เปิดตำนานที่สุดของรถ DRIFT กับ AE86
ถ้าท่านเคยติดตามการแข่งขันรถยนต์ในรูปแบบ DRIFT ของประเทศญี่ปุ่น ก็คงจะเห็นรถในรหัสตัวถัง AE86 กันเพียบ ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อที่ว่า ?ถ้าอยากจะขับรถ DRIFT ให้ดูลีลาสวย จะต้องผ่านการขับ AE86 มาก่อน? เพราะเจ้า AE86 เป็นรถที่มีพื้นฐานเหมาะสมกับการนำมาเล่น DRIFT จนในขณะนี้ญี่ปุ่นเริ่มเก็บเป็นรถสะสมกันแล้ว ส่วนหนึ่งก็คงมาจากตำนานในเรื่องความเป็นที่สุดของรถ DRIFT รวมไปถึงความสวยที่ดูคลาสสิก
นอกจากนี้ AE86 ยังแบ่งออกเป็น 2 รุ่นด้วยกัน คือ ถ้าเป็นรุ่นที่มีไฟหน้าแบบ POP-UP จะเรียกว่า TRUENO แต่ถ้าเป็นไฟหน้าแบบธรรมดา จะเรียกว่า LEVIN ซึ่งหลายคนก็ยังสงสัยอีกว่า เคยเห็นในการ์ตูนเรื่อง INITIAL D ทำไมมีรถที่หน้าตาเหมือนกันแต่ใช้รหัสว่า AE85 ซึ่งจริง ๆ แล้ว ความแตกต่างกันที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคงจะเป็นเรื่องเครื่องยนต์ เพราะถ้าเป็น AE85 จะใช้เครื่องยนต์ในรหัส 3A ส่วนเจ้า AE86 จะเป็นเครื่องในรหัส 4A ในจุดต่อไปก็เป็นในเรื่องของสีภายนอก
ที่เจ้า AE86 จะมีสีสันในสไตล์ทูโทน ส่วนเจ้า AE85 จะเป็นสีเดียวกันทั้งคัน ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยก็คงเป็นเรื่องของความแตกต่างเกี่ยวกับระบบเบรกที่ AE86 จะเป็นดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อ
ภายนอกทูโทนตามสเป็ก
เจ้า AE86 คันที่เรานำเสนออยู่นี้เรียกได้ว่าเป็นอีกคันหนึ่งที่ได้นำมาทำการปรับปรุงกันเกือบทุกจุด กว่าจะได้ออกมาอย่างที่เห็นในรูป ต้องหมดงบประมาณไปพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นชุดกันชนหน้าและชุดไฟท้าย จากรุ่น TYPE III ที่สั่งของใหม่มาจากญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว ต่อจากนั้นก็ไปสู่ขั้นตอนในการทำสี สไตล์ทูโทนตามสเป็กโรงงาน โดยเลือกสีแดงตัดกับดำ ต่อจากนั้นก็ไปสู่การตกแต่งให้เข้ากับยุคสมัย แต่ก็ยังต้องเแฝงไว้ด้วยความคลาสสิก จากการนำฝากระโปรงและกระจกมองข้างไปเคลือบลายเคฟลาร์ ทำให้รถดูโหดมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังเสริมด้วยชุดสปอยเลอร์หลังของ TRDให้เข้ากับแฟชั่นในยุคนี้ (ถึงจะเก่ายังไง แต่ก็ไม่ตกยุค) เรียกได้ว่า ขับไปไหนก็มีแต่คนสนใจ
เครื่องยนต์ 4A-GE ลูกผสม
อย่างที่ได้บอกไปแล้วในตอนแรกว่า เครื่องยนต์ของเจ้า AE นั้น มีอยู่ด้วยกันสองรุ่นระหว่าง 85 กับ 86 ซึ่งเลือกใช้เครื่องยนต์ต่างรหัสกัน แต่เจ้า 86 คันที่เราเสนอนี้เป็นตัวแท้ ดังนั้น เครื่องยนต์ที่ติดมากับรถจึงเป็นรหัส 4A-GE ซึ่งมีแรงม้า 130 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที และแรงบิด 15.2 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบ/นาที
สำหรับยุคปัจจุบันถ้าหากไม่ให้อายรถสมัยใหม่ แรงม้าจะต้องมีมากกว่านี้ เพราะรถเดิม ๆ ที่ออกมาจากโรงงานก็มีแรงม้าที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้น เพื่อไม่ให้แพ้รถสมัยใหม่ จึงทำให้เกิดการโมดิฟายขึ้น แล้วก็เกิดคำถามขึ้นว่าระหว่างเครื่องเดิมกับเปลี่ยนเครื่อง จะเลือกคำตอบไหนดี เพราะถ้าหากเปลี่ยนไปใช้เครื่อง 4A-GZE ที่มีระบบอัดอากาศก็จะมีปัญหาในเรื่องเครื่องแบบขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้ต้องแปลงกันเยอะ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เลยต้องเลือกวิธีจับแพะชนแกะ ด้วยการนำท่อนล่างจาก 4A-GZE มาใช้ร่วมกับท่อนบนของ 4A-GE พร้อมกับนำระบบอัดอากาศแบบซูเปอร์ชาร์จมาแปะไว้เหมือนเดิม และนำอินเตอร์คูลเลอร์ที่ช่วยระบายความร้อนเอาไปไว้ที่ด้านหลังกระจังหน้า ทำให้สามารถรับลมที่เข้ามาปะทะ เพื่อช่วยลดความร้อนของอุณหภูมิไอดีก่อนอัดเข้าสู่เครื่องยนต์
