AE. Racing Club
25 พฤศจิกายน 2024 18:15:18 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า:  «  1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Ethanol มีออกซิเจนเป็นองค์ประกอบมากกว่า แล้ววว...  (อ่าน 12330 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ray007
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 141



ดูรายละเอียด
« ตอบ #20 เมื่อ: 01 มกราคม 2015 21:41:24 »

รู้หรือเปล่า reset ecu แล้วมันมีอะไรต่างกับไม่รีเซท

long trim มันจำนาน ต้องถอดปลักทิ้งไว้นานเลยแหละ แล้วมันก็ไม่ได้มีผลอะไรหรอก คุณใส่น้ำมันที่มันค่าต่างจากที่มันควรจะเป้นไปมากๆ มันก็ปรับตัวให้เองในระดับนึงที่มันสามารถปรับได้

ช๊อตทริม ลองทริม ผมขอเรียก stm ltm นะ ถ้าบางมัน+ให้ ถ้าคนมี obd ใส่อยู่จะเห้นว่ามันวิ่งตลอดตามo2เรานั้นแหละ

ผสมกันไปหนักกว่าเดิมอีกผมว่า อัตราการเติมผสมเท่าไหร่ก็ไม่รุ้ เอาอะไรก็เอาสักอย่าง แล้วทำให้มันรองรับไปเลย

ส่วนไอ้ไฟที่ว่าบิดไปแล้วไม่เขกเนี่ยคุณฟังๆเอาตอนเบิ้ลตอนจอด มันก็ได้ในระดับนึง ตอนที่คุณกดคันเร่งแล้วมันเขกคุณฟังไม่ออกหรอก ลองเอาท่อยางใส่หางปลาไปไขไว้

กับน๊อตแถวๆเสื้อสูบดูแล้วมาแนบหูนะ แล้วจะรู้ว่ามันเขกไม่เขกตอนซัดๆอะ

บิดจานจ่ายคือการปรับไฟทั้งหมดทุกช่วง แต่รถเราเนี่ยไฟบางช่วงมันไม่จำเป้นต้องเพิ่มหรือเพิ่มได้ไม่เยอะเท่าเดินเบานะครับ

ใช้ได้กับใช้ดีมันต่างกัน สุดท้าย สิ่งที่มันไม่รองรับไม่สามารถใช้ได้ แต่ฝืนใช้กันสู้ทำให้มันใช้ได้แบบเหมาะสมดีกว่าครับ

แล้วถ้าเน้นประหยัดจริงๆ E20 ประหยัดกว่าคิดจากราคา การปริโภค จากการจูนที่เหมาะสมแล้วนะ e20 กล่องใบเดียว อย่างอื่นอาจจะไม่ต้องเปลี่ยน ยยกเว้นแต่มันทนไม่ได้แล้วพังไปเช่นปั้มติ๊กเรกุเลท

แต่e85 หัวฉีดรถบางคันไม่พอ แรงดันไม่พอ ต้องเพิ่มติ๊กด้วย


หายไปไหนแล้วไม่รู้ เกี่ยวกับการทำงานของ ECU ของ 5a ที่มีความแตกต่างจากกล่องในบล๊อกเดียวกันอยู่นิดหน่อย ไปในทางที่ฉลาดกว่านิดหน่อย
ขอบคุณครับ สำหรับ ความรู้ใหม่ๆ
บันทึกการเข้า
Hunter_JIK.CZ48
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,158


3S-GE Doraemonster 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 02 มกราคม 2015 00:50:58 »

ecu มันอ่านค่าจากเซนเซอร์ที่มีอยู่แล้วเอามา+-ทั้งไฟทั้งน้ำมันครับ

เท่าที่เห็นในobd ที่อ่านค่า จากecu เห็นที่เวลาถอดแบตไม่นานแล้วเสียบกลับมามีจำอยู่คือ ltm ถ้าแปลคือ ชดเชย+-น้ำมันระยะยาว คือไม่ปรับเลยทันทีที่ o2เห็น

มันจะมีค่า2ตัว stm กับ ltm  ตัว stm เวลาo2มันส่ง สัญญาณมาเป็นโวล เช่น 0-1v สมมุติ 0.5คือค่าที่พอดี ถ้ามันส่งมาน้อยหรือมากกว่าค่าที่ควรจะเป็นตอนนั้น มันก็จะ+-น้ำมันให้เลย

แต่ถ้ามีการ+หรือ- ค่านั้นๆ ซ้ำๆในช่วงนั้นๆต่อเนื่องกันอันนี้ผมไม่รู้ว่ามันมีเงื่อนไขใดบางแต่เอาเป็นว่าใช้เวลาระยะนึงเลย มันจะ+-ให้ในltm

เช่น LTM +5 ที่2000รอบ คันเร่ง10% แสดงว่าช่วงนั้นอะบางตลอดจนกล่องชดเชยให้ ไอ้ค่าตัวนี้ถ้าถอดแบตแปปเดียวไม่หายไป แต่ถ้าสักพัก หายเหมือนกัน

ทีนี้คงสงสัยว่าอ้าวงี้เติมน้ำมันอะไรก็ได้สิมันก็ปรับให้เอง ใช่ครับปรับให้จริงๆ แต่มันปรับเฉพาะช่วงที่ เรียกว่า closeloop กับ open loop อีก

อธิบายง่ายๆคือ ช่วงที่เอาค่าจากo2 มาปรับให้ กับช่วงที่ไม่ปรับให้อาจจะมีนิดหน่อยเฉพาะ ltm ซึ่งจะเป้นช่วงที่กดคันเร่งลึกๆหน่อย จากรถผมเองถึงรอบ2000กดคันเร่งลึกๆก็ closeloopแล้ว

