สมัครงาน
ลงประกาศรับสมัครงานกับผู้สมัครงานใน jobcity.com
Yamakute
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55



ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2013 12:45:52 »

ผมใช้ castrol ป๋องทองอยู่ เครื่อง 5A สบายๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!