AE. Racing Club
24 กุมภาพันธ์ 2568 16:08:40 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จะทำอย่างไรเมื่อยางรถยนต์ระเบิดขณะขับรถอยู่  (อ่าน 2024 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kids
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 216



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2556 21:09:14 »

   จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่                                                 
มีประโยชน์มาก และช่วยกันส่งต่อด้วยนะ ขับรถให้ปลอดภัย                                                 
กรณีที่ 1 เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถยางระเบิดในขณะขับรถ มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้                                                 
               1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง               
               2. ถอนคันเร่งออก               
               3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจมองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง               
               4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะว่า จะทำให้รถหมุน               
               5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัวและจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลักเพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา               
               6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน               
               7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ               
               8.  เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถ               
               ข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด คือ   ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม เมื่อระเบิดด้านซ้าย   รถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน แล้วก็จะสะบัดกลับ และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา และในทำนอง ตรงกันข้าม หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะ กลับเป็นตรงกันข้ามอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็คือ หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ   พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ จึงไม่ควรขับรถเร็ว (ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ ความเร็วไม่เกิน 100   กิโลเมตร ต่อชั่วโมง)               
                               
                                                กรณีที่  2  เมื่อรถตกน้ำ                                                 
               ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตาม รถจะไม่ตกลงไปใน น้ำแล้วจมทันที เหมือนหิน ตกน้ำ แต่จะค่อยๆ               
               จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึง พื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้                 
                                                   ควรตั้งสติให้ดี และ ปฏิบัติดังต่อไปนี้                                                 
               1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย               
               2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด               
               3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ               
               4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน               
               5.  หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน! ในรถและนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้               
               6.  เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้               
               7.  จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หาก น้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า               
               ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่า มืดไปหมดไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ เพราะอาจจะว่าย ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ กรณีเช่นนี้   ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติ   หรือ   ลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป ก็จะไม่มี อาการ หลงน้ำ นอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ   หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบ เด็กๆ นั้น ออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน ปลอดภัยได้ ในยามคับขัน                                                   
อยากให้ ทุกคน ส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆเลยนะ                                                 
               เป็นการช่วยเหลือกัน หากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์ และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติ เหตุเช่นนี้ สามารถช่วยลดอัตราการตายและการบาดเจ็บได้แน่นอน ถ้าจะให้ดี พริ้นเก็บไว้ในรถของทุกคนเลยก็ดีนะจะได้เอาไว้อ่าน ทบทวนกันได้ ขอให้ทุกคน ขับรถอย่างปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ               
             

 Angry
บันทึกการเข้า

keng110 >SZ<
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,732


20V inside


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2556 21:15:18 »

 
บันทึกการเข้า

มีงานให้กลุ้ม ดีกว่ากลุ้มเพราะไม่มีงาน
Jamedeen AE 112
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 877



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2556 21:19:31 »

 
บันทึกการเข้า
Big_PraYooN~
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,706


4A-FE MT เดิมๆ กังๆ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2556 23:11:00 »

แหล่มเลย ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ
บันทึกการเข้า

*เด็กหัดถ่าย
fabass_4a
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 272



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2556 06:44:02 »

