Handyman
|
|
« เมื่อ: 08 สิงหาคม 2008 16:10:53 » |
|
ยางแท่นเครื่อง - แท่นเกียร์ รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งมีอยู่เต็มถนน ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์วางขวาง มียางแท่นเครื่อง และยางแท่นเกียร์ เป็นตัวยึดเข้ากับตัวถังหรือซับเฟรม ปัญหาที่หนีไม่พ้น คือ การหมดสภาพ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยกันว่า เมื่อไรหมดสภาพ ดูกันตามปีหรือระยะทางจะมีอาการให้เราทราบได้อย่างไร เปลี่ยนอย่างไรให้คุ้มค่าเงิน หรือต้องเข้าศูนย์บริการเท่านั้น?
ทำไมเครื่องยนต์ต้องมีการสั่นสะเทือนตลอดการทำงาน ทั้งตอนเดินเบา ออกตัว เร่ง และเบรก หลายผู้ผลิตพยายามลดอาการนี้ เช่น การออกแบบชิ้นส่วนให้มีน้ำหนักเบา ที่พบกันบ่อย ๆ คือ ใช้เพลาถ่วงให้สมดุล โดยใช้เพลา 2 แท่งที่ไม่ได้สมดุลในตัวเอง ติดตั้งประกบข้อเหวี่ยงอยู่ภายในเสื้อสูบ ( Balance Shaft ) ซึ่งมันจะหมุนเข้าหากันเพื่อหักล้างแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ แต่สุดท้ายก็ยังหนีไม่พ้นแรงสั่นที่เกิดขึ้นตลอดการทำงาน รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าแบบเครื่องยนต์วางขวาง นอกจากจะมีอาการสั่นสะเทือนจากภายในเครื่องยนต์แล้ว ยังมีอาการสั่น จากภายนอกอีกด้วย เพราะในการออกตัวหรือการเบรก เครื่องยนต์จะโย้ไป-มา หน้า-หลัง ตามแรงบิดของเครื่องยนต์และน้ำหนัก ที่ถ่ายเทจากเครื่องยนต์ และเกียร์มีน้ำหนักรวมกันเป็นร้อย ๆ กิโลกรัม ความสั่นสะเทือนไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นที่ต้องการ ผู้ผลิตรถยนต์จึงต้องพยายามลดให้เหลือน้อยที่สุด เมื่อนั่งอยู่ในห้องโดยสารแล้วจะได้ไม่รำคาญ และแนวทางที่ปฏิบัติกันมานาน คือ ใช้วัสดุที่มีความนิ่ม ติดตั้งคั่นระหว่างเครื่องยนต์+เกียร์ กับตัวถังรถยนต์ ส่วนใหญ่ที่ ใช้กันอยู่ เป็นยางสังเคราะห์ ซึ่งต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม คือ นิ่มพอจะช่วยลดแรงสั่นสะเทือน แต่ไม่นิ่มเกินไป จนทำให้เครื่องยนต์และเกียร์โย้มากจนเกินไป สรุปง่าย ๆ คือ ไม่แข็งจนกระด้าง และไม่นิ่มจนโย้ง่ายนั่นเอง
โดยทั่วไป เครื่องยนต์และเกียร์จะมี 4 จุดยึดเข้ากับตัวถังหรือซับเฟรม และใช้ยางสังเคราะห์สีดำเป็นไส้ในติดตั้งคั่นอยู่ ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่น มีบางรุ่นเท่านั้นที่บางจุดเป็นกระเปาะไฮดรอลิก ใช้ความหนืดของน้ำมันช่วยลดความสั่นสะเทือน ซึ่งดีกว่า และแพงกว่าแบบยางล้วน ๆ แท่นยางเหล่านี้เรียกว่า ยางแท่นเครื่อง ยางแท่นเกียร์ตามตำแหน่งที่ยึดติดอยู่ ว่ายึดติดอยู่กับเกียร์หรือเครื่องยนต์ แต่บางครั้งก็เรียกว่ายางแท่นเครื่องรวมไปเลยทั้งยางแท่นเครื่องและยางแท่น เกียร์
ยางแท่นเครื่อง 4 จุด ติดตั้งไว้ 4 มุมตรงกันข้ามกัน ( อาจเยื้องกันบ้าง ) แบ่งการทำหน้าที่ชัดเจน คือ 1. ติดตั้งด้านหน้ารถยนต์บริเวณใกล้หม้อน้ำ ป้องกันการกระดกหน้า 2. ตัวติดตั้งบริเวณใกล้ผนังห้องเครื่องยนต์ ป้องกันการกระดกหน้า 3. ติดตั้งใกล้ซุ้มล้อแถว ๆ หัวเครื่องยนต์ อีก 2 ตัว (ขนาดใหญ่หน่อย) และหิ้วปลายเกียร์ ทำหน้าที่ป้องกันการเซซ้าย-ขวา พร้อมทั้งช่วยเสริมการป้องกันการกระดกหน้า-หลังบ้าง
วัสดุ ในปัจจุบัน มีแท่นเครื่องที่เป็นยางล้วน กระเปาะน้ำมันไฮดรอกลิก และไฮเทคสุดกับกระเปาะน้ำมันฯ คุมด้วยไฟฟ้า ซึ่งมีราคาแพงมาก แบบยาง ยางแท่นเครื่องส่วนใหญ่ที่ใช้กันอยู่กว่า 90% ผลิตจากยางสังเคราะห์สีดำ ไม่เป็นแท่งตัน มีเว้ามีแหว่งหรือเว้นช่องในบางส่วน เพื่อไม่ให้แข็งเกินไป เป็นทรงกระบอกเตี้ย การติดตั้งมักเป็นแบบตะแคง เหมือนตั้งสันเหรียญไว้กับพื้น คุณสมบัติที่ต้องมี คือ เป็นตัวกลาง ช่วยซึมซับแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ให้เหลือสู่ตัวถังน้อย ที่สุด ดังนั้น ยางแท่นเครื่องจึงต้องมีความแข็งพอประมาณ แข็งเกินไปก็สั่น นิ่มเกินไปก็โย้และขาดง่าย แต่สุดท้าย เมื่อผ่านการใช้งานไป ก็จะค่อย ๆ ยุบ ยืด ย้วย ร้าว ปริ และขาดในที่สุด