แล้วถึงจะเป็นช่วงที่กล่องปรับให้มันก็อาจจะไม่พอนะครับอย่างที่บอกเคยลอง E20 ก็+ทั้ง ltm stm เกือบเต็มที่แล้วบางช่วงยังไม่พอเลย

ที่เหลือเท่าที่ผมลองจากobdดู ไม่มีตัวไหนเก็บเลยครับ อ่านค่าใหม่หมดอันนี้หมายถึงค่าที่เปลี่ยนแปลงตลอดไม่ได้หมายถึงค่าที่เซทมาจากโรงงานพวกตารางไฟน้ำมันอุณหภูมิอะไรพวกนั้นนะ

สุดท้ายเซนเซอรถเราต้องสมบูรณ์ด้วยนะครับมันถึงทำงานเต็มประสิทธิภาพ


อันนี้อัดไว้นานแล้วให้ดู stm ltm จริงๆเวลามันปรับ ช่วงท้ายผฟมอธิบายผิดไปนิดนึง 0-1000 ต่ำกว่า500 มันจะ-น้ำมันคือหนา

แล้วก็อันนี้เฉพาะเดินเบานะครับตอนวิ่งก็จะหนากว่านี้ af อยู่13-14 ตอนกด80-100%ก็วิ่งอยู่ 12-13
ครึ่งคลิปหลังมันวน แต่ไม่มีเสียงไม่รู้เพราะอะไร ตรงไหนผมอธิบายผิดไปยินดีแลกเปลี่ยนความรู้นะครับผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=negBra0X0Ik" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=negBra0X0Ik</a>
บันทึกการเข้า

Red devil tr
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 791


ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 02 มกราคม 2015 09:19:50 »

ecu มันอ่านค่าจากเซนเซอร์ที่มีอยู่แล้วเอามา+-ทั้งไฟทั้งน้ำมันครับ

เท่าที่เห็นในobd ที่อ่านค่า จากecu เห็นที่เวลาถอดแบตไม่นานแล้วเสียบกลับมามีจำอยู่คือ ltm ถ้าแปลคือ ชดเชย+-น้ำมันระยะยาว คือไม่ปรับเลยทันทีที่ o2เห็น

มันจะมีค่า2ตัว stm กับ ltm  ตัว stm เวลาo2มันส่ง สัญญาณมาเป็นโวล เช่น 0-1v สมมุติ 0.5คือค่าที่พอดี ถ้ามันส่งมาน้อยหรือมากกว่าค่าที่ควรจะเป็นตอนนั้น มันก็จะ+-น้ำมันให้เลย

แต่ถ้ามีการ+หรือ- ค่านั้นๆ ซ้ำๆในช่วงนั้นๆต่อเนื่องกันอันนี้ผมไม่รู้ว่ามันมีเงื่อนไขใดบางแต่เอาเป็นว่าใช้เวลาระยะนึงเลย มันจะ+-ให้ในltm

เช่น LTM +5 ที่2000รอบ คันเร่ง10% แสดงว่าช่วงนั้นอะบางตลอดจนกล่องชดเชยให้ ไอ้ค่าตัวนี้ถ้าถอดแบตแปปเดียวไม่หายไป แต่ถ้าสักพัก หายเหมือนกัน

ทีนี้คงสงสัยว่าอ้าวงี้เติมน้ำมันอะไรก็ได้สิมันก็ปรับให้เอง ใช่ครับปรับให้จริงๆ แต่มันปรับเฉพาะช่วงที่ เรียกว่า closeloop กับ open loop อีก

อธิบายง่ายๆคือ ช่วงที่เอาค่าจากo2 มาปรับให้ กับช่วงที่ไม่ปรับให้อาจจะมีนิดหน่อยเฉพาะ ltm ซึ่งจะเป้นช่วงที่กดคันเร่งลึกๆหน่อย จากรถผมเองถึงรอบ2000กดคันเร่งลึกๆก็ closeloopแล้ว

แล้วถึงจะเป็นช่วงที่กล่องปรับให้มันก็อาจจะไม่พอนะครับอย่างที่บอกเคยลอง E20 ก็+ทั้ง ltm stm เกือบเต็มที่แล้วบางช่วงยังไม่พอเลย

ที่เหลือเท่าที่ผมลองจากobdดู ไม่มีตัวไหนเก็บเลยครับ อ่านค่าใหม่หมดอันนี้หมายถึงค่าที่เปลี่ยนแปลงตลอดไม่ได้หมายถึงค่าที่เซทมาจากโรงงานพวกตารางไฟน้ำมันอุณหภูมิอะไรพวกนั้นนะ

สุดท้ายเซนเซอรถเราต้องสมบูรณ์ด้วยนะครับมันถึงทำงานเต็มประสิทธิภาพ


อันนี้อัดไว้นานแล้วให้ดู stm ltm จริงๆเวลามันปรับ ช่วงท้ายผฟมอธิบายผิดไปนิดนึง 0-1000 ต่ำกว่า500 มันจะ-น้ำมันคือหนา

แล้วก็อันนี้เฉพาะเดินเบานะครับตอนวิ่งก็จะหนากว่านี้ af อยู่13-14 ตอนกด80-100%ก็วิ่งอยู่ 12-13
ครึ่งคลิปหลังมันวน แต่ไม่มีเสียงไม่รู้เพราะอะไร ตรงไหนผมอธิบายผิดไปยินดีแลกเปลี่ยนความรู้นะครับผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=negBra0X0Ik" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=negBra0X0Ik</a>
สุดยอด สุดยอด สุดยอด
บันทึกการเข้า
ray007
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 141



ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 02 มกราคม 2015 16:19:35 »

ecu มันอ่านค่าจากเซนเซอร์ที่มีอยู่แล้วเอามา+-ทั้งไฟทั้งน้ำมันครับ

เท่าที่เห็นในobd ที่อ่านค่า จากecu เห็นที่เวลาถอดแบตไม่นานแล้วเสียบกลับมามีจำอยู่คือ ltm ถ้าแปลคือ ชดเชย+-น้ำมันระยะยาว คือไม่ปรับเลยทันทีที่ o2เห็น

มันจะมีค่า2ตัว stm กับ ltm  ตัว stm เวลาo2มันส่ง สัญญาณมาเป็นโวล เช่น 0-1v สมมุติ 0.5คือค่าที่พอดี ถ้ามันส่งมาน้อยหรือมากกว่าค่าที่ควรจะเป็นตอนนั้น มันก็จะ+-น้ำมันให้เลย

แต่ถ้ามีการ+หรือ- ค่านั้นๆ ซ้ำๆในช่วงนั้นๆต่อเนื่องกันอันนี้ผมไม่รู้ว่ามันมีเงื่อนไขใดบางแต่เอาเป็นว่าใช้เวลาระยะนึงเลย มันจะ+-ให้ในltm

เช่น LTM +5 ที่2000รอบ คันเร่ง10% แสดงว่าช่วงนั้นอะบางตลอดจนกล่องชดเชยให้ ไอ้ค่าตัวนี้ถ้าถอดแบตแปปเดียวไม่หายไป แต่ถ้าสักพัก หายเหมือนกัน

ทีนี้คงสงสัยว่าอ้าวงี้เติมน้ำมันอะไรก็ได้สิมันก็ปรับให้เอง ใช่ครับปรับให้จริงๆ แต่มันปรับเฉพาะช่วงที่ เรียกว่า closeloop กับ open loop อีก

อธิบายง่ายๆคือ ช่วงที่เอาค่าจากo2 มาปรับให้ กับช่วงที่ไม่ปรับให้อาจจะมีนิดหน่อยเฉพาะ ltm ซึ่งจะเป้นช่วงที่กดคันเร่งลึกๆหน่อย จากรถผมเองถึงรอบ2000กดคันเร่งลึกๆก็ closeloopแล้ว

แล้วถึงจะเป็นช่วงที่กล่องปรับให้มันก็อาจจะไม่พอนะครับอย่างที่บอกเคยลอง E20 ก็+ทั้ง ltm stm เกือบเต็มที่แล้วบางช่วงยังไม่พอเลย

ที่เหลือเท่าที่ผมลองจากobdดู ไม่มีตัวไหนเก็บเลยครับ อ่านค่าใหม่หมดอันนี้หมายถึงค่าที่เปลี่ยนแปลงตลอดไม่ได้หมายถึงค่าที่เซทมาจากโรงงานพวกตารางไฟน้ำมันอุณหภูมิอะไรพวกนั้นนะ

สุดท้ายเซนเซอรถเราต้องสมบูรณ์ด้วยนะครับมันถึงทำงานเต็มประสิทธิภาพ


อันนี้อัดไว้นานแล้วให้ดู stm ltm จริงๆเวลามันปรับ ช่วงท้ายผฟมอธิบายผิดไปนิดนึง 0-1000 ต่ำกว่า500 มันจะ-น้ำมันคือหนา

แล้วก็อันนี้เฉพาะเดินเบานะครับตอนวิ่งก็จะหนากว่านี้ af อยู่13-14 ตอนกด80-100%ก็วิ่งอยู่ 12-13
ครึ่งคลิปหลังมันวน แต่ไม่มีเสียงไม่รู้เพราะอะไร ตรงไหนผมอธิบายผิดไปยินดีแลกเปลี่ยนความรู้นะครับผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=negBra0X0Ik" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=negBra0X0Ik</a>

ขอบคุณมากๆ เลยพี่ เดี๋ยวจะลองรีเซ็ตยาวๆ ดู
บันทึกการเข้า
Hunter_JIK.CZ48
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,158


3S-GE Doraemonster 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 02 มกราคม 2015 17:27:01 »

รีเซทยาวๆก็เท่านั้นครับ มันปรับให้อยู่ดีแหละ แสดงว่ายังไม่เข้า่ใจหลักการมัน

ประเดนมันไม่ได้อยู่ที่ต้องรีเซทหรือไม่ รีเซทมามันก็ปรับใหม่ แต่มันปรับได้แค่ในระดับนึงอยู่ดี ใส่กล่องพ่วงจูนก็เหมือนกล่องแก๊สที่ผมปรับให้ดูนั้นแหละครับถึงจะตอบโจทย์การไปใช้เชื้อเพลิงตัวอื่นที่มันไม่รองรับ
บันทึกการเข้า

PANDA RACING
Moderator
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,663



ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 03 มกราคม 2015 15:28:20 »

 อ่านหนังสือ อ่านหนังสือ
บันทึกการเข้า

บรรทุกไม่เกิน 18 ปี รับเฉพาะคนรู้ใจ
Ratchayotin Football Club
www.rfc.in.th
rfcthailand.hi5.com
M31 Body and Spa Sukhumvit 31
www.m31.in.th
ร้านแดง-ดำ สาขาวังหิน ก่อน TOP plaza lagoon นิดนึง
Hunter_JIK.CZ48
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,158


3S-GE Doraemonster 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 03 มกราคม 2015 21:41:49 »

อ่านหนังสือ อ่านหนังสือ


ระดับพี่อธิมีอะไรแนะนำคนใช้ e85 หน่อยพี่เผื่อผมเข้าใจอะไรผิด คำนับ
บันทึกการเข้า

ray007
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 141



ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 04 มกราคม 2015 17:49:42 »

รีเซทยาวๆก็เท่านั้นครับ มันปรับให้อยู่ดีแหละ แสดงว่ายังไม่เข้า่ใจหลักการมัน

ประเดนมันไม่ได้อยู่ที่ต้องรีเซทหรือไม่ รีเซทมามันก็ปรับใหม่ แต่มันปรับได้แค่ในระดับนึงอยู่ดี ใส่กล่องพ่วงจูนก็เหมือนกล่องแก๊สที่ผมปรับให้ดูนั้นแหละครับถึงจะตอบโจทย์การไปใช้เชื้อเพลิงตัวอื่นที่มันไม่รองรับ

เข้าใจว่า ไม่รีเซ็ต มันปรับให้ระดับหนึง ซึ่งอาจจะไม่พอสำหรับ e85
พี่บอกว่า รีเซ็ต แปล็บเดียว ค่า long trim ยังอยู่ และรีเซ็ตยาวๆ จึงเท่ากับ รีเซ็ต ค่า long trim ให้มันบันทึกใหม่ ทำให้ กล่อง อ่านค่าและจดจำใหม่หมด ซึ่งควรจะหมายถึง ค่าที่เชื้อเพลิงชนิดนั้นๆ เกิดการเผาใหม่ที่สมบูรณ์ที่สุด และบันทึกไว้
แต่ การรีเซ้ต ที่ ค่า long trim ยังเหมือนเดิม จะทำให้ ECU เริ่มต้นที่ ค่าเดิม และ ชดเชย ใน shot trim จนกว่า จะถึงกำหนดเงื่อนไข เวลา หรือ จำนวนครั้ง ค่านั้นก็จะถูกบันทึกใน long trim ส่งผลให้ การปรับเปลี่ยนค่า ใน shot trim นิ่งหรือ แกว่งน้อยว่า ขณะที่ เครื่องยังใช้ ค่า longtrim เดิม เข้าใจแล้วครับ

เข้าใจว่า กล่องจูน คือ การไปควบคุมกล่องเดิม ให้เกิดการสั่งจ่าย ที่ต่างไปจากมาตรฐาน หรือ การไปหลอกเดิม ให้จ่ายได้อย่างใจคนจูน (ถ้าใครมีความสามารถจูนกล่องเดิม ก็ไม่ต้องมีกล่องจูน)  เชื่อว่า ECU ก็ยังปรับค่าการเผาใหม้ ที่ไม่สร้างความเสียหายให้แก่เครื่องยนต์
ขนาด กล่องเป็นใบ้ เพราะ เซนเซอร์ตัวหนึ่งตัวใดเสีย กล่องก็ยังปรับให้จ่ายน้ำมันหนาๆไว้ ไม่ให้เกิดความเสียหายของเครื่องยนต์
และ การจูนกล่อง เพื่อให้เกิด ความประหยัด หรือ ความแรง ด้วยค่าที่ผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐาน ย่อมเกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ได้เหมือนกัน
ไม่ว่า มอเตอร์ไซค หรือ รถยนต์ ความแรง ย่อมต้องแลกมาด้วย เวลาการใช้งานที่สั้นลงเสมอ


บันทึกการเข้า
▓▒ น้องกะทิ ▒▓
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,817



ดูรายละเอียด
« ตอบ #28 เมื่อ: 05 มกราคม 2015 14:48:39 »

 อ่านหนังสือ อ่านหนังสือ
บันทึกการเข้า


พลังงานซากอ้อย
Hunter_JIK.CZ48
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,158


3S-GE Doraemonster 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 05 มกราคม 2015 14:50:22 »

รีเซทยาวๆก็เท่านั้นครับ มันปรับให้อยู่ดีแหละ แสดงว่ายังไม่เข้า่ใจหลักการมัน

ประเดนมันไม่ได้อยู่ที่ต้องรีเซทหรือไม่ รีเซทมามันก็ปรับใหม่ แต่มันปรับได้แค่ในระดับนึงอยู่ดี ใส่กล่องพ่วงจูนก็เหมือนกล่องแก๊สที่ผมปรับให้ดูนั้นแหละครับถึงจะตอบโจทย์การไปใช้เชื้อเพลิงตัวอื่นที่มันไม่รองรับ

เข้าใจว่า ไม่รีเซ็ต มันปรับให้ระดับหนึง ซึ่งอาจจะไม่พอสำหรับ e85
พี่บอกว่า รีเซ็ต แปล็บเดียว ค่า long trim ยังอยู่ และรีเซ็ตยาวๆ จึงเท่ากับ รีเซ็ต ค่า long trim ให้มันบันทึกใหม่ ทำให้ กล่อง อ่านค่าและจดจำใหม่หมด ซึ่งควรจะหมายถึง ค่าที่เชื้อเพลิงชนิดนั้นๆ เกิดการเผาใหม่ที่สมบูรณ์ที่สุด และบันทึกไว้
แต่ การรีเซ้ต ที่ ค่า long trim ยังเหมือนเดิม จะทำให้ ECU เริ่มต้นที่ ค่าเดิม และ ชดเชย ใน shot trim จนกว่า จะถึงกำหนดเงื่อนไข เวลา หรือ จำนวนครั้ง ค่านั้นก็จะถูกบันทึกใน long trim ส่งผลให้ การปรับเปลี่ยนค่า ใน shot trim นิ่งหรือ แกว่งน้อยว่า ขณะที่ เครื่องยังใช้ ค่า longtrim เดิม เข้าใจแล้วครับ

เข้าใจว่า กล่องจูน คือ การไปควบคุมกล่องเดิม ให้เกิดการสั่งจ่าย ที่ต่างไปจากมาตรฐาน หรือ การไปหลอกเดิม ให้จ่ายได้อย่างใจคนจูน (ถ้าใครมีความสามารถจูนกล่องเดิม ก็ไม่ต้องมีกล่องจูน)  เชื่อว่า ECU ก็ยังปรับค่าการเผาใหม้ ที่ไม่สร้างความเสียหายให้แก่เครื่องยนต์
ขนาด กล่องเป็นใบ้ เพราะ เซนเซอร์ตัวหนึ่งตัวใดเสีย กล่องก็ยังปรับให้จ่ายน้ำมันหนาๆไว้ ไม่ให้เกิดความเสียหายของเครื่องยนต์
และ การจูนกล่อง เพื่อให้เกิด ความประหยัด หรือ ความแรง ด้วยค่าที่ผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐาน ย่อมเกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ได้เหมือนกัน
ไม่ว่า มอเตอร์ไซค หรือ รถยนต์ ความแรง ย่อมต้องแลกมาด้วย เวลาการใช้งานที่สั้นลงเสมอ




อย่างที่ผมบอกไปหลายกระทู้ E85 กล่องเดิมมันชดเชย "ไม่พอ" ครับ จึงไม่ควรเติมน้ำมันพวกนี้ครับ
บันทึกการเข้า

Tonsuan
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,000



ดูรายละเอียด
« ตอบ #30 เมื่อ: 06 มกราคม 2015 02:57:14 »

ลองหา A/F wideband มาเสียบวัดดูครับ ค่าstoichของE85คือ9.875
wideband sensorวัดE85 ส่วนผสมพอดีจะวัดออกมาได้lamda 1
ซึ่งค่าพื้นฐานของเกจA/Fตั้งไว้ให้แลมด้า1จะโชว์ค่าออกมาเป็นค่าของเบนซินคือ14.7ครับ

สูตรที่เปลี่ยนแค่ หัวฉีด,ปั้มติ๊ก,บิดจานจ่าย ถ้าส่วนผสมบางไปก็พัง หนาไปก็เปลือง ใช้งานก็ไม่เต็มประสิทธิภาพทุกช่วงรอบ

ใช้เปลืองนานๆไปเอาเงินที่สูญเปล่ามารวมซื้อกล่องจูนได้ละครับ
ค่าการเผาไหม้ ? จากที่ ค่า a/f ของเบนซิล และ e 85 ที่มีส่วนผสมต่างกันมาก คือ 14.7:1 และ 9.875 : 1
ซึ่งทำให้ คิดว่า สมมติฐาน ว่า ECU จะพยายามปรับสัดส่วนให้ได้ค่า เบนซิล คือ 14.7 ...น่าจะผิด
เพราะตามไปค้นดูหลักการทำงานของ a/f meter คือ จะกำหนดค่า การเผาไหม้ ที่ไม่เหลือ o2 เลย อยู่ที่ 14.7 = 1 แลมด้า
ซึ่ง เชื่อได้ว่ามีลักษณะการทำงานเช่นเดียวกับ O2 เซนเซอร์ ซึ่งติดตั้งที่ ไอเสีย
ซึึ่งทำงานร่วมกับ ECU เพื่อชดเชย ปรับแต่งการฉีดน้ำมัน เพื่อให้ได้ 1 แลมด้า
หรือหมายถึง ECU ของ 5a จะสั่งจ่ายน้ำมัน เพื่อให้เกิด การเผาไหม่ ที่สมบูรณ์

สรุป หากเป็นไปตาม สมมติฐานแรก ที่ ECU จำค่าการเผาไหม้ของเบนซิลคือ 14.7 และจะพยายามปรับแต่งค่าการจ่ายนั่น ...ไม่ถูกต้อง
เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ส่วนผสมจะบาง และ บางมากๆ เครื่องคงจะเดี้ยงไปแล้ว
และความเป็นจริง ECU น่าจะอ่านค่าจาก O2เซนเซอร์ และสั่งจ่ายน้ำมันเพื่อให้ได้ค่า 1 แลมด้า คือ O2= 0 ,
คือ ค่าของ การเผาไหม้สมบูรณ์ ไม่เหลือ ออกซิเจน โดยไม่คำนึงถึง ค่าสัดส่วนน้ำมัน 14.7:1 ของเบนซิล

ต่อไป สิ่งที่ คนไม่ติดกล่องe85 ไม่มีอย่างที่ กล่องโฆษณา
นอกจากการเพิ่มเวลาจ่ายน้ำมัน(คนไม่ติดกล่อง ชดเชยด้วย ขนาดหัวฉีดและแรงดันน้ำมัน เพื่อให้ได้ค่าเช่นเดียวกับ การหน่วงเวลาจ่ายน้ำมัน)
สิ่งนั่นก็คือ องศา ไฟจุดระเบิด ซึ่งไม่แน่ใจว่า กล่องe85 นอกจากจะสามารถจูนองศาไฟ จากกล่อง
(ไม่ต้องไปบิดจานจ่าย) แล้วจะช่วยให้มีการ ปรับแต่งค่าองศาไฟที่มีค่าแปรผันตามความเร็วรอบเครื่องด้วยหรือไม่

เพราะ ถ้าไม่ ก็ ไร้ประโยชน์ กล่องแต่ง ช่วยแค่การ ปรับองศาไฟ โดยไม่ต้อง ไปเคาะจานจ่าย ให้ไฟแก่ขึ้น ก็เท่านั่นเอง
กล่องแต่ง แค่ทำให้ จูนองศาไฟ ได้สะดวดขึ้น (ไม่ต้องขันน๊อต บิดจานจ่าย)
...อย่างนี้ ผมเข้าใจถูกหรือไม่ครับ