เสริม..นะครับ...ยางระเบิด...จริงแล้ว...ไม่ต้องเบรค..ก็ได้นะครับ....ถ้าด้านหน้า...ไม่มีสิ่งกีดขวางอะไร...รถมันจะชลอตัวโดยตัวมันเองอยู่แล้ว(เหมือนรถมันช่วยเราเบรคเลย)
เปิดไฟ...หาทางลงซ้ายโดยทันที...โชคดี...แตกล้อหลัง....ตัว92...มีความรู้สึกว่ามันสั่นนิดหน่อย...แต่เสียงเนี่ย...สุดยอด...ดังอย่างกับล้อจะหลุด
เคยระเบิดตอน150....ยางล่อนหมด...บังโคลน...สีรอบๆ..ซุ้มล้อ..ไปหมด ...ยางโยโก...วิ่งได้2ปี
ส่วนระเบิดล้อหน้า....อันตรายมาก....มันจะยุบลงไปเลย....ยุบมากน้อย...ขึ้นอยู่กับ...ขนาดยางที่ใส่...ถ้ายางซีรี่...ต่ำ...ยุบน้อยหน่อย(เป็นข้อดี)ส่วน
ยางซีรี่สูง..ยุบมากหน่อย...พวงมาลัย..หมุนสู้..เกือบครึ่งรอบ...
ประสบการณ์ตรงครับ...ตั้งแต่ขับรถมา....เคยขับจนยางระเบิดมาแล้ว....6ครั้ง...ระเบิดหลัง...5ครั้ง...หน้า1ครั้ง
4ครั้ง...ระเบิดความเร็ว...ไม่ต่ำกว่าร้อยสามสิบ....(สังเกตว่า...ยิ่งความเร็วสูง...โอกาส..เสี่ยงสูง)
1ครั้ง...ตอน..80..(แต่บรรทุกหนัก)
1ครั้ง..ล้อหน้า...ตอนเร่งความเร็ว...ดันออกจาก..ยูเทริน...ประมาณ60...
เพื่อนแนะนำว่าให้ใช้ยาง...มิชลิน...ไม่มีประวัติยางระเบิด....เลยจัดไปสองชุด
จริงอย่างเพื่อนว่าครับ..... ...ใช้ได้ปีเดียว....ยางบวม.... ...ได้เปลี่ยนก่อน...มันระเบิด....
บันทึกการเข้า
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2556 07:06:13 »

  ยางจุ๊บเลท(ไม่มียางใน) ส่วนใหญ่จะไม่ระเบิดครับ แทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ ยางที่ระเบิด ร้อยละร้อย เป็นยางที่มียางในครับ รถบรรทุกนั่นล่ะ รถเก๋งเราๆไม่ใช้ครับ เป็นเรเดียลจุ๊บเลทหมดมาตั้งแต่ยุคเจ็ดศูนย์ถึงปัจจุบันแล้วครับ น่าจะมีสามสี่สิบปีแล้วครับ ยิ่งวันนี้พัฒนาไปไกลลิบ เรื่องความปลอดภัยค่อนข้างสูงมากครับ  ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคนละเรื่องกันครับ คนที่เขียนหรือลอกมา ผมว่าคงไม่เคยอยู่ในรถตอนที่คิดว่ายางระเบิดหรอก เอาเป็นว่าเช้าๆนี้แลกเปลี่ยนนิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็แล้วกัน ถือเป็นวิทยาทานให้คนที่ใช้รถใช้ถนน ยางจุ๊บเลทเท่าที่ผมใช้มาตั้งแต่มีรถคันแรก จนถึงวันนี้ ไม่เคยสักครั้งที่จะระเบิดครับ หากมี มันจะค่อยๆแฟบลงๆ จนหมดลมหรือยางไม่มีลมครับ เกิดจาก เยียบตะปู ของมีคมมากๆ กระแทกอย่างรุนแรง ยางบวม ทุกครั้งที่เกิดจะค่อยเป็นค่อยไปครับ ไม่ระเบิดทันทีเหมือนอย่างที่จขกท.สันนิษฐานเอาไว้สักครั้งครับ ที่ความเร็วกว่าร้อยหกสิบก็เคยเป็น ที่ยางหลังขวา ตอนนั้นใช้รถยุโรป รถตร.ทางหลวงวิ่งตามหลังมา ต้องไล่เร่งแซงผมแบบหืดขึ้นคอ ปรกติก็วิ่งระดับสองร้อยขึ้นครับ เมื่อรถตร.ทางหลวงท่านไล่ตีประกบแล้วบีบแตร ชี้ไปที่ล้อหลังขวา ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะให้เราทำอะไร พอลดความเร็วลงมาต่ำกว่าร้อย เหอะๆๆ ก็เป็นเรื่องครับ ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียยางไปหนึ่งเส้นครับ ไม่รู้ว่าวิ่งสามล้อมาเป็นสิบๆกิโลได้ยังไง กรณีตะปูก็เหมือนกัน เสียยางไปหนึ่งเส้นตอนนั้นช่วงเด่นชัยเข้าแพร่ ต้นสักยังเต็มอยู่เลย ถนนก็แค่สองเลนส์ วันนี้ซากต้นสักไม่เห็นสักต้นครับ เป็นสี่เลนส์ไปหมดแล้ว มันไม่ระเบิดซักครั้งนะครับ ผมยกตัวอย่างแค่สองกรณี จริงๆมีเยอะแต่ไม่มีสักครั้งที่มันระเบิดครับ อันนี้ขอนอนยันมาเลยไม่มีสักครั้งครับ แต่ที่มันระเบิดหรือแตกทันที ก็มีกรณีเดียวครับ กรณีเกิดอุบัติเหตุ ไปชน ลงข้างทางเข้าไปฝาดกับต้นไม้ ซึ่งสิ่งที่บอกผมเจอมาหมดแล้วครับเด๋วจะค่อยๆแบ่งปันให้อ่านกัน ผมว่าวิตกจริตไปหน่อยไหมครับ  ใช้งานทั่วไปมันไม่ระเบิดหรอกครับ นอกเสียจากคุณใช้มันเกิน แต่ก็ไม่ระเบิดอยู่ดี ค่อยๆแฟบ พอลมหมดก็แม๊กบดกับถนน คุณก็ประคองรถเข้าข้างทางได้อย่างปลอดภัยแล้วล่ะ ต้องกราบขออภัยจริงๆสำหรับความเห็นต่าง การใช้งานจริง(ในทางปฏิบัติ)ไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกครับ ผมเดินทางทั่วประเทศ เมื่อวานก็ตีไปกลับอุบลขอนแก่น เจ็ดร้อยกว่าโล สบายๆครับ