ช่วงล่างตามยุคสมัย
ถึงแม้จะเป็นรถที่มีอายุค่อนข้างมาก และแฝงไว้ด้วยความคลาสสิก แต่สิ่งที่เพิ่มประสิทธิภาพและความสวยงามให้กับรถอย่างล้อแม็กก็คงต้องมีไว้เพื่อไม่ให้ตกยุค แต่ก็ยังมีข้อแม้อีกว่า ถ้าใช้ล้อรุ่นใหม่ ๆ ที่มีลวดลายทันสมัยมากก็คงจะดูแล้วขัดกับตัวรถน่าดู ดังนั้น จึงต้องเลือกหาล้อที่มีความคลาสสิกและเข้ากับรถได้ คำตอบก็คือ ล้อลายกล้วยของ WATANABE แม้จะผลิตออกมานานแล้ว แต่เมื่อได้เห็นก็รู้สึกว่าไม่ตกยุค โดยล้อที่เปลี่ยนไปนั้น เป็นล้อขอบ 15 นิ้ว ที่ใส่กับยางขนาด 195/50 ซึ่งดูแล้วจะเห็นว่าเป็นขนาดที่พอเหมาะกับรถมากที่สุด
ในส่วนของระบบกันสะเทือน ได้เปลี่ยนกันใหม่ โดยเฉพาะโช้คอัพและสปริง ซึ่งในด้านหน้าได้เลือกใช้ของ TEIN แบบสตรัทปรับเกลียว พร้อมหัวแบบ BALL JOINT ช่วยให้การปรับตั้งมุมแคมเบอร์เป็นไปได้ง่ายขึ้น ส่วนในด้านหลังได้ใช้โช้คอัพและสปริงจาก TRD พร้อมกับทำการติดตั้งเหล็กค้ำโช้คหน้าและหลังของ CUSCO เอาไว้ด้วย นอกจากนี้ยังได้เพิ่มความปลอดภัยด้วยการปรับปรุงระบบเบรกกันใหม่ โดยเฉพาะในด้านหน้าที่ต้องเน้นประสิทธิภาพให้สามารถรองรับความรุนแรงจากเครื่องยนต์ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้คาลิเปอร์แบบ 4 พอร์ต พร้อมกับจานเบรกแบบเจาะรูและเซาะร่อง
ภายในเน้นเดิม ๆ แบบคลาสสิก
ถ้าหากท่านเป็นผู้หนึ่งที่เล่นรถคลาสสิก ก็คงรู้ดีว่าการเล่นรถประเภทนี้จะต้องมีชิ้นส่วนของเดิมแบบครบๆ ซึ่งปัญหาก็คือ รถอายุขนาดนี้จะไปหาของจากไหน นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ เพราะการหาชิ้นส่วนเหล่านี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ?ทุนทรัพย์? เนื่องจากชิ้นส่วนบางชิ้น แม้จะมีราคาถูก แต่กว่าจะหาของได้ก็ไม่รู้ว่าต้องเสียค่าน้ำมันไปเท่าไหร่ หรือถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ต้องใช้วิธีเบิกของใหม่จากต่างประเทศ ก็ลองคิดดูซิครับว่า จะต้องเสียค่าขนส่งอีกเท่าไหร่
เจ้า AE86 คันนี้ก็เช่นกัน กว่าจะมีสภาพที่ครบแบบนี้ ก็หมดงบประมาณไปถึงเลขหกหลัก (รวมทั้งคันนะครับ) แต่ถ้าคิดจะเล่นกันแล้ว ก็ต้องให้ครบที่สุด โดยคันนี้ภายในยังเป็นตัวเก่า (TYPE I และTYPE II) สังเกตได้จากหัวด้านบนเบาะเป็นสีเทา ส่วนครึ่งล่างเป็นสีน้ำตาลตัดแดง รวมทั้งคอนโซลและแผงข้างแบบทูโทนตัดด้วยสีแดง ซึ่งถ้าเป็นตัวใหม่ (TYPE III) ในตำแหน่งที่เป็นสีแดงจะถูกแทนที่ด้วยสีเทา แต่เพื่อให้ทันสมัยและดูเหมือนรถแข่งจากเกาะญี่ปุ่น จึงทำการติดตั้งโรลบาร์ไว้ด้านหลังด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีพวงมาลัยที่เปลี่ยนไปใช้ของ NARDI เพื่อเพิ่มความกระชับในขณะขับ
ก็คงจะได้เห็นกันแล้วว่า รถที่น่าใช้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นใหม่ ๆ เท่านั้น รุ่นเก่าอย่างเจ้า AE86 ที่มีความสวยและความโดดเด่นอยู่ในตัวเอง ก็เป็นรถอีกรุ่นที่น่าใช้เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่าจะต้องมีทุนทรัพย์และความอดทนในการหาอะไหล่ เพราะกว่าจะออกมาครบและสวย คงต้องใช้เวลากันพอสมควร ซึ่งตรงนี้จะเป็นสิ่งพิสูจน์ได้ว่า ท่านเป็นคนที่รักกับการสะสมรถประเภทนี้จริงหรือไม่...