ขออภัยที่ตอบช้าครับ พอดีเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ

กล่องจูนมีหลายแบบครับ มีตั้งแต่ ปรับการฉีดน้ำมันให้มากขึ้นอย่างเดียวทั้งตารางไม่ยุ่งกับไฟ, ปรับทั้งน้ำมันทั้งองศาไฟทั้งตาราง, ปรับการฉีดน้ำมันกับองศาไฟละเอียดตามรอบและโหลดของเครื่อง มีหลายรุ่นหลายราคา ทั้งของไทยและของต่างประเทศ ลองค้นข้อมูลศึกษาเพิื่มเติมดูครับ ^_^
บันทึกการเข้า

▓▒ น้องกะทิ ▒▓
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,817



ดูรายละเอียด
« ตอบ #31 เมื่อ: 06 มกราคม 2015 11:04:30 »

ลองจัด e-manage ฟ้า ก่อนคับ 5000-6000 บาท คับ มือ 2 .....ดีกว่ากล่องไทยเยอะ





Function:
x scale ในการปรับตารางรอบเครื่องที่ละ 100 rpm
x ปรับน้ำมันตาม Airflow ได้ 16x16 ช่อง เพิ่ม/ลด น้ำมัน
x ปรับองศาการจุดระเบิดได้ 16x16 เพิ่ม/ลด องศาไฟจุดระเบิด ได้ -20/+20
x กรณีรถ set turbo หรือรถที่ต้องเพิ่มน้ำมันมากๆ ต่อสายคุมหัวฉีดได้ ปรับได้ 16x16 (เพิ่มน้ำมันได้ เท่านั้น)
x ปลดตัด Boost ได้ เช่น NA set BO หรือ เครื่อง turbo ที่ต้องการปรับ boost เพิ่ม
x กรณีเปลี่ยนหัวฉีดใหญ่ขึ้นน้ำมันจะท่วม สามารถคุ่มหัวฉีดที่เปลี่ยนได้
x คุมหัวฉีดเสริมได้ 2 หัว 16x16
x ปรับ VTEC ได้ เฉพาะ block B, H, D, F เท่านั้น Dimension, Jazz, Steam CRV ปรับไม่ได้ ถึงได้ก็ไม่มีประโยช์น VTEC เหล่านี้เปิดที่รอบ 2200-3000 อยู่แล้ว
x เก็บ datalog ได้ (แต่ต้องใช้ notebook)
x สั่ง option เพิ่ม จาก Greddy เพื่อปลด close loop ได้
บันทึกการเข้า


พลังงานซากอ้อย
ray007
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 141



ดูรายละเอียด
« ตอบ #32 เมื่อ: 06 มกราคม 2015 13:23:32 »

ตารางจูนนี่แหละ ที่น่าสนใจ คือ อยากจะรู้ สเปกเดิม หรือ ค่าตารางเดิมของกล่อง ECU เพื่อเปรียบเทียบ อัตราส่วน การเปลี่ยนแปลงค่าน้ำมัน ในช่วงรอบต่างๆ
แล้วไปเห็นผลการทดสอบ ในโครงงาน นิพนธ์ การเปลี่ยนมาเติม E85 ให้เครื่องยนต์ ดูจากตารางเปรียบเทียบ อัตราส่วน AF ต่างกันมากที่สุดในช่วงประมาณ 2 000 และ 4500
แต่ความแตกต่าง และค่าการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงรอบนั้น ก็ยังอยู่ในช่วงปลอดภัย คือประมาณ +/- 1 กว่าๆ ในค่า AF

ประกอบกับ การดูข้อมูลการทำงานของระบบ DCI ที่ทำให้รับข้อมูลประมวลผลจากกล่อง ECU ปรับค่าองศาไฟ ในแต่ละช่วงรอบ+ภาระการโหลด อัตโนมัติ ซึ่งมีค่าเปลี่ยนแปลงที่ยึดหยุ่น แม้เกิดการติดตั้งจานจ่ายที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งองศาที่ดีที่สุด เพียงการตั้งที่คลาดเคลื่อนที่ไม่มากเกินไป ก็ยังคงได้ องศาไฟ ในแต่ละช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ ที่ดีที่สุดตามค่ามาตรฐานที่ตั้งมาจากโรงงาน ซึ่งผลการทดสอบก็บอกได้ว่า จาก ค่า AF และ องศาไฟ จากการใช้ E85 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ปลอดภัยต่อระบบการทำงานของเครื่องยนต์ ภายใต้เงื่อนไข ปรับตั้งจานไฟขึ้นนิดหน่อย เพื่อไม่ให้อยู่ห่างเกินจากค่าที่กล่องสามารถปรับให้ได้

กล่องไฟที่มี ตารางการจูน น่าจะช่วยในการรีดประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละช่วงความเร็วรอบเครื่อง แต่การเติมที่ E85 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่า ในแต่ละช่วงรอบ ที่น้อยมาก จนอาจจะรู้สึกแทบไม่ได้เลย แม้มีการปรับตั้งค่าการเผาไหม้ไปหาตแำหน่งที่ดีที่สุด ซึ่งต่างจากเดิมนิดเดียว (ค่ามาตรฐานโรงงานที่ กั๊กเอาไว้ด้วยเงื่อนไขในด้านการควบคุมมลพิษ) แต่สำหรับคนที่ต้องการ โมดิฟาย การปรับจูนค่า เพื่อให้ได้แรงบิด อัตตราเร่ง ที่ดีขึ้น หรือ ดีที่สุด น่าจะต้องมีกล่องครับ
บันทึกการเข้า
jen@171
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,966


Wanna be...!!!


