ขับรถพาหม่อมแม่ไปธุระ เส้นวิภาวดีรังสิต พอถึงช่วงใกล้ๆจะหลักสี่ ก็มีด่านตรวจใหญ่โต อุ้มหมีขับผ่านไปอย่างสบายใจ จนกระทั่งอีลุงหรวดคนนึง มองตามรถอุ้มหมี
อุ้มหมีก็กะว่า กรูโดนแน่ แต่ไม่รู้จะเรื่องอะไร เพราะมั่นใจว่าเราไมได้ทำอะไรผิด (ปอลอ อุ้มหมีเอาน้องฉลามขาวไป) โดนโบกครับ!! พอจอด ก็มีลุงหรวดท่านนึงเดินมาหา
อุ้มหมีก็เปิดกระจก เค้าก็มองที่safty belt ทั้งอุ้มหมีและหม่อมแม่ก็คาดกันเรียบร้อย ไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือ เค้าก็"เออ ป้ายทะเบียนภาษีล่ะคับ " อุ้มหมีก็ชี้ไปที่มุมซ้ายที่มีป้ายแปะอยู่ ... "อ้อ ..เอ่อ อยู่นั่นเอง เออ เค้าคงมองไม่เห็นอะครับ .. เอ่อ (มองดูภายในรถ) ฟิล์มนี่มันมืดไปนะครับ ตามกฏหมาย .... Blah balh (ไม่ได้ฟังแล้ว ควันออกหู ) " อุ้มหมีก็ เอ่อค่ะ แล้วไง มันคงลอกตรงนี้ไม่ได้อะค่ะ ยังไงดี "อ๋อ ... ครับๆ(บ่นอะไรอีกมากมาย) ... เชิญครับ" ก่อนจากกัน อุ้มหมีเลยสรรเสริญไป 1 คำ (อ้ายแสดดดดดดดดดด) ดังจนหม่อมแม่หันมาตี
เฮ้ออ .. เอาจนได้อะ เบื่อเจงงงงงง
.
มันอ่านระเบียบฉบับนี้ให้ฟังนะสิ
ระเบียบกรมตำรวจ
ว่าด้วย การใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำมาใช้ในทางเดินรถ (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๓๘
เนื่องจากระเบียบกรมตำรวจ ว่าด้วยการใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำมาใช้
ในทางเดินรถ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ ๒๕๓๘ อาจมีปัญหาข้อขัดข้องในทางปฏิบัติอันจะนำมา
ซึ่งความเสียหายและก่อปัญหายุ่งยากได้ มีความจำเป็นต้องปรับปรุงใหม่ให้เหมาะสมและ
สมบูรณ์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
อธิบดีกรมตำรวจ จึงออกระเบียบให้รถที่จะนำมาใช้ในทางเดินรถต้องปฏิบัติตามในเรื่องการใช้
วัสดุกรองแสงดังนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบกรมตำรวจ ว่าด้วย การใช้วัสดุกรองแสง
กับรถที่นำมาใช้ในทางเดินรถ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๘"
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๓๘ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบกรมตำรวจ ว่าด้วย การใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำมาใช้
ในทางเดินรถ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๘ ลงวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๓๘
บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้
ระเบียบนี้แทน
ข้อ ๔ รถที่นำมาใช้ในทางเดินรถ อาจใช้วัสดุกรองแสงติดกับกระจกหรือ
วัสดุโปร่งใสที่เป็นส่วนประกอบของตัวรถได้เฉพาะ
(๑) ที่กระจกบังลมด้านหน้าส่วนบนในอัตราส่วนไม่เกินร้อยละ ๒๕ ของพื้นที่
กระจก
(๒) ที่กระจกหรือวัสดุโปร่งแสงด้านข้างและหรือด้านหลัง
ข้อ ๕ การใช้วัสดุกรองแสงตามข้อ ๔ ให้มีระดับความเข้มของการกรองแสง
ซึ่งเมื่อวัดรวมกับสีของกระจกหรือวัสดุโปร่งใส ต้องให้แสงผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔๐
ข้อ ๖ การตรวจวัดความเข้มของวัสดุกรองแสง ตามข้อ ๕ ให้ใช้เครื่องมือ
ทางวิทยาศาสตร์ที่กระทรวงอุตสาหกรรม หรือกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
รับรอง ทั้งนี้โดยไม่ต้องลอกวัสดุกรองแสงออกตรวจสอบ
ข้อ ๗ ระเบียบนี้ไม่ใช้บังคับกับรถที่จดทะเบียนตามกฎหมาย ว่าด้วยการขนส่ง
ทางบก
ข้อ ๘ ในกรณีของรถยนต์ที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วก่อนที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ
ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้เป็นเวลา ๓ ปี นับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๘
พลตำรวจเอก พจน์ บุณยะจินดา
อธิบดีกรมตำรวจ
[รก.๒๕๓๘/พ๓ง/๗/๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘]