AE. Racing Club
13 มีนาคม 2568 00:04:26 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า:  «  1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เกจ์ GreddyX Blackhawk&Nighthawk ยี่ห้อนี้ดีไหมครับ  (อ่าน 7475 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
aod_ae
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2551 16:18:12 »

ประมาณนี้หรือเปล่าครับผม 

Copy มาจาก CCR นะครับ ขออนุญาติเอามาลงละกัน

1. มาตรวัดบูสต์ (BOOTS METER)
มาตรวัดตัวนี้จะเห็นในรถยนต์แทบทุกคันที่มีการติดตั้งเทอร์โบเข้าไป รวมถึงรถยนต์ที่มีเทอร์โบมาจากโรงงานก็อาจจะมีตัวนี้มาให้ เนื่องจากมันเป็นตัวบ่งบอกสำคัญให้ผู้ขับขี่ทราบว่า มีแรงดันอากาศ หรือแรงบูสต์เข้ามายังเครื่องยนต์มากน้อยเพียงไร มาตรวัดตัวนี้โดยปกติบนหน้าปัด จะมีค่าตัวเลขด้านล่างขึ้นมาที่ 0 ซึ่งเป็นค่าของ แวคคั่ม หรือ แรงดันลบ และจาก 0 ขึ้นไป จะเป็นของเทอร์โบ หรือ แรงดันบวก และในส่วนของเทอร์โบนี่เองที่จะเป็นส่วนบ่งบอกว่า เทอร์โบ กำลังทำงานอยู่สำหรับการดูค่าอัตราบูสต์เทอร์โบนั้น ถ้าหากว่าเข็มบนมาตรวัดเดินช้ามาก เป็นตัวแสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า เทอร์โบมีขนาดใหญ่เกินไป ส่งผลให้ไอเสียที่ไปปั่นใบเทอร์โบไม่พอ การแก้ไขก็น่าจะเป็นการเปลี่ยนเป็นแคมฯ องศาสูง
รือไม่ก็เปลี่ยนจังหวะของวาล์วเป็นต้น นอกจากนี้หากบนมาตรวัดชี้ว่ามีแรงบูสต์สูงเกินไปจากที่มีการตั้งค่าเอาไว้ ก็อาจจะสรุปได้ว่าเกิดปัญหาขึ้นที่สปริงวาล์วของเวสต์เกต ที่เป็นตัวควบคุมแรงดันบูสต์ของเทอร์โบเป็นต้น สำหรับมาตรวัดอัตราการบูสต์นี้ อาจจะมีค่าการวัดไม่เหมือนกัน บางครั้งอาจบ่งบอกค่าการวัดเป็น Bar (บาร์) หรือว่า psi (ปอนด์) อีกทั้งค่าสูงสุดของมาตรวัดบูสต์ ก็ไม่เท่ากัน จึงควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการ


2. มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ (WATER TEMP METER)
สำหรับมาตรวัดความร้อน ตามปกติในรถธรรมดาทั่วไป ก็จะมีติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว
แต่ว่ารถยนต์ทั่วไปนั้นอาจไม่ได้อ่อนไหวในเรื่องของความร้อนมากนัก ค่าแสดงให้เห็นจึงไม่ละเอียดมากนัก ทั้งนี้เป็นเพราะทางโรงงานตั้งใจทำมาอย่างนั้น เพื่อคนขับจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เกจความร้อนขยับสูงขึ้น นั่นหมายความว่าความร้อนขึ้นค่อนข้างมาก ทว่าถ้าเป็นในรถธรรมดา อาจจะยังไม่ก่อปัญหามากนัก ขณะที่รถยนต์ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบและมีการโมดิฟาย หรือปรับบูสต์ เรื่องปัญหาความร้อนมีความสำคัญมาก เพราะอาจหมายถึงความเสียหายที่เกิดกับเครื่องยนต์ได้เลยทีเดียว โดยปกติ เซ็นเซอร์ ที่ใช้วัดความร้อนของเครื่องยนต์จะติดตั้งอยู่ตรงท่อน้ำที่ออกจากเครื่อง ซึ่งอุณหภูมิโดยปกติที่เครื่องยนต์ทำงานควรจะอยู่ที่ราว 90-100 องศาเซลเซียส และควรควบคุมไม่ให้สูงขึ้นเกินไปกว่า 120 องศาเซลเซียส หากว่าอุณหภูมิยังสูงขึ้นก็พอมีวิธีแก้ไขคือ เพิ่มขนาดของหม้อน้ำให้ใหญ่ขึ้น เปิดกันชนหน้าให้ลมผ่านเข้าหม้อน้ำได้ง่ายขึ้น หรือไม่ก็เจาะสคูปดักลมบนฝากระโปรงหน้า ให้ลมเข้ามาเป่าห้องเครื่อง วิธีการเหล่านี้พอจะสามารถทำให้เครื่องยนต์เย็นได้บ้างเหมือนกัน


3. มาตรวัดรอบ (TACHO METER) RPM
สำหรับมาตรวัดรอบ ก็เหมือนกับมาตรวัดความร้อน คือรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีการติดตั้งมาให้จากโรงงานอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่มีบางคนต้องไปติดเพิ่มอาจจะมาจากเหตุผลต่างกันไป บางคนอาจคิดว่าเป็นอุปกรณ์ตกแต่งสร้างความสวยงาม หรือความเท่ แต่กับบางคนอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ อย่างรถยนต์ที่ผ่านการโมดิฟายเปลี่ยนไปใช้แคมฯ องศาสูงมาก ๆ จนทำให้สามารถเร่งรอบได้มากกว่าเดิม ซึ่งวัดรอบที่มีติดมากับรถ ไม่สามารถแสดงข้อมูลได้เพียงพอ จึงต้องหาอันใหม่มาติดเข้าไป หรือในรถยนต์ที่ทำขึ้นมาสำหรับการแข่งขันควอเตอร์ไมล์ซึ่งจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ ถือเป็นสิ่งที่ต้องการให้ความสำคัญมาก การตัดสินแพ้ชนะอยู่ที่เวลาเพียงเศษเสี้ยววินาที ดังนั้นมาตรวัดรอบที่มาพร้อมไฟเตือน จึงกลายเป็นอุปกรณ์ช่วยได้อย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามการแพ้ชนะไม่ได้เพียงอุปกรณ์ที่ว่าเท่านั้น จังหวะฝีมือ สมาธิ ในการเปลี่ยนเกียร์ของผู้ขับขี่เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า


4. มาตรวัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง (OIL TEMP METER)
อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง มีความสำคัญมากพอสมควร เพราะถือว่ามีผลกระทบกับเครื่องยนต์โดยตรง หากว่าอุณหภูมิของน้ำมันเครื่องสูงเกินไป เครื่องยนต์ก็ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่ใช้ ซึ่งในตลาดน้ำมันเครื่องแยกเป็นหลายประเภท มีทั้งแบบทนความร้อนสูงที่อุณหภูมิสูงถึง 120 องศาเซลเซียส ส่วนบางประเภทอุณหภูมิแค่ 110 องศาเซลเซียส ก็ทนไม่ไหวกลายสภาพเป็นน้ำก็มี โดยปกติของอุณหภูมิน้ำมันเครื่องจะสูง-ต่ำ
ไปในแนวทางเดียวกับอุณหภูมิของเครื่องยนต์หรืออุณหภูมิหม้อน้ำ ซึ่งถ้าความร้อนของน้ำขึ้น อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องก็จะขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ในสภาพการใช้งานเครื่องยนต์ควรรักษาอุณหภูมิของน้ำมันเครื่องให้อยู่ในช่วง 80-110 องศาเซลเซียส ถ้าหากอุณหภูมิสูงขึ้นไปเกิน 120 องศาเซลเซียส ควรทำให้เย็นลงก่อนจึงใช้งานเครื่องยนต์ต่อไป สำหรับทางออกในการช่วยรักษาอุณหภูมิของน้ำมันเครื่อง รถยนต์ที่ผ่านการโมดิฟายมักมีการใส่ OIL COOLER เข้าไปช่วยก็ทำให้อุณหภูมิน้ำมันเครื่องไม่สูงเกินไป
 

5. มาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่อง (OIL PRESSURE METER)
มาตรวัดตัวนี้จะมีส่วนสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ น้ำมันเครื่อง โดยค่าที่แสดงออกมาให้เห็นจะเป็นเวลาที่เครื่องยนต์ทำงานในรอบสูงๆหรือขณะที่เครื่องยนต์ มีอุณหภูมิในการทำงาน เพราะเมื่อน้ำมันเครื่องเจอเข้ากับความร้อนสูง ๆ จะถูกหลอมให้เหลวลง และถ้าน้ำมันเครื่องเหลวมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพความหล่อลื่นก็จะลดลงการสึกหรอ จนถึงการ ระบายความร้อนก็จะลดประสิทธิภาพลงตามไปด้วย ดังนั้นการตรวจสอบตรงจุดนี้จึงมีความสำคัญ ซึ่งมาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่องจะเป็นตัวบ่งบอกข้อมูลนี้ได้ โดยในการแสดงข้อมูลให้เห็นนั้น หากว่ามีแรงดูดน้อย ที่เรียกว่า "แรงดันต่ำ" จะถือว่าการหล่อลื่นไม่ดี เพราะแสดงถึงว่าน้ำมันเครื่องเหลวมาก ใช้แรงดูดน้อยก็ไหลเข้ามาแล้ว ในทางกลับกัน ถ้าน้ำมันเครื่องมีความหนืดมาก แรงดูดก็ต้องใช้แรงมาก เรียกว่า "แรงดันสูง" จะสังเกตได้ว่าเวลาที่น้ำมันเครื่องยังคงเย็น มาตรวัดจะแสดงว่ามีแรงดันสูง แต่เมื่อความร้อนเพิ่มขึ้น น้ำมันเครื่องคลายความหนืดลง ความดันก็จะเริ่มต่ำลงมา สำหรับรถยนต์โดยทั่วไปในขณะวิ่ง แรงดันน้ำมันเครื่องควรอยู่ที่ประมาณ
3 - 4 kg/cm2 หรือหากสูงมากก็ไม่ควรจะเกิน 6 kg/cm2


6. มาตรวัดอุณหภูมิท่อไอเสีย (EX. TEMP METER)
อุณหภูมิของท่อไอเสีย หลายคนอาจจะมองว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับประสิทธิภาพ การทำงานของเครื่องยนต์ ทว่าในความเป็นจริงมันมีส่วนที่สัมพันธ์กับแรงดันน้ำมัน หรือการไหลของอากาศสำหรับรถที่ผ่านการโมดิฟาย นอกจากน้ำมันเครื่องแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ ก็คือ ปริมาณการจ่ายน้ำมันเบนซิน ซึ่งปริมาณน้ำมันเบนซินจะมากจะน้อย ก็สามารถวัดได้จากมาตรวัดอุณหภูมิท่อไอเสียนี่เอง ซึ่งหากมีการปรับน้ำมันให้อ่อนลง จะทำให้อุณหภูมิของท่อไอเสียเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นในทางตรงกันข้ามน้ำมันแก่ อุณหภูมิของท่อไอเสีย ก็จะต่ำลง ดังนั้นมาตรวัดอุณหภูมิไอเสีย จึงสามารถบอกข้อมูลของรถในขณะวิ่งได้ อย่างไรก็ตามโดยทั่วไป มาตรวัดอากาศไหลเข้า หรือว่ามาตรวัดแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ใช้บอกข้อมูลในทางเดียวกัน


7. มาตรวัดแรงดันเชื้อเพลิง (FUEL PRESSURE METER)
สำหรับมาตรวัดตัวนี้ใช้เป็นตัวเช็คแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงว่า ในขณะที่เหยียบคันเร่งแล้วน้ำมันขึ้นมาตามปริมาณที่เราออกแรงกดลงไปบนคันเร่งหรือไม่ สำหรับคนที่ใช้รถแบบปรกติหรือใช้บนถนนทั่วไป มาตรวัดตัวนี้คงจะไม่จำเป็น อย่างไรก็ดีหากว่า ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงหรือหัวฉีดเกิดมีปัญหาขึ้นมา มาตรวัดที่บอกค่าของแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง ก็สามารถเป็นตัวบอกความผิดปกติได้ วิธีดูมาตรวัดตัวนี้ จะใช้ดูค่าในขณะที่รถยนต์ติดเครื่องเดินเบาเป็นหลัก สำหรับรถยนต์ที่มีเทอร์โบติดตั้งอยู่ด้วยค่าของแรงดันนี้จะขึ้นไปตามอัตราการบูสต์ เช่น ค่าที่วัดได้ในขณะเดินเบามีค่าเป็น 3 บาร์ แต่เมื่อเทอร์โบบูสต์ไป 1 บาร์
ค่าบนของมาตรวัดจะชี้ไปที่ 4 บาร์ ซึ่งหากว่าแรงดันนี้ตกลง นั่นหมายถึงว่าขนาดของปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงหรือหัวฉีดที่ใช้ไม่เพียงพอ เสียแล้ว ดังนั้นมาตรวัดตัวนี้จึงมีความจำเป็นไม่น้อยสำหรับรถยนต์เทอร์โบ ซึ่งผู้ขับขี่ความสังเกตค่าแรงดันในขณะที่เดินเบาเป็นหลัก และสังเกตว่าแรงดันน้ำมัน นั้นขึ้นไปตามอัตราการบูสต์หรือไม่


8. มาตรวัดส่วนผสมของอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง (A/F METER)
มาตรวัดตัวนี้เป็นการเช็คความสมดุลระหว่างอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับ A/F คืออัตราส่วนระหว่างอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งโดยทั่วไปอัตราส่วนตามหลักการนี้จะต้องมีค่าเท่ากับ 14 ในขณะที่เครื่องเดินเบา เลข 14 ก็จะหมายถึงอากาศ 14 ส่วน/น้ำมัน 1 ส่วน ซึ่งจะผสมอยู่ในห้องเผาไหม้สำหรับจุดระเบิด และค่านี้จะต่ำลงไปในขณะที่มีการเร่งเนื่องจากปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้น และค่า A/F นี้จะสูงขึ้นในขณะที่ทำการถอนคันเร่ง โดยค่า A/F นี้จะถูกแบ่งออกเป็น "บาง" กับ "หนา" ซึ่งถ้าต้องการทำให้รถแรงขึ้น ก็ต้องปรับให้ค่า A/F ให้มีค่าที่บางลง คือการปรับให้น้ำมันน้อยลง-อากาศมากขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับในลักษณะดังกล่าว ก็มีผลทำให้อุณหภูมิในห้องเผาไหม้สูงขึ้นได้ จึงจำเป็นต้องมีการปรับอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ค่า A/F ไม่ควรสูงเกินกว่า 12 เพราะนั่นหมายความว่าน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยเกินไป ซึ่งในรถที่มีการโมดิฟาย ควรจะให้มีค่า A/F ขณะเร่งอยู่ในช่วง 10.5- 11.5 ก็พอ


9. แวคคั่ม มิเตอร์ (VACCUM METER)
มาตรวัด VACCUM ตัวนี้ จริง ๆ แล้วมันก็อยู่ในมาตรวัดตัวเดียวกับมาตรวัดอัตราบูสต์เทอร์โบ มาตรวัดตัวนี้จะตอบสนองกับ อัตราการเหยียบคันเร่ง ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการเช็คความสิ้นเปลืองน้ำมันได้เหมือนกัน สำหรับการดูค่าของมาตรวัดตัวนี้ต้องดูเวลา เครื่องเดินเบา ซึ่งจะดูได้จากค่าสุญญากาศ ถ้าค่าสุญญากาศนี้มีมาก ก็จะถือได้ว่าเครื่องยังคงมีสภาพที่สมบูรณ์ ไม่รั่วซึม แต่ถ้าค่านี้ลดลงไปมาก นั่นก็เป็นไปในทางตรงกันข้าม มาตรวัดตัวนี้จึงเป็นมาตรวัดที่อาจมีไว้เช็คสภาพของเครื่องยนต์ได้ ทั้งนี้ในขณะเครื่องยนต์เดินเบาถ้าเข็มบนมาตรวัดนี้บอกค่าไม่ถึง 300 cmHg นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าเครื่องยนต์มีสภาพย่ำแย่ โดยเครื่องยนต์ใหม่ ๆ ที่มีความสมบูรณ์ค่าตัวนี้จะอยู่ที่ประมาณ 450 cmHg

