AE. Racing Club
05 ธันวาคม 2024 05:24:25 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า:  «  1 [2] 3 4 ... 46  »  [5»] [10»]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: CD SLOT PHONE MOUNT ที่วางโทรศัพท์มือถือในรถ แบบเสียบ ช่องซีดี  (อ่าน 71662 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 17 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #20 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2013 11:57:45 »

เทศกาลรื่นเริงแห่งการเฉลิมฉลองของคนทั่วโลกเวียนกลับมาอีกครั้งกับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ทางไมโครซอฟท์ได้คัดสรร 7 แอพพลิเคชั่น เพื่อให้ผู้ที่ใช้งานวินโดว์สโฟน ได้พร้อมปาร์ตี้และสนุกสนานกับเพื่อน ๆ และครอบครัวตลอดช่วงเทศกาลวันหยุดและปีใหม่นี้ มาดูกันว่ามีแอพพลิเคชั่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง

เริ่มจากแอพพลิเคชั่นเกม Despicable Me : Minion Rush  ที่ให้เราได้สนุกกับ ?มินเนี่ยน? สีเหลือง สมุนผู้ภักดีของ ?กรู? พระเอกตัวร้ายที่มากับเสียงป่วนเพี้ยนอารมณ์ดี เหล่ามินเนี่ยนนั้นพร้อมแล้วที่จะฝ่าฟันด่านต่าง ๆ อันท้าทาย พร้อมมาเรียกเสียงฮาและสร้างความตื่นเต้น กระโดด บิน หลบหลีกสิ่งกีดขวาง เก็บกล้วย สร้างความปั่นป่วน หรือเอาชนะตัวร้ายต่าง ๆ เพื่อตำแหน่ง ?มิน เนี่ยนแห่งปี? ให้เราได้เล่นแข่งกับเพื่อนฝูงและครอบครัวในช่วงวันหยุดสิ้นปีนี้

เล่นเกมกันสนุกแล้วเทศกาลเฉลิมฉลองแบบนี้ ถ้าไม่มีอาหารก็ไม่ได้ ใครอยากจะแสดงฝีมือทำอาหารไทย ก็ต้องแอพพลิเคชั่นนี้เลย Thai Food by Chef Art  เป็นแอพพลิเคชั่นที่นำเสนอเกี่ยวกับอาหารไทย โดย เชฟอาร์ต ซึ่งมีความชำนาญและสไตล์การเตรียมอาหารแบบมืออาชีพ มีการนำเสนอหมวดเครื่องปรุงและวิธีการทำอาหารที่เข้าใจง่าย ทำให้เราสามารถทำอาหารไทยให้เพื่อนและคนในครอบครับด้วยตัวเอง

อีกแอพพลิเคชั่นก็คือ Epicurious  ซึ่งเป็นแอพสูตรอาหารจาก  www.Epicurious.com เว็บไซต์เกี่ยวกับอาหาร เพื่อใช้ค้นหาสูตรอาหารอร่อย ๆ กว่า 30,000 รายการ ตลอดจนข้อมูลเชฟและตำราอาหารที่โด่งดังอีกมากมาย พร้อมมีรีวิวสูตรอาหารที่เชื่อถือได้จากสมาชิกของ Epicurious โดยที่เราสามารถบันทึกสูตรอาหารที่คุณชอบและแชร์ไปยังเพื่อน ๆ หรือครอบครัวของคุณได้อีกด้วย 

แต่ถ้าไม่อยากทำอาหารทานเอง ต้อง การไปปาร์ตี้นอกบ้าน ก็ต้องแอพพลิเคชั่น Singhapp ที่ให้สิทธิพิเศษมากมายด้วยรูปแบบของโปรโมชั่นต่าง ๆ จากร้านค้าและร้านอาหารในเครือ นอกจากนี้แอพพลิเคชั่นนี้ยังมีรายละเอียดของเมนูอาหารและเครื่องดื่ม ที่ตั้งของร้านและเส้นทาง ตลอดจนกิจกรรมและการอัพเดทข่าวสารต่าง ๆ ด้วย

ส่วนใครอยากสนุกแล้วต้องการรับชมความบันเทิงด้วยทุกที่ทุกเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ก็ต้องแอพ GMM-TV ที่ให้เรารับชม จีเอ็มเอ็ม ทีวี ดู แบง แชนแนล สด 24 ชั่วโมง ทันใจกับข่าวศิลปิน ไม่พลาดกิจกรรมโดน ๆ ตลอดวันหยุดปีใหม่นี้

อีกหนึ่งแอพพลิเคชั่นที่น่าสนในเทศกาลคริสต์มาส ก็คือ แอพพลิเคชั่น NORAD Tracks Santa มาติดตามดูกันว่า ซันตาคลอส ที่รักของทุกคนกำลังจะไปส่งของขวัญบ้านไหน ท่องไปทั่วโลกพร้อมกันกับซานต้าแบบเรียลไทม์ในระหว่างที่ซานต้าแจกของขวัญให้กับเด็ก ๆ ทั่วโลกในคืนก่อนวันคริสต์มาส

สุดท้ายไม่มีไม่ได้ กับแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับการถ่ายภาพเพื่อเก็บความประทับใจในภาพถ่ายช่วงเวลาแห่งความสุข กับแอพพลิเคชั่น Fhotoroom แอพพลิเคชั่น กล้องถ่ายภาพแบบมืออาชีพ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์แชร์ภาพถ่ายบนเครือข่ายสังคมออน ไลน์และปรับแต่งภาพอย่างมืออาชีพ ด้วยฟิลเตอร์ที่มีมากกว่า 75 แบบ ปรับแต่งภาพได้ตามต้องการ พร้อมตกแต่งกรอบรูปเพียงคลิกเดียวแล้วสามารถแชร์ภาพสวย ๆ บน เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือทวิตเตอร์ ได้ทันที

สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ได้ ผ่าน www.windowsphone.com /th-th/store สำหรับผู้ใช้วินโดว์สโฟน และ
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2013 12:18:27 »

วันนี้( 27ธ.ค.)ที่อาคาร CAT Tower บางรัก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัดผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเสนอราคาช่องข่าวจำนวน 7 ใบอย่างไม่เป็นทางการ ได้แก่  N09 เสนอราคา 1,338ล้านบาท , N06 เสนอราคา 1,330ล้านบาท , N08 เสนอราคา 1,328ล้านบาท , N01เสนอราคา 1,318ล้านบาท ,  N05เสนอราคา 1,316 ล้านบาท , N10 เสนอราคา 1,310ล้านบาท  และN04เสนอราคา 1,298 ล้านบาท รวมมูลค่า7 ใบรวม 9,238ล้านบาท

โดยการเคาะราคาช่องข่าวเริ่มต้นการประมูล220 ล้านบาท เคาะราคาครั้งละ 2 ล้านบาทโดยการเสนอราคาในช่วงมีเสนอราคายังคงดุเดือด เมื่อใกล้ครึ่งชั่วโมงแรกราคาพุ่งขึ้น1,000 ล้านบาท
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 03 มกราคม 2014 12:09:04 »