กรณีรถตกน้ำ ผมก็เคยครับ แต่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ให้พวกเรารับรู้ไว้ครับ กรณีรถตกน้ำ ของจริงที่ผมประสพกับตัวเองแล้วรอดตายมาเล่าให้ฟังได้ มันไม่มีสักข้อเลยที่จะเป็นดังที่ท่านแนะนำครับ ขนาดผมใช้รถยุโรปชั้นหนึ่งแล้ว เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแค่เสียววินาทีครับ ใครก็ตามที่อยู่ในนั้น ไม่มีทางรอดได้หรอกครับ ยิ่งสถานการณ์ที่คุณจำลองว่าลงน้ำลึกขนาดนั้น แค่ปลดสายเบลก็เกือบตายแล้วครับ ผมรอดตายมาได้เพราะน้ำตื้น กรณีของผม มันพลิกตีลังกาหงายท้องลงน้ำไปเลยครับ แต่คุณจะเชื่อไหมว่า ทฤษฏีที่คุณบอก มันใช้ไม่ได้เลยซักข้อ คุณจะมีเวลาแค่ไม่เกินครึ่งนาที หรือหนึ่งนาทีเท่านั้นครับ น้ำมันทะลักเข้ามายิ่งกว่าเครื่องสูบน้ำเสียอีกเข้ามาเร็วมาก ตอนนั้นสติผมดีตลอด จดจำเหตุการณ์นั้นได้ทั้งหมด ลองนึกภาพตามนะครับ รถผมพลิกเอาหลังคาลงน้ำ เอาล้อชี้ขึ้นฟ้า ยิ่งหนักกว่าสถาณการณ์ที่คุณจำลองมาอีกครับ สงสัยเอาในหนังที่รถตกน้ำตอนพระเอกนางเอกออกจากรถมาแน่ครับ ของจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ ลองไปลงดูซักครั้งแบบผม แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง ทำไมคนถึงเสียชีวิตในรถเวลาตกน้ำทั้งหมด ผมเจอมาแล้วครับ ที่รอดมาได้เพราะน้ำมันตื้น ไม่งั้นก็เสร็จไปแล้ว น้ำตื้นประมาณสะเอวเราครับ น่าจะมีหนึ่งเมตรนั่นล่ะ แต่รถเราพลิกเอาหลังคาลง ผมก็เอาหัวลงพื้น ปลดเบลตอนเกิดอุบัติเหตุ มันไม่ง่ายหรอกนะสิบอกไห่ ผมปลดเบลจนสายมันบาดมือลึกลงไปเป็นแผลยาวเป็นนิ้ว ก็ยังไม่หลุดครับ จนวางมือยอมรับกับความตายไปแล้ว เพราะน้ำมันเข้ามาเร็วมากครับ จริงๆหมดลมไปแล้วล่ะ(หัวจมน้ำ) ตอนนั้นเด๋วจะลีวายให้อ่านกัน ผมหัวเราะกะตัวเอง แล้วพูด(รำพึง)กะตัวเองว่า ไปทั่วประเทศ ลงข้างทางต้นไปรูดหักไปห้าต้นก็ยังไม่เป็นไร นี่เราจะมาตายเพราะแค่รถตกน้ำ เหอะๆๆๆตายเย็น แต่ความตายมันไม่เจ็บปวดนะ แถมเย็นอีก น้ำก็รสชาตเหมือนกะน้ำฝนที่บ้านคุณแม่ แล้วก็หัวเราะกะตัวเองยอมรับกับความตายที่ใกล้เข้ามา แต่ในขณะนั้นจิตผมบอกว่า ยังตายไม่ได้ ยังมีคนข้างหลังเขารอเราอยู่ ผมนึกถึงหน้าลูกๆว่าคงไม่ได้เห็นอีก นึกถึงหน้าภรรยาซึ่งทานเจเว้นกรรมจนชั่วชีวิต ส่วนมือซ้ายก็พยายามปลดสายเบล โดยตลอด ตั้งแต่น้ำยังไม่เข้ารถ จนเต็มรถ จนกินน้ำไปหลายอึก แค่พอนึกถึงหน้าภรรยา สายเบลมันก็หลุดทันที ผมก็หัวทิ่มลงหลังคารถ(เป็นอิสระแล้ว) แต่.....ไม่มีอากาศหายใจ กระ..ยุ่ง..กระสนพลิกตัวหาทางออกจากรถ ซึ่งผมหมดลมไปแล้ว แต่ด้วยจิตสุดท้ายที่ฮึดก่อนละขันธ์ลาโลก ลมหายใจก็หมดแล้ว ไม่รู้เหมือนมีอะไรมาดึงเรามาทางเบาะหลัง มันมีช่องอากาศแค่หัวผมโผล่หายใจได้ ตรงนี้ล่ะที่จิตบอกกะเราว่ารอดตายแล้ว ลองนึกภาพนะครับ รถพลิกลงน้ำ เอาหลังคาลง ส่วนหัวแตะพื้น ส่วนท้ายเฉียงขึ้นฟ้า ล้อทั้งสี่ชี้ขึ้นฟ้า ตรงด้านหลังเลยมีช่องอากาศ ที่ระดับน้ำแค่สะเอว มันเหลือไว้ให้เราพอได้หายใจ ผมนั่งปลงอยู่พอสมควร ในเวลาไล่ๆกัน ก็มีเด็กวัยรุ่นประมาณห้าหกคนวิ่งมาที่รถ ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยไปที่สถานที่นั้นเลย แต่วันนั้นเขาชวนกันไปนั่งดื่มเหล้าที่เถียงนาตรงผมลงไปพอดี เขาบอกว่าป๋าโชคดีที่ ผมนึกยังไงก็ไม่รู้ชวนกันมานั่งกินเหล้าที่นี่ เพิ่งยกได้แก้วเดียวป๋าก็ลงโครมเลย เขาวิ่งมาทันทีห่างจุดเกิดเหตุประมาณหนึ่งร้อยเมตร แต่เหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมด มันจบก่อนเขาวิ่งมาถึงรถผม แล้วทุบกระจกรถเพื่อช่วยชีวิตเรา แต่ผมนั่งปลงอยู่ช่วงด้านหลังที่มีอากาศหายใจแล้ว ลองนึกดูว่ามันเร็วขนาดไหน นี่ไงที่จะบอกว่า หากน้ำลึกผมคงไม่รอด แล้วที่เราเห็นเป็นข่าว รายไหนก็รายนั้น หากน้ำลึกก็เสร็จทุกรายครับ ผมโชคดี หนึ่งในพันล้าน ที่เกิดเหตุแล้วรอดมาเล่าให้ฟังได้ ตอนนั้นเป็นขาลงของชั่วชีวิตครับ น้ำที่ผมสำลักเข้าไปตอนใจจะขาด เป็นน้ำคลำมีแต่เศษหญ้าสีดำๆ ไอออกมา ผมฉีดยาชนิดเดียวกันกับน้องบิ๊กดีทูบี หมดกลัวว่าเลือดติดเชื้อต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อให้แน่ใจเรื่องนี้อยู่หลายวัน แต่ผมไม่เป็นอะไรเลยครับ ประกันขาดไปห้าวัน(เพราะทำแต่งานกะเดินทาง พลัดวันประกันพรุ่งว่าเด๋วกลับมาทริปนี้ค่อยไปต่อ) จนเกิดเรื่อง ผมต้องจ่ายค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาลเองทั้งหมด เลยเป็นบทเรียนไม่ให้มันขาดแม้วันเดียวมาถึงวันนี้ครับ ของจริงไม่ได้เป็นแบบนี้ครับ  ฉะนั้นทุกคนอย่างประมาทครับ ขออนุโมทนาบุญให้กับทุกท่านที่อ่าน ขออย่าตกอยู่บนความประมาทครับ คนที่เคยประสพเหตุการณ์จริงมาเล่าของจริงที่ประสพให้ฟังให้อ่านครับ ของจริงไม่เป็นอย่างทฤษฏีครับไม่เป็นแบบในหนังครับ เราทำอะไรไม่ได้หรอกครับ หากไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ ปาฏิหาริย์ ผมคงไม่ได้มีโอกาสมาเล่าให้ใครฟังครับ อย่าประมาท ๆ ครับ
บันทึกการเข้า