[/glow]
บันทึกการเข้า
@alwaysnui (^^)++@
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,284


ขนุนน้อยของพ่อหนุ่ย


ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2551 20:55:34 »

รถพี่อ๊อดยังเหลือที่ให้ใส่เกจได้อีกหรือครับ เห็นที่เต็มไปหมดแล้ว
( เบาะข้างๆ เอาไว้ให้หญิงนั่งนะพี่  อย่าเอาไปวางเกจนะ อิอิ)
บันทึกการเข้า


STEVEN 'THE LEGEND' GERRARD
เชียร์หงส์ตั้งแต่ยังไม่สิบขวบจนจะสี่สิบขวบแล้ว เห็นเจิดลงเล่นนัดแรกกับตำแหน่งแบ็คขวา มากลางรุก จนเป็นกลางรับ เห็นเจิดชูมาทุกถ้วย ขาดถ้วยเดียว...ไม่ทันแล้วววววว
aod_ae
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #22 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2551 21:14:47 »

รถพี่อ๊อดยังเหลือที่ให้ใส่เกจได้อีกหรือครับ เห็นที่เต็มไปหมดแล้ว
( เบาะข้างๆ เอาไว้ให้หญิงนั่งนะพี่  อย่าเอาไปวางเกจนะ อิอิ)

เด๊ะ ปะเอา เบาะผม ไปแลก หมอนตันเลยนิ..555555
บันทึกการเข้า
เอ อิงตัน
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,498


เอ อิงตันครับ EE100 4E FTE [Bo เล็กๆ RHF5H]


ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2551 21:34:16 »

รถพี่อ๊อดยังเหลือที่ให้ใส่เกจได้อีกหรือครับ เห็นที่เต็มไปหมดแล้ว
( เบาะข้างๆ เอาไว้ให้หญิงนั่งนะพี่  อย่าเอาไปวางเกจนะ อิอิ)

เด๊ะ ปะเอา เบาะผม ไปแลก หมอนตันเลยนิ..555555

ที่บ้านมีหัวถั่วอยู่นะ
ส่วนในรถมีเบาะอิมด้ายแดง คู่หน้าอยู่ แลกกันป่าว คริๆ
บันทึกการเข้า


=====================

ไม่ใช่ช่างทำได้ก้อทำ ทำไม่ได้ก็เข้าอู่
Doraemon-Project
AYT AYUTTHAYA TEAM
สราญรมย์ เซอร์วิส
พิริยาลัยแพร่'36
ไม่สนิทอย่าล้อเล่นนะครับ

www.4efteclub.com
Palmmy_CNX
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 771


85-1 Home Racing Shop Chiang Mai


ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2551 22:09:00 »

ผม ให้โรงกลึง ทำ เปน สามทาง ใส่ เซ็นเซอ oil temp กับ oil press 2ทาง

แล้ว ที่เหลือ ใส่ แทน สวิทย์ น้ำมันเครื่อง ก้อได้ครับ ไม่ต้อง เจาะ อะไร ทั้งนั้น 
เป็นแบบไหนหรอครับ พอจะมีรูป ไหมครับ ...

ก็ดีนะครับ เจาะเผื่อไว้ก่อน ใน สามทาง แล้วใช้ นอต อุดไว้ก่อน ถ้าจะใช้ ก็เลือกใช้ได้ทิละตัว..
ทำที่ไหนหรอครับ ราคาสักเท่าไหร่ หรอครับ..
อยากเห็นรูปจัง รบกวน หน่อยนะครับ...ว่าติดตั้ง ตรงไหน อะครับ ขอบคุณมากมาย...
 
เออ ว่า ค่า ของ เกจ ทั้ง 2 ตัว ละครับ ควรอยู่ที่เท่าไหร่ อะครับ..