ดูรายละเอียด
« ตอบ #33 เมื่อ: 06 มกราคม 2015 17:15:14 »

 อ่านหนังสือ อ่านหนังสือ
บันทึกการเข้า

TunedByJen
พรชัย เฮดเดอร์
CORONA CLUB
Club JZ
Mercedes Mania
กะเรกะราด
6.9
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,263



ดูรายละเอียด
« ตอบ #34 เมื่อ: 06 มกราคม 2015 21:27:49 »

ตารางจูนนี่แหละ ที่น่าสนใจ คือ อยากจะรู้ สเปกเดิม หรือ ค่าตารางเดิมของกล่อง ECU เพื่อเปรียบเทียบ อัตราส่วน การเปลี่ยนแปลงค่าน้ำมัน ในช่วงรอบต่างๆ
แล้วไปเห็นผลการทดสอบ ในโครงงาน นิพนธ์ การเปลี่ยนมาเติม E85 ให้เครื่องยนต์ ดูจากตารางเปรียบเทียบ อัตราส่วน AF ต่างกันมากที่สุดในช่วงประมาณ 2 000 และ 4500
แต่ความแตกต่าง และค่าการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงรอบนั้น ก็ยังอยู่ในช่วงปลอดภัย คือประมาณ +/- 1 กว่าๆ ในค่า AF

ประกอบกับ การดูข้อมูลการทำงานของระบบ DCI ที่ทำให้รับข้อมูลประมวลผลจากกล่อง ECU ปรับค่าองศาไฟ ในแต่ละช่วงรอบ+ภาระการโหลด อัตโนมัติ ซึ่งมีค่าเปลี่ยนแปลงที่ยึดหยุ่น แม้เกิดการติดตั้งจานจ่ายที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งองศาที่ดีที่สุด เพียงการตั้งที่คลาดเคลื่อนที่ไม่มากเกินไป ก็ยังคงได้ องศาไฟ ในแต่ละช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ ที่ดีที่สุดตามค่ามาตรฐานที่ตั้งมาจากโรงงาน ซึ่งผลการทดสอบก็บอกได้ว่า จาก ค่า AF และ องศาไฟ จากการใช้ E85 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ปลอดภัยต่อระบบการทำงานของเครื่องยนต์ ภายใต้เงื่อนไข ปรับตั้งจานไฟขึ้นนิดหน่อย เพื่อไม่ให้อยู่ห่างเกินจากค่าที่กล่องสามารถปรับให้ได้

กล่องไฟที่มี ตารางการจูน น่าจะช่วยในการรีดประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละช่วงความเร็วรอบเครื่อง แต่การเติมที่ E85 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่า ในแต่ละช่วงรอบ ที่น้อยมาก จนอาจจะรู้สึกแทบไม่ได้เลย แม้มีการปรับตั้งค่าการเผาไหม้ไปหาตแำหน่งที่ดีที่สุด ซึ่งต่างจากเดิมนิดเดียว (ค่ามาตรฐานโรงงานที่ กั๊กเอาไว้ด้วยเงื่อนไขในด้านการควบคุมมลพิษ) แต่สำหรับคนที่ต้องการ โมดิฟาย การปรับจูนค่า เพื่อให้ได้แรงบิด อัตตราเร่ง ที่ดีขึ้น หรือ ดีที่สุด น่าจะต้องมีกล่องครับ


อ่านแล้วค่อนข้าง งง พอสมควร  งง ตกลงคุณรู้แล้วหรือไม่รู้กันแน่ เวียนหัว

ออกตัวก่อนว่าผมก็ไม่ได้มีความรู้ด้านนี้มากนัก แค่หาอ่านข้อมูลมาบ้าง และพูดคุยกับช่างและจูนเนอร์ ที่ซ่อมและปรับแต่งให้ผม

จากย่อหน้าแรก คุณบอกอยากรู้ค่าโรงงาน และนำให้หารถเดิมๆ เครื่องเดิมๆ กรองอากาศในกล่องควรสะอาด หัวเทียนเปลี่ยนใหม่ได้ยิ่งดี สายหัวเทียนสภาพดีๆ เซนเซอร์ต่างๆต้องสภาพดีไม่เสีย
 ถ้าได้ทั้งล้อและยางขนาดเดิม ท่อเดิมๆ แต่แคทอาจจะตันและตัดออกไปแล้วก็ไม่เป้นไร ความสูงเท่าเดิมอย่าโหลด
ต่อกล่องที่ปรับได้ทั้งน้ำมันและองศาจุดระเบิด และมีค่าเอาพุตออกมาต่อกับโน็ตบุ๊ค เราจะได้อ่านค่าและเก็บค่าได้ ตัวท่อ ต้องเจาะฝัง a/f มิเตอร์แบบไวด์แบน เท่านั้น และควรห่างจาก จุดรวมไอเสียที่เป็นท่อเดียวแล้วไม่เกินหนึ่งฟุต ถ้ารถเดิมๆก็ประมาณหน้าแคตนั่นแหละครับ ไม่ใช่แบบแนโรวแบนติดรถและฝังอยู่ที่ไอเสียสูบสี่