tu_ranong
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 794



ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2556 08:46:55 »

  ในหนังกะของจริงนี่คนละเรื่องกันเลยครับ จากประสบการณ์ที่ได้เจอมา ผมเป็นอาษากู้ภัยน่ะครับ อย่างที่น้าเค้าบอกแหละครับรถตกน้ำสว่นใหญ่จะรอดยากยิ่งตกแบบล้อชี้ฟ้าแล้วนี่คาดเบลล์อีกยิ่งยากเข้าใหญ่ ถ้าตกแแบปกตินี่ยังมีสิทธิ์ลุ้น รอดหรือไม่รอดก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองและผู้เห็นเหตุการณ์ถ้าท่านมีสติประคองลมหายใจให้อยู่ได้นานที่สุดและผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือ ช่วยชีวิตท่านเร็วที่สุดท่านก็รอด อยากฝากเตือนนิดนึงครับ ขับอย่างมีสติ
บันทึกการเข้า
sophon@101
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 178


You'll Never Walk Alone


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2556 08:51:12 »

 
บันทึกการเข้า
kids
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 216



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2556 10:13:02 »

ตัวผมเองเคยขับยางระเบิดสองครั้งครับเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ที่แปดริ้วครั้งนึง บางน้ำเปรี้ยวครั้งนึง เป็นรถกระบะ แต่ไม่ได้ขับเร็วมาก จำไม่ได้เป็นยางอะไร

พอดีไปเจอรูปนี้มาสด ๆ ครับ จาก จส.100
ภาพเก๋งวอลโว่พุ่งตกคลองทวีวัฒนา พลเมืองดีกระโดดลงช่วยหญิงคนขับและลูกชายวัย7และ9 ขวบปลอดภัย



ดวงยังแข็งทั้งครอบครัว
 
บันทึกการเข้า

AE-Drift
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,088



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2556 10:31:33 »

ขอปรบมือดังๆให้กับพลเมืองดีครับ
บันทึกการเข้า
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2556 10:44:03 »

ตัวผมเองเคยขับยางระเบิดสองครั้งครับเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ที่แปดริ้วครั้งนึง บางน้ำเปรี้ยวครั้งนึง เป็นรถกระบะ แต่ไม่ได้ขับเร็วมาก จำไม่ได้เป็นยางอะไร

พอดีไปเจอรูปนี้มาสด ๆ ครับ จาก จส.100
ภาพเก๋งวอลโว่พุ่งตกคลองทวีวัฒนา พลเมืองดีกระโดดลงช่วยหญิงคนขับและลูกชายวัย7และ9 ขวบปลอดภัย



ดวงยังแข็งทั้งครอบครัว
 


  นั่นไงล่ะ ถ้าไม่มีช่องตรงด้านหลัง มีอากาศให้หายใจได้ น้ำไม่ลึกเหมือนตอนผมลงไป ของผมกลับกันกับภาพนั้น เป็นเอาล้อขึ้นฟ้าแทน แต่น้ำไม่ลึกเท่าวอลโว่ นี่ไงที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังเหลือที่ไว้ให้เราได้มีโอกาสรอดตายไงครับ ลองมิดคันดูดิ ไม่มีรอดสักรายครับ อย่าประมาทครับ ผมก็ได้ช่องเล็กๆด้านหลังนั่นล่ะหายใจรอดชีวิดมาเล่าให้ฟังได้ กว่าคนจะวิ่งมาถึงนั่งปลงอยู่นานทีเดียว มือถือสองเครื่อง แว่นตา หายไปกับตรงนั้น ซ่อมรถไป แสนสองครับ

บันทึกการเข้า

caption
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 132



ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2556 12:32:35 »

แบบนี้เรียกโชคดี
   แต่ที่ไม่ได้ออกข่าว ไม่ได้โชคดีอย่างนั้น

ปล.ผมไม่เห็นด้วยกับบนความนี้ครับ

^ ..ถนนเลียบคลองชลประทานใน ตจว.

มักจะเป็นถนนที่เรียบ สวย น่าขับรถเล่นมาก

บรรยากาศ ดีเหลือเกิน....และ รถพุ่งตก ข้างทางลงคลองชล ฯ

ตายกันหลายศพ ทุกปี เพราะ ขับเพลิน ,หรือ มีสุนัข วิ่งตัดหน้ารถ

ตกใจ เลยหักหลบ ตกคลอง ชลประทาน แล้ว ออกจากรถไม่ได้

บางกรณี ขนาดรถจม ต่อหน้า ต่อตา คนเป็นสิบ ยังไม่สามารถช่วยได้

เพราะทุบกระจกไม่แตก และเวลาน้อย ซ้ำร้าย ตอนอยู่รถในน้ำ นี่ทุบยากมาก

โอกาสตายในรถ นี่มากเหลือเกินครับ...
--->> กระทู้นี้เป็นการแบ่งปันประสบการณ์กันมีประโยชน์ลองอ่านดูนะครับ
http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/11/M12894982/M12894982.html
บันทึกการเข้า

____________________________________________
tu_ranong
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 794



ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2556 14:03:34 »

 ในคลิปที่ผมตามไปคลิปแรก คือเท่าที่ดู 1.กระจกประตูหน้าขวาไม่ได้ติดฟิมล์ 2.รถไม่ได้จมน้ำทั้งคันแบบท่วมรถ แต่ในชีวิตจริงไม่ได้เป็นแบบในคลิปเลย รถก็ติดฟิมล์ แถมยังจมทั้งคันบางคันจมแบบตีลังกาล้อชี้ฟ้า 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 กรกฎาคม 2556 14:09:16 โดย tu_ranong » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!