เมื่อไรเสีย ไม่มีการ กำหนดเป็นระยะทาง เสียเมื่อทรุดตัวมาก ปริ ร้าว หรือขาด ต้องแล้วแต่ลักษณะการขับว่ากระชากกระชั้น ออกตัว และเบรกบ่อย และแรงหรือไม่ ทั้งนี้ หากเครื่องยนต์มีแรงม้าและแรงบิดที่มาก ยางแท่นเครื่องก็จะรับภาระหนักมากและขาดเร็วกว่าปกติ ดังนั้นในรถยนต์ ที่มีการModify ให้มีแรงม้าและแรงบิดมากๆ จึงจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงยางแท่นเครื่องให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อรองรับแรงบิดที่มากขึ้นได้ รถยนต์รุ่นเดียวกัน ยางแท่นเครื่องอาจหมดอายุที่ระยะทางต่างกันก็เป็นได้ โดยทั่วไปยางแท่นเครื่องคุณภาพดี ๆ จะใช้งานได้เกิน 50,000 กม.
ดูอย่างไรเมื่อเสีย สายตาดู หรือพรอ้มกับโยกเครื่องยนต์ไปด้วย การดูรอยร้าวรอยปริของยางแท่นเครื่อง บางตำแหน่งอาจสอดส่องมองสภาพได้สะดวก บางตำแหน่งต้องยกรถยนต์ขึ้น มองเข้าไปยาก บางตำแหน่งต้องให้ช่างมุดลอดเข้าไปดู บางตำแหน่งต้องถอดออกมาดูถึงจะแน่ใจ นอกจากการดูที่ตัวยางแท่น เครื่องโดยตรง แล้วยังสามารถใช้วิธีจับอาการจากอาการกระตุหรือกระชากของเครื่องยนต์เมื่อ ออกตัว เปลี่ยนเกียร์ หรือเบรก ถ้ายืดมากหรือขาด ก็จะมีอาการกระชากให้รู้สึกเข้ามาถึงห้องโดยสารได้มาก และอัตราเร่งจะลดลงเนื่องจากเครื่องยนต์สูญเสียแรงบิด ถ้าไม่เปลี่ยน ไม่อันตรายในการขับ แต่จะส่งผลให้ยางแท่นเครื่องตัวอื่นเสียตามไปด้วย เพราะมีการขยับตัวได้มากเกินไปนั่นเอง
เปลี่ยนที่ไหน การ เปลี่ยนยางแท่นเครื่อง ไม่นับเป็นงานซับซ้อน และไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าแต่ศูนย์บริการเท่านั้น สามารถเปลี่ยนตามอู่ทั่วไปได้ ค่าแรงจุดละ 200-400 บาท แล้วแต่ความยากง่าย บางจุด 15 นาที เสร็จ บางจุดเป็นชั่วโมง เพราะต้องถอด อุปกรณ์อื่นด้วย ไม่ต้องกังวลว่าจะติดตั้งแล้วเอียง เพราะมีรูน็อตตายตัว ใส่เยื้องไม่ได้
มีตัวเลือกหรือไม่ หลายคนยึดติดว่าอะไหล่ต้องเป็นของแท้เท่านั้น ต้องซื้อจากศูนย์บริการเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริง บริษัทรถยนต์แทบจะไม่เคยผลิต อะไหล่อะไรเลย มีแต่สั่งมาในราคาถูก ๆ แล้วมาขายแพงๆทั้งนั้น โดยยางแท่นเครื่อง มี 3 ตัวเลือก คือ ใหม่แท้ ใหม่เทียบ และเก่าเชียงกง ซึ่งต่างกันทั้งในเรื่องของราคา คุณภาพ อายุการใช้งาน และความสะดวกในการซื้อหา ของใหม่แท้จะมีราคาแพงมากกว่า 1000 บาทต่อตัว ของใหม่เทียบ หรือมักเรียกกันว่าของเทียม ซื้อได้ตามร้านอะไหล่ทั่วไป ราคาประมาณ 200-800 บาท แล้วแต่รุ่นรถ แต่คุณภาพก็จะด้อยกว่า ของแท้อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ยังมีของแต่งพิเศษ ใช้สำหรับรถที่มีการModify ให้มีแรงม้าและแรงบิดที่สูง หรือรถใช้งานหนักมาก ยางแท่นเครื่องพวกนี้จะผลิตจากPolyuretane ซึ่งจะมีความเหนียว ทนทานเป็นพิเศษ แต่ราคาก็แพงมากเช่นกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chelsea6
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 08 สิงหาคม 2008 23:21:15 » |
|
ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NosDriVe
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2008 10:15:30 » |
|
เข้าใจขึ้นอีกเยอะเลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าไม่ทนเหนื่อย ทนลำบากมาด้วยกัน ก็ไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนให้ใจกันแค่ไหน ใช่มั้ย พิเรณทีม
|
|
|
tunatae
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2008 10:18:01 » |
|
ขอบคุณคับ คุณครู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ahacahi
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2008 10:48:58 » |
|
ความรู้ กำลังจะเปลี่ยนอยู่พอดีเลย เก็บตังค์ และเก็บความรู้อยู่เหมือนกัน ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jedee
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 11 กันยายน 2008 14:25:03 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
MAI_111
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2008 18:38:47 » |
|
ได้ความรู้ประดับสมองอีกละ อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
isara
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2008 01:23:48 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
T o n t_[AE.]
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2008 15:25:28 » |
|
สุดยอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
offza500
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2008 16:02:38 » |
|
ต้องไปเปลี่ยนมั่งแล้วคับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomnan
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2008 23:54:58 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AE 115
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2008 14:54:07 » |
|
ขอบคูณมากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
9QC
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 08 มกราคม 2009 12:22:33 » |
|
พอดีผมยกเกียร์เพื่อเปลี่ยนครัชท์ เปลี่ยนซีลต่างๆ เห็นยางแท่นเกียร์(ใต้กรองอากาศ)รุ่งริ่งเลย ก็เลยจัดการเปลี่ยนซะ - -55 300-ได้มั้งแท้ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
รถ-วิ่งไม่ได้(ดีกว่า)รถ-หยุดไม่ได้ (เชื่อเถอะคร้าบบ)
|
|
|
CHOK@RAYONG
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 20 มกราคม 2009 08:59:08 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
TMN_Rescue_ry
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 20 มกราคม 2009 11:18:10 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
suchadaporn
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2009 15:32:28 » |
|
เพิ่งซื้อรถมา 175,000.-แพงมั้ย ปี 1995 แต่ภายในไม่สวยเบาะหนัง กระจกมองข้างธรรมดา เจ้าของเดิมเปลี่ยนจาก1300 เป็น 1600 เห็นทีจะต้องให้ช่างดูช่วงล่างซะแล่ะ......กลัวแท่นเกียร์ไม่ดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
EE101 @ WZ
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2009 20:35:34 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
(-- สักวันฉันจะดีพอ --)
|
|
|
janejer
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 27 เมษายน 2009 21:00:12 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OakSIT11
มือใหม่หัดขับ
ออฟไลน์
กระทู้: 2
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2010 14:30:44 » |
|
ของใหม่เทียบ ยี่ห้อใหนดีครับ แล้วถ้าให้ช่างอัดให้จะเทียบกับของใหม่เทียบได้ใหมครับ
และอย่างไหนดีกว่ากัน สำหรับผมแล้วไม่มองของแท้ศูนย์ครับ(งบน้อย)
แนะนำหน่อยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CHAI108
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2010 16:53:56 » |
|
ของใหม่เทียบสู้ของเก่าเซียงกงไม่ได้ครับ ราคาพอกัน เซียงกงประมาณ 400 - 800 บาท ขึ้นกับสภาพครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|