อุปกรณ์พกพาและแอพค้าปลีกช่วยเพิ่มความสะดวกในการจับจ่ายซื้อสินค้าและของขวัญ นอร์ตันระบุว่า   ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา  58 %   ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต สั่งซื้อสินค้าลดราคาพิเศษในวันจันทร์หลังเทศกาลขอบคุณพระเจ้า  (Cyber Monday) นอร์ตัน มีคำแนะนำ เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายลักลอบโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวที่มีค่าจากอุปกรณ์พกพา

มีข้อมูลชัดเจนว่า

ปีที่แล้ว ?มัลแวร์? แบบโมบายล์ (ซอฟต์แวร์อันตรายที่คุกคามหรือโจรกรรมข้อมูลใน    อุปกรณ์พกพา) มีจำนวนเพิ่มขึ้น 58 เปอร์เซ็นต์ 

61 % ของไซต์อันตรายที่จริงแล้วเป็นเว็บไซต์ที่ถูกกฎหมาย ซึ่งถูกเจาะระบบและฝังโค้ดแปลกปลอม  (รายงานภัยคุกคามด้านความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต (ISTR)  ประจำปี 2556 ของไซแมนเทค)

กว่า 1/3 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนเคยพบเจออาชญากรรมไซเบอร์บนอุปกรณ์พกพา (รายงานของนอร์ตันประจำปี 2556)

57 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ไม่ตระหนักว่ามีโซลูชั่นด้านความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์พกพาอยู่ (รายงานของนอร์ตันประจำปี 2556)

ดังนั้นเคล็ดลับการช้อปปิ้งผ่านอุปกรณ์พกพาอย่างรู้เท่าทัน  นอร์ตันแนะนำให้

ระวังการติดตั้ง ?แอพ?  ควร คิดทบทวนอย่างรอบคอบก่อนที่จะดาวน์โหลดแอพที่ไม่รู้จัก เพราะอาจมีซอฟต์แวร์อันตรายหรือแอดแวร์ติดมาด้วย ตรวจสอบการอนุญาตที่แอพนั้นต้องการก่อนที่คุณจะตกลงตามเงื่อนไข

อย่าพกพาภัยคุกคามติดตัว   ระวังอีเมลและข้อความที่เสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษที่ดูดีอย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าสแปมอาจดูไม่มีพิษภัย แต่คุณก็ควรหลีกเลี่ยงการคลิกที่ลิงค์หรือดาวน์โหลดไฟล์จากคนที่คุณไม่รู้จัก

ซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ที่ปลอดภัยเท่านั้น  ไม่ว่าจะซื้อสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ให้ซื้อจากผู้ค้าปลีกหรือเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น โดยควรมองหา HTTPS ในแถบแอดเดรสก่อนที่จะป้อนข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลบัตรเครดิต

ปกป้องอุปกรณ์ใหม่   ใส่รหัสผ่านป้องกันที่คาดเดายากไว้ในโทรศัพท์ของคุณ ติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้คุณสามารถติดตาม ล็อค และลบข้อมูลในอุปกรณ์ในกรณีที่เกิดสูญหายหรือถูกโจรกรรม ทุกมาตรการที่ใช้จะช่วยหยุดยั้งอาชญากรได้ในระดับหนึ่ง

 ติดตั้งโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยบนอุปกรณ์พกพา  ปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือเป็นมากกว่าเครื่องมือสื่อสาร เพราะรองรับทั้งโซเชียลเน็ตเวิร์ก การท่องอินเทอร์เน็ต และการชำระเงิน ดังนั้นจึงควรปกป้องโทรศัพท์ในระดับที่เทียบเท่ากับคอมพิวเตอร์
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 03 มกราคม 2014 20:08:19 »

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า ?เอไอเอส 3G 2100 ต้อนรับศักราชใหม่ 2557 ด้วยการจับมือกับโอเปอร์เรเตอร์ MPT พม่า เปิดให้บริการดาต้า โรมมิ่ง ในประเทศพม่าเป็นรายแรกในโลก ซึ่งนับเป็นการเปิดบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของบริการ IR  โดยที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้  เนื่องจาก ?พม่า? เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ปัจจุบันมีคนไทยจำนวนมากนิยมเดินทางไปทำธุรกิจหรือท่องเที่ยว ดังนั้นการที่เอไอเอสเปิดให้บริการดาต้า โรมมิ่ง ในประเทศพม่า จึงทำให้ลูกค้าเอไอเอสได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะสามารถเชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลาขณะเดินทางในประเทศพม่า

ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้ายังสามารถใช้งานได้อย่างประหยัดยิ่งขึ้น ด้วยแพ็กเกจ ?Super Value Data Roaming? เพียง 6 บาทกว่าๆ ต่อเมกะไบท์ มีให้เลือกตามปริมาณการใช้งานทั้งแพ็กเกจ 50 เมกะไบท์ ใช้งานได้ 1 วัน , 150 เมกะไบท์ ใช้งานได้ 3 วันและ 250 เมกะไบท์ ใช้งานได้ 5 วัน โดยลูกค้าเอไอเอสรายเดือนสามารถสมัครแพ็กเกจดังกล่าวได้แล้วตั้งแต่วันนี้  และลูกค้าระบบเติมเงินจะสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.57 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ลูกค้าเอไอเอสรายเดือนยังสบายใจ ไร้กังวล ตลอดเวลาที่ใช้งานดาต้าขณะอยู่ในประเทศพม่า ด้วยบริการ ?AIS No Worry Data Roaming?ที่ให้ลูกค้าสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้จริงอย่างโปร่งใส ช่วยป้องกันปัญหาเน็ตรั่วในต่างประเทศ เนื่องจากระบบจะแจ้งเตือนเมื่อปริมาณดาต้าคงเหลือของแพ็กเกจใกล้จะหมด  เพื่อช่วยป้องกันค่าใช้บริการส่วนเกินจากแพ็กเกจที่สมัครไว้โดยไม่ตั้งใจ และจะหยุดการใช้งานดาต้า โรมมิ่งเมื่อใช้งานถึงวงเงินที่ลูกค้ากำหนดไว้ ทำให้ไม่มีปัญหาบิลช็อก ?NO BILL SHOCK?

