นายพงษ์ไชย เกษมทวีศักดิ์ ผอ.สำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ปัจจุบันการใช้ตัวอักษรนำหน้าหมายเลขทะเบียนที่กรมประกาศใช้ใกล้จะหมด จากการตรวจ สอบพบว่าตัวอักษรบอกหมวดรถเก๋งเหลือประมาณ 24 หมวด คาดว่าใช้ได้ไม่เกิน 2 ปี รถปิกอัพ รถตู้ ประมาณ 4 ปี สาเหตุที่หมดเร็วเพราะรถจดทะเบียนมาก และมีรถเก่าบางส่วนขอเปลี่ยนมาใช้ทะเบียนใหม่ จากเดิมคำนวณจะใช้ได้ถึง 50 ปี ดังนั้นเพื่อเป็นการรองรับเรื่องนี้ กรมจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากำหนดระบบหรือรูปแบบหมายเลขทะเบียน ซึ่งเบื้องต้นคณะทำงานฯ เสนอ 4 แนวทาง ดังนี้ 1. เพิ่มตัวเลขอารบิกนำหน้าตัวอักษรประจำหมวดตัวที่ 1 เริ่มตั้งแต่หมายเลข 1 ไปจนครบทุกตัวอักษร แล้วจึงเปลี่ยนเป็นหมายเลข 2 ไปจนครบตัวอักษร เรียงลำดับจนถึงหมายเลข 9 เช่น 1 กก 1....1 กก 9999, 1 กข 1....1 กข 9999 2. เพิ่มปี พ.ศ.นำหน้าตัวอักษรประจำหมวดโดยใช้เลขอารบิก เช่น 51 กก 1....51 กก 9999 3. นำหมายเลขทะเบียนไว้ ด้านหน้าตามด้วยตัวอักษร เช่น 1 กก...9999 กก และ 4. ใช้ปี พ.ศ.สองตัวท้ายนำหน้าตามด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ และตามด้วยหมายเลขทะเบียน เช่น 51 AA 1...51 AA 9999
นายพงษ์ไชยกล่าวว่า คณะทำงานฯพิจารณาแล้วเห็นว่าแนวทางที่ 1 เหมาะสมที่สุด เพราะสามารถ กำหนดหมายเลขทะเบียนรถแบบใหม่ต่อเนื่องจากแบบเดิม โดยไม่กระทบต่อเจ้าของรถที่ใช้หมายเลขทะเบียนรถเดิม การผลิตป้ายเพราะขนาดของป้ายเท่าเดิม โปรแกรมระบบคอมพิวเตอร์เขียนรองรับตัวอักษร ประจำหมวด 3 ตัวอักษร ทั้งนี้ กำหนดมีผลบังคับใช้ เฉพาะรถเก๋ง รถปิกอัพ และรถตู้ ในเขตกรุงเทพฯ เท่า นั้น ซึ่งรูปแบบดังกล่าวสามารถใช้ได้นานถึง 149 ปี โดยคำนวณจากสถิติการจดทะเบียนเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ เฉลี่ยประมาณปีละ 210,000 คัน ส่วนต่างจังหวัดให้ใช้แบบเดิม เพราะยังเหลืออีกจำนวนมาก นอกจากนี้คณะทำงานฯเสนอให้เปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียน รถจักรยานยนต์ให้สอดคล้องกับรถยนต์ตามแนวทางที่ 1 โดยใช้ตัวเลขอารบิกนำหน้าตัวอักษรประจำหมวด 2 ตัว ตามด้วยหมายเลขทะเบียน แต่คงขนาดและแบ่งเป็น 3 แถวเหมือนเดิม เช่น แถวบน 1 กก แถวกลางชื่อจังหวัดกรุงเทพมหานคร แถวล่าง 9999 เป็นต้น และจากการรวบความความคิดเห็นของประชาชนที่เสนอแนะผ่านทางเว็บไซต์ และจากประชาชนที่มาใช้ บริการที่กรม พบว่าส่วนใหญ่เห็นด้วย ซึ่งคณะทำงานฯ จะสรุปผลพร้อมกับเสนอกรมพิจารณา หากเห็นชอบก็จะเสนอยกร่างแก้ไขกฎกระทรวงต่อไป ทั้งนี้ สำหรับ ป้ายทะเบียนรถปัจจุบันนั้น เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541.
แหล่งที่มา :
http://www.thairath.co.th/news.php?section=bangkok&content=89829