ถ้าทำได้ทั้งหมดนี้ จากนั้นก็ลองออกวิ่ง แนะนำให้เติม เบนซิน95 บางปั๊มน่าจะยังหาได้ ลองวิ่ง ค่อยๆกดคันเร่งไล่รอบ ไปเรื่อยๆจนรอบตัด ทุกๆเกียร์ เซฟตารางนั้นไว้ให้ครบทุกตาราง ทุกๆเกียร์
 เกียร์ห้าอาจจะรอบไม่ตัด ถ้าถนนยาวไม่พอ แต่บอดี้ 110 เครื่องห้าเอ ผมเคยวิ่งจนกล่องตัดที่เกียร์ห้ามาแล้วเมื่อหลายปีก่อน ระยะทางโล่งที่ต้องมีประมาณห้าถึงหกกิโลเมตร สำหรับเกียร์ห้า
ถ้าทำได้ตามนี้ คุณก็จะได้ค่าที่ใกล้เคียงโรงงานมากที่สุด เกือบทุกรอบเครื่องของทุกเกียร์ ที่นี้คุณก็จะรู้แล้วว่า ที่รอบเครื่องเดียวกัน เมื่อต่างเกียร์ต่างความเร็ว การต้านลม โหลดจริงๆ เมื่อวิ่งบนถนน องศาไฟและน้ำมัน ค่าโรงงานแตกต่างกันแค่ไหน พูดถึงแรงต้านลม วิ่งต้านลมกัยตามลมก็มีผลนะครับ ลองดูได้จากการกดคันเร่งหรือเวลาและระยะทางที่ความเร็วหนึ่งไปถึงอีกความเร็วหนึ่งเช่น จาก150-180 ยิ่งความเร็วสูงๆจะเห็นผลชัดเจนมาก

ทีนี้ อยากรู้ความต่างของเชื้อเพลิง ก็วิ่งให้น้ำมันหมดหรือ ถ่ายออก แล้วเติมน้ำมันที่อยากรู้ลงไป แล้วทำการทดลองแบบเดิม เอาค่ามาเปรียบเทียบกัน

แนะนำว่า ตอนวิ่งอ่านค่าดีๆโดยเฉพาะรอบสูงๆ ถ้าค่าเอเอฟบางเกินไป ความร้อนน้ำมันเครื่องและน้ำในระบบขึ้นสูงผิดปรกติ อย่าฝืนวิ่งต่อ เดี๋ยวจะได้เปลี่ยนเครื่องใหม่เน้อ จ๊ะ  ซุบซิบ ไม่รู้ไม่ชี้ แหะ.. แหะ.. ปิดปาก
บันทึกการเข้า

4AGE16v เก่าแต่แรงกำลังดี
รสนิยมส่วนบุคคลกรุณาโปรดใช้วิจารณญาณในการเสพ
Jay หมอศรี @ WZ Zone
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,819



ดูรายละเอียด
« ตอบ #35 เมื่อ: 06 มกราคม 2015 22:53:46 »

ผมขอแนะนำวิธีง่ายๆให้เลยนะครับ เตรียมอุปกรณ์ง่ายๆ
1. A/F Wideband
2. กล่องพ่วงหรือ OBD อะไรก็ได้ ที่สามารถปรับตารางการจูนน้ำมันและไฟจุดระเบิดได้ เอาแบบที่มีการแสดงค่า Duty Cycle ของหัวฉีดด้วยนะครับ
3. Dyno Tester
4. น้ำมัน แต่ละประเภท เบนซิน / E10 / E20 / E85
เมื่อมีแล้วก็ลองดูครับ
1. เสียบ A/F วัดดูค่าส่วนผสม โดยใช้น้ำมันที่เป็นเพียวๆ แต่ละอย่าง เบนซินก็เบนซิน E85 ก็ E85 (ผมอ้างหน่วยจาก A/F ที่ใช้ว่า 14.7 คือ Lambda = 1 ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมอะไรนะครับ เพราะ Innovate Wideband หรือ AEM Wideband ที่ผมเคยสัมผัสมามันเป็นอย่างนี้ครับ)
2. ถ้ากล่องที่มีตัววัดค่า Duty Cycle ได้ก็อ่านค่าดูเลยครับ ว่ามันเปิดหัวฉีดที่กี่ % (กล่องที่ผมรู้จักตอนนี้และอ่านค่า Duty Cycle ได้ KKT ครับ แต่น่าจะมีจาก Brand อื่นด้วย)
** ถึงตอนนี้เราก็จะรู้ทันทีครับว่า มันบาง มันหนา หรือมันฉีด Trim ให้เราแค่ไหน หรือมัน Reduce ออกแค่ไหนครับ อยากลองก็ลองดูเลยครับ
14.7 สำหรับ Idle ไม่ก็รอบลอยตัวไหลๆ +/- ไม่เกิน 0.5 กำลังดีครับ (จริงๆเกินกว่านี้ก็ได้ แต่อาจจะหนาหรือบางไป แต่แล้วแต่เครื่องครับ ผมเองจูนไว้ 15.1-15.3)
11-12.5 สำหรับ Full Load การปรับก็แล้วแต่เครื่องครับ เพราะบางทีก็ A/F 11 วิ่งดี

แต่ประมาณนี้ คิดว่าน่าจะเป็นข้อมูล และเป็น Researching Data Log ไว้ได้เช่นกันครับ

รถ คือวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์คือการทดลอง โดยมีทฤษฎีที่เป็นเหตุเป็นผล

การเตรียมการด้านทฤษฎีอย่างครบถ้วนถือว่าดีมากครับ เพราะมันจะทำให้เราทดลองและสมมุติผลได้ใกล้เคียง

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้อง "ทดลอง" ครับ รับรองว่ามันจะสนุกแน่ๆ ถ้าเราได้ทดลองด้วยการจับงานเป็นชิ้นเป็นอัน

มาแชร์กันนะครับ แต่ที่สุดก็คือ การทดลองด้วยเครื่องตรวจสอบ ทีใช้กันในสากล
บันทึกการเข้า
Hunter_JIK.CZ48
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,158


3S-GE Doraemonster 9X


ดูรายละเอียด
« ตอบ #36 เมื่อ: 07 มกราคม 2015 09:18:39 »

 เวียนหัว
บันทึกการเข้า

หน้า:  «  1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!