การเปิดให้บริการดาต้า โรมมิ่งในประเทศพม่าครั้งนี้ นับเป็นการขยายการให้บริการข้ามแดนอัตโนมัติของเอไอเอสอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า ให้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น หลังจากที่เอไอเอสได้เปิดให้บริการ ?Voice โรมมิ่ง? ในประเทศพม่าไปแล้วตั้งแต่เดือน ก.ย.2554 และเปิดให้บริการ ?SMS โรมมิ่ง? ไปเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2556

ลูกค้าเอไอเอสที่สนใจ สามารถสมัครแพ็กเกจ ?Super Value Data Roaming? ที่ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175 หรือเอไอเอสช็อปทุกสาขาทั่วประเทศหรือสมัครขณะเดินทางอยู่ในประเทศพม่า ได้ที่เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ โดยโทร +66 22719000?
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 05 มกราคม 2014 09:04:11 »

วันนี้(3ม.ค.) น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.)เปิดเผยว่าที่ประชุมกสท.จันทร์ที่6 ม.ค.57 จะพิจารณารับรองผลการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล24ช่องที่ประมูลไปเมื่อวันที่  26 - 27 ธ.ค. 57ซึ่งหากหากไม่มีเรื่องร้องเรียนใดการรับรองผลน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี 

อย่างไรก็ตามจะสอบถามสำนักงานกสทช.ถึงความชัดเจนแผนการขยายโครงข่าย ในการแพร่สัญญาณทีวีดิจิทัลครอบคลุมครัวเรือนทั้งประเทศทั้ง 4 รายของผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิตอล ได้แก่บมจ. อสมท. กองทัพบก กรมประชาสัมพันธ์ และองค์การแพร่ภาพและกระจายเสียงแห่งประเทศไทย(ไทยพีบีเอส)  เนื่องจากสิ่งสำคัญที่สังคมอยากรู้ต่อจากนี้คือ ช่องทางที่ผู้บริโภคจะสามารถรับชมทีวีดิจิทัลได้ซึ่งเป็นรายละเอียดต่อไปที่กสท.จะต้องเร่งพิจารณาการสนับสนุนคูปองแลกกล่องหรือเซตทอป บ็อกซ์ รวมถึงจะสัมพันธ์ในการเข้าถึงพื้นที่และการแจกคูปองส่วนลด

นอกจากนี้ มีวาระพิจารณาร่างประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเนื้อหารายการในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์พ.ศ.... ภายหลังการขยายระยะเวลาการรับฟังความเห็นสาธารณะเพิ่มเติม  เนื่องจากมีจดหมายสำคัญจากคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย(คปก.)ที่คัดค้านในเรื่องนี้ด้วยจึงเห็นว่า กสทช.ควรพิจารณาความเห็นจากคปก.อย่างจริงจังถ้าเป็นไปได้ควรเลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปเพื่อสร้างความชัดเจนทางกฎหมายและทางออกว่าถ้าไม่มีร่างประกาศฯ ตามม.37ในเวลานี้ การกำกับเนื้อหาทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร

?อยากใช้โอกาสนี้เรียกร้องถึงว่าที่ผู้รับใบอนุญาต24 ช่องควรรวมตัวกัน จัดตั้งเป็นสมาคม สมาพันธ์ สภาต่างๆที่จะส่งเสริมการกำกับดูแลกันเองตามกรอบจรรณยาบรรณทั้งในระดับผู้ประกอบการและกองบรรณาธิการช่องข่าว และยังเป็นการต่อรองกับกสทช.ในการกำกับเนื้อหาที่ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพภายใต้เกณฑ์จริยธรรมจรรณยาบรรณที่กำหนดรวมถึงการสนับสนุนการรวมตัวกันทางวิชาชีพเพื่อสร้างมิติใหม่ในการกำกับดูแลและสร้างศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค เน้นการกำกับดูแลร่วมโดยให้สื่อกำกับตัวเองมากกว่ารัฐจะใช้กฎหมายเข้าไปเซ็นเซอร์ที่ทำให้เกิดความคึกคักในกำกับดูแลของวิชาชีพและน่าจะเป็นการตรวจสอบถ่วงดุลกัน"น.ส.สุภิญญากล่าว
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 06 มกราคม 2014 13:08:48 »

ที่บริเวณหน้าหน้าสโมสรเบนฟิกา ในกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส แฟนบอลจำนวนมากได้พากันออกมาร่วมแสดงความไว้อาลัยต่อการจากไปของ ยูเซบิโอ ตำนานนักเตะของสโมสร และทีมชาติโปรตุเกส ที่เสียชีวิต ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่อายุได้ 71 ปี

    อดีตกองหน้าเจ้าของฉายา "เสือดำแห่งโมซัมบิก" ทำประตูได้ถึง 733 ประตู จากการลงสนามในเกมลีกอาชีพ 745 เกม และยังยิงได้ถึง 9 ประตู ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ปี 1966 ที่อังกฤษ ทำให้ได้รับตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของการแข่งขัน

    นอกจากแฟนบอลแล้ว ยังมีบุคคลสำคัญในวงการลูกหนังโลกออกมาแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ ยูเซบิโอ อีกมากมาย โดย เซปป์ แบลตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า "ความยิ่งใหญ่ของ ยูเซบิโอ ในฐานะสุดยอดนักเตะของโลกจะไม่มีวันจากไปไหน"

    ขณะที่้ โฮเซ มูรินโญ ยอดกุนซือของเชลซี ซึ่งเป็นชาวโปรตุกีส เช่นเดียวกับ ยูเซบิโอ เผยว่า "ผมคิดว่า ยูเซบิโอ คืออมตะ เขาจึงไม่มีวันตาย" ด้าน คริสเตียโน โรนัลโด กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ซึ่้งมีความสนิทสนมกับ ยูเซบิโอ เป็นพิเศษ ทวิตข้อความว่า "ยูเซบิโอ จะอยู่ในหัวใจของพวกเราตลอดไป".
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 06 มกราคม 2014 20:19:33 »

กสท. เตรียมประชุมบอร์ดวันนี้เพื่อรับรองผลผู้ชนะการประมูลทีวีดิจิทัลจำนวน 24 ราย เตรียมออกอากาศเดือก.พ. นี้

พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ กสท.จัดประมูลทีวีดิจิทัลเพื่อให้บริการธุรกิจ 24 ช่องไปเมื่อวันที่ 26-27 ธ.ค. 56 คาดว่าจะมีการรับรองผลผู้ชนะได้ในวันจันทร์ที่ 6 ม.ค. 57 ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากำหนดที่ระบุว่า จะต้องประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลภายใน 15 วัน นับแต่สิ้นสุดเวลาการประมูล

สำหรับผู้ที่ชนะการประมูลจะได้รับหนังสือแจ้งการเป็นผู้ชนะ พร้อมทั้งดำเนินการตามเงื่อนไขก่อนรับใบอนุญาตภายใน 45 วัน โดยต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตงวดที่ 1 จำนวนร้อยละ 50 ของราคาขั้นต่ำ พร้อมวางหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินสำหรับค่าธรรมเนียมงวดที่  2 (ภายใน 30 วันนับแต่ได้รับหนังสือแจ้งเป็นผู้ชนะการประมูล) และดำเนินการขอใช้โครงข่ายโทรทัศน์กับผู้ให้บริการโครงข่ายฯภายใน 30 วัน หากผู้ชนะการประมูลปฏิบัติตามเงื่อนไขการประมูลครบถ้วนแล้ว กสท. จะออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ และใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติให้โดยมีอายุ 15 ปี

