สอบถามเรื่องการใช้เกียร์ออโต้

[POND_]

พอดีซื้อกระบบดีแม็กปี04 เป็นเกียร์ออโต้ เราจะขับจาก L ไปหา D ได้หรือป่าว L - 2 - 3 - D แล้วเครื่องจะไม่ปัญหาอะไรไหม แล้วถ้าเราใช้เกียร์ช่วยในการเบรคได้หรือไม่ แบบ D ลงมา 3-2-L  พอดีขับแต่เกียร์ธรรมดาครับ 

[tu_ranong]

ผมว่าได้น่ะแต่ก็ไม่ควรเพราะในแต่ละเกียร์มันมีรอบการใช้งานและรูปแบบการทำงานแตกต่างกันไป ต้องดูรอบเครื่องให้สัมพันธ์กับเกียร์แต่ละเกียร์ด้วย

[natthapon109]

1-2-3-D หรือ D-3-2-1 จำเป็นค่อยใช้ครับ อย่างขึ้นเขาลงเขา
ใช้งานทั่วไปควรอยู่ที่ตำแหน่ง D ครับ (เบรคจนรถหยุดค่อยไปลง N)

คันเก่าผมสลับ 3-D D-3 ทั้งเร่งแซง แล้วก้ชลอรถเป็นประจำ ตอนนี้พังไปแล้วครับ

[POND_]

ขอบคุณทุกคำตอบครับ

[Krit_28]

ปกติไม่ควรเลื่อนเกียร์ครับ นอกจากต้องการใช้กำลังเช่นขึ้นเขา หรือลงทางลาดชัน ใช้เกียร์Dขับอย่างเดียวพอครับ เวลาจอดเลื่อนลงมาNได้ แต่ไม่ควรเปลี่ยนNขณะรถยังไม่จอดสนิท ผมอ่านจำมาครับพอดีใช้ATอยู่

[jabberwock]

เกียออโต้ยิ่งเล่นเกียยิ่งพังครับ ขับธรรมดาเข้า d ดีที่สุด

[doraemonarak]

เข้า D ปกติก็พอ หากต้องการเร่งแซงค่อยกด OD OFF(ถ้ามี) หรือถ้าไม่มี OD ก็คิ๊กดาวน์ หรือเลื่อนมา 3(ถ้ามี) แค่นั้นก็พอแล้วครับ หากต้องการเลื่อนมา 2 หรือ 1 ควรลดความเร็วหรือหยุดรถก่อนค หากวิ่งอยู่แล้วเลื่อนมาเลย รอบมันจัดเกินไปพังเอาได้ ร้ายแรงที่สุดทอร์คขาด จะเอาให้ชัวร์ลองหาคู่มือรถรุ่น ยี่ห้อนั้นๆมาดูเรื่องเกียร์ รอบเครื่อง และความเร็วที่เหมาะสมครับ
(เออีของผมมี D 2 L และ OD ครับ)

[~ Funky_nu_NoO :]

เกียร์ออโต้ไม่ได้มีไว้ใช้อย่างงั้นครับ
นั่นเล่นเหมือนเกียร์ธรรมดาเลยซึ่งกลไกข้างในมันแตกต่างกัน

ขนาดปกติจอดไฟแดงแล้วปลดเป็นเกียร์ N
พวกยังว่าทำให้เกียร์พังเร็วเลยครับ (แต่ผมชอบทำเพราะดูเครื่องไม่ทรมาณดี)
แต่บางคนก็บอก เหยียบเบรคนานๆ หม้อลมจะพัง เบรคไม่อยู่นี่แย่กว่าเยอะ

ตอนนี้เลยยังไม่มีข้อสรุปว่า ขับแล้วปลด N-D-N-D ทุกครั้งที่ติดไฟแดงนานๆ จะทำให้เกียร์พังหรือไม่

[Krit_28]

เกียร์ออโต้ไม่ได้มีไว้ใช้อย่างงั้นครับ
นั่นเล่นเหมือนเกียร์ธรรมดาเลยซึ่งกลไกข้างในมันแตกต่างกัน