รูปอะแดปเตอร์ ผมไม่ได้ ถ่ายไว้เลยครับ  แต่ ทำแบบง่ายๆ คือ กลึงเหล็ก เปน ตัว Y มีรูให้น้ำมันเครื่องไหลเข้าถึงกันที่ปลาย ท่อเดี่ยว เอาเข้าสวิทย์น้ำมันเครื่องเดิม แล้ว ที่เหลือ สองทาง เอาใส่ เซนเซอครับ แรงดันตัวนึง ความร้อนตัวนึง ค่าเสียหาย หมดไป 120 บาท

ถ้าใส่แทน สวิตย์ นมค. แล้ว ไฟ นมค. ที่โชว์ หน้าปัด จะหายไปนะครับ ไม่ต้องตกใจ แต่มันจะไป โชว์ ที่เกจแรงดัน นมค. แทนครับผม

ต้องวัดขนาดให้พอดีครับ เซ็นเซอร์ แรงดัน มันอันใหญ่เหมือนกันคับ เพราะว่าถ้าใส่ไม่พอดี มันจะติดหน้าเครื่อง แล้วก้อ สายพานด้วย ค่อนข้างจะยุ่งหน่อย แต่ถูกกว่า ซื้อแบบสำเร็จรูป แล้วที่สำคัญ แข็งแรงกว่าเยอะเลย
 
เด่วยังไง ถ้า มุด ใต้รถแล้วจะถ่ายมาให้ดูนะครับ

ส่วนเกจวัด ผมก้อใช้ racrtech คับ ติดแค่ 3 ตัว อะ มะก่อนติดเยอะนะ เต็มหน้ารถไปหมด แกะกะมากมาย  แต่คิดว่าเอาที่จำเป็นพอแระ คับ

ที่ใส่ มี วัดอุณหภูมิน้ำ แรงดัน นมค. วัดอุณหภูมิ นมค.

เครื่องผม 7A นาครับ อาจจะ ต่างจาก 4A นิดหน่อย

แรงดัน ปกติ ผมจะอยู่ 60 ตอนเช้า ในตอนที่ความร้อน นมค.ไม่ร้อน

แต่ถ้า เดินเบาจะอยู่ที่ 5-10 แล้วถ้าขับเร็วๆ ก้อ มี 30-40 ครับ จะขึ้นตามแรงที่เราเร่งเครื่องอ่ะคับ 

ส่วนความร้อน นมค. จะอยู่ที่ 90-110 ครับผม

คือแบบว่า ถ้า นมค ร้อน แรงดัน จะลดครับ เพราะว่า นมค. มันจะเหลวถ้าร้อนจัด

แล้วอุณหภูมิน้ำ จะอยู่ที่ 90-95 ครับ แต่ถ้า ขับขึ้นดอย อาจมี 100 - 110 คับผม

มีรูปมาให้ดูนิดหน่อย ตอนเปิด เข็มกวาด มีไฟ warning ตอนปิด เป็นสีแดงครับ

ราคา ไม่แพง ผมซื้อมา ตัวละ 1350 อะคับ โดยรวม เนื้องานสวย เหมือน Defi เลยคับ ทนดีเหมือนกัน ใส่มาปีนึงแล้ว อิอิ






ปล. นมค. = น้ำมันเครื่อง นาครับ
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 สิงหาคม 2551 22:53:29 โดย Palmmy » บันทึกการเข้า

NosDriVe
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11,178


พิเรณทีม = มิตรภาพ + ความจริงใจ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2551 22:33:46 »

ยี่ห้อ Racetech เหมือนที่พี่อ๊อดโพสไว้ปะครับ
บันทึกการเข้า


ถ้าไม่ทนเหนื่อย ทนลำบากมาด้วยกัน ก็ไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนให้ใจกันแค่ไหน ใช่มั้ย พิเรณทีม
aod_ae
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #26 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2551 22:48:44 »

ว่าจะไปเอา ยี่ห้อ นี้เหมือนกันครับ ได้ราคา มา ตัวละ 1300 บาท ครับ ถ้วย ขา หมวก ครบครับ...ขนาด 2.5 นิ้ว ครับ...ราคาเท่ากันเลยอะ.....ผมก็จะเลือกติดเฉพาะ ที่ได้ใช้งานจริงๆ นั่นแหละครับ...กัวรก เหมือนกันครับ..แหะๆๆ(ส่วน อแดบเตอร คง ซื้อ สำเร็จ ดีกว่าครับ..เพราะ กัวยุ่งยาก และ กัวติดไม่ได้อะ ครับ คงของเดิมไว้ดีกว่าอะครับ..เพราะ อแดบเตอร ตัวนี้ จะมีช่องให้ใส่ได้ครบ 2 ช่อง เหมือนกันครับ....พอดีเห็นในรูป แหะๆ...)
ขอบคุณมากๆ ทุกความคิดเห็นนะครับ...
บันทึกการเข้า
Oo_PonGZa~TZ#004_oO
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,190