อย่างไรก็ตามคาดว่าผู้ประกอบการจะเปิดให้บริการทีวีดิจิทัลได้ประมาณเดือน ก.พ.57 โดยแบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ ได้แก่ ช่องเอชดี ประกอบด้วย1.บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (ช่อง 3) 2.บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์       บรอดคาสติ้ง จำกัด 3.บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7 ) 4.บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด (ไทยรัฐ) 5.บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) 6.บริษัท อมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด 7.บริษัท จีเอ็มเอ็ม เอชดี ดิจิทัล ทีวี จำกัด ช่องเอสดี ประกอบด้วย 1.บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด (เวิร์คพ้อยท์) 2.บริษัท ทรู ดีทีที จำกัด 3.บริษัท จีเอ็มเอ็ม เอสดี ดิจิทัล ทีวี จำกัด 4.บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (ช่อง 3) 5.บริษัท อาร์.เอส.เทเลวิชั่น จำกัด 6.บริษัท โมโน บรอดคาซท์ จำกัด 7.บริษัท แบงคอก บิสสิเนส บรอดแคสติ้ง จำกัด (เครือเนชั่น )

ด้าน ช่องข่าว ประกอบด้วย 1.บริษัท เอ็นบีซี เน็กซ์ วิชั่น จำกัด (เครือเนชั่น)2.บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด 3.บริษัท ไทยทีวี จำกัด 4.บริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด 5. บริษัท ไทย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (ทีเอ็นเอ็น) จำกัด (เครือทรู) 6.บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสท์ จำกัด (เดลินิวส์ ทีวี) 7. บริษัท 3 เอ. มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และช่องเด็ก ประกอบด้วย 1. บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (ช่อง3) 2.บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท ไทยทีวี จำกัด.
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 09 มกราคม 2014 12:05:32 »

นักวิจัยไทย-ไต้หวัน ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวิธีการตรวจแบคทีเรียสาเหตุกุ้งตายด่วน พร้อมเผยแพร่ข้อมูลวิธีการตรวจสู่สาธารณะเพื่อลดการระบาดของโรค

รายงานข่าวจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ แจ้งว่า คณะนักวิจัยไทย นำโดย ศ.ดร. ทิมโมที ฟลีเกล ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยวิจัยเพื่อความเป็นเลิศเทคโนโลยีชีวภาพกุ้ง ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติและคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมมือกับคณะนักวิจัยไต้หวันนำโดย Prof. Chu Fang Lo จาก National Cheng Kung University (NCKU)) ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวิธีการตรวจแบคทีเรียสาเหตุกุ้งตายด่วน EMS ด้วยเทคนิคพีซีอาร์ (PCR) ซึ่งการตรวจแบคทีเรียก่อโรคได้นี้จะช่วยลดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเชื้อก่อโรค EMS ลงได้ และลดความเสี่ยงในการระบาดของแบคทีเรียชนิดนี้ต่อไป

ทั้งนี้ปัญหากุ้งตายด่วน หรือกุ้ง EMS เริ่มมีการระบาดครั้งแรกในประเทศจีน ในปี 2552 และมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วสู่ประเทศเวียดนาม มาเลเซีย และไทย ในปี 2553-2555 จากตัวอย่างกุ้งตายด่วนที่ทำการศึกษา พบว่ามีตัวอย่างที่มีโรคของตับและตับอ่อนวายฉับพลัน เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังการปล่อยลูกกุ้งลงบ่อดินไม่เกิน 35 วัน ในต้นปี 2556 พบว่าแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคนี้คือแบคทีเรียในกลุ่ม Vibrio parahaemolyticus ในขณะนั้นถึงแม้จะทราบสาเหตุของโรค แต่การควบคุมและป้องกันแบคทีเรียสาเหตุนี้เป็นไปได้ยาก เนื่องจากยังขาดวิธีการตรวจวินิจฉัยเชื้อก่อโรคที่มีความจำเพาะและรวดเร็ว ที่สามารถจะนำไปใช้ตรวจหาเชื้อก่อโรคในพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และคัดกรองลูกกุ้งก่อนปล่อยลงบ่อดินได้

อย่างไรก็ดีด้วยเล็งเห็นถึงผลกระทบของโรคระบาดนี้ต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งในระดับโลก และความเร่งด่วนที่จะต้องควบคุมการระบาด คณะนักวิจัยจึงได้เปิดเผยข้อมูลต่างๆ ทั้งวิธีการ และลำดับเบสในการออกแบบไพรเมอร์สำหรับตรวจหาเชื้อดังกล่าวสู่สาธารณะ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำวิธีการไปใช้เพื่อลดความเสี่ยงการระบาดของโรคได้อย่างกว้างขวางต่อไป.
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #28 เมื่อ: 09 มกราคม 2014 16:17:12 »

นักวิจัยไทย-ไต้หวัน ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวิธีการตรวจแบคทีเรียสาเหตุกุ้งตายด่วน พร้อมเผยแพร่ข้อมูลวิธีการตรวจสู่สาธารณะเพื่อลดการระบาดของโรค

รายงานข่าวจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ แจ้งว่า คณะนักวิจัยไทย นำโดย ศ.ดร. ทิมโมที ฟลีเกล ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยวิจัยเพื่อความเป็นเลิศเทคโนโลยีชีวภาพกุ้ง ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติและคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมมือกับคณะนักวิจัยไต้หวันนำโดย Prof. Chu Fang Lo จาก National Cheng Kung University (NCKU)) ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวิธีการตรวจแบคทีเรียสาเหตุกุ้งตายด่วน EMS ด้วยเทคนิคพีซีอาร์ (PCR) ซึ่งการตรวจแบคทีเรียก่อโรคได้นี้จะช่วยลดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเชื้อก่อโรค EMS ลงได้ และลดความเสี่ยงในการระบาดของแบคทีเรียชนิดนี้ต่อไป

ทั้งนี้ปัญหากุ้งตายด่วน หรือกุ้ง EMS เริ่มมีการระบาดครั้งแรกในประเทศจีน ในปี 2552 และมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วสู่ประเทศเวียดนาม มาเลเซีย และไทย ในปี 2553-2555 จากตัวอย่างกุ้งตายด่วนที่ทำการศึกษา พบว่ามีตัวอย่างที่มีโรคของตับและตับอ่อนวายฉับพลัน เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังการปล่อยลูกกุ้งลงบ่อดินไม่เกิน 35 วัน ในต้นปี 2556 พบว่าแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคนี้คือแบคทีเรียในกลุ่ม Vibrio parahaemolyticus ในขณะนั้นถึงแม้จะทราบสาเหตุของโรค แต่การควบคุมและป้องกันแบคทีเรียสาเหตุนี้เป็นไปได้ยาก เนื่องจากยังขาดวิธีการตรวจวินิจฉัยเชื้อก่อโรคที่มีความจำเพาะและรวดเร็ว ที่สามารถจะนำไปใช้ตรวจหาเชื้อก่อโรคในพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และคัดกรองลูกกุ้งก่อนปล่อยลงบ่อดินได้

อย่างไรก็ดีด้วยเล็งเห็นถึงผลกระทบของโรคระบาดนี้ต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งในระดับโลก และความเร่งด่วนที่จะต้องควบคุมการระบาด คณะนักวิจัยจึงได้เปิดเผยข้อมูลต่างๆ ทั้งวิธีการ และลำดับเบสในการออกแบบไพรเมอร์สำหรับตรวจหาเชื้อดังกล่าวสู่สาธารณะ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำวิธีการไปใช้เพื่อลดความเสี่ยงการระบาดของโรคได้อย่างกว้างขวางต่อไป.
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 10 มกราคม 2014 11:50:55 »

วันนี้(8 ม.ค.) น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เปิดเผยว่า เดือน ม.ค.จนถึงต้นเดือน ก.พ. 57 นี้อุณหภูมิของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 องศาเซลเซียลจากปกติในพื้นที่แนวราบอยู่ที่ 14 องศาเซลเซียลก็จะขึ้นมาที่ 16-17องศาเซลเซียลและจะกลับมาหนาวอีกประมาณ 2 วันครั้ง ส่งผลให้อุณหภูมิในภาคดังกล่าวหนาวสลับร้อนจึงเกิดหมอกหนาขึ้นส่งผลกระทบให้สนามบินบางจังหวัดโดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือเครื่องบินไม่สามารถบินขึ้น-ลงได้

อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ยังถือเป็นช่วงที่น่าท่องเที่ยวอยู่จึงอยากเตือนนักท่องเที่ยวที่ยังคงเดินทางท่องเที่ยวภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ระมัดระวังการจราจรโดยเฉพาะการเดินทางในช่วงเช้าเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและไม่นิ่งจะทำให้เกิดหมอกควันหนาบนท้องถนนทำให้การมองเห็นเป็นไปด้วยความลำบาก

"เดือน ม.ค.ทั้งเดือนจนถึงต้นเดือน ก.พ.ภาคที่จะต้องเจอกับหมอกควันและมีผลกระทบกับการบินคือภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือและกรุงเทพฯในบางพื้นที่อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 องศาเซลเซีลและจะลดลงสลับกันไป ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรตรวจสอบเส้นทางการจราจรหากต้องเดินทางในช่วงเช้าก็ควรระมัดระวังหมอกควันเป็นพิเศษด้วย"น.อ.สมศักดิ์กล่าว
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #30 เมื่อ: 15 มกราคม 2014 11:45:09 »

"วัฒน์ชัย" ไม่หวั่น ชัตดาวน์ กทม. ชี้ มีแผนรับความเสี่ยงตลอดเวลา ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 3 หมื่นล้านบาท ฟันกำไรกว่า 2 พันล้านบาท ชู กลุ่มธุรกิจขายมือถือ-กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล เป็นพระเอก เล็งทำมือถือดูทีวีดิจิทัลออกขายปลายปีนี้

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เล่าว่า ด้วยเทรนด์การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน ที่มีเพิ่มขึ้น และ 3จี 4 จี มีการเปลี่ยนแปลง จากการแข่งขันของค่ายมือถือทั้ง 3 ราย ที่มีการขยายโครงข่ายและแข่งขันที่รุนแรง จะเห็นได้ว่าการแข่งขันมีอยู่ตลอดเวลา

จะเห็นได้จาก สมัยก่อน ค่ายมือถือไม่ขายโทรศัพท์แต่ปัจจุบัน ต่างให้ความสำคัญโดยการขายเครื่องโทรศัพท์มือถือร่วมกับโปรโมชั่น ต่างจากโทรศัพท์ค่ายใหญ่ อย่าง โนเกีย และ แบล็คเบอร์รี่ ที่ไม่มีการปรับตัวกับเทคโนโลยีข้างหน้า ทำให้กลายเป็นบริษัทที่ติดหล่มจนในที่สุด

นายวัฒน์ชัย เล่าว่า กลุ่มสามารถได้ตั้งเป้ารายได้ปี 57 ไว้กว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือโต 30% จากปี 56 ที่มีรายได้ราว 23,000 ล้านบาท ส่วนกำไรปี 57 คาดจะมีกำไรมากกว่า 2 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100% จากปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรอยู่ที่ 1 พันล้านบาท

ส่วนการลงทุนปีนี้ จะลงทุนเพิ่มเติม 2-3 พันล้าน จะลงทุนหลักๆ บริษัทในเครือ ประกอบด้วย บริษัท สามารถ เทคคอม จำกัด(มหาชน) หรือ แซมเทล ที่อยู่ในกลุ่มสามารถ ซึ่งจะดำเนินงานด้านระบบโครงข่าย และ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด(มหาชน) ที่จะมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าอยู่เสมอ

สำหรับ ปัจจัยหลักในการสร้างรายได้ให้กลุ่มสามารถในปีนี้ มาจากการขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ ไอ-โมบาย ที่ตั้งเป้ารวม 4 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นสมาร์ทโฟน 70% ที่สร้างรายได้ ราว 13,000 ล้านบาท ปลายปีนี้ ไอ-โมบาย จะออกสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รับชมทีวีดิจิทัลบนโทรศัพท์มือถือโดยไม่ต้องเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตด้วย

สำหรับธุรกิจที่คาดว่าจะช่วยหนุนรายได้ให้เติบโตตามเป้าอีกกลุ่มคือ การจำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล และเสาอากาศทั้งในและนอกตัวอาคาร ที่ตั้งเป้าในปีนี้ จะจำหน่ายได้ประมาณ 2 ล้านเครื่อง มีรายได้ที่ราว 2 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่ บริษัท ไอ-สปอร์ต มีเดีย จำกัด ซึ่ง กลุ่มสามารถ ร่วมกับ กลุ่มบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ไม่สามารถประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ หรือการประมูลทีวีดิจิทัลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เมื่อวันที่ 26-27 ธ.ค.56 ในกลุ่มช่องรายการข่าวไม่สำเร็จนั้น

ส่งผลให้ สามารถต้องผันตัวเองไปเป็นผู้ทำหน้าที่รับจ้างผลิตแทน โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการทั้งที่ชนะการประมูลช่องรายการบนทีวีดิจิทัล และบนทีวีดาวเทียม เบื้องต้น เจรจาแล้วประมาณ 3-4 ราย

และธุรกิจกลุ่มที่ 3 คือการที่แซมเทล ที่สร้างรายได้จากการเข้าประมูลโครงการต่างๆ ซึ่งถือเป็นโครงการใหญ่ๆ ทั้งสิ้น ประกอบด้วย การวางระบบเช็คข้อมูลผู้โดยล่วงหน้า ให้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และการวางระบบติดตั้งอุปกรณ์การออกอากาศโทรทัศน์ให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาติให้เป็นผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิทัล

ทั้งนี้ แซมเทล จะยื่นซองประมูลแก่ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เป็นรายแรก ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งความสนใจสนใจทั้ง 4 สถานี แต่หากได้สถานีใดสถานีหนึ่ง ถือว่ามีความพอใจในระดับหนุ่งแล้ว ทั้งนี้ คาดว่า ธุรกิจของแซมเทล จะทำรายได้ให้กลุ่มสามารถประมาณ11,000 ล้านบาท

นายวัฒน์ชัย เล่าถึงสถานการณ์และปัญหาทางการเมืองของประเทศไทยว่าแนวโน้มอาจจะยืดเยื้อในปีนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากกลุ่มสามารถได้จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงเป็นอย่างดี เพราะจากเดิมบริษัทมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจภาครัฐถึง 70% แต่ปัจจุบัน ได้มีการปรับเปลี่ยนไปทำกับภาครัฐวิสาหากิจมากขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันบริษัท มีสัดส่วนรายได้ เป็นเอกชน 50% และภาครัฐ 50%

หากดำเนินธุรกิจไม่ยึดติดกับ

พรรคการเมือง ถึงแม้ว่าการราบรื่นของงานบางครั้งจะไม่สะดวกเหมือนใคร แต่สิ่งไหนที่ได้มาง่ายๆ มักจะมีปัญหาตามมาเสมอ.

กัญณัฏฐ์ บุตรดี

Kanyanat25@gmail.com
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #31 เมื่อ: 15 มกราคม 2014 20:47:04 »

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องเล่าสยองขวัญตามวิทยุที่ว่าอยู่ดี ๆ เราก็เห็นสิ่งของสามารถสั่นหรือเคลื่อนไหวได้ หรือแม้แต่ลอยขึ้นเองทั้งที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย แล้วคุณผู้อ่านคอลัมน์วันพุธของผมล่ะครับ เคยไหมครับที่อยู่ในห้องคนเดียวหน้ากระจกแท้ ๆ แต่อยู่ ๆ ภาพในกระจกที่เห็นก็เป็นภาพของสิ่งของที่อยู่ด้านหลังลอยขึ้นเองกลางอากาศ แค่คิดก็ขวัญผวาแล้วใช่ไหมครับ

ปรากฏการณ์สิ่งของขยับเองได้อย่างนี้ บางคนก็เรียกเป็นภาษาเยอรมันว่า โพล  เทอร์ไกสท์ (Poltergeist) ซึ่งโพลเทอร์ไกสท์เป็นเรื่องที่ทั้งน่าสยองขวัญ ทั้งน่าติดตาม และทั้งน่าพิสูจน์มานานนับศตวรรษ บางคนก็อธิบายไปในเชิงเรื่องเหนือธรรม ชาติไปเลย บ้างก็ว่าเป็นการใช้พลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ บ้างก็เชื่อว่าเป็นการกระทำของผีสางเทวดาหรือเวทมนตร์ บ้างก็ถามกลับเลยว่าคนเห็นตาฝาดไปเองหรือเปล่า แต่  ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับจริง ๆ ครับว่าแม้แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนเองก็ยังอธิบายเรื่องนี้ได้ไม่ชัดเจน ในบรรดาคำอธิบายทางวิทยา ศาสตร์หลากหลายประเด็น ประเด็นที่ดูมีเหตุผลหน่อยก็ว่าเรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์ของพลาสมา หรือไฟฟ้าสถิตที่ไหลวนอยู่ในอากาศ ซึ่งในความคิดเห็นของคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์อย่างผมคำอธิบายนี้ก็พอมีเหตุมีผลให้รับฟังได้อยู่ แต่หลายคนก็แย้งนะครับว่าคำอธิบายนี้มันก็ยังไม่ชัดเจนพออยู่ดี

ไม่ว่าใครจะอธิบายอย่างไร เชิงไสย ศาสตร์หรือเชิงวิทยาศาสตร์ แต่ตอนนี้คุณผู้อ่านอาจเริ่มตั้งคำถามแล้วว่าผมจะมาชวนคุยเรื่องสยองขวัญขนหัวลุกอย่างนี้ในวันพุธทำไม เดี๋ยวคืนนี้จะพากันนอนไม่หลับไปเสียหมด งั้นผมจะชวนคุณผู้อ่านกลับมาคุยกันเรื่องนวัตกรรมเทคโนโลยีแทนแล้วกันครับ แต่..เป็นเทคโนโลยีที่สามารถทำให้สิ่งของใด ๆ ลอยขึ้นได้ ใช่ครับ ผมไม่ได้ล้อเล่น ลอยขึ้นกลางอากาศเหมือนในหนังสตาร์วอร์ส หรือคล้าย ๆ กับปรากฏการณ์โพลเทอร์ไกสท์ที่ผมกล่าวในช่วงต้นไปนี่ล่ะครับ

เพราะวันนี้มีศาสตราจารย์จากมหา วิทยาลัยโตเกียวที่ประเทศญี่ปุ่น ชื่อว่า ศาสตราจารย์จุน เรคิโมโตะ (Jun Rekimoto) ได้เสนองานวิจัยเกี่ยวกับการทำให้วัตถุลอยบนอากาศได้ แต่แทนที่จะใช้พลังจิตบังคับหรือใช้เครื่องกลไกเหมือนเครื่องบิน เขาเลือกใช้คลื่นเสียงในการบังคับวัตถุให้ลอยขึ้นและเคลื่อนที่กลางอากาศได้ ซึ่งการเคลื่อนที่ในอากาศนี้ก็ไม่ใช่แค่การเคลื่อนที่ขึ้นลงซ้ายขวาในระนาบสองมิติเท่านั้นนะครับ แต่รวมถึงการเคลื่อนที่ในมิติที่สามคือเดินหน้าถอยหลังก็ได้ด้วย อาศัยเพียง    การปรับคลื่นความถี่ของเสียงให้สอดรับกับตำแหน่งที่ต้องการให้วัตถุนั้นลอยอยู่เท่านั้น

ตัวผมเองสมัยเรียนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น เคยทำวิจัยที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมแห่งชาติของรัฐบาลญี่ปุ่น (Miraikan) หัวข้อเกี่ยวกับการใช้แสงเลเซอร์มาสร้างรูปภาพสามมิติที่ลอยอยู่   กลางอากาศ แต่พอได้มาเห็นคลิปวิดีโองานวิจัยของลอยได้ชิ้นใหม่นี้แล้ว ก็ต้องยอมรับเลยครับว่างานนี้น่าสนใจมากและไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

งานวิจัยนี้ได้ทำการทดลองไว้กับวัตถุหลายอย่างครับ ตั้งแต่หัวน็อต เศษไม้ หยดน้ำ หรือแม้แต่ไฟ LED ดวงเล็ก โดยวัตถุทั้งหมดผู้ทดลองสามารถบังคับให้ลอยและเคลื่อนที่ไปมากลางอากาศได้ แต่อย่าง ไรก็ตามวัตถุทดลองทั้งหมด ณ ตอนนี้ยังคงเป็นวัตถุขนาดไม่ใหญ่นัก ซึ่งในบทสรุปของงานวิจัยได้เขียนไว้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเพื่อให้ระบบสามารถใช้คลื่นเสียงขยับวัตถุที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ เพราะฉะนั้นต่อไปในอนาคตถ้าเราเห็นแจกันหรือโทรศัพท์ลอยขึ้นได้เองในห้องร้าง ก็อย่าเพิ่งรีบตกใจขนหัวลุกกันไปก่อนนะครับ เพราะจริง ๆ แล้วเราอาจมีคำอธิบาย เชิงวิทยาศาสตร์แบบใหม่สำหรับปรากฏ การณ์เช่นนี้แล้วก็เป็นได้.

ผศ.ดร.ชุติสันต์ เกิดวิบูลย์เวช

หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)

วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต

chutisant.k@rsu.ac.th
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #32 เมื่อ: 16 มกราคม 2014 11:51:06 »

เมื่อวันที่ 16 ม.ค.  กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส แต่ยังคงอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป และมีหมอกบางในตอนเช้า โดยยังมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นในบางพื้นที่บริเวณยอดเขาสูงบริเวณภาคเหนือ

        สำหรับ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้บริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กที่มีขนาดความยาวน้อยกว่า 10 เมตร หรือ 5 วา ควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค.57 ไว้ด้วย

        พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

        ภาคเหนือ อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-27 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-5 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

        ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-26 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

        ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 16-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

        ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

        ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

        ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

        กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 18-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-29 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #33 เมื่อ: 16 มกราคม 2014 20:08:21 »

นายฮาเรซ คูบจันดานิ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท เพื่อร่วมเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางในประเทศไทย เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะมาถึง โดยภายใต้บันทึกความเข้าใจนี้ ไมโครซอฟท์ได้ให้การิสนับสนุน สภาอุตสาหกรรมส่วนกลาง และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ 74 จังหวัด ด้วยโปรแกรมไมโครซอฟท์   ออฟฟิศ  365 สมอลบิสสิเนส พรีเมี่ยม (Microsoft Office 365 Small Business Premium) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ทำงานบนคลาวด์  ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยไม่มีค่าใใช้จ่าย

             นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์  และสภาอุตสาหกรรมฯ ยังมีแผนที่จะร่วมกันจัดสัมมนาและฝึกอบรมให้ความรู้กับเอสเอ็มอีในไทย ในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิผลในการดำเนินธุรกิจ
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #34 เมื่อ: 17 มกราคม 2014 11:46:47 »

ออโตเดสก์เผยแนวโน้มการออก แบบใช้เทคโนโลยีประมวลผลมากขึ้น ชี้เทคโนโลยีการพิมพ์งานสามมิติช่วยให้บุคคลทั่วไปเป็นผู้ผลิตได้ง่ายขึ้น

นายฉัตรชาญ สุทธิพิศาล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ออโตเดสก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมหลากหลายแขนงได้หันมาสนใจกับเทคโนโลยีการออกแบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาอย่างยั่งยืน ครีเอทีฟมัลติมีเดีย รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งออโตเดสก์ได้คาดว่าในปีนี้จะเป็นอีกปีแห่งการผลิต โดยวิศวกรและเหล่าผู้ผลิตต่างมุ่งมั่นที่จะก้าวเข้ามาทดสอบความท้าทายระดับสากลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ทั้งนี้เทคโนโลยีและแนวโน้มการออกแบบที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้ คือ การเติบโตของระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะถูกนำมาในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเดิม ๆ จากการออกแบบก่อน

แล้วค่อยวิเคราะห์ เปลี่ยนไปเป็น การใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผลระบบคลาวด์ในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้นับพันทางเลือก ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้างงานออกแบบที่ดีที่สุด นอกจากนี้การพิมพ์งานสามมิติจะช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถเป็นผู้ผลิตเองได้ รวมถึงระยะห่างระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคจะลดลงด้วยแนวคิดการใช้ของที่ผลิตภายในประเทศเพื่อลดต้นทุนด้านการขนส่งและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ดีออโตเดสก์ได้มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีชุดเครื่องมือเพื่อการออกแบบและแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มมืออาชีพและตลาดผู้บริโภค อีกทั้งเทคโนโลยีที่มีการผสมผสานกันระหว่างนวัตกรรมกับความสะดวกเข้าไว้ด้วยกันให้มีเพิ่มมากขึ้น.
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #35 เมื่อ: 17 มกราคม 2014 20:49:42 »

เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 57 สถานีรถไฟรังสิต นายชัชชาติสิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ได้ลงพื้นที่สำรวจการใช้บริการรถไฟชานเมืองของประชาชน ในช่วงที่มีการชุมนุมปิดกรุงเทพฯพร้อมทั้งได้ขึ้นรถไฟขบวนแก่งคอย-กรุงเทพ ในเวลา 07.25 น. จากสถานีรังสิตเดินทางไปลงสถานีรถไฟบางซื่อในเวลา08.30 น.นายชัชชาติกล่าวว่า ช่วงที่มีการชุมนุมปิดกรุงเทพฯของกลุ่ม กปปส. ในวันแรก วันที่ 13 ม.ค. มีประชาชนใช้บริการรถไฟน้อยลงอยู่ประมาณ12,000 คน จากปกติใช้บริการ 15,000 คน วัน แต่ในวันถัดมีประชาชนมาใช้บริการรถไฟเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 16,000-17,000 คน เนื่องจากวันแรกอาจมีการหยุดงานเยอะแต่วันต่อมาประชาชนก็เริ่มทำงานปกติ ประกอบกับการรถไฟแห่งประเทศ (รฟท.) ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และเพิ่มความสะดวกด้วยการปล่อยขบวนรถถี่ขึ้นจากทุก 30 นาที เป็น 15 นาทีเพื่อระบายจำนวนผู้โดยสารในช่วงที่การจราจรบนถนนมีอุปสรรคจากการชุมนุม

นายชัชชาติกล่าวว่า รฟท.เพิ่มเที่ยวรถไฟชานเมืองให้มากขึ้นเพื่อวิ่งเสริมรับ-ส่งผู้โดยสาร จากรอบนอกกรุงเทพฯ เข้าสู่ใจกลางเมืองโดยด้านทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ ให้เริ่มต้นที่สถานีรถไฟหัวตะเข้ ย่านลาดกระบังด้านทิศเหนืออยู่ที่สถานีรถไฟรังสิต ด้านทิศตะวันตกและทิศใต้อยู่สถานีรถไฟศาลายา โดยได้รถไฟเสริม1 ขบวน สามารถรองรับประชาชนจำนวน 350 ที่นั่ง และยืนอีก 700 คนหรือรองรับประชาชนได้ 3,000-4,000 คนต่อชั่วโมงจึงมั่นใจว่าจะเพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการ

อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการโดยสารรถไฟอาจช้าไม่ทันใจประชาชน แต่เชื่อว่าเป็นอีก 1ทางเลือกในการเดินทางที่สะดวกและปลอดภัย ซึ่งในอนาคต รฟท.จะมีการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพของรถไฟในการเปลี่ยนหัวรถจักรใหม่ รวมถึงการให้บริการที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

นายชัชชาติกล่าวถึงส่วนกรณีที่นายสม อิสระแกนนำกลุ่ม กปปส. จะนำมวลชนไปปิดล้อมการทางพิเศษแห่งประเทศไทยว่าคงไม่มีใครห้ามได้หากจะไปปิด แต่การทางพิเศษทีตังอยู่บริเวณบางเขนนั้นเป็นเพียงสถานที่ทำงานเท่านั้น มั่นใจว่าหากมีการปิด กทพจะไม่กระทบต่อการทำงานควบคุมระบบการใช้ทางเนื่องจากมีระบบบริหารจัดการแยกออกต่างหาก ส่วนกรณีกลุ่ม คปท.จะไปปิดบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยนั้นก็อยากขอร้องว่าอย่าทำเลย เพราะจะกระทบและสร้างความเสียหายระดับประเทศ
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #36 เมื่อ: 18 มกราคม 2014 20:45:49 »

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ ร้านอาหารพึงชม อารีย์ ซ.7 พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวถึงแผนการศึกษานโยบายการประมูลคลื่นความถี่ย่าน1800 เมกะเฮิรตซ์ และคลื่นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องว่า ขณะนี้คณะกรรมการได้ให้นโยบายกับคณะผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) ศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียในการประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ และคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ โดยได้วางแนวทางไว้ 3 แนวทางคือ จัดประมูลพร้อมกันทั้ง 2คลื่นความถี่ และแยกประมูลทีละคลื่นความถี่ หรือจัดประมูลในรูปแบบอื่นๆเพื่อตอบสนองเทคโนโลยีแอลทีอี และ แอลทีอี แอดวานซ์

อย่างไรก็ตาม กทค.ยังกำหนดเป้าหมายการเปิดประมูล 4 จี ไว้เช่นเดิมโดยคาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในเดือน ก.ย.57 โดยภายในเดือน ก.พ.57 ไอทียู จะต้องสรุปให้ได้ว่าจะใช้รูปแบบและราคาเริ่มต้นการประมูลแบบใด ทั้งนี้ สิ่งที่ไอทียูให้ความสำคัญคือการผลักดันให้ใช้คลื่นความถี่มากกว่ารายได้ ดังนั้น ส่วนตัวมองว่าการนำคลื่นมารวมแล้วเปิดประมูลพร้อมกันถือว่าดีกว่าปล่อยให้เป็นฟันหลอเพราะการนำคลื่นมารวมกันและหากประมูลแล้วนำไปให้บริการจะทำให้การใช้งานทั้ง 2คลื่นความถี่สามารถใช้งานร่วมกันได้บนโทรศัพท์เครื่องเดิม

?กทค.มั่นใจว่าจะเดินหน้าเปิดประมูลใบอนุญาต 4 จีแอลทีอี ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ถึงแม้สถานการณ์ทางการเมืองจะยังคงรุนแรง โดยตอนนี้จะไม่พูดถึงในเรื่องของเงินที่จะได้ในการประมูลแต่จะเน้นเรื่องของการใช้คลื่นอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าทั้งนี้ ถ้า กทค.ตั้งราคาเหมาะสม การประมูลดุเดือดเท่าไหร่ราคาการประมูลก็คงไม่สูงเท่าไหร่นัก? พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว.
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #37 เมื่อ: 19 มกราคม 2014 11:59:50 »

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า วันที่20ม.ค.57ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เตรียมพิจารณาต่อใบอนุญาตทีวีช่องทีวีดาวเทียม หรือ กิจการโทรทัศน์ประเภทไม่ใช้คลื่นความถี่ ในการยื่นคำขออนุญาตใหม่กรณีที่ใบอนุญาตเดิมสิ้นสุดลง1ปี โดยคณะอนุกรรมการกิจการไม่ใช้คลื่นความถี่ ได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ความเหมาะสมฯ พิจารณาตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2555และประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการสำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2556เห็นว่าให้มีการต่อใบอนุญาต แบบ2ปี ทั้งแบบมีและไม่มีเงื่อนไข โดยดูจากเรื่องร้องเรียนที่เข้ามาอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน และยังไม่ปรากฏข้อยุติ รวมทั้งการต่อใบอนุญาตแบบ1ปี สำหรับช่องที่มีคำสั่งลงโทษทางปกครอง

อย่างไรก็ตาม อยากเสนอที่ประชุมว่า ให้ชะลอการต่อใบอนุญาตออกไปก่อนสำหรับสถานีที่เคยถูกเตือนปรับ หรือถูกดำเนินคดีกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) จนกว่าสถานีนั้นๆจะไปขออนุญาตการโฆษณาให้ถูกต้องเรียบร้อยก่อนถึงค่อยต่อใบอนุญาตเพราะถือเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคด้วยหากเราต่อใบอนุญาตไปโดยไม่มีเงื่อนไขอาจทำให้ยากต่อการแก้ไขปัญหานี้ต่อไป

ส่วนความคืบหน้าเรื่องทีวีดิจิทัลที่ประชุมได้เตรียมพิจารณาวาระบันทึกความเข้าใจ เรื่องแผนการดำเนินการเพื่อให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลระยะที่1ระหว่างสำนักงานกสทช.กองทัพบก(สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก) บริษัทอสมท จำกัด (มหาชน) กรมประชาสัมพันธ์และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ในการกำหนดขอบเขตการดำเนินงานให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันร่วมรับผิดชอบ ศึกษา วิเคราะห์และเสนอแนะกรอบแนวทางการขยายโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันเพื่อเป็นแนวทางการดำเนินการขยายโครงข่ายให้สามารถครอบคลุมครัวเรือนทั้งประเทศอย่างน้อย ร้อยละ50ครัวเรือนภายใน1ปีร้อยละ80ภายใน2ปีร้อยละ90ภายใน3ปีและร้อยละ95ภายใน4ปีนับจากวันที่ได้รับใบอนุญาตและรวมถึงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับประโยชน์จากทีวีดิจิทัลด้วย

นอกจากนี้ยังมีวาระสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะและแนวทางการดำเนินการต่อ(ร่าง)ประกาศกสทช.เรื่องกำหนดลักษณะและประเภทของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(ฉบับที่2)พ.ศ.... โดยมีสาระสำคัญคือการกำหนดประเภทหรือให้นิยามใหม่เพิ่มเติมของกิจการ(การให้บริการแบบประยุกต์)ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ทั้งนี้ นิยามเดิมคือการให้บริการแบบประยุกต์หมายความว่า การให้บริการข้อมูลการให้บริการสื่อประสมหรือการให้บริการอื่นทำนองเดียวกันที่ผ่านทางการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์หรือการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ซึ่งไม่ใช่บริการโทรคมนาคมและให้รวมถึงการให้บริการสำรวจความนิยมในกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ไม่ว่าจะมีการเรียกเก็บค่าบริการค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดหรือไม่ก็ตามโดยจะต้องจับตานิยามใหม่ในประกาศด้วย
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #38 เมื่อ: 19 มกราคม 2014 20:46:37 »

สั่งซื้อสินค้าด่วน...
?:086 3357254
LineID:wintuth
EMAIL: wintuth@gmail.com
website: [urlhttp://thrivenmart.com/cd-slot-phone-mount.htmll[/url]
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 918


ดูรายละเอียด
« ตอบ #39 เมื่อ: 21 มกราคม 2014 11:34:40 »

สั่งซื้อสินค้าด่วน...
?:086 3357254
LineID:wintuth
EMAIL: wintuth@gmail.com
website: [urlhttp://thrivenmart.com/cd-slot-phone-mount.htmll[/url]
บันทึกการเข้า
หน้า:  «  1 [2] 3 4 ... 46  »  [5»] [10»]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!