ขนาดปกติจอดไฟแดงแล้วปลดเป็นเกียร์ N
พวกยังว่าทำให้เกียร์พังเร็วเลยครับ (แต่ผมชอบทำเพราะดูเครื่องไม่ทรมาณดี)
แต่บางคนก็บอก เหยียบเบรคนานๆ หม้อลมจะพัง เบรคไม่อยู่นี่แย่กว่าเยอะ

ตอนนี้เลยยังไม่มีข้อสรุปว่า ขับแล้วปลด N-D-N-D ทุกครั้งที่ติดไฟแดงนานๆ จะทำให้เกียร์พังหรือไม่

อันนี้ผมก็สงสัยครับน้า แต่คิดดูเครื่องยนต์ทำงานแต่เราเหยียบเบรครั้งไว้ตลอด กับเครื่องไม่ทำงานเหมือนการพักแบบไหนดีกว่ากันแน่ แต่จอดไม่นานผมก็เหยียบเบรคเอาครับ ที่แน่ๆถ้าจอดแล้วใครชนตูดถ้าใส่เกียร์อยู่เกียอาจจะพัง

[~ Funky_nu_NoO :]

^
^
ใช่ครับพี่ บางทีผมก็แอบรู้สึกว่าที่บอกให้เข้า D ค้างไว้และเหยียบเบรค เหมือนเชียร์ให้เกียร์พังไงไม่รู้
เพราะบางข่าวก็มาจากร้านซ่อมเกียร์เอง
บวกความรู้สึกส่วนตัวว่า ปลด N แล้วดูเหมือนเครื่องจะผ่อนคลายกว่า เพราะไม่สั่น

แต่พอดูจากทู้นี้แล้ว คนที่มาโหวตว่าเกียร์พัง ก็เพราะปลด N กันทั้งนั้น

http://pantip.com/topic/32845137

ถ้าไม่ติดที่คนมาโหวต อ่านกระทู้ไม่เคลียร์ หรือเป็นพวกอ่านไม่เกิน 7 บรรทัดแล้วรีบโหวต
การปลด N ให้น้อยที่สุด ก็ดูจะมีประโยชน์มากกว่าแฮะ :p

----------------

แถม ความรู้เรื่องเกียร์ออโต้ มีประโยชน์ดีครับ

[plew_ch]

เกียร์ออโต้ ผมใช้Dตลอด เบรค หยุดติอไฟแดง ก็ไม่เข้าN อยู่ในตำแหน่งDตลอด ติดนานก็ดึงเบรคมือ ยกเท้าออกจากเบรค ทำงี้ตลอด
เกียร์ออโต้ ใช้มา2แสนกว่าโล ถึงมีปัญหาเรื่อง เกียร์4 ชลอแล้วไม่ลงมา3เวลาเราต้องการเร่ง ตอนหลังล้างสมองเกียร์ เปลี่ยนโซลินอยด้วย อาากรดีขึ้นใช้ต่ออีก เกือบแสนโล เป็นอีก รวมฯเกิน3แสนโล เลยยกลูกเลย
การเข้า D ตลอดทำให้เกียร์พังง่ายไหม ดูเอาเอง 300,000กว่าโล ครัชไม่มีลื่น แต่ระบบควบคุมเปลี่ยนเกียร์ รวน

[Aunts 5E]

ติดนาน ๆ น่าจะลง N บ้างนะครับน้า 

[plew_ch]

ติดนาน ๆ น่าจะลง N บ้างนะครับน้า 

ไม่ N  อะครับ Dตลอด แล้วดึ่งเบรคมือไว้ ปล่อยเท้าจากเบรค
ฟังจากผู้มีความรู้ในการซ่อมเกียร์ออโต้ เขาว่าภายในระบบเกียร์ เวลาเข้าD มันจะสั่งงานฉีดน้ำมัน อะไรต่อมิอะไรเริ่มใหม่ กว่าจะพร้อมทำงานจะกินเวลา1-2วินาที แต่ช่วงติดไฟแดง เราเข้าปุบ ออกตัวปับ กดคันเร่งแรงด้วยซิ เกียร์จะอายุสั้น สึกหลอสูง นะจ๊ะ ฟังเขามานะจ๊ะ 
ผมก็ลองแล้ว ใช้มาตั้ง2-3แสนโล นับจากลงเครื่องเชียงกงมา เปลี่ยนเป็นเกียร์ออโต้ ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดา คงยกครัชไปแล้ว 2รอบได้ 

[Praphon]

ใช้เกียร์ออโต้มาประมาณ 6 แสนกว่ากิโลจากป้ายแดง ก็ยังใช้ได้ดีจนถึงปัจจุบัน โดยลักษณะการใช้งานและบริการ ดังนี้

- ก่อนเข้าเกียร์ ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ไหน D หรือ R ต้องเหยียบเบรคให้แน่น และรอจนคลัชภายในเกียร์จับกันแน่นเสียก่อน โดยสังเกตจากอาการกระตุกเล็กน้อยจนนิ่ง ประมาณ 1-3 วินาที แล้วจึงปล่อยเบรค แล้วค่อยๆ เหยียบคันเร่งออกตัวแบบนุ่มนวล
- ในการปลดเป็นเกียร์ N หรือจอด P ก็ทำเช่นเดียวกันกับการเข้าเกียร์ โดยรถจะต้องหยุดการเคลื่อนทีแล้ว
- การคลิกดาวน์เพื่อเปลี่ยนให้ต่ำลง ทำเมื่อจำเป็นเท่านั้น และทำแค่หนึ่งขั้นที่ต่ำลง เช่น 4 มา 3 หรือ 3 มา 2 แต่จะไม่ทำต่ำลงทีเดียว 2 ขั้น เช่น 4 มา 2
- ในขณะรถติด ถ้านานต่อเนื่องเกินกว่า 5  นาทีต่อครั้ง จะปลดมา N และดึงเบรคมือ, ถ้าสั้นกว่านั้นจะใช้เข้า D ค้างไว้แล้วเหยียบเบรค หรือดึงเบรคมือช่วย
- ไม่เปลียนเกียร์ด้วยมือแบบแมนนวลในขณะรถวิ่ง ถ้าขับทางไกล จะเข้า D เพียงครั้งเดียวจากออกรถจนถึงที่หมาย ถ้าไม่ได้แวะพัก
- พยายามลดจำนวนการเข้าเกียร์จาก N ไป D หรือ N ไป R ให้น้อยที่สุดในการใช้งานประจำวัน เช่น การจอดรถเข้าซอง ขับมาแล้วเลี้ยวเข้าที่จอดภายในครั้งเดียวให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้ ก็พยายามเปลี่ยนเกียร์ให้น้อยครั้งที่สุด
- ในการเดินหน้าหรือถอยหลังขึ้นทางลาดชันหรือสะพาน, เข้าเกียร์ D หรือ R แล้วเหยียบคันเร่งส่งรถขึ้นไปให้ต่อเนื่องด้วยความเร็วเหมาะสม โดยไม่ยอมให้แรงโน้มถ่วงสามารถหยุดและฉุดรถย้อนกลับทางลงมาได้
- เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตรงตามเบอร์ที่ระบะในคู่มือประจำรถ ระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายที่ประมาณ 20,000 กม. หรือดูสีน้ำมันประกอบด้วย โดยนำน้ำมันใหม่และน้ำมันเก่า หยดบนกระดาษทิสชู่สีขาว และเปรียบเทียสีดู ถ้าน้ำมันเก่าหมองคล้ำกว่าจนสังเกตได้ชัด หรือมีการขยายวงน้อยกว่า รวมไปถึงการทำงานไม่ราบเรียนของเกียร์ ก็จะเปลี่ยนถ่ายทันที แม้ว่าจะไม่ถึงระยะเปลี่ยนก็ตาม  และถ้าอาการดังกล่าวยังมีอยู่บ้าง ก็ใช้ไปอีกประมาณสัก 500-1000 กม. ก็เปลี่ยนซ้ำอีกรอบ ซึ่งส่วนใหญ่พอเปลี่ยนซ้ำรอบที่สองในระยะเวลาใกล้กัน การขับขี่จะดีขี้นมาก และใช้งานได้อีกนานกว่าจะถึงรอบเปลี่ยนอีกครั้ง
- ในการเดินทางไกลระยะทางยาวและขึ้นทางชัน จะเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ใหม่ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง

[POND_]

ได้ความคิดเห็นมากมายเลยครับขอบคุณ ทุกๆคอมเม้นเลยครับ

[Hihigh...]