~พันสาม-แก็สมิก~


ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2551 23:35:07 »

รักน่ะจุ๊บๆ ...
บันทึกการเข้า

ถึงมาน้อย ... แต่ก็ 100%
aod_ae
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #28 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2551 09:00:36 »

รักน่ะจุ๊บๆ ...
บันทึกการเข้า
in@PZ
AE Racing Club Staff
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,524



ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2551 09:41:46 »

รถผมแก๊ส fix-mix ต้องมีตัวนี้ใช่ไหมครับ WATER TEMP
พี่อ๊อด สุดหล่อ อิอิ
ก็ดีนะ ซื้อมาติดตะหากดีกว่า ก็ดี วัด แยกเผื่อไปเลย ก็ดีครับ..ติดแล้ว สบายใจ...

แต่ก็ไม่วาย น้ำมันเครื่องหายอีก.เลยอยากจะติดวัด น้ำมันเครื่องด้วย...ครับ

หรอครับ ผมไม่มีความรู้ว่าต้อง ซื้อไร มาติดเลย  สงสัยต้องไป ขอชมรถพี่อ๊อด ซะแว้ววว 
โซนธนฯ ยินดีต้องรับนะคร้าบบบ...อิอิ



เดี๋ยวเอา น้อง ญ ไปซ๋อน ก่อน 5555555555555555

ครับพี่เด๋วจะไป ดู ส่วน ญ อ่ะไม่ต้องซ่อนครับพี่ ผมไปพร้อมกะ ญ แหละ 
บันทึกการเข้า

aod_ae
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #30 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2551 16:04:55 »

แล้ว ยี่ห้อนี้ดีไหมครับ ตัวเดียว เลย ใช้ได้หลายแบบดี และไม่เปลืองเนื้อทีดีครับ
>>สินค้าใหม่เกจ์ GreddyX Blackhawk&Nighthawk <<

Blackhawk (เกจ์วัดรอบ RPM ) 
เลนส์ใส หน้าปัดดำ อ่านค่าง่ายเที่ยงตรง พร้อมทั้งสวยงามมี Style
- เกจ์วัดรอบ GreddyX Blackhawk4" 7สี RPM ราคา 3,450 บาท
- เกจ์วัดรอบ GreddyX Blackhawk4" Xenon RPM ราคา 3,000 บาท
- เกจ์วัดรอบ GreddyX Blackhawk5" 7สี RPM ราคา 4,450 บาท
- เกจ์วัดรอบ GreddyX Blackhawk5" Xenon RPM ราคา 4,000 บาท

Nighthawk (เกจ์มัลติมิเตอร์ RPM, Water-Temp, Volt, Oil-Press) 
เลนส์ใส หน้าปัดดำ อ่านค่าง่ายเที่ยงตรง พร้อมทั้งสวยงามมี Style
- เกจ์วัดรอบ GreddyX Nighthawk4" 7สี ราคา 4,450 บาท
- เกจ์วัดรอบ GreddyX Nighthawk4" Xenon ราคา 4,000 บาท
- เกจ์วัดรอบ GreddyX Nighthawk5" 7สี ราคา 5,450 บาท
- เกจ์วัดรอบ GreddyX Nighthawk5" Xenon ราคา 5,000 บาท

==================

บันทึกการเข้า
NosDriVe
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11,178


พิเรณทีม = มิตรภาพ + ความจริงใจ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #31 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2551 18:24:25 »

เหมือนหน้าปัทม์นาฬิกาเรยยยยยยยยยยย
บันทึกการเข้า


ถ้าไม่ทนเหนื่อย ทนลำบากมาด้วยกัน ก็ไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนให้ใจกันแค่ไหน ใช่มั้ย พิเรณทีม
Palmmy_CNX
นักแข่งมืออาชีพอันดับสอง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 771


85-1 Home Racing Shop Chiang Mai


ดูรายละเอียด
« ตอบ #32 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2551 23:15:56 »

ยี่ห้อ Racetech เหมือนที่พี่อ๊อดโพสไว้ปะครับ

ชิแล้วค้าบ 


แล้ว ยี่ห้อนี้ดีไหมครับ ตัวเดียว เลย ใช้ได้หลายแบบดี และไม่เปลืองเนื้อทีดีครับ




เท่าที่เคยเจอมา คับ เพื่อน ผม ซื้อใส่ 2เดือน จอดตากแดด ไว้ เข็มมัน งอ หมดเลยคับ เกจวัด มันรวนเฉยเลย พังไปเลยอ่ะค้าบ

ราคาก้อแรงอยู่นะคับ ผมว่า จิงๆแล้ว เล่น pivot ได้แล้วอะ ราคาไล่ๆกัน  
บันทึกการเข้า

talentman
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156



ดูรายละเอียด
« ตอบ #33 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2551 20:28:29 »

แล้ว Racetech กับ SARD นี้อันไหนน่าเล่นกว่ากันครับ
บันทึกการเข้า
NosDriVe
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11,178


พิเรณทีม = มิตรภาพ + ความจริงใจ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #34 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2551 09:55:23 »

รอผู้รู้มาตอบค๊าฟ
บันทึกการเข้า


ถ้าไม่ทนเหนื่อย ทนลำบากมาด้วยกัน ก็ไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนให้ใจกันแค่ไหน ใช่มั้ย พิเรณทีม
talentman
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156



ดูรายละเอียด
« ตอบ #35 เมื่อ: 08 กันยายน 2551 18:40:08 »

บันทึกการเข้า
__Da__
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,849


ทีมงาน Brok-in


ดูรายละเอียด
« ตอบ #36 เมื่อ: 08 กันยายน 2551 19:36:44 »

แล้ว Racetech กับ SARD นี้อันไหนน่าเล่นกว่ากันครับ
Racetech เพราะเป็นไฟฟ้า ทุกตัว
บันทึกการเข้า

KENTENS@I <J>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,296


>< " ชอบง่า


ดูรายละเอียด
« ตอบ #37 เมื่อ: 08 กันยายน 2551 20:14:15 »

c]ผมว่า  ไฟ มัน ขาว วอกๆ  อ่ะ 

ลองหามือ สอง ดีดี  สวยๆ  มียี่ห้อขึ้นมาหน่อย ก็ดีนะ   

ใน RC web  มีมากมาย 

ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวของก็มาเรื่อยๆ    พวกต้องการใช้เงินด่วน  ขายออกถูกๆ  เลยครับ

ผม  เจอหลาย กระทู้ เลย   อิอิ
บันทึกการเข้า
hp_6365
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 587



ดูรายละเอียด
« ตอบ #38 เมื่อ: 08 กันยายน 2551 21:15:38 »

อ่ะ vaccum ของผมวัดเดินเบา 20 inHgเอง
ยั่งงี้เครื่องจะพังแล้วดิ
บันทึกการเข้า

รัก.............................รัก
aod_ae
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #39 เมื่อ: 08 กันยายน 2551 21:22:39 »

c]ผมว่า  ไฟ มัน ขาว วอกๆ  อ่ะ 

ลองหามือ สอง ดีดี  สวยๆ  มียี่ห้อขึ้นมาหน่อย ก็ดีนะ  

ใน RC web  มีมากมาย 

ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวของก็มาเรื่อยๆ    พวกต้องการใช้เงินด่วน  ขายออกถูกๆ  เลยครับ

ผม  เจอหลาย กระทู้ เลย   อิอิ

รบกวน หน่อยนะครับ ถ้าเจอ เกจ OIL PRESS /OIL TEMP / WATER TEMP ของยี่ห้ออะไร ที่เตือนได้ มีไฟเตือนหรือใช้เสียงเตือน ราคาไม่แพง รบกวน ช่วยส่ง pm มาให้หน่อยนะครับ จะรีบ ติดต่อกลับไปโดยเร็ว ....ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
หน้า